รอยยิ้มเจ้าสวยกว่านานาดอกไม้
ยิ้มพิมพ์ใจใครได้เห็นเป็นต้องหลง
ดอกไม้บานยังมีวันแห้งเหี่ยวลง
ใจประสงค์ปองรักเจ้าเท่านั้นเอย
"ปะปี๊ขา"
เจ้าสาวรีบผลักคนที่กอดเธออยู่เมื่อครู่ออกทันทีที่ได้ยินเสียงของลูกสาว เป็นเหตุให้ปราบเซียนเซเล็กน้อยแต่ยังสามารถทรงตัวได้อยู่
มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาลวก ๆ เพราะกลัวว่าลูกสาวจะสังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวเธอ
"มี๊นอแนเหรอคะ"
"คะ?"
"ปะปี๊ทำคุณมี๊นอแนเหรอคะ"
คิ้วสวยของลูกน้อยขมวดกันเป็นปมซึ่งก็ไม่ต่างจากปราบเซียนสักเท่าไหร่ นอแนงั้นหรือความหมายเดียวกันกับงอแงหรือเปล่านะ ข้าวจ้าวเห็นว่ามี๊กำลังถูกปะปี๊กอด แล้วก็เมื่อกี้นี้เด็กน้อยที่มีนิสัยช่างสังเกตเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็เห็นว่ามี๊มีน้ำตา ไม่แปลกที่จะสงสัยว่าปะปี๊ทำมี๊ร้องไห้งอแง เหมือนตอนที่ตัวเองเจ็บหรือไม่ถูกตามใจ
"เปล่าค่ะ"
เป็นฝ่ายเจ้าสาวที่ตอบลูกน้อยแทนคนที่ยังทำหน้างวยงงสงสัยอยู่
"แต่มี๊ร้องไห้"
"มี๊ไม่ได้ร้องค่ะ อะไรก็ไม่รู้เข้าตา"
ตั้งแต่เจอปราบเซียนเธอโกหกน้องข้าวไปกี่ครั้งแล้วนะ
ปราบเซียนเลิกคิ้วพร้อมกับยิ้มล้อคนสวยตรงหน้า ไม่ได้ร้องไห้เลยมั้งเสื้อเขาเปียกปอนขนาดนี้
"เหรอคะ น้องข้าวนึกว่าปะปี๊ทำมี๊นอแน"
"ถ้าปะปี๊ทำให้มี๊งอแงน้องข้าวจะลงโทษยังไงคะ"
"ไม่ให้ปะปี๊ไปทำงานค่ะ อยู่กับมี๊ ปะปี๊ต้องห้ามไปไหนอีกเลย"
ปราบเซียนก้มลงลูบผมลูกสาวอย่างแผ่วเบา น้องข้าวจ้าวคงโหยหาเขาอยู่ตลอด แต่เขาเองก็แอบชอบบทลงโทษของลูกนะ เพราะปราบเซียนก็อยากอยู่กับเจ้าสาวเหมือนกัน อยากอยู่ตลอดไป ไม่ไปไหนเลย
"อยู่กับน้องข้าวด้วย"
"ใช่ค่ะอยู่กับน้องข้าวด้วย ปะปี๊ขา"
เด็กน้อยพยักหน้าหงึกหงักแล้วเรียกชื่อเขาต่อ สงสัยเก่งจังเลยเด็กคนนี้ เจื้อยแจ้วไม่หยุด
"ขาคนเก่ง"
"น้องข้าวง่วนแล้วค่ะ ปะปี๊เล่านิทานให้น้องข้าวฟังได้มั้ย"
ตาเรียวเล็กคล้ายรูปวงรีหันไปสบกับดวงตาของหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงข้ามชั่วครู่ แค่จะบอกให้เจ้าสาวทราบว่าเขาจะตามใจลูกทุกอย่าง หากเขาจะอยู่ต่อยังไงเจ้าสาวก็ห้ามเขาไม่ได้
"ไปกันค่ะ"
ปราบเซียนอุ้มเด็กหญิงขึ้นมาในวงแขน ในมือข้างหนึ่งของลูกมีตุ๊กตาเจ้าหญิงที่เขาเพิ่งซื้อให้ ข้าวจ้าวตบไหล่เขาเบา ๆ เมื่อกำลังก้าวเดิน
"ปะปี๊หยุดก่อนค่ะ"
"หืม"
