แสงแดดสาดส่องเข้ามาในห้องกว้าง นรินทร์หรี่ตาขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนผ้าม่านให้ปิดสนิท ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อร่างของหญิงสาวที่เขากอดเมื่อคืนหายไป นรินทร์ลุกพรวดเดินหาตามห้องน้ำและชานระเบียง ไม่มี! ตรงนี้ก็ไม่มี ไอรักหายไปไหนกัน ร่างกายเป็นแบบนั้นยังจะหนีได้อีกนะ แต่จะว่าไป…เมื่อคืนจะใช่เธอรึเปล่านะ เราก็เมาจนจำอะไรแทบไม่ได้เลย ถ้าไม่ใช่ไอรักแล้วจะเป็นใคร เฮ้อ! หาเรื่องซวยอีกแล้วนะริน
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
นรินทร์ผวาเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้อง “คุณนรินทร์ครับ ตื่นรึยังครับ” เป็นเสียงลุงสิงตะโกนลอดผ่านเข้ามาในห้อง นรินทร์รีบสะบัดผ้าปูที่นอนจัดให้เรียบ ก่อนจะคว้าชุดคลุมอาบน้ำมาคลุมไว้ลวกๆ
“มะ...มีอะไร?” เสียงหอบเหนื่อยหลังจากเร่งจัดการห้องให้เรียบร้อยที่สุดดังขึ้น หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ค่อยๆ แง้มเปิดประตูไว้เพียงครึ่ง
สิงไม่ได้สนใจอาการเปลี่ยนไปของเจ้านายแต่อย่างใด “วันนี้คุณนรินทร์บอกให้ผมมาปลุกตอนแปดโมง เพราะวันนี้คุณจะพาเด็กๆ ไปเที่ยวสวนพร้อมผมไม่ใช่เหรอครับ?”
“หืม?” นรินทร์ทบทวนสักพัก “อ่อ...ใช่! ยังไงลุงสิงพาเด็กๆ ล่วงหน้าไปทางเหนือของสวนก่อนได้เลยครับ แล้วผมจะขับรถตามไปทีหลัง”
“ได้ครับ เอ่อ แล้วเช้านี้คุณจะให้แม่ครัวจัดอาหารเช้าไหมครับ?”
“อืม ขอเป็นอาหารอ่อนๆ ก็พอครับ” นรินทร์ทำท่าจะปิดประตูก่อนจะเปิดออกมาอีกครั้ง “ขอไข่ลวกสักสามฟองด้วยนะครับลุง”
“ครับ” พอพูดเสร็จสิงก็ถอยห่างออกจากประตูลงไปจัดการอาหารเช้าให้นรินทร์ เมื่อแม่บ้านได้ฟังรายการอาหารวันนี้ก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจระคนสงสัย
“แน่ใจนะว่าแกฟังไม่ผิดตาสิง”
“ไม่ผิดแน่”
“อืม...คุณเขาคงแค่อยากจะทานแหละมั้ง ฉันคงคิดมากไป” แม่ครัวคิดไปในทางที่ดี หากคุณนรินทร์มีแฟนเธอจะไม่คิดมากขนาดนี้เลย แต่นี่คุณนรินทร์ของเธอโสดสนิทจะเอาเวลาที่ไหนไปทำอะไรกับใครกัน นี่ถึงขั้นโดปไข่ลวกเชียวนะ
นรินทร์จัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะเดินเก็บหลักฐานไม่ให้แม่บ้านที่กำลังได้เวลาทำความสะอาดเห็น เขาไล่เก็บของไปเรื่อยจนมาเจอกับสร้อยข้อมือเส้นเล็ก
“หืม ของไอรักไม่ผิดแน่ ทำไมผมต้องดีใจที่เป็นคุณด้วยนะ”
ชายหนุ่มเก็บสร้อยของไอรักไว้ในลิ้นชักก่อนจะล็อคด้วยกุญแจอย่างแน่นหนา ขอดูหน้าเจ้าของหน่อยเถอะ ว่าถ้าไม่เจอสร้อยข้อมือของตัวเองจะเป็นยังไง ความคิดของคนขี้แกล้งฉายแววสนุกขึ้นทันที
