เช้านี้เป็นอีกครั้งที่ชินวุธไม่เห็นใครสักคนในบริเวณอพาร์ตเมนต์ทั้งข้างนอกและข้างใน ทั้งที่เมื่อวานตอนพลบค่ำที่เขากลับมา อพาร์ตเมนต์มีคนเยอะมาก แต่ตอนนี้เหมือนว่าอพาร์ตเมนต์ทั้งหลังจะเงียบสงัดปราศจากผู้คน แม้แต่คนดูแลหรือพนักงานปากจัดคนนั้นก็ไม่อยู่
ชินวุธหันไปมองเคาน์เตอร์ที่ว่างเปล่า มันว่างจริง ๆ แม้แต่คอมพิวเตอร์สักตัวก็ไม่มี ด้านหลังเคาน์เตอร์ก็เป็นเพียงผนังโล่ง ๆ ที่ปูด้วยวอลเปเปอร์ลายดอกไม้สุดเชย แจกันดอกไม้หรือกรอบรูปแขวนผนังไม่มีทั้งนั้น ที่มีคือตะเกียงรุ่นโบราณที่ตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์ด้านที่ติดผนังเพียงอันเดียว
ขณะกำลังมองตะเกียงโบราณที่ไม่ใช่ตะเกียงไฟฟ้า ปลายไส้ตะเกียงก็เริ่มมีแสงสว่างขึ้นมาด้วยตัวเอง มันสว่างเหมือนมีไฟถูกจุดในนั้น แล้วมันติดไฟได้ยังไง ในอาคารแบบนี้ไม่มีลม ไม่มีเครื่องปรับอากาศด้วย
"จะมองอะไรนักหนา รีบไปทำงานได้แล้ว" เสียงทุ้มนุ่มเย็นดังมาจากข้างหลังทำให้ชินวุธรู้สึกเย็นสันหลังวาบแบบบอกไม่ถูก เขารีบหันกลับไปมองเจ้าของเสียงทันที
"คุณไตรภพ เอ่อ... ทำไมตะเกียงนั่นมันติดขึ้นมาเองล่ะ" ชินวุธถามออกไปด้วยความสงสัยและแปลกใจว่าไตรภพมาตั้งแต่เมื่อไหร่
"ในตัวมันมีน้ำมันอยู่ ไฟอาจจะติดขึ้นมาเองก็ได้"
"งั้นเหรอครับ"
"ไปทำงานได้แล้วล่ะ นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ"
ชินวุธมองคนดูแลอพาร์ตเมนต์ที่ยื่นมือไปหยิบหูหิ้วตะเกียงขึ้นมาถือ เขาเลิกสนใจตะเกียงโบราณแล้วออกจากอพาร์ตเมนต์ไปที่ลานจอดรถ จากนั้นขับออกไป
"อินทรา ไปรับเด็กคนนั้นหรือยัง" ไตรภพหันไปยังที่ว่างเปล่าข้างตัว
"ธนินทร์ไปรับแล้วครับท่าน" อินทราตอบแล้วร่างก็ปรากฏออกมาจากพื้นที่ว่างเปล่า
"อืม ให้เขาอยู่ห้อง 304 ก็แล้วกัน" ไตรภพพยักหน้าแล้วส่งตะเกียงที่ยังมีไฟติดข้างในให้
"ทราบแล้วครับ"
ยังไม่ทันที่อินทราจะรับตะเกียงจากมือไตรภพ ชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อคอตั้งแขนยาวสีดำ กางเกงสีดำ สวมรองเท้าบูทหนังสีดำเงาวับก็เดินเข้ามาข้างในอพาร์ตเมนต์พร้อมกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ดูเลื่อนลอยคล้ายไม่มีสติ
"ผมพามาแล้วครับท่าน" ธนินทร์บอกแล้วแตะหลังเด็กหนุ่มคนนั้นให้ก้าวเข้าไปหาไตรภพ