แล้วก็ถึงบางอ้อ เมื่อลูกสาวยื่นมือไปหาคนเป็นแม่ที่ยืนอยู่ด้านหลัง เจ้าสาวเองก็ยื่นมือมาหาลูกเช่นเดียวกัน กลายเป็นว่าตอนนี้น้องข้าวจ้าวที่อยู่ในอ้อมแขนของปราบเซียนกำลังจับจูงมือของผู้เป็นแม่ที่เดินตามหลังมาต้อย ๆ เพื่อขึ้นไปยังห้องนอน เป็นภาพที่น่ารักเสียจริง
ทั้งสามคนเดินขึ้นไปยังห้องนอนของสองแม่ลูกโดยมีไกด์นำทางเป็นเด็กน้อยที่เจื้อยแจ้วร้องเพลงเป็ดอาบน้ำในคลอง สลับกับบอกเส้นทางเพื่อให้เขาเดินไปยังห้องนอนถูกตลอดทาง
"มี๊อาบน้ำก่อนนะคะ"
เมื่อมาถึงห้องปราบเซียนก็วางลูกสาวลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของสองแม่ลูก ถือว่าสำเร็จไปอีกขั้น
ห้องนี้เป็นห้องที่ค่อนข้างกว้างพอสมควร ตรงมุมห้องมีโต๊ะอ่านหนังสือเล็ก ๆ ตั้งอยู่ เดาว่าเจ้าสาวคงเอาไว้ใช้ในการทำงาน ด้านล่างมีกล่องของเล่นเด็กและมีพรมปูอยู่ คงเป็นพื้นที่สำหรับเล่นสนุกของลูกแน่นอน เตียงหลังใหญ่สีม่วงอ่อนตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง ทุกอย่างถูกตกแต่งอย่างสวยงาม เจ้าสาวคงเป็นคนที่มีรสนิยมดีมาก ๆ คนหนึ่งอย่างแน่นอน
"เดี๋ยวก่อนค่ะมี๊"
"คะ"
"ฝันดีน้องข้าวก่อนค่ะ"
"ทำไมรีบล่ะคะ เดี๋ยวมี๊ก็อาบน้ำเสร็จ แป๊บเดียวเองค่ะรอก่อนนะคะ"
เจ้าสาวหว่านล้อมลูกสาว แต่ดูเหมือนน้องข้าวจะไม่ยอม
"น้องข้าวจะหลับแล้วค่ะ มี๊บอกฝันดีน้องข้าวก่อนอาบน้ำนะคะ"
ผู้เป็นแม่เหลือบสายตาไปมองดูนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังตรงข้ามกับเตียงนอน ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว ปกติน้องข้าวจ้าวนอนเร็วนี่ก็เลยเวลานอนของลูกมาร่วมชั่วโมงแล้ว แต่แปลกที่ลูกสาวไม่มีอาการง่วงเหงาหาวนอนให้เห็นเลย คงเพราะตื่นเต้นที่ได้มีปะปี๊อยู่ด้วยกระมัง ลูกคงอยากมีเวลาอยู่กับเขานาน ๆ
เจ้าสาวเดินมาหาลูกสาวสุดที่รัก หย่อนก้นลงบนเตียงพร้อมกับยื่นริมฝีปากไปประทับลงกลางหน้าผากของลูกสาวด้วยความรักใคร่สุดหัวใจ
"ฝันดีนะคะคนเก่งของมี๊"
น้องข้าวยิ้มกว้างแล้วจุ๊บแก้มหม่ามี๊คืน
"ฝันดีค่ะมี๊"
เจ้าสาวกำลังลุกขึ้นหมายจะไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย ปล่อยให้พ่อกับลูกเขาได้ใช้เวลาร่วมกันสักนิด แต่ลูกสาวก็ทำท่าเหมือนจะไม่ยอม ยังคว้าแขนของหม่ามี๊ไว้อยู่
"อะไรคะเด็กดี"
เจ้าสาวเอียงคอถามลูก อดแปลกใจไม่ได้ที่วันนี้น้องข้าวงอแงเก่งกว่าทุกวัน คงเพราะทุกคนสปอยล์มากกว่าปกติมั้ง พฤติกรรมของลูกในวันนี้ถึงเป็นแบบนี้
"ปะปี๊ด้วยค่ะ"
"คะ?"
