อพาร์ตเมนต์สามชั้น
รถยนต์ญี่ปุ่นสีบรอนซ์เงินกลางเก่ากลางใหม่วิ่งมาตามถนนสองเลนเข้าตัวอำเภอรอบนอกของจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือ ชายหนุ่มอายุสามสิบห้าปีหน้าตาหงุดหงิดขมวดคิ้วมุ่นอยู่หลังพวงมาลัย เขามองไปข้างหน้าพลางสอดส่ายสายตามองหาห้องเช่าว่างสักห้องหรือบ้านเช่าสักหลังที่พอจะอาศัยอยู่ได้สักสามเดือน แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่บ้านเรือนร้านค้า บ้านเช่าสักหลังไม่มีเลย ไม่ต้องพูดถึงหอพักห้องเช่าหรืออพาร์ตเมนต์ที่เป็นตึกเป็นอาคารอะไรพวกนั้น ชุมชนเล็กที่มีแค่โรงเรียนประถมกับวัดเล็ก ๆ จะมีคนอาศัยอะไรมากมายกัน
"เวรเอ๊ยยย กลับเข้าไปในตัวจังหวัดแล้วเช่าโรงแรมอยู่ดีไหมวะ แต่มันก็โคตรไกล ขับรถไปมาทุกวันเปลืองน้ำมันอีก ท่านประธานคิดยังไงถึงมาสร้างโรงงานที่บ้านนอกขนาดนี้วะเนี่ย แล้วกูก็ดันซวยจับสลากได้จนต้องมาที่นี่อีก จะบ้าตาย"
ถึงจะบ่นมาตลอดทางยังไงก็แก้ไขอะไรไม่ได้ ยิ่งมีคำว่าโบนัสพิเศษปลายปีสองเท่าให้เขาที่ยอมเสียสละมาดูแลโรงงานเปิดใหม่ ชินวุธก็รีบยิ้มประจบเจ้านายแล้วทำสีหน้ายินดีอย่างที่สุดแม้ในใจจะร้องไห้ก็ตาม
อันที่จริงท่านประธานไม่ได้ระบุตัวผู้จัดการฝ่ายคนใดที่จะให้มาดูแลโรงงานที่นี่ชั่วคราว แต่เพราะบรรดาผู้จัดการในแผนกทุกคนไม่มีใครอยากมาอยู่โรงงานใหม่ที่สุดแสนจะบ้านนอกคอกนาบ้านป่าบ้านดอยเช่นนี้จึงจับสลากไม้สั้นไม้ยาวกัน ครั้นจะไม่ร่วมจับสลากด้วยก็เหมือนจะแปลกแยกอยู่คนเดียวแล้วจะถูกค่อนแคะว่าไม่เข้าสังคม แล้วแจ็กพอตก็มาลงที่เขา
ชินวุธถอนหายใจเฮือกแล้วจอดรถหน้าตลาดชุมชนที่ไม่ใหญ่มากนัก เขาหามื้อกลางวันกินจากร้านอาหารตามสั่งใกล้ตลาดแล้วถือโอกาสถามหาบ้านเช่าสักที่ ป้าร้านตามสั่งก็มีน้ำใจบอกมาหลายชื่อและบอกทางไปบ้านเช่าเหล่านั้นให้
เหมือนโชคร้ายจะยังไม่หมด บ้านเช่าทุกหลังที่ป้าร้านตามสั่งและที่ชาวบ้านบอกมามีคนงานต่างด้าวเช่ากันจนเต็มหมดทุกที่ เพราะพื้นที่นอกหมู่บ้านไม่ไกลมีโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้กับโรงงานทำเส้นก๋วยเตี๋ยวแห้ง รวมถึงโรงงานผลิตใบชาอบแห้งของบริษัทเขาด้วย คนงานต่างด้าวจึงมาทำงานกันจนเต็มและจับจองบ้านเช่าอยู่อาศัยกันเป็นกลุ่ม
ชินวุธถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อมีแววว่าคงจะต้องกลับไปเช่าโรงแรมในตัวจังหวัดเป็นแน่แท้ ด้วยความเซ็งในอารมณ์จึงขับรถเล่นกินลมชมวิวยามเย็นไปเรื่อย ๆ แบบไร้จุดหมาย ชุมชนนี้ไม่ใหญ่มากนักและอยู่รวมกันเป็นกระจุก พอออกจากหมู่บ้านก็เป็นทุ่งนาสลับป่าชุมชน
