“ตอนคุณเขามาวันแรกป้าก็ไม่รู้เขาจะทำอะไรเป็นบ้าง ยิ่งรู้ว่าไม่เคยทำสวนมาก่อนพวกเรายิ่งคิดหนัก กลัวแต่คุณเขาจะขายสวนทิ้ง แล้วพวกเราชาวสวนก็จะต้องตกงานกัน แต่ไม่น่าเชื่อนะ ไม่กี่เดือนคุณเขาก็พัฒนาขึ้นมาก หยิบจับอะไรใหม่ๆ มาช่วยทุ่นแรงไม่ให้พวกเราเหนื่อยเยอะ แถมยังลดต้นทุนการผลิตไปมาก พวกเราก็ได้เงินเดือนเพิ่มอีก…นี่ถ้าป้าเล่าไปทั้งวันก็ยังไม่จบหรอกจ้า”
ไอรักแอบมองไปทางนรินทร์ที่ก้มหน้าก้มตาเก็บผลไม้สุกพร้อมสอนเด็กใหม่ไปด้วย อายุแค่ยี่สิบปลายๆ จะต้องมาแบกรับอะไรคนเดียวไหวได้ยังไงกัน
“แล้วเขาไม่หาคนมาช่วยล่ะคะ?” ไอรักถามบ้าง
“เริ่มสนใจเขาแล้วล่ะสิ อิอิอิ” แพรวพราวแซวไปอีกดอกอย่างนึกสนุก
“ก็แค่อยากรู้ย่ะ”
คุณป้าตัดกิ่งส้มออกก่อนจะวางผลใส่ตะกร้าแล้วหันมายิ้มตอบ “จะไว้ใจใครมันก็ยากนะแม่หนู คนช่วยก็มี ก็เพื่อนคุณเขาเยอะ แต่ละคนก็นิสัยเหมือนกันเปี๊ยบ ฮ่าฮ่า”
“ยังไงคะ?”
“ป้าก็ไม่รู้นิสัยจริงๆ คุณเขาหรอก เท่าที่รู้จักกันมาคุณเขาจะชอบชวนกันทำเรื่องแปลกๆ เวลารวมกลุ่มกัน อย่างเช่นชวนกันไปขนดินมาปั้นเล่นที่ท้ายสวน แต่ก็สวยดีนะ ปั้นเป็นบ้านดินไว้เรียกแขกที่มาพักได้เลย”
“อะแฮ่ม!”
“ว้าย!!” สามสาวตกใจอุทานออกมาพร้อมกัน
นรินทร์ยืนฟังมาได้สักพักแล้วแต่ทั้งสามสาวกลับไม่มีใครรู้ตัว เล่นเผากันระยะประชิดแบบนี้ใครจะอยู่เฉยได้ แล้วไอ้การปั้นดินเขาเรียกสร้างสรรค์ผลงาน ไม่ใช่การเล่นแปลกๆ โอ้ละหนอ คนอื่นเขาคิดอย่างนี้เองหรือนี่
“นินทาอะไรผมครับ?”
“โถ...คุณนรินทร์ ป้าแค่เล่าสู่กันฟังจ้า”
“เหรอครับ ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าอยากรู้อะไรมาถามผมนี่ จะตอบให้หมดเลย” นรินทร์หันหน้าไปเน้นย้ำกับไอรัก ส่วนแพรวพราวแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น
“นายจ๋า แม่บอกว่าอาหารพร้อมแล้วจ้า มากินได้เลย” เสียงของภาคภูมิแว่วมาให้ได้ยินก่อนตัวจ้อยจะโผล่ออกมา ในมือมีหลักฐานชัดว่ามันแอบไปกินขนุนมาอีกแล้ว
นรินทร์ถามกลับ “แม่เอ็งหรือแม่ข้าวะไอ้ภาค”
ไอรักส่ายหน้ากับคำพูดเถื่อนๆ ของนรินทร์ นอกจากจะชอบแกล้งเธอแล้วยังชอบแกล้งเด็กอีกด้วย
“แม่ข้าจ้า” ภาคภูมิขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ก่อนจะตอบออกไปแบบเด็กซื่อด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม สร้างเสียงหัวเราะให้กับคนที่ได้ฟัง
“ฮ่าฮ่าฮ่า เออ เอาสมุนข้าไปอาบน้ำด้วยล่ะ ขอบใจมาก”
“จ้านาย เอ้อ พวกพี่ที่นายให้ไปตามมา มากันแล้วนะจ๊ะ”