ได้ยินดังนั้นปราบเซียนก็หลุดยิ้มทันที ต่างกับอีกคนที่มองเขาตาโต
เมื่อครู่ลูกสาวสุดที่รักว่าอย่างไรนะ ให้เธอทำแบบที่ทำกับน้องข้าวจ้าว ก็คือการจุ๊บที่หน้าผาก ลูกจะให้เธอทำแบบนี้กับปราบเซียนจริง ๆ หรือ
ปราบเซียนยื่นหน้าเข้ามาใกล้อย่างน่าหมั่นไส้ เขารอคอยให้เธอจุ๊บที่หน้าผากไม่ไหวแล้ว
"มี๊อยากอาบน้ำจังเลยค่ะ เหนียวตัวจะแย่"
"แต่มี๊ยังไม่จุ๊บปะปี๊เลยนะคะ"
เป็นปราบเซียนที่พูดแทรกขึ้น ซึ่งน้องข้าวจ้าวก็พยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วยในทันที เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะพ่อลูกคู่นี้
และตอนนี้เธอก็เกลียดใบหน้าทะเล้นแบบที่ปราบเซียนกำลังทำอยู่เป็นที่สุด
เจ้าสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เม้มปากแน่น จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาจับแขนของปราบเซียนไว้ ความจริงเธอก็ไม่ได้อยากจับเขาหรอกนะ แต่เธอมีแผนการในใจต่างหาก
ปราบเซียนกระหยิ่มยิ้มย่องเมื่อถูกแตะเนื้อต้องตัว แต่ยิ้มได้ไม่นานเขาก็หุบยิ้มลงฉับพลัน เพราะมือนุ่มนิ่มที่จับเขาเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นจิกเล็บแหลมคมลงบนหนังเขาแทน
เสื้อที่เขาใส่อยู่ก็ไม่ใช่ผ้าหนาเสียด้วยสิ ป่านนี้เสื้อคงเป็นรู เนื้อเขาคงเป็นแผล และเลือดคงกำลังไหลซิบ ๆ แน่นอน
แต่เขาต้องเก็บอาการเอาไว้ไม่ให้น้องข้าวจ้าวรู้เด็ดขาดว่าตอนนี้กำลังโดนปองร้ายหมายชีวิตจากคุณมี๊ของลูก
"คิคิ"
เด็กหญิงตัวน้อยหัวเราะชอบใจใหญ่ที่เห็นว่าหม่ามี๊ของตนเองประทับรอยจูบลงบนหน้าผากของปะปี๊ น้องข้าวจ้าวมีความสุขเหลือเกิน คงรอเวลานี้มาตลอดสินะ แม้แขนที่โดนหยิกจะเจ็บแสบและอาจมีเลือดไหลซิบ แต่ปราบเซียนก็ยอม ต่อให้ต้องเจ็บอีกสักเท่าไหร่หากลูกมีความสุข เขายินดีที่จะถูกเจ้าสาวหยิกไปตลอดชีวิต
"มี๊อาบน้ำก่อนนะคะ"
"ค่ะมี๊"
"แต่ปะปี๊ยังไม่ฝันดีมี๊เลยนะคะ"
"จริงด้วยค่ะ"
ให้ตายสิปราบเซียน จะเอาคืนให้ได้เลยใช่มั้ย เจ้าสาวมองเขาตาขวาง เธอขู่เขาทางสายตาว่าถ้าเขาฝันดีเธอแบบที่ลูกสาวทำก็คือการจุ๊บแก้ม ปราบเซียนไม่ตายดีแน่
แต่ดูเหมือนว่าปราบเซียนจะไม่สนใจ เขายังลอยหน้าลอยตาอยู่ ใบหน้าของเขาเคลื่อนเข้ามาใกล้ เจ้าสาวเม้มปากแน่นพร้อมกับหลับตาปี๋ เพื่อลูกเจ้าสาว เพื่อลูก ท่องเอาไว้ว่าทำแบบนี้แล้วลูกจะมีความสุข