"เด็กน้อย พักผ่อนอยู่ที่นี่ก่อนเถอะ จนกว่าจะระลึกได้ว่าตนเองเป็นใคร ตายด้วยสาเหตุใด และมีความปรารถนาอะไรที่ค้างคาอยู่ในใจ" ไตรภพบอกด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นเรียบนิ่งพลางยื่นมือไปแตะหน้าผากเด็กหนุ่มคนนั้น
"มาเถอะ ฉันจะพาไปดูห้องพักของเธอ" อินทราบอกแล้วถือตะเกียงเดินนำไป เด็กหนุ่มที่ดูเลื่อนลอยคนนั้นก็เดินตามไปอย่างว่าง่าย
ไตรภพมองตามหลังอินทรากับเด็กหนุ่มคนนั้นจนขึ้นบันไดไปแล้วหันมาหาธนินทร์ที่ยืนอยู่
"จัดการสัมภเวสีตรงนั้นไปหรือยัง"
"จัดการแล้วครับ ผมส่งพวกมันกลับยมโลกไปแล้ว แต่จิตอาฆาตพยาบาทที่ฝังอยู่ตรงนั้นมันแรงเกินกว่าพลังของผมจะลบมันหมด คงต้องใช้พลังของท่านจัดการแล้วครับ"
"เข้าใจแล้ว ไปกันเถอะ" ไตรภพพยักหน้าแล้วหายวับไปพร้อมกับธนินทร์
ทั้งสองปรากฏตัวอีกครั้งตรงถนนเส้นหนึ่งที่ขณะนี้มีคนมามุงกันจนเต็มเนื่องจากมีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ของเด็กหนุ่มวัยมหาวิทยาลัยแฉลบลงข้างทางที่ไม่น่าจะมีอะไรให้ชนเพราะเป็นทางตรง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็กำลังตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐานพร้อมกับนำซากรถจักรยานยนต์ที่พังยับขึ้นรถกระบะ ส่วนเด็กหนุ่มวัยมหาวิทยาลัยคนนั้นเสียชีวิตคาที่ ขณะนี้รถกู้ภัยนำร่างไปที่โรงพยาบาลและจะติดต่อหาญาติมารับศพกลับไปตามลำดับ
ชินวุธเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจนิดหน่อยที่เหมือนว่าชั่วแวบหนึ่งเขาเห็นไตรภพกับผู้ชายชุดดำคนหนึ่งเดินไปยังจุดเกิดเหตุ แต่เพียงแวบเดียวไตรภพกับชายคนนั้นก็หายไปแล้ว หรือทั้งสองคนนั้นเดินเข้ามาปะปนกับไทยมุง ไม่สิ เป็นไปไม่ได้ เพราะเขาเห็นว่าสองคนนั้นอยู่ห่างจากไทยมุงพอสมควร ห่างจากพวกเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย และบริเวณข้างถนนที่เกิดอุบัติเหตุมันเป็นป่า หากสองคนนั้นกลับเข้ามาหาพวกไทยมุงเขาต้องเห็นแน่ แต่นี่เหมือนกับว่าสองคนนั้นจะหายไปเฉย ๆ
เมื่อเหตุการณ์สงบและเจ้าหน้าที่เคลียร์พื้นที่เรียบร้อยไทยมุงก็ทยอยจากไปทีละคน ชินวุธก็เลิกใส่ใจจุดเกิดเหตุแล้วจะกลับไปที่รถตัวเอง แต่ชั่วพริบตาเขาก็เห็นเปลวเพลิงสีแดงลุกโชนบริเวณจุดที่เกิดอุบัติเหตุซึ่งมีกองเลือดของผู้เสียชีวิตกระจายอยู่หลายจุด กลางเปลวเพลิงนั้นมีเงาสีเข้มรูปร่างแปลกบิดไหวคล้ายจะได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
