“น่ารักจังเลย นี่ลูกฉันจริงๆ เหรอวะ”
เขาพึมพำไปแล้วจิ้มแก้มนุ่มไปด้วย มองสำรวจคิ้ว ปาก ทุกอย่างคือเขาย่อส่วนชัดๆ ไม่มีความจำเป็นต้องตรวจดีเอ็นเอ ชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีลูกแบบนี้ มองภาพตัวเองไม่ออกเลยทำตัวไม่ถูก และไม่รู้จะทำยังไงดี ตอนนี้รู้เพียงแต่ว่าต้องให้สองคนนี้อยู่กับตัวเองก่อน ไม่ยอมให้ไปไหนไกลตาและอยู่ไกลด้วย
“น้องแอลลูกพ่อช้อย...หึหึ” แล้วก็ขำในลำคอเมื่อมือเล็กปัดแก้มนุ่มตัวเองเมื่อถูกจิ้มบ่อยๆ และที่ทำให้เขายิ้มไม่หุบ เมื่อมือเล็กยังคงปัดสิ่งรบกวนที่แก้มอยู่ แต่ก็ไม่ยอมตื่นสักทีทั้งๆ ที่ถูกรบกวน
“ต่อไปนี้น้องแอลมีทั้งแม่และพ่อแล้วนะ ต่อไปพ่อจะดูแลหนูเอง จะทำทุกอย่างเพื่อแอล” เขาโน้มหน้าไปหอมแก้มนุ่มของลูก หัวใจของเขาเต้นแรงไม่ยอมหยุดเพียงแค่ได้สัมผัสกับความนุ่มของแก้มนิ่มและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของแป้งเด็กที่ลูกใช้ มันเหมือนกลิ่นตัวของกุลธิดา เขาจำได้ดี กลิ่นตัวของเธอ กลิ่นแป้งเด็กที่เธอทาให้ลูกน้อย
“ขี้เซาจริง ขนาดหอมแก้ม จิ้มแก้ม หนวดแข็งๆ ของพ่อทิ่มก็ยังไม่ยอมตื่น ขี้เซาเหมือนใครเนี่ยลูกพ่อ” เขายื่นหน้าไปหอมแก้มนุ่มอีกครั้งแล้วกลับมานอนตะแคงจ้องหน้าเด็กชายคชาอีกครั้ง เขาต้องจัดการอะไรสักอย่างแล้วตอนนี้ พอนึกได้ก็ลุกขึ้นลงจากเตียงแล้วล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมากดต่อสายหาเจ้านายทันที รอไม่นานปลายสายก็กดรับสาย
“คุณยักษ์ครับ”
“อือ...มึงอยู่ไหน ทำไมฉันไม่เจอนายที่กาสิโน”
“เห็นไอ้เสริมบอกว่านายจะไม่เข้ามาวันนี้”
ยักษ์ชักถามทันทีด้วยความเป็นห่วงลูกน้องที่เป็นเหมือนน้องชายของตัวเอง เพราะไอ้ช้อยไม่เคยทิ้งกาสิโนไปแบบนี้มาก่อน
“ตอนนี้ผมอยู่บ้านที่ท่าเรือสัตหีบครับคุณยักษ์”
“แล้วมึงไปทำอะไรที่นั่น ปกติจะไปก็จะบอกก่อนไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องคุยทางการกับกูก็ได้ เรียกเหมือนที่เราอยู่ด้วยกันเถอะ ไอ้น้องชาย”
“ผมว่าจะอยู่จัดการอะไรที่สัตหีบสักอาทิตย์ครับพี่ยักษ์ ส่วนงานที่กาสิโนตอนนี้ให้ไอ้เสริมทำแทนรอไปก่อน ผมจะโทรบอกมันอีกที”
เขากรอกเสียงเข้มส่งไปในสายแล้วมองไปยังลูกน้อยที่ขยับพลิกตัวกลิ้งจะตกเตียง เขาจึงรีบสาวเท้าเร็วๆ ไปดันร่างลูกน้อยไว้
“อ่า...นั่นแหละเจ้าหนู” เขาเผลอเอ่ยพึมพำจนดังแทรกไปในสายทำให้ยักษ์ขมวดคิ้วสงสัย
“มึงทำอะไรอยู่ไอ้ช้อย ไม่ใช่...”
“ใช่อะไรล่ะพี่ ผมเสร็จธุระแล้วผมจะกลับไป ตอนนี้ผมไม่สะดวก แค่นี้ก่อนนะครับ อ้อ...แล้วผมขอคุยกับน้องเมย์ได้ไหม ผมมีเรื่องจะปรึกษาครับ”
“เรื่องอะไรถึงคุยกับเมียกู คุยกับกูก็ได้”
“ผมไม่คิดอะไรกับเมียพี่หรอกน่า แค่อยากปรึกษาเรื่องของผู้หญิงเท่านั้นเอง”
“มึงมีคนรักเหรอ ทำไมกูกับไอ้เสริมไม่รู้มาก่อน”
“มีที่ไหนล่ะพี่ งั้นแค่นี้แหละครับ วันหลังผมจะโทรหาอีกครั้ง และมีเรื่องจะคุยกับน้องเมย์ด้วย”
ช้อยพูดแค่นั้นก็ตัดสายทันที เพราะมีเรื่องต้องคุยกับเสริมต่ออีก แต่ยังไม่ทันได้กดต่อสายไปหาเสริม ประตูห้องน้ำก็เปิดออกพร้อมกับร่างเล็กที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาโคลงเคลง เธอตัวเล็กมากจนดูตลกเวลาใส่เสื้อของเขา ยิ่งเห็นเจ้าหล่อนยืนบิดตัวไปมา เขาก็ยิ่งอยากมอง เพราะเธอกำลังเขินอายเขาอยู่ และข้างในเสื้อก็ไร้ชุดชั้นใน เขารู้ เขามองออก เพราะสองเต้าของเธอมันเด่นนูนชัดเจนจนต้องก้าวเดินยาวๆ ไปหาเธอ แต่ก็ต้องหยุดเท้าทันทีเมื่อเธอเอ่ยห้าม
“หยุดอยู่ตรงนั้น อย่าเข้ามาใกล้ฉัน” เธอกอดตัวเองไว้อย่างระวัง
หึหึ
“เราไม่ใช่คนอื่นกัน เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอ” เขาบอกเธอแล้วเดินก้าวไปหาเธอจนมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอแล้วเชยคางมนให้แหงนเงยขึ้นสบตาตัวเอง แม้เธอจะกดหน้าลง แต่เขาก็บังคับเอาแต่ใจ
“คะ...คุณจะทำอะไร?”