นรินทร์พยักหน้ารับรู้ ส่วนภาคภูมิวิ่งกลับไปทางเดิมพร้อมสุนัขเพื่อนรัก
“นายให้สวนนู้นมาช่วยเราเหรอจ๊ะ?” คุณป้าถาม
“ใช่ครับ แบ่งกันคนละส่วน คุณป้ามาช่วยเราจะได้ไม่ต้องรีบมากแถมมั่นใจว่าเก็บทันส่งอีกต่างหาก ยอมเสียเงินจ้างอีกสักหน่อย ดีกว่าให้ปลายฟ้ามานั่งกังวลกันทีหลัง”
จู่ๆ เสียงท้องของแพรวพราวก็ดังขึ้น เธอยกมือปิดหน้าที่แดงเอาไว้อย่างอายๆ ไอรักตบบ่าเพื่อนแกมหัวเราะเบาๆ
นรินทร์ก็ยิ้มขำๆ “ผมว่าเราทั้งหมดไปทานข้าวกันได้แล้วนะครับ ก่อนจะมีท้องใครร้องอีกเนอะ”
แพรวพราวอยากจะกรีดร้องและเอาหน้ามุดดินเสียให้รู้แล้วรู้รอด ส่วนไอรักยิ้มให้เพื่อนสาวพลางส่ายหน้า
“เป็นยังไงล่ะ ชอบมาแซวฉันดีนัก” เมื่อได้ทีไอรักก็ตอกกลับเพื่อนไปบ้าง
เรื่องร้ายผ่านพ้นไปเมื่อผลไม้เก็บเสร็จทันช่วงเย็นพอดี ทุกคนต่างแยกย้ายพากันไปพักผ่อน ไอรักนอนพลิกไปมาเพราะรู้สึกไม่คุ้นที่ จะชวนเพื่อนออกไปเดินเล่นก็ชิ่งหลับเสียสนิท ไฟที่เปิดสว่างโล่งอยู่หน้าบ้านพร้อมเวรยามที่แน่นหนาทำให้เธอสบายใจที่จะเดินคนเดียวได้บ้าง ขณะที่หญิงสาวกำลังเดินชมวิวทิวทัศน์อยู่นั้น เสียงๆ หนึ่งพลันดังขึ้น
“พี่ริน! ทำไมชอบแกล้งเกวจังคะ” เสียงผู้หญิงรอดออกมาจากบ้านพักของนรินทร์ บ้านหลังเดียวกับที่เธอก้าวออกมาในวันนั้น ไอรักรีบสาวเท้าเข้าไปดูใกล้ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เป็นสาวเป็นแซ่หน่อยทำหวงตัวนะเรา เมื่อก่อนยังให้พี่หอมแก้มเล่นอยู่เลย”
ไอรักมองคนทั้งคู่ผ่านม่านที่แง้มเอาไว้ นรินทร์หันหลังให้เธอ เธอจึงได้เห็นหน้าคู่สนทนาของเขาได้ชัดเจน น่ารัก…ผู้หญิงคนนี้น่ารักมาก
“ไม่ได้หรอก แม่หวงเกวมากนะ ถ้าพี่รินหอมแก้มเกว เค้าจะให้แม่ตีพี่รินเลยคอยดู”
“ชิ! แล้วแม่เกวเป็นยังไงบ้าง พี่ยังไม่ได้ไปหาท่านเลย”
สนิทกันแค่ไหนกันถึงได้ไปมาหาสู่กัน นี่แสดงว่าพ่อแม่ก็คงจะรู้จักกันแล้วสินะ ไอรักรู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาที่อกซ้ายทันที ทำไมล่ะ ทำไม…
“พี่ริน! บอกว่าอย่าหอมแก้มเกวไงคะ!” หญิงสาวที่มีชื่อว่าเกวทำตาดุใส่นรินทร์
“ไหนบอกว่าถ้าโตขึ้นอยากจะได้ผู้ชายแบบพี่เป็นสามีในอนาคตไงจ๊ะ แหม…แตะนิดแตะหน่อยก็ไม่ได้ พี่ไม่รักเราแล้วนะ” นรินทร์ทำแก้มป่องงอนหญิงสาวราวกับเด็ก
ไอรักเม้มปากแน่นอดทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว ไอ้เลว! มีคนของตัวเองอยู่แล้วทำไมต้องมายุ่งกับเธอด้วย ไม่สิ! เธอเป็นฝ่ายเสนอตัวให้เขาก่อนเองต่างหาก ฮึก! ทำยังไงดีแพรว ฉันต้องชอบเขาอย่างที่แกว่าแล้วแน่ๆ ทำยังไงดี...