"เฮ้ย!" ชินวุธอุทานออกมาด้วยความตกใจ แต่คนที่ยังอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนี้ไม่มีใครสนใจสักคน หรือมันเป็นเรื่องปกติที่อาจจะมีไฟป่าลุกขึ้นมาแบบนี้
แต่ที่น่าแปลกกว่าคือเขาเห็นไตรภพที่ยืนห่างออกไปยื่นมือมาที่เปลวเพลิง ขยับมือเบา ๆ แล้วเพลิงก็โยกไหวเต้นระริกตามมือเขา
"ท่านครับ มนุษย์คนนั้นมองเห็นเรา"
"ช่างเขาเถอะ เขาเป็นคนมีจิตสัมผัสแรงกล้า แล้วจิตยังแข็งมากด้วย ไม่เป็นไรหรอก"
"แล้วเขาจะไม่เอาเรื่องของเราไปพูดเหรอครับ"
"ใครจะเชื่อล่ะ คนสมัยนี้ไม่ค่อยเชื่อเรื่องแบบนี้กันแล้ว จิตก็อ่อนจนสัมผัสพวกเราไม่ได้ เพราะกิเลสคลุมกายจนหนาเตอะ"
"นั่นสิครับ" ธนินทร์เลิกสนใจมนุษย์ที่ยืนมองพวกเขาจากที่ห่างออกไป เขายื่นมือไปข้างหน้า แล้วเงาสีดำหลายสายที่อยู่กลางเปลวเพลิงก็พุ่งเข้ามาสู่มือ เขากำมือขยำเบา ๆ มันก็แตกกระจายสูญสลายไปในอากาศพร้อมกับเปลวเพลิงที่ลดความแรงกล้าลงจนจางหายไปจากพื้นที่ตรงนั้นโดยที่บริเวณนั้นไม่มีร่องรอยการเผาไหม้เลย
ส่วนคนที่ยืนอยู่ห่างออกไปก็เหมือนจะถูกตรึงให้ยืนนิ่งงันอยู่กับที่และไม่ขยับไปไหนเลยแม้จะยืนอยู่บนถนน
"มนุษย์ ออกไปจากที่นี่ได้แล้ว มายืนกลางถนนแบบนี้มันอันตราย"
"อ๊ะ!" ชินวุธสะดุ้งเฮือกรู้สึกตัวทันที เขามองหน้าชายชุดดำที่ยืนตรงหน้าแล้วสติก็กลับมาและรู้ตัวว่าตัวเองยืนอยู่บนถนน โชคดีที่ยามสายเช่นนี้ไม่มีรถวิ่งผ่านไปมา
"รีบไปสิ ที่นี่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณ"
"อะ... ครับ" ชินวุธขยับตัวเดินออกมาแล้วรีบกลับไปที่รถตัวเอง เขามองชายชุดดำที่แต่งกายเหมือนกับอินทรา เสื้อคอตั้งแขนยาวสีดำ กางเกงสีดำ บูทหนังสีดำ แต่ชายคนนี้ไม่ได้มีท่าทีเย็นชาพูดจาไม่รับแขกแบบอินทรา
เมื่อกลับขึ้นรถชินวุธก็หันไปมองชายชุดดำอีกครั้ง แต่เขาไม่เห็นชายคนนั้นอยู่ที่ใดเลย แม้แต่ไตรภพก็ไม่อยู่แล้ว สองคนนั้นหายไปไหนเร็วจริง ๆ จะว่าขี่รถจักรยานยนต์หรือขับรถยนต์ไปก็ไม่น่าใช่ เพราะบริเวณนี้มีรถเขาแค่คันเดียวเท่านั้น
เขาเลิกใส่ใจความแปลกประหลาดที่ได้พบเจอแล้วไปทำงานต่อตามปกติ ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่สนใจสังคมรอบตัวเอาเสียเลย แต่เขาไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติที่พิสูจน์ไม่ได้ ถึงจะมีคนพบเจอเรื่องแปลกอย่างผีวิญญาณแล้วเอามาเล่าทางออนไลน์มากมาย แต่ในเมื่อเขาไม่เคยเจอมาก่อน จะให้เชื่อมันก็คงไม่ใช่
