แอ๊ด!
ขณะที่กุลธิดากำลังนึกหาคำมาอธิบายลูกน้อยนั้นก็มีเสียงผลักเปิดประตูร้านเข้ามา เธอหันไปทางผู้มาใหม่แล้วส่งยิ้มหวานให้ทันที ส่วนลูกน้อยก็เรียกผู้มาใหม่ทันที
“เดฟๆๆ”
เดฟที่เพิ่งกลับมาจากทำงานส่งยิ้มหวานให้กับสองแม่ลูกแล้วมองไปยังชายที่เจอหลายวันก่อนทันที พร้อมกับถามกุลธิดา
“เกิดอะไรขึ้นกุล”
“ไม่มีอะไรหรอกเดฟ” เธอบอกเขา
ช้อยเหมือนถูกลืมทั้งๆ ที่ยืนอยู่ด้วยจึงเอ่ยแทรกขึ้น
“ไปกันได้รึยังกุล ผมไม่มีเวลาอยู่ตรงนี้นานหรอกนะ” เขาล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วมองไปยังฝรั่งหน้าอ่อนตรงหน้าแล้วเม้มปากแน่น
“ฉันบอกเหรอคะว่าจะไปกับคุณ เชิญคุณกลับไปเถอะค่ะ”
“คิดว่าจะไล่ผมได้เหรอ คิดว่าผมกลัวไอ้ฝรั่งหน้าอ่อนนี้เหรอกุล จะไปกับผมตอนที่ผมยังพูดดีๆ หรือจะไปแบบอุ้มขึ้นรถตู้ คุณก็รู้จักผมดีไม่ใช่เหรอ ผมไม่ใช่คนดีคุณก็รู้” เขาบอกเธอและขู่เธอในประโยค
“แม่ก๊าบ...” ลูกน้อยเอ่ยขัดขึ้นเมื่อไม่เข้าใจว่าตอนนี้ผู้ใหญ่กำลังพูดอะไรกันอยู่
“ครับผม”
“หิวก๊าบ...”
“เดี๋ยวแม่พากลับห้องนะครับ เดี๋ยววันนี้แม่ทำข้าวไข่ข้นให้กินนะครับ”
“ก๊าบป๋ม” หนูน้อยยิ้มแป้นให้คนเป็นแม่
“มาผมช่วยอุ้มกุล” เดฟยื่นมือออกไปรับคชามาจากคนเป็นแม่ เพราะตอนนี้สีหน้าของกุลธิดาเริ่มบอกไม่ไหวแล้วกับน้ำหนักของลูก
“อือ” กุลธิดาส่งลูกน้อยให้เดฟผ่านหน้าของช้อย ทำให้ช้อยไม่พอใจผลักเดฟออกก่อนจะได้อุ้มลูกของตนแล้วเขาก็อุ้มหนูน้อยแทน
“ไปกับพ่อ” เขาพูดแค่นั้นก็เดินก้าวอาดๆ ออกจากร้านไปทันที ไม่สนใจเสียงร้องไห้ของลูกน้อยและเสียงเรียกตามของกุลธิดา เธอวิ่งตามคนที่เดินออกจากร้าน เดฟเองก็เหมือนกัน
“คุณจะพาลูกฉันไปไหน” เธอก้าวเท้าเร็วๆ ตามเขาไป
“แม่ก๊าบ...แง้ๆ ฮือๆ” หนูน้อยร้องไห้มองแม่ที่วิ่งตามหลังตัวเองมาติดๆ พร้อมดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของคนแปลกหน้า
“ชูว์! ไม่ร้องนะครับ ไปอยู่กับพ่อ แม่ของน้องแอลก็ด้วย” เขาบอกปลอบลูกน้อยที่กำลังร้องไห้พร้อมลูบหลังไปมา
ฮือๆ
“จาหาแม่...ฮือๆๆ” หนูน้อยยังคงร้องไห้เสียงดังไม่ยอมหยุดจนเขาเดินมาถึงรถที่จอดพร้อมกับกุลธิดาเดินมาถึงเช่นกัน ส่วนเดฟก็ตามมาติดๆ เหมือนกัน
“ไปกับผม” เขาสั่งเธอแล้วกดเปิดประตูรถยนต์คันหรูบุ้ยปากให้กุลธิดาเปิดประตูขึ้นไปบนรถ
“ฉัน...”