สองมือหนายกขึ้นมากอบกุมแก้มเธอทั้งสองข้าง มือที่ไม่ปล่อยจากแขนเขาจิกเล็บลงตรงที่เดิมอีกครั้ง คิดหรือว่าเขาจะเอาเปรียบเธอได้ง่าย ๆ
"จุ๊บ"
เจ้าสาวลืมตาขึ้นมาทันที เธอคิดผิดถนัดที่เลือกที่จะหลับตา เธอลืมไปได้อย่างไรว่าปราบเซียนน่ะเป็นคนเจ้าเล่ห์และเจ้าแผนการขนาดไหน
"ปากมี๊นุ๊มนุ่ม"
"จริงค่ะ มี๊หอมด้วย"
"ห๊อมหอม"
"คิคิ"
เด็กหญิงตัวเล็กยิ้มจนตาหยี พลอยทำให้คนมองทั้งสองคนต้องอมยิ้มตามไปด้วย
เธอฟังสองพ่อลูกสนทนากันด้วยใบหน้าแดงก่ำ ไม่ใช่เพราะเขินอาย แต่กำลังโมโหปราบเซียน โมโหขั้นสุดถึงขนาดที่ว่าควันออกหูเลยก็ว่าได้
เขากล้าดียังไงมาจุ๊บปากเธอ! ต่อหน้าลูกสาวเสียด้วยสิ
เจ้าสาวอดทนอยู่ต่อไม่ไหว เพราะถ้าเธอยังอยู่ตรงนี้อีกแค่เสี้ยววินาทีเดียว มีหวังได้ลงมือฆ่าพ่อของลูกต่อหน้าลูกเป็นแน่ ดูหน้าเขาสิ ยียวนกวนประสาทเป็นที่สุด
หลังจากเห็นว่าคุณมี๊เดินเข้าห้องน้ำไปเรียบร้อยแล้ว เด็กหญิงตัวน้อยก็ขยับกายไปยังหัวเตียงโดยมีปราบเซียนคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง บนเตียงฝั่งที่น้องข้าวนอนอยู่มีตุ๊กตาหลายตัว ทั้งตุ๊กตาหมี ตุ๊กตารูปผลไม้ตัวเล็ก ๆ และที่เห็นมากสุดคงจะเป็นตุ๊กตาเจ้าหญิง
"พี่ ๆ จ๋า นี่เพื่อนใหม่นะคะ"
ข้าวจ้าววางตุ๊กตาเจ้าหญิงตัวที่เขาซื้อมาให้ใหม่ล่าสุดไว้ข้างตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ พยักหน้าหงึกหงักราวกับคุยกับพี่ ๆ รู้เรื่อง จากนั้นก็ล้มตัวนอนลงบนหมอนลายกระต่ายที่สุดแสนจะน่ารัก
"หนังสือนิทานอยู่ไหนคะ"
"ปะปี๊จะอ่านให้น้องข้าวฟังเหรอคะ"
เด็กน้อยนอนมองดูเขาตาใสแจ๋ว และปราบเซียนก็พยักหน้าให้ลูกสาวเบา ๆ
"น้องข้าวไม่อยากฟังแล้วค่ะ"
"ทำไมล่ะคะ"
"ปะปี๊นอนลงเร็ว"
ลูกสาวตบลงที่นอนข้างตัวเอง ปราบเซียนนอนลงตามคำขอของน้องข้าวจ้าว โดยเขานอนหันข้างใช้มือหนึ่งค้ำยันศีรษะเอาไว้เพื่อที่จะได้มองหน้าลูกสาวได้ชัดเจน
"ปะปี๊คิดถึงน้องข้าวมั้ยคะ น้องข้าวคิดถึงปะปี๊ทุกวันเลย"
ปราบเซียนใจกระตุก น่าเศร้าที่ช่วงเวลาหลายปีเขาไม่ได้ทำหน้าที่ให้ดีเลย ไม่แม้แต่มีโอกาสได้บอกว่ารักน้องข้าวจ้าวเพียงใด
"คิดถึงสิคะ คิดถึงมาก ๆ เลย"
"น้องข้าวไม่อยากฟังนิทานแล้วค่ะ น้องข้าวอยากฟังเรื่องปะปี๊"
"หืม"
เด็กคนนี้จะฉลาดเกินไปแล้วนะ ปราบเซียนคิดในใจ
"เรื่องปะปี๊เหรอคะ"
