กุลธิดามองดูลูกน้อยที่เล่นกับเด็กในร้านแล้วยิ้มตาม วันนี้เธอเข้ามาช่วยเด็กในร้านอบขนมและช่วยขายเหมือนทุกครั้งที่ทำประจำ เธอดีใจที่คชาเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย เชื่อฟังเธอตลอด อีกไม่นานเด็กน้อยแก้วตาดวงใจก็จะได้ไปโรงเรียนแล้ว
“น้องแอลคะ มาหาแม่เร็วลูก อย่าไปกวนพี่เขาสิลูก” เมื่อเห็นว่าคชาไปดึงเสื้อของเด็กในร้านที่กำลังขายขนมให้ลูกค้าอยู่จึงกวักมือเรียก
“ก๊าบ...” ด้วยวัยที่ยังพูดไม่ทันชัดถ้อยชัดคำเท่าไหร่
“น่ารักจังเลยที่รักของแม่กุล” เธอโอบกอดหนูน้อยที่วิ่งมาหาตัวเอง
“เดฟๆๆ...” หนูน้อยเรียกชื่อของเดฟเมื่อวันนี้ตั้งแต่เช้ายังไม่เห็นเขามาที่ร้านเลย
“ลุงเดฟไปทำงานนะครับ เดี๋ยวไม่นานก็ซื้อขนมมาให้น้องแอลแล้วครับ”
“หนมๆๆ”
“ใช่ครับ น้องแอลไปนอนที่โซฟาก่อนนะครับ เดี๋ยวแม่ช่วยพี่เขาขายขนมก่อนนะคะ” เมื่อเห็นว่าร้านใกล้ปิด ลูกค้าก็หลั่งไหลกันมาซื้อ จนทำให้เด็กในร้านขายไม่ทัน เธอจึงจะไปช่วย
“ก๊าบ...” หนูน้อยตัวกลมเดินไปยังโซฟาที่ตัวเองใช้เป็นที่นั่งและนอนเป็นประจำทันทีอย่างรู้ความ
กุลธิดามองลูกชายที่ปีนขึ้นไปยังโซฟาตัวเตี้ยแล้วยิ้มตามท่าทางตลกของลูก ขาก็สั้น แขนก็สั้น ตัวก็สั้นอีก มองยังไงก็ดุ๊กดิ๊ก หล่อนอมยิ้มให้กับภาพนั้นแล้วก็เดินไปช่วยเด็กขายขนม เมื่อตอนนี้ลูกค้าต่อคิวกันยาวเลย
เฮ้อ!
เมื่อลูกค้าหมดแล้ว กุลธิดาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อย เพราะเมื่อกี้เธอยืนเกือบชั่วโมงเลย วันนี้ลูกค้าเยอะผิดปกติ ขนมที่เพิ่งอบใหม่ๆ ก็หมดแล้ว และตอนนี้ก็ได้เวลาปิดร้านแล้ว เธอจึงบอกเด็กไปแขวนป้ายหน้าร้านว่าปิดร้านทันที เพื่อจะได้ช่วยกันเก็บของแล้วก็ปิดร้านแยกย้ายกันกลับ พอมองไปยังลูกน้อยรอแม่นานจนหลับปุ๋ยไปอีกรอบ
“นอนเก่งจริงๆ เลยที่รักของแม่” เธอเดินไปจิ้มแก้มนุ่มนิ่มพร้อมโน้มลงไปจุ๊บแก้มนวลของลูกชาย ก่อนจะมองกิริยาท่าทางปัดแก้มของลูกชายที่กำลังรำคาญเมื่อถูกรบกวน
“น่ารักที่สุด น้องแอลของแม่ ขอบคุณนะครับที่เกิดมา” เธอบอกกับคนหลับอีกครั้งพร้อมกับมองไปยังประตูหน้าร้านเมื่อได้ยินเสียงถูกผลักเปิดเข้ามา ทั้งๆ ที่เด็กก็แขวนป้ายไว้แล้วว่าปิดร้านแล้ว แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้าง เม้มปากแน่นเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่เข้ามา
“ว่างแล้วใช่ไหม” เสียงเข้มถามพร้อมเดินก้าวยาวๆ เข้าไปหากุลธิดา เขามาถึงตั้งนานแล้ว แต่เห็นว่าในร้านเธอคนเยอะจึงรออยู่นอกร้านเพื่อให้หมดคน
“คุณมาทำไม”
หึ!