แต่เมื่อกำลังคิดจะวกรถกลับออกไปจากหมู่บ้านเพื่อกลับเข้าเมืองเพราะตอนนี้มันเริ่มจะพลบค่ำแล้ว สายตาก็ไปสบเข้ากับอาคารสีเทาควันบุหรี่ขนาดสามชั้นที่อยู่ริมชายป่าไม่ไกลจากวัดและหมู่บ้าน มันมีหน้าต่างและระเบียงเล็กเรียงรายเป็นแถวคล้ายโรงแรมขนาดเล็ก และมีป้ายที่เขียนว่า
'Paradise Apartment'
ชินวุธเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจกับสิ่งที่เขาเจอ คนในหมู่บ้านไม่มีใครบอกเขาเลยสักคนว่าตรงนี้มีอพาร์ตเมนต์ด้วย หรือเป็นเพราะเขาถามหาแต่บ้านเช่า ไม่ได้ถามหาอพาร์ตเมนต์หรือห้องเช่ารายเดือนก็เลยไม่มีใครบอก
เขาขับรถเข้าไปที่อพาร์ตเมนต์หลังนั้นที่ตั้งโดดเดี่ยวท่ามกลางแมกไม้ ลานจอดรถข้างตัวอาคารโล่งและไม่มีรถจอดอยู่สักคัน บรรยากาศดูวังเวงเงียบเชียบ ด้านหลังเป็นป่าที่ดูทึมทึบ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องยิบย่อยจุดนี้เพราะความเพลียจากการขับรถทั้งวัน
ชินวุธลงจากรถแล้วเดินเข้าประตูอาคารที่อยู่ตรงกลาง มันเหมือนอาคารเดี่ยวสามชั้นที่มีส่วนออฟฟิศอยู่ตรงกลาง แสงไฟดาวน์ไลต์สีนวลทำให้ข้างในตัวอาคารดูอบอุ่น
"คุณมีธุระอะไรที่นี่" ชายที่ถือไม้ถูพื้นถามออกมา
"สวัสดีครับ คือผมอยากจะมาเช่าห้องพักที่นี่สักสามเดือน พอจะมีห้องว่างให้ผมเช่าหรือเปล่าครับ"
"ห้องว่างน่ะมี แต่รอสักพัก คุณไตรภพจะมาบอกเองว่าคุณจะสามารถอยู่ที่นี่ได้หรือไม่"
"อ้าว ทำไมล่ะครับ ในเมื่อมีห้องว่างแล้วให้ผมเช่าไม่ได้เหรอครับ" ชินวุธถามด้วยความไม่เข้าใจระคนไม่ชอบใจที่ผู้ชายคนนี้พูดจาห้วนเหมือนไม่ต้อนรับแขก
"ผมไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ" ชายคนนั้นบอกแล้วถูพื้นต่อโดยไม่สนใจผู้มาเยือนอีก
ชินวุธขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดกับท่าทีของชายคนนั้นแต่ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรออกมา เพียงแค่บ่นว่าชายคนนั้นในใจที่ไร้มารยาทในการต้อนรับแขก
"สวัสดีผู้มาเยือน"
เสียงทักทุ้มเยือกเย็นแต่ทรงอำนาจดังข้างหลังชินวุธจนเขาสะดุ้งนิดหน่อย เขาหันกลับไปทางต้นเสียงด้วยความแปลกใจว่าชายคนนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่เพราะไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าเลย แต่อาจจะเป็นเพราะเขามัวแต่แอบด่าคนถูพื้นอยู่ก็ได้ จึงไม่ทันได้ยินเสียงผู้ชายคนนี้เดินมา
"ผมชื่อไตรภพ เป็นผู้ดูแลที่นี่"