"ใช่ค่ะ ปะปี๊ทำงานเหนื่อยมั้ยคะ"
ปราบเซียนกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ความจริงมันก็เป็นก้อนสะอื้นนั่นล่ะ เขาต้องข่มอารมณ์เอาไว้ให้ดี พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้น้ำตาไหลออกมาให้ลูกสาวได้เห็น
อยู่กับมี๊เพียงสองคน น้องข้าวคงเหงามากแน่ ๆ เขาจะไม่โทษเจ้าสาวที่ไม่บอกเขาสักคำเรื่องลูก เธอคงตัดสินใจเลือกดีแล้ว หากแต่ตั้งแต่นี้ต่อไปเขาจะทำตัวเองให้ดี จะรักและดูแลลูกเมียอย่างสุดความสามารถ ไม่ให้ทั้งสองต้องรู้สึกว่าตัวเองขาดอะไรไปแน่นอน
"ปะปี๊ไม่เหนื่อยเลยค่ะ เพราะมีน้องข้าวเป็นกำลังใจไงคะ ปะปี๊ขอโทษนะ ที่ไม่เคยมาหาน้องข้าวเลย ขอโทษที่ไม่เคยได้ดูแลเอาใจใส่ หนูโกรธปะปี๊มั้ยคะ"
"มี๊บอกว่าปะปี๊ไปทำงาน เดี๋ยวก็กลับมา คุณตาปะป๊ากับคุณยายหม่าม๊าก็บอกเหมือนกัน น้องข้าวก็เลยรอปะปี๊ตลอดเลยค่ะ น้องข้าวไม่โกรธปะปี๊ น้องข้าวรักปะปี๊"
ปราบเซียนกดจมูกลงกลางกระหม่อมของลูกสาว อยากร้องไห้ใจแทบขาดแต่ก็ทำไม่ได้ ก้อนน้ำตามันมาจุกอยู่ในทรวงอกของเขาจนตื้อตันไปหมด
"ปะปี๊รักน้องข้าวนะคะ"
"นิทานของปะปี๊สนุกจังค่ะ"
"หืม"
"คุณพ่อไปทำงานหาเงินมาให้คุณแม่กับลูกสาว พอปะปี๊กลับมา ทุกคนก็มีความสุข"
ลูกสาวของเขาจินตนาการช่างล้ำเลิศ เด็กวัยนี้คงกำลังมีพัฒนาการด้านความคิดสินะ จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์คงโลดแล่นอยู่ในสมองเป็นล้าน ๆ เรื่อง
"ต่อไปนี้ปะปี๊จะอยู่กับน้องข้าวค่ะ"
ปราบเซียนกระชับกอดลูกสาว กดปากและจมูกลงกับกลุ่มผมหอมกรุ่น กอดอยู่แบบนั้นนานหลายนาที น้องข้าวไม่เสวนากับเขาต่อ ลมหายใจสม่ำเสมอที่เขารับรู้ได้นั้นบ่งบอกว่าลูกสาวเข้าสู่ห้วงนิทราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มือข้างที่ว่างของปราบเซียนตบลงกับก้นของลูกน้อยเบา ๆ เขาเคยเห็นผ่านตามาบ้างว่าเวลากล่อมเด็กต้องตบที่ก้นเบา ๆ แต่นั่นก็เป็นเด็กทารกไม่รู้ว่าสามารถทำกับเด็กที่เริ่มโตแล้วได้หรือไม่ แต่ปราบเซียนก็ทำไปแล้วคงไม่ผิดหรอกมั้ง
เจ้าสาวมองดูลูกสาวตัวน้อยที่นอนสงบอยู่ในอ้อมกอดของปราบเซียนด้วยแววตาเศร้าสร้อย เธอสงสารลูกสาวสุดหัวใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย เวลาลูกถามหาพ่อเจ้าสาวไม่เคยบอกลูกได้ชัดเจนถึงเหตุผลที่เขาไม่ได้อยู่ด้วยเลยสักครั้ง
"คุณ"
"..."