เจ้าของที่ว่าในตอนนี้กลับมีสีหน้าไม่สู้ดีนักเมื่อเธอไม่พบสร้อยข้อมือที่แม่ให้ไว้ หญิงสาวอ้างกับเพื่อนสนิทว่าเก็บไว้ที่ห้องกลัวหาย แต่ความจริงแล้วเธอทำหายต่างหาก เพราะถ้าหายที่อื่นเธอจะไม่เครียดเลยจริงๆ แต่เท่าที่จำได้เธอว่ามันต้องหายที่ห้องนั้นแน่ๆ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เธอสัญญาว่าจะหยิบมันติดมือกลับมา ทว่าตอนนี้มันกลับไม่เป็นอย่างที่เธอคิดนะสิ
“สวัสดีครับ วันนี้ลุงจะพาพวกหนูไปทางเหนือของสวนก่อนนะครับ เอ้าๆ สิบคนขึ้นรถคันนี้ ที่เหลือรอลุงตรงนี้ก่อนนะครับ” เสียงลุงสิงดังขึ้นเป็นระลอก
ไอรักมองซ้ายแลขวา เมื่อไม่เห็นร่างสูงใหญ่ที่แสนคุ้นเคยเธอก็เบาใจลง แต่ก็คงเบาได้ไม่นานเพราะเสียงใหญ่ที่ตะโกนมาหลังจากนั้นทำเอาเธอสะดุ้งตกใจ
“ไอ้ภาค! นั่นจะพาสมุนฉันไปไหน!?”
นรินทร์ตะโกนพูดกับเด็กชายชื่อว่าภาคภูมิ ที่มือจับจักรยานจูงไปพร้อมกับสุนัขตัวใหญ่ของเขา เด็กฟันหลอหันมายิ้มพร้อมกับมือชูตะกร้าสานใบเล็ก
“มะม่วงจ้านาย ภาคจะไปสอยเอามาให้แม่จ๋า”
ไอรักหลบซ่อนตัวอยู่หลังเพื่อนสนิทอย่างแพรวพราว ช่วงล่างที่แสนเจ็บเสียดไปมารู้สึกไม่สบายตัวจนหญิงสาวหน้าเบ้ ไม่แน่ว่าการเที่ยววันนี้เธอคงไม่สนุกเสียแล้ว
“อะไรของแกเนี่ยไอรัก”
“ฉันร้อน ขอหลบแดดหน่อย”
“อย่างแกเนี่ยนะกลัวแดดกลัวฝน ทำท่าเหมือนหลบใครอยู่” แพรวพราวหรี่ตาจับผิด พอดีกับที่นรินทร์สาวเท้าเข้ามาใกล้
“ที่เหลือเดี๋ยวไปรถผมนะครับ จะได้ไม่เสียเวลา”
“ดีเลยครับ ผมชอบนั่งท้ายกระบะ ยิ่งแดดยามเช้ากับอากาศดีๆ แบบนี้ด้วย”
นักศึกษาหนุ่มนักลุยกระโดดขึ้นกระบะเป็นคนแรก ส่วนกลุ่มผู้ชายที่เหลือก็ขึ้นตามกันไปติดๆ จะเหลือก็แต่นักศึกษาสาวสี่คน ทุกคนลงความเห็นว่าให้ผู้หญิงไปนั่งข้างหน้า ไอรักที่เดินช้ากว่าเพื่อนจำต้องนั่งข้างคนขับเพราะเหลือเพียงที่เดียว ถ้าไม่มีคดีกับนายเจ้าของสวนก็คงจะดีไม่น้อย แต่เธอดันไปสร้างคดีไว้นี่สิ
“มองมากๆ ผมคิดเงินนะครับ”
เสียงนรินทร์พูดขึ้นท่ามกลางความเงียบภายในรถ ไอรักถึงกับหน้าเห่อร้อนเบี่ยงหน้าหนีไปมองข้างทางในทันที อากาศเย็นโบกพัดเข้ามาผ่านกระจกที่ลดลงรับลมเย็นปะทะใบหน้าให้รู้สึกคลายความตึงเครียดลงไปบ้าง
“คุณนรินทร์ทำสวนมานานรึยังคะ?” เสียงของนักศึกษาสาวคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น
“ก็หลายปีแล้วครับ แต่ผมไม่ได้จบสายนี้มาโดยตรงหรอกนะ ผมจบสถาปัตย์ แต่สวนนี้เป็นของพ่อผม ท่านเสียไปแล้วน่ะ ผมเลยต้องมาดูแลแทน”
“เสียใจด้วยนะคะ”