“ก็ทำแบบนี้ไงล่ะ”
“อ่ะ...อื้อ...”
แล้วปากหนาก็ฉกลงมาปิดปากนุ่มนิ่มของหล่อนทันที กุลธิดาเม้มปากแน่นไม่ยอมเปิดปากให้เขาได้ดุนดันปลายลิ้นเข้ามาในโพรงปากตัวเอง แต่แล้วก็ต้องยอมแพ้เมื่อเขาบีบคางของเธอจนเจ็บ
“อ่ะ...อื้อ...” เสียงครางอู้อี้ดังลอดออกมาจากริมฝีปากที่บดขยี้คลอเคลียกัน เรียวลิ้นสากชำนาญควานกลืนความหวานในโพรงปากเล็ก ดุนดันลิ้นกวาดต้อนลิ้นน้อยจนสุดทาง
“อ่ะ...อื้อ...”
กุลธิดาพยายามหนีจูบอุกอาจของคนเถื่อน แต่สุดท้ายเธอก็แพ้จูบหยาบโลนนี้ เธอเผลอมีอารมณ์ร่วมจูบตอบเขาแล้วเขาก็ถอนริมฝีปากถอยห่างพร้อมส่งยิ้มเย้ยหยันให้เธอ เพียงแค่นั้นก็รู้แล้วว่าเขาแกล้งเธอ น่าอายชะมัด
“เธอยังไวต่อสัมผัสของฉัน และยังคงหวานเหมือนครั้งแรกที่เราเอากันในห้องหนังสือ” ยิ้มร้ายของช้อยทำให้กุลธิดาโกรธจนหน้าสั่นแล้วยกมือขึ้นตวัดใส่หน้าของเขาทันที
เผียะ!
“เลว! คุณมันเลว”
“คุณหลีกเลี่ยงคนเลวอย่างผมไม่ได้หรอก เพราะผมคือพ่อของลูกคุณ และคือผู้ชายคนแรกและเหมือนจะเป็นคนเดียวในชีวิตคุณด้วยสิกุล เป็นคนเดียวที่ได้ครอบครองคุณ” เขาตอบกลับพร้อมยกมือขึ้นลูบแก้มสากของตัวเองแล้วก็ผละยื่นไปจับหน้าอกของเธอ แต่ก็ถูกปัดออกแล้วตามมาด้วยตบที่สองอีกครั้ง
เผียะ!
“คุณไม่มีสิทธิ์แตะต้องตัวฉันแล้ว คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอ ตั้งแต่ที่พ่อฉันตาย ท่านก็ขายบ้านและหุ้นของบริษัทก็ตกเป็นของพวกคุณหมดแล้ว พวกคุณได้ทุกอย่างไปหมดแล้ว ยังต้องการอะไรอีก”
“ใช่...ผมได้ทุกอย่างหมดแล้วรวมทั้งตัวคุณด้วย แต่ที่ผมมาวันนี้ เพราะคุณปิดบังผมเรื่องลูก คุณไม่บอกผมเลยว่าผมมีเขาเป็นลูก” เขาชี้มือไปทางเด็กน้อยที่นอนหลับสนิทบนเตียง นี่ขนาดทะเลาะกันเริ่มเสียงดังขึ้น แต่เจ้าลูกชายของเขาก็ขี้เซาเหลือเกิน ไม่ยอมตื่นเลย
“คุณจะมาเรียกร้องสิทธิ์ความเป็นพ่ออะไรตอนนี้คุณช้อย” เธอเรียกชื่อเขา แม้ว่าไม่อยากจะเรียกเลยก็ตาม
“ไม่ใช่แค่สิทธิ์ความเป็นพ่อ ผมจะเรียกร้องสิทธิ์ความเป็นผัวคุณของผมคืนมาด้วย”
“สารเลว!”
“คุณก็รู้จักผมดีนี่ ถ้างั้นอย่าดื้อกับผม เพราะผมเป็นคนเลวที่ทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าการฆ่าคน” เขาเอ่ยเน้นในท้ายประโยคแล้วผลักเธอออกมาจากหน้าประตูห้องน้ำ
“ผมจะอาบน้ำ คุณไปปลุกลูกเถอะ อย่าคิดหนีล่ะ หนียังไงก็ไม่รอดหรอก เพราะบ้านหลังนี้มีแค่ลายมือผมกับคนดูแลเท่านั้นที่จะเปิดเข้าออกได้” พูดแค่นั้นก็ปิดประตูห้อง ปล่อยให้กุลธิดายืนเม้มปากแน่น ตอนนี้เธอทำอะไรไม่ได้เลยใช่ไหม ไม่ว่าจะวันนี้หรือในอดีต เธอก็แพ้เขา เธอก็ตกอยู่ในอำนาจเขาอยู่ดี
“ฉันเกลียดคุณ คนสารเลว!”