"คุณ"
ปราบเซียนพลิกตัวออกจากลูกน้อยอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวน้องข้าวตื่น จากนั้นก็ส่งสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามไปหาคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ปลายเตียง
"กลับบ้านได้แล้วค่ะ"
คนที่นอนอยู่บนเตียงลุกขึ้นอย่างง่ายดาย ลูกสาวที่กอดแขนเขาไว้ผวาตามมาทั้งที่ยังหลับตาอยู่
"ชู่ววววว"
เจ้าสาวรีบก้าวเท้ายาว ๆ ไปหาลูกน้อยทันที หากได้ตื่นคงงอแง และคงจะไม่ยอมให้ปราบเซียนกลับเป็นแน่ ตุ๊กตาหมีพูห์ถูกนำมาวางไว้ในอ้อมกอดของน้องข้าวจ้าวแทนท่อนแขนของปราบเซียน มือบางตบลงตรงก้นของลูกสาวเบา ๆ เพราะต้องการปลอบประโลม
เมื่อเห็นดังนั้นปราบเซียนก็ลอบอมยิ้มอย่างภาคภูมิใจ อย่างน้อยเขาก็เข้าใจถูกว่าเวลานอนต้องตบก้นลูก ภูมิใจในตัวเองเหลือเกิน
และในตอนนี้ปราบเซียนก็อยากเข้าไปดูเสียให้รู้แล้วรู้รอดว่าเจ้าสาวใช้ครีมอาบน้ำ น้ำยาสระผม หรือน้ำหอมตัวไหน ทำไมร่างกายเธอถึงหอมหวนชวนผ่อนคลายและส่งกลิ่นลอยฟุ้งตลบอบอวลไปทั่วห้องได้ขนาดนี้
"คุณพักผ่อนเถอะ"
เมื่อเห็นว่าลูกสาวอยู่ในความสงบแล้วปราบเซียนจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้างด้วยน้ำเสียงกระซิบเบา ๆ เพราะกลัวลูกน้อยจะตื่นขึ้นมา
"พรุ่งนี้เซียนจะรีบมาแต่เช้า"
"ใครอยากให้คุณมาไม่ทราบ"
ดูคำพูดคำจาของมี๊น้องข้าวจ้าวสิ พูดกับพ่อของลูกด้วยคำพูดหวานหูหน่อยก็ไม่ได้
"เซียนอนุญาตตัวเอง"
"ทำไมคุณเอาแต่ใจแบบนี้"
ปราบเซียนส่งยิ้มให้แม่ของลูก เอาแต่ใจที่ไหนกัน เขาแค่อยากมาที่นี่อีก อยากมาเจอลูก ไม่มีใครอยากให้เขามาแต่เขาอยากมาเอง และแน่นอนว่าลูกสาวสุดที่รักก็เป็นอีกหนึ่งคนที่อยากให้เขามา แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
"ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะเจ้าสาว วันนี้คุณพักผ่อนเถอะคงเหนื่อยมาก"
"รีบกลับไปเลยคุณน่ะ"
ปราบเซียนเดินอ้อมเตียงออกมา และเขาก็ต้องเดินผ่านหน้าเจ้าสาวด้วย เขาชะลอการก้าวเดินเมื่อมาถึงตรงหน้าของหญิงสาว ใบหน้าของเขาเคลื่อนเร็วยิ่งกว่าความเร็วแสง ริมฝีปากบางเฉียบกดลงกับแก้มนุ่มนิ่มของคนที่ยืนไม่รู้อีโหน่อีเหน่อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ก้าวเท้ายาว ๆ ไปยังประตู
"กลับแล้วนะบ๊ายบายจุ๊บ ๆ "