“ผมสั่งให้ขึ้นรถ” เขาสั่งเธออีกครั้ง แล้วครั้งนี้กุลธิดาก็เม้มปากแน่นไม่พูดอะไร ยอมเปิดประตูขึ้นรถไปง่ายๆ ตามคนเถื่อนต้องการ ส่วนเดฟเดินมาคว้าแขนของเธอไว้
“ไม่เป็นไรเดฟ เขาไม่ทำอะไรกุลหรอก กุลฝากดูแลร้านด้วยนะ” เธอแกะมือของเดฟออกแล้วขึ้นไปนั่งบนรถ
“อย่ามายุ่งกับเมียกูอีก” ช้อยพูดทิ้งท้าย ก่อนจะอุ้มลูกไปเปิดประตูทางคนขับรถแล้วกดล็อกรถทันทีเพื่อไม่ให้กุลธิดาหนีลงรถไปได้ เมื่อล็อกรถแล้วก็ส่งลูกกลับคืนไปให้เธออุ้มและปลอบให้ลูกหยุดร้องไห้
“คุณจะพาฉันกับลูกไปไหน?” เธอถามเขาพร้อมกับกอดหอมลูกน้อยที่ตอนนี้หยุดสะอื้นไห้ตั้งแต่ที่มานั่งบนตักของเธอแล้ว
“ไปอยู่กับผม ต่อไปนี้ผมจะดูแลคุณกับลูกเอง ไม่ต้องไปพึ่งพาอาศัยไอ้ฝรั่งนั่นแล้ว” เขาพูดพร้อมกับติดเครื่องยนต์แล้วออกตัวไปจากตรงนี้
“คุณจะมาทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ ฉันไม่ได้เป็นหนี้ของคุณแล้ว”
“ใช่...ไม่ได้เป็นหนี้ แต่คุณก็มีลูกกับผมแล้วและเป็นเมียของผมด้วย ทำไมจะทำไม่ได้ ที่ผ่านมาผมไม่รู้และผมก็โกรธมากที่คุณไม่บอกว่าคุณมีเขาจนโตขนาดนี้ ถ้าวันนั้นผมไม่บังเอิญไปเจอก็คงไม่มีวันรู้ว่าตัวเองมีลูกสินะ” เขาหันมามองหน้าเธอพร้อมกับหน้าลูกน้อยเปื้อนน้ำตาที่อิงซบอกของเธออยู่ตอนนี้
“ไปอยู่กับพ่อนะครับน้องแอล” เขาเอ่ยอ่อนโยนกับลูกน้อยแล้วหันกลับมามองถนนเพื่อตั้งใจขับรถต่อ
สุดท้ายแล้วเธอก็หนีผู้ชายเถื่อนคนนี้ไม่พ้นสินะ เวลาสามปีที่ผ่านมา เธอลำบากแต่ก็มีความสุข แต่มาวันนี้ทำไมสวรรค์ถึงผลักให้เธอมาเจอเขาอีก ทำไมต้องวนกลับมาอยู่ใต้ปีกของเขาอีกครั้ง เธอกอดลูกน้อยแนบอกแนบแน่นแล้วมองทางที่ช้อยพาตัวเองไป เธอไม่คุ้นถนนเส้นที่เขาขับรถผ่านเลยสักนิด ไม่คุ้นเคยเลยสักนิดเดียว และไม่อยากถามด้วยว่าเขาจะพาไปไหน เพราะถามไปก็ไร้ประโยชน์เมื่อเขาไม่เคยคิดสนใจความต้องการของคนอื่นนอกจากของตัวเอง