"สวัสดีครับ ผมชื่อชินวุธ ผมอยากเช่าห้องพักที่นี่สักสามเดือนครับ พอจะมีห้องให้ผมเช่าหรือเปล่า" ชินวุธถามพลางมองผู้ชายตรงหน้าที่รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม ผมสีดำซอยยาวระต้นคอ ไฮไลต์ปลายผมด้วยสีแดงเพลิง ผิวสีแทนน้ำผึ้ง ดวงตาคมดุเย็นชาแต่มีเสน่ห์แบบที่ผู้หญิงชอบ สวมต่างหูแบบห่วงหลายอัน เสื้อเชิ้ตสีเข้มแขนสามส่วนไม่ติดกระดุมคอเผยให้เห็นลำคอที่สวมสร้อยหนังจี้เงินรูปหัวกะโหลก กางเกงผ้าเนื้อดี รองเท้าหนังเงาวับ และสวมเลสข้อมือมีลวดลายแปลกทั้งสองข้าง
"อยากเช่าห้องพักเหรอ ทำไมล่ะ"
"พอดีผมต้องย้ายมาดูแลโรงงานอบใบชาที่อยู่เลยจากหมู่บ้านไปทางเหนือประมาณสามเดือนครับ ผมก็เลยต้องหาเช่าห้องพักในระหว่างที่ผมอยู่ที่นี่"
"อ้อ โรงงานนั่นเพิ่งเปิดเมื่อเดือนก่อนเองนี่นะ มีแรงงานต่างชาติมาทำงานกันเยอะเลยนี่"
"ใช่ครับ ผมเลยต้องมาดูแลชั่วคราวจนกว่าทุกอย่างจะเข้าที่"
"อืม" ไตรภพทำเสียงในลำคอเชิงรับรู้แล้วเดินเข้าไปหลังเคาน์เตอร์ที่ว่างเปล่าและไม่มีอะไรประดับนอกจากตะเกียงรูปทรงโบราณตัวเดียว เขานั่งลงบนเก้าอี้แล้วถามออกมา
"คุณกลัวผีหรือเปล่า"
คำถามนี้ทำเอาชินวุธขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมคนดูแลอพาร์ตเมนต์ถามแบบนี้วะ หรือที่นี่มีผี แต่ก็มีคนเช่าอยู่เยอะแยะนี่ หรือห้องว่างนั่นมีผี ไม่สิ ใครที่ไหนจะเปิดเผยว่าอพาร์ตเมนต์ตัวเองมีผีล่ะ ต้องปกปิดกันทั้งนั้น
"ไม่กลัวครับ"
"ก็ดี จะได้อยู่กันได้สงบหน่อย แต่ที่นี่มีกฎอยู่นะ หากคุณไม่ยอมรับหรือปฏิบัติตามไม่ได้ คุณก็ยังต้องทนอยู่จนกว่าจะครบตามสัญญา"
คำบอกแปลก ๆ ของคนดูแลอพาร์ตเมนต์ทำชินวุธขมวดคิ้วอีกรอบ แต่ยังไม่ทันจะถามอะไรไตรภพก็พูดต่อ
"ข้อแรก ห้ามดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ทุกชนิดที่นี่ แม้แต่ในห้องพักก็ห้ามดื่ม ข้อสอง ห้ามเล่นการพนันทุกชนิด ไม่ว่าจะเล่นเพื่อความสนุกหรือเล่นเพื่อเดิมพันก็ไม่ได้ทั้งนั้น ข้อสาม ห้ามพาคนนอกเข้ามาที่นี่ ข้อสี่ ห้ามส่งเสียงดังรบกวนผู้พักอาศัยห้องอื่นทั้งเวลากลางวันและกลางคืน ข้อห้า ห้ามทำสกปรกเลอะเทอะในพื้นที่ส่วนกลาง ไม่งั้นคุณจะถูกอินทราด่าเอา" ไตรภพบอกแล้วพยักพเยิดไปทางคนถูพื้นที่อยู่บริเวณทางเดินหน้าห้องพัก
"ครับ เข้าใจแล้วครับ" ชินวุธรับคำแล้วมองชายที่ชื่ออินทราด้วยความแปลกใจ การแต่งกายของชายคนนี้ดูไม่เหมือนกับพนักงานหรือคนทำความสะอาดเลย เสื้อแขนยาวคอตั้งสีดำ กางเกงขายาวสีดำ แล้วยังสวมบูทหนังสีดำเงาวับด้วย