คนพูดส่งจูบมาให้แล้วเปิดประตูออกไปทันที จะอยู่ทำไมเล่า ขืนอยู่นานกว่านี้มีหวังเจ้าสาวได้อัดไข่เขาอีกรอบแน่นอน
"ลืมบอก ปากกับแก้มคุณนุ๊มนุ่ม ตัวคุณก็ห๊อมหอม"
ปราบเซียนเปิดประตูออกไปแล้วแต่ยังโผล่เพียงใบหน้าเข้ามาเอ่ยแซวคนตัวเล็กที่ยังยืนนิ่งอยู่ปลายเตียง เขาพูดเพียงแผ่วเบาเพราะกลัวว่าลูกสาวจะตื่นเอาได้ แต่กระนั้นเจ้าสาวก็ยังได้ยินชัดเจน
ฝ่ายเจ้าสาวที่ยืนตัวแข็งทื่องวยงงเพราะไม่ทันได้ตั้งตัวกับการกระทำของเขาอยู่เมื่อครู่ก็ได้สติ ยกมือขึ้นถูแก้มตัวเองแรง ๆ อยากตะโกนด่าก็เกรงว่าลูกสาวจะตื่น ทำได้เพียงส่งสายตาอาฆาตไปยังทางที่เขาออกไปเมื่อครู่
ฝากเอาไว้ก่อนเถอะปราบเซียน พรุ่งนี้เจ้าจะเอาคืนด้วยการเตะผ่าหมากของคุณอีกรอบ
"ไอ้คนบ้า คนเจ้าเล่ห์ คอยดูเถอะพรุ่งนี้เจ้าจะอัดไข่คุณให้น่วมเลย"
"คุณพระคุณเจ้า ลูกแม่กลับบ้านถูกทางด้วย"
ผู้เป็นแม่แกล้งเอามือทาบอกเมื่อเห็นว่าเช้านี้ปราบเซียนกลับมาบ้าน แถมยังตื่นแต่เช้าพร้อมกับแต่งตัวดูดีเป็นพิเศษอีก
"กลับมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแม่"
ปราบเซียนสาวเท้าเข้ามาหามารดา ย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อที่ความสูงจะได้อยู่ในระดับเดียวกันกับคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ สองมือโอบกอดมารดาเอาไว้ริมฝีปากแตะแก้มเบา ๆ อย่างรักใคร่
"วันนี้ทำไมอ้อนแม่ล่ะ"
"เซียนก็ทำทุกวัน"
"งั้นหรือ แม่ลืมไปแล้วนะเนี่ยลูกไม่ยอมกลับบ้านสักที"
คุณบุษยาเอ่ยกับลูกด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด บ่งบอกว่ากำลังน้อยใจเต็มที
"คุณก็ ลูกทำงานไง"
"ทำงานหรือทำอย่างอื่น เมื่อไหร่จะเป็นฝั่งเป็นฝาสักทีนะปราบเซียน"
ปราบเซียนอมยิ้ม เขาชินเสียแล้วล่ะกับพูดของผู้เป็นแม่ เจอกันทีไรก็มีแต่บอกแบบนี้ เห็นเพื่อนมีหลานกันแม่เขาเองก็อยากมีด้วย แต่ตอนนี้ไม่ต้องห่วงแม่เขามีหลานสมใจแล้วล่ะ
"แม่อยากให้เซียนเป็นฝั่งเป็นฝาใช่ไหม"
"ก็พูดอยู่ตลอด ปราบเซียน แม่อยากอุ้มหลานมากเลย"
"เกรงว่าแม่จะอุ้มไม่ได้น่ะสิ"
"ทำไมล่ะ จริงจังกับใครสักคนสิปราบเซียน หรือว่าต้องให้แม่หามาให้"
"ไม่เอา"
"นั่นไง แต่ว่านะ แม่มีคนที่ถูกใจอยู่"
"ถูกใจแม่แต่ไม่ถูกใจเซียน"
"ไม่อยากเจอเค้าหน่อยเหรอ แม่ว่าเซียนต้องชอบแน่เลย สวยมากเลยนะ"