เมื่อเลิกงานในตอนเย็นชินวุธก็ขับรถกลับหมู่บ้าน หามื้อค่ำกินจนอิ่มก็กลับอพาร์ตเมนต์ แล้วเขาก็เห็นผู้ร่วมอาศัยเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา แต่คืนนี้เหมือนว่าผู้อาศัยจะมากขึ้นกว่าเดิม
ทันทีที่เขาก้าวเท้าเข้าไปด้านในโถง สุนัขสีดำรูปร่างเพรียวบางสูงเกือบเท่าอกเขาก็กระโจนออกมายืนตรงหน้า จมูกแหลมของมันยื่นเข้ามาจนใกล้ ใบหูยาวเรียวแหลมกระดิกเบา ๆ ดวงตาสีอำพันมองมาด้วยความสนใจใคร่รู้
"เฮ้ย! หมามาจากไหน!" ชินวุธถอยหลังทันทีเพราะไม่แน่ใจในความปลอดภัยของตนเอง เขาไม่ไว้ใจสุนัขที่ตนเองไม่ได้เลี้ยงหรอกนะ
"อนูบิส อย่าแกล้งเขา" เสียงทุ้มเย็นแต่แฝงความดุของคนดูแลอพาร์ตเมนต์ปรามออกมา
"หึ มนุษย์ที่น่าสนใจ" สุนัขสีดำที่ไตรภพเรียกว่าอนูบิสแสยะยิ้มแยกเขี้ยวขาวแล้วขยับถอยหลังไปสองสามก้าว
ชินวุธชะงักงันด้วยความอึ้ง นี่เขาหูฝาดไปหรือเปล่า เหมือนว่าเมื่อกี้สุนัขตัวนี้มันจะพูดออกมาใช่ไหม
"อนูบิส! ถ้ายังไม่เลิกเล่นสนุกผมจะถอนวีซ่าคุณแล้วไล่กลับอียิปต์นะ" ไตรภพปรามด้วยเสียงดุอีกครั้ง
"ก็ได้ ผู้ดูแล ข้าเลิกเล่นก็ได้" สุนัขสีดำหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วยืดตัวขึ้น ฉับพลันร่างกายสุนัขก็เปลี่ยนเป็นชายหนุ่มใบหน้าคมสัน ผมสีดำตัดสั้น ผิวสีทองแดง สวมเครื่องประดับทำด้วยทองคำฝังอัญมณีรอบบ่า สวมกำไลทองคำลวดลายเดียวกับที่บ่า ไม่สวมเสื้อ แต่สวมผ้านุ่งสีขาวยาวเลยเข่า มีสายรัดเอวเส้นยาวปักด้วยเลื่อมสีสันสวยงาม และสวมรองเท้าสาน
ชินวุธถึงกับอ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็น แต่สติเขายังดีอยู่จึงไม่ร้องโวยวายออกมากับความเหลือเชื่อที่สุนัขกลายร่างเป็นคนได้
"อนูบิส ข้าบอกว่าไม่ให้แกล้งมนุษย์ยังไงล่ะ หากเจ้าทำตัวแบบนี้คราวหลังข้าไม่ชวนเจ้าไปเที่ยวที่ไหนอีกแล้ว" ชายอีกคนที่แต่งกายคล้ายกับอนูบิสเดินออกมาจากด้านในโถงทางเดินพลางต่อว่าด้วยความไม่ชอบใจ
"เจ้าจะจริงจังอะไรนักฮอรัส มนุษย์ที่สามารถเข้ามาถึงอพาร์ตเมนต์นี่ได้หายากนะ ข้าก็แค่อยากทำความรู้จักเท่านั้นเอง เจ้าไม่คิดว่ามนุษย์ผู้นี้น่าสนใจหรือยังไงกัน" อนูบิสหันไปเถียง
"มันแปลกตรงไหนถ้าจะมีมนุษย์บางคนมองเห็นในสิ่งที่มนุษย์คนอื่นมองไม่เห็นน่ะ มันก็มีทุกยุคสมัยนั่นล่ะ เพียงแต่เจ้าไม่ได้พบเจอเท่านั้นเอง" ฮอรัสเถียงกลับ