"และข้อสุดท้าย หากคุณทำสัญญาเช่าแล้วคุณจะไม่สามารถย้ายออกจากที่นี่จนกว่าจะครบตามสัญญา และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นคุณก็ต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะครบตามสัญญาถึงจะออกไปได้ เข้าใจไหม"
"เข้าใจครับ" ชินวุธพยักหน้ารับแบบไม่ค่อยเข้าใจนัก แม้ว่าจะฟังเหมือนคำขู่บังคับกลาย ๆ แต่หมู่บ้านที่สงบเงียบแบบนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นล่ะ อีกอย่างระยะเวลาแค่สามเดือนมันก็ไม่นานหรอก
"ถ้าคุณยอมรับกฎทุกอย่างได้ ก็เซ็นชื่อของคุณลงไป" ไตรภพบอกแล้ววางมือบนเคาน์เตอร์
ชินวุธเลิกคิ้วนิดหน่อยด้วยความแปลกใจ ทั้งที่เขายืนตรงหน้าเคาน์เตอร์และมองไตรภพตลอดเวลาที่ฟังกฎในการอยู่ที่นี่ แต่เขากลับไม่เห็นเลยว่าไตรภพหยิบอะไรขึ้นมาสักอย่าง ที่เห็นคือยกมือมาวางบนเคาน์เตอร์เฉย ๆ แต่ตอนนี้บนเคาน์เตอร์ที่ตอนแรกว่างเปล่ากลับมีเอกสารชุดหนึ่งวางอยู่พร้อมปากกา
"หรือถ้าไม่มั่นใจจะเปลี่ยนใจแล้วไปหาที่พักที่อื่นก็ได้นะ"
"เอ่อ ห้องพักที่นี่เดือนละเท่าไหร่ครับ ค่าวางมัดจำด้วย" ชินวุธถามเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้คุยถึงรายละเอียดค่าใช้จ่ายเลย
"ผมไม่เอาเงิน แค่คุณไปทำบุญถวายสังฆทานทุกวันพระก็พอ"
"ไม่เอาค่าเช่าเหรอครับ" ชินวุธถามด้วยความแปลกใจที่เพิ่มมากขึ้นทุกที ไม่เอาเงิน แต่ให้ไปทำบุญแทน เพราะอะไรกัน
"ผมไม่ต้องการเงินจากคุณ คุณมาอยู่แค่สามเดือนเองนี่ เวลาแค่นั้นไม่มากมายอะไรหรอก คุณเก็บเงินของคุณไว้ใช้เพื่อตัวคุณเองเถอะ"
"เอางั้นเหรอครับ" ชินวุธมองผู้ดูแลอพาร์ตเมนต์หน้านิ่งด้วยความไม่เข้าใจ เขาหยิบสัญญามาอ่านแล้วเขียนชื่อนามสกุลกับข้อมูลของตัวเองลงไปพร้อมระยะเวลา จากนั้นเซ็นชื่อตรงท้ายเอกสาร เสร็จแล้วยื่นส่งให้ผู้ดูแลอพาร์ตเมนต์
"การทำสัญญาเสร็จสิ้น" ไตรภพวางมือทาบลงบนเอกสารสัญญา มันมีแสงวาบออกมาเพียงเสี้ยววินาทีก็หายไปก่อนที่คนที่ยืนหน้าเคาน์เตอร์จะทันสังเกตเห็น
"ไปเอาสัมภาระของคุณมาเถอะ อินทราจะได้พาคุณไปที่ห้องพัก" ไตรภพบอกแล้ววางกุญแจห้องที่มีแท็กหมายเลข 202 บนเคาน์เตอร์
"โอเคครับ" ชินวุธหยิบกุญแจห้องพักแล้วเดินออกไปด้านนอกอาคารกลับไปที่รถ เขาเปิดท้ายรถแล้วลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่กลับเข้าไปในตัวอาคาร
เพราะอาคารนี้มีแค่สามชั้นจึงไม่มีลิฟต์ ชินวุธเดินขึ้นบันไดตามพนักงานของอพาร์ตเมนต์และไปหยุดตรงประตูห้องที่ทำด้วยไม้สีน้ำตาลเข้มขรึมซึ่งอยู่ติดกับบันได มีแผ่