"เซียนมีลูกมีเมียแล้วนะแม่ เซียนไม่สนใครหรอก"
"อะไรนะ"
คุณบุษยาคลายอ้อมกอดออก เพื่อที่จะได้มองหน้าลูกได้อย่างถนัด ปราบเซียนบอกว่ามีลูกแล้ว หมายความว่าอย่างไร ไม่ได้โกหกเพื่อที่จะเอาตัวรอดจากการดูตัวใช่หรือไม่
"หมายความว่ายังไงปราบเซียน"
คราวนี้ผู้เป็นพ่อที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นบ้าง
"เซียนมีลูกมีเมียแล้ว"
"ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แน่ใจขนาดไหนว่าเขาไม่ได้สนใจสมบัติของเซียนน่ะลูก"
"พลาดเหรอปราบเซียน"
แม่เขาจะเอาไงกันแน่นะ พอยังไม่มีก็อยากให้มี พอมีก็เรื่องมากอีก จะให้เขาพามาเจอก่อนได้อย่างไร เขาเองก็เพิ่งรู้ว่ามีลูกเมื่อไม่นานมานี้เอง
"เอาเป็นว่าเซียนจะพามาเจอนะ เซียนต้องรีบไปหาลูก ตื่นมาไม่เจอเซียนคงงอแง"
"คุยกับแม่ให้รู้เรื่องก่อนเซียน"
ปราบเซียนไม่ได้สนใจ เขาสาวเท้ายาว ๆ เตรียมออกจากห้องรับประทานอาหาร แต่เท้าต้องชะงักเพราะลืมบอกอะไรบางอย่าง
"อ้อ ลูกเซียนสี่ขวบแล้วนะ"
คุณบุษยาเอามือทาบอก จะเป็นลมเสียให้ได้กับประโยคล่าสุดของลูก สี่ขวบงั้นหรือ จะเป็นไปได้อย่างไร ปราบเซียนไม่ได้ล้อกันเล่นใช่หรือไม่
"ขอยาดมให้ฉันที จะเป็นลม"
แม่บ้านที่อยู่บริเวณนั้นรีบกุลีกุจอมาดูแล ยาดม ยาหอมถูกนำมาจ่อที่จมูกคุณบุษยา ท่านจะเป็นลมจริง ๆ ไม่ได้ล้อเล่นเลยสักนิด ปราบเซียนทำไปได้อย่างไร มีลูกแล้ว แถมตั้งสี่ขวบ
คุณบุษยาหมายมั่นที่จะรู้ความจริงให้ได้ เพราะปราบเซียนไม่ยอมบอกอะไรอีกเลย นอกจากบอกว่ามีลูกแล้ว แล้วแม่ของลูกปราบเซียนเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ชื่อแซ่ว่าอย่างไร และที่สำคัญไม่ได้หวังสมบัติของลูกท่านใช่หรือไม่
"เตรียมรถด้วย ฉันจะไปบริษัท ไปคุยกับปราบเซียนให้รู้เรื่อง"
"ใจเย็นก่อนคุณ ยังไงลูกก็ต้องพามาเจอเราอยู่แล้ว"
"เย็นไม่ไหวหรอกค่ะ บุษต้องรู้วันนี้ ตอนนี้"
คุณเปรมส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ลูกคงเลือกคู่ครองดีแล้ว ถึงพลาดท่านก็เชื่อว่าปราบเซียนมีเหตุผลและสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้
คุณบุษยานี่ก็แปลกคน อยากให้ลูกมีครอบครัวเป็นฝั่งเป็นฝา แต่พอลูกมีกลับโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ แถมด้วยจะเป็นลมอีก พิลึกคน