มาถึงบ้านพักหลังใหญ่เงียบสงบที่สัตหีบสองทุ่มกว่า เขามองไปยังผู้โดยสารร่วมทางมาด้วยสองแม่ลูก ตอนนี้ทั้งสองหลับ เขาเผลอยิ้มมุมปากออกมาโดยไม่รู้ตัวว่าตัวเองนั้นชอบภาพข้างๆ ตอนนี้ มือหนาหยาบกร้านยื่นไปลูบแก้มเนียนของกุลธิดาด้วยความเผลอไผล
อือ!
เธอครางพร่าขยับตัวกอดลูกน้อยที่หลับคาอกของเธอไปด้วย เพราะความเหนื่อยและเพลียทำให้เธอหลับลึกจนลืมความกลัวและความกังวลที่มีก่อนหน้านี้
ช้อยมองไปยังบ้านพักหลังใหญ่เงียบสงบของตัวเอง เป็นบ้านพักที่ท่าเรือของเขาเมื่อหลายปีก่อน ที่นายยักษ์ คีรี ดอว์สัน เจ้านายพ่วงตำแหน่งพี่ชายยกให้เขา นี่แหละคือบ้านและที่ที่เขาจะทำให้มันอบอุ่นและเหมาะกับลูกของเขา
“ขี้เซาทั้งแม่ทั้งลูก”
ช้อยดับเครื่องยนต์เปิดประตูรถเดินอ้อมมาเปิดประตูรถฝั่งที่กุลธิดานั่งแล้วปลดเข็มขัดนิรภัยออกให้เธอแล้วช้อนอุ้มเธอที่อุ้มลูกอยู่บนตักขึ้นแนบอกทันที น้ำหนักของสองแม่ลูกไม่ได้ทำให้เขาลำบากเลยสักนิด กุลธิดาตัวนิดเดียวและลูกก็ตัวนิดเดียว รวมๆ กันแล้วเขาอุ้มทั้งสองได้สบาย
เท้าใหญ่ถีบปิดประตูรถแล้วอุ้มสองแม่ลูกเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ แม้ไม่ได้มาอยู่ที่นี่ แต่เขาก็มีแม่บ้านมาทำความสะอาดดูแลตลอดไม่เคยขาด หากว่าวันใดเขาได้มาพัก และไม่เคยคิดว่าจะได้มาอยู่บ้านหลังนี้เลย แต่ตอนนี้คงต้องเริ่มคิด เพราะตอนนี้เขามีลูกแล้ว ไม่ใช่ไอ้ช้อยคนเดิมแล้ว เขาเริ่มมองอนาคตต่อจากนี้ เห็นชีวิตของไอ้เสริมกับเจ้านายแล้วก็เคยนึกอิจฉาและตลกทั้งสอง แต่ตอนนี้พอมาเป็นตัวเองบ้าง ความรู้สึกของพ่อและความอยากทำทุกอย่างเพื่อลูกก็มีขึ้นมาในหัว
บ้านหลังใหญ่แม้ไม่ค่อยได้มาแต่ก็คุ้นเคยกับบ้านหลังนี้ดี เขาเดินตรงไปยังชั้นสองของบ้านเมื่อเข้ามาในบ้านแล้ว ดีนะที่บ้านหลังนี้เป็นประตูอัตโนมัติสแกนลายนิ้วมือเลยเปิดง่ายไม่ต้องยุ่งยากโทรตามคนดูแลบ้านที่จะมาดูแลเป็นประจำ พอเข้ามาในบ้านก็เปิดไฟในบ้าน ไฟสว่างจ้า แต่สองคนแม่ลูกที่นอนหลับปุ๋ยก็ยังไม่ตื่นยามแสงไฟในบ้านแยงตา
“ขี้เซากันจริง”
เขาพึมพำแล้วเดินไปยังห้องนอนของตัวเองทันที พอมาถึงห้องนอนเปิดประตูและเปิดไฟที่มุมประตูแล้วพาสองแม่ลูกไปวางราบยังเตียงนุ่มขนาดคิงไซซ์ของตัวเอง เขาวางกุลธิดาลงบนเตียงด้วยความถนอม ใช่...เขาไม่เคยทำอ่อนโยนแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต แล้วผละมาอุ้มลูกน้อยที่นอนอยู่บนตัวแม่มานอนข้างกัน ตอนแรกเธอกอดรัดลูกแน่นไม่ยอมปล่อย แต่สุดท้ายก็ยอมปล่อยให้เขาพามานอนข้างๆ จนได้