เขาไม่ตอบ แต่เดินไปนั่งที่โซฟาที่มีไว้ให้ลูกค้าระหว่างนั่งรอขนม
“ฉันถามว่าคุณมาทำไม” เธอถามย้ำอีกครั้งพร้อมเดินไปหยุดยืนตรงหน้าเขา
“มีอะไรคะพี่กุล” เด็กในร้านได้ยินเสียงอยู่หน้าร้านจึงรีบพากันออกมาดู
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ พอดีมีลูกค้ามา ทุกคนเก็บร้านต่อเถอะ พี่จัดการเอง” กุลธิดาหันไปตอบพนักงานของตัวเองแล้วหันมามองคนที่นั่งไขว่ห้างท่าทางสบายตรงหน้า
“คุณต้องการอะไร?” เมื่อถามคำถามแรกเขาไม่ตอบ เธอจึงเปลี่ยนคำถาม
“ลูก” เขาตอบสั้นๆ
“ลูกงั้นเหรอ ไม่มีทาง นั่นลูกฉัน”
“ก็นั่นน้ำเชื้อของผม ถ้าไม่มีผม ลูกจะเกิดมาได้ยังไง” เขาตอบกลับทันควันพร้อมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงขยับเสื้อสูทแล้วมองไปยังลูกน้อยที่นอนอีกโซฟาหลังเคาน์เตอร์ของเธอ
“อย่าแม้แต่จะคิด ลูกของฉันคนเดียว”
“ลูกของผมเหมือนกัน” เขาพูดพร้อมกับเดินตรงไปยังหลังเคาน์เตอร์ ส่วนกุลธิดาก็รีบเดินไปขวางทางเขา
“หยุดเลยนะ อย่าคิดจะแตะต้องลูกของฉัน”
“อย่าห้ามผมให้ยากเลยกุล เขาเป็นลูกผม ยังไงผมก็ต้องแตะต้องเขาและพาเขาไปกับผมอยู่แล้ว อย่ามาห้ามผมเลย อีกอย่างผมไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้ว่าเขาเป็นลูกใคร ไอ้ฝรั่งงั้นเหรอ หน้าไทยขนาดนี้ คุณยังไม่แต่งงาน ยังไม่มีใครและเด็กก็เหมือนผมขนาดนั้นจะให้บอกว่าผมไม่ใช่พ่องั้นเหรอ ผมจะพาเขาไปอยู่กับผม” เขาบอกแค่นั้นแล้วผลักเธอออกให้พ้นทาง
“ไม่ได้นะคุณ คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ คุณไม่มีสิทธิ์แล้ว” เธอคว้าแขนเขาพร้อมดึงรั้งไว้ไม่ให้เดินไปถึงลูก
ช้อยมองมือเล็กที่จับแขนของตัวเองแล้วแสยะยิ้มพร้อมกับแกะมือเธอออกจากแขนตัวเองแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“ผมมีสิทธิ์ ไม่ว่าจะลูกและก็คุณ คุณเป็นเมียผม” เขาพูดแล้วก็เดินไปช้อนอุ้มเด็กน้อยที่หลับสนิทขึ้นมาแนบอกตัวเอง ช้อยมองลูกน้อยในอ้อมแขนด้วยสายตาอ่อนโยน ยิ่งมองยิ่งเอ็นดูและใจของเขาก็เต้นแรงพองโตไปกับใบหน้าจิ้มลิ้มของเด็กน้อย นี่สินะ ความรู้สึกของไอ้เสริมกับนายของมันตอนที่ได้เป็นพ่อคน
“ลูกพ่อ...” เขาพึมพำแล้วหันหน้าไปทางเธอ
“เก็บของซะ หรือไม่ต้องเก็บก็ได้ ผมจะซื้อให้ใหม่” มันคือคำสั่งที่ทำให้กุลธิดาส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“ไม่มีทาง! คุณจะพาน้องแอลไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“ผมหมายถึงทั้งคุณทั้งลูกต้องไปกับผม”
“ไม่มีทาง! เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว”
เสียงเถียงกันของเธอและเขาทำให้หนูน้อยที่หลับสนิทงัวเงียตื่นขึ้นมาทันที มือเล็กป้อมขยี้ตาตัวเองก่อนจะตื่นเต็มตา และเด็กในร้านก็พากันออกมาแอบส่องดูว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างทั้งสองคนนี้
“แม่ก๊าบ...แม่ก๊าบ...” หนูน้อยร้องเรียกหาแม่ทันทีเมื่อตื่นขึ้นไม่เจอหน้าแม่ เจอแต่ใครก็ไม่รู้ที่อุ้มตัวเองและกำลังยิ้มให้ตัวเองอยู่
“แม่อยู่นี่ครับ” กุลธิดายื่นมือไปจับมือเล็กของลูก
“ทำไมอุ้มก๊าบ...” หนูน้อยจะถามว่าทำไมถึงได้ถูกอุ้มแบบนี้และแม่ก็เข้าใจลูก ส่วนคนเป็นพ่อนั้นรีบตอบทันที แม้ไม่เข้าใจคำพูดของลูกน้อยเท่าไหร่
“พ่อมารับน้องแอลไปอยู่กับพ่อครับ” เขาบอกเด็กน้อยพร้อมกับมองไปทางหน้าแม่ของลูก กุลธิดาไม่กล้าตอบกลับ ไม่กล้าเสียงดังด้วยกลัวว่าลูกจะตกใจ
หนูน้อยมองหน้าของคนที่อุ้มตัวเองตาแป๋วและมองหน้าแม่ที่ยืนอยู่ข้างๆ สลับกันไปมากับคนอุ้มตัวเอง
“น้องแอลมาหาแม่ก่อนมาลูก” เธอยื่นมือออกไปให้เขาส่งลูกมาให้ ช้อยไม่อยากส่ง แต่เห็นสีหน้าและท่าทางของลูกแล้วคงต้องส่งให้เธออุ้ม เพราะไม่อยากทำให้ลูกตกใจและกลัวตัวเอง
“แม่ก๊าบ...พ่อคืออาราย...” หนูน้อยถามทันทีเมื่อมาอยู่ในอ้อมกอดของแม่ ความตัวหนักของลูกทำให้เธอเบ้หน้าเล็กน้อยยามอุ้มลูกน้อย