ช้อยมองหน้าสองแม่ลูกหลับลึกสลับกันไปมาจนอดเอ็นดูยื่นมือไปจับแก้มของสองแม่ลูกสลับกันไม่ได้ หนูน้องคชาปัดมือใหญ่ออกจากแก้มด้วยความรำคาญพร้อมพลิกนอนคว่ำ ส่วนคนเป็นแม่เมื่อถูกรบกวนที่แก้มอีกครั้งก็ปรือตาตื่นขึ้นมาทันที แล้วก็ต้องกะพริบตาไล่แสงที่แยงตาตัวเอง ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อนึกได้ว่าตัวเองออกมากับใคร
“ลูก” คิดได้ก็ดีดตัวลุกขึ้นมองหาลูกแล้วก็เป่าลมออกจากปากด้วยความสบายใจเมื่อเห็นลูกน้อยนอนหลับนิ่งอยู่ข้างตัวเอง แล้วตวัดสายตาไม่พอใจไปยังช้อยทันที
“คุณพาเราสองคนมาที่ไหน”
“บ้านของเรา” เขาตอบสั้นๆ แล้วเดินไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อเปิดตู้หยิบผ้าเช็ดตัวและเสื้อเชิ้ตสีขาวของตัวเองออกมาหนึ่งตัวกับกางเกงบ็อกเซอร์ แม้ไม่ค่อยได้อยู่ แต่เสื้อผ้าของเขามีเตรียมพร้อมเสมอยามมาพักที่บ้านหลังนี้
“ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดซะ” เขาส่งยื่นสิ่งที่ถือมาจากตู้เสื้อผ้าให้เธอ
“ฉันไม่อาบ ฉันจะกลับ”
“คุณต้องอยู่ที่นี่ ต่อไปนี้ห้ามไปไหนทั้งนั้น ถ้าผมไม่พาไปหรืออนุญาต”
“แต่ฉันมีร้านที่ต้องดูแล”
“ก็ให้หุ้นส่วนของคุณดูแลไปสิ หรือไม่ก็เลิกทำร้านนั้นไปเลย ต่อไปนี้เลี้ยงลูกของเราอยู่ที่นี่ ไม่ต้องไปทำงานให้ลำบาก ผมมีเงินให้คุณกับลูกใช้ได้สบาย คุณก็น่าจะรู้นี่กุล”
“แต่ฉันไม่ต้องการเงินสกปรกของคุณ และฉันไม่ต้องการจะอยู่กับคุณ ฉันไม่ต้องการ ได้ยินไหม”
“แต่ผมต้องการให้คุณกับลูกอยู่กับผม เพราะคุณและลูกเป็นของผม เป็นของผมมาตั้งแต่ต้นแล้วกุล ไปอาบน้ำซะ อย่ามาเถียงกันเลยเดี๋ยวลูกตื่น” เขาบอกเปลี่ยนเรื่องแล้วส่งเสื้อผ้าให้เธออีกครั้ง
“ฉัน...” แล้วก็ต้องเม้มปากแน่นไม่พูดต่อ เมื่อเห็นว่าตอนนี้ลูกน้อยหลับสนิทอยู่ เขาพูดถูก เธอไปอาบน้ำก็ดีเหมือนกัน วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน อาบน้ำเสร็จจะได้มาตกลงกับเขาต่อ
“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง นั่นห้องน้ำ” เขายกยิ้มมุมปากพึงพอใจเมื่อกุลธิดารับเสื้อผ้าที่ส่งให้
กุลธิดายอมเพราะลูก ใช่...ตอนนี้เธอทำเพื่อลูก เธอเดินไปยังห้องน้ำแล้วปิดประตูสนิทพร้อมลงกลอนทันทีเมื่อเข้ามา ส่วนช้อยก็เคลื่อนตัวไปนอนตะแคงมองหน้าลูกน้อยที่นอนคว่ำหน้าหันมาทางตัวเองแล้วยิ้มไปด้วย พร้อมกับนำมือจิ้มแก้มนุ่มนิ่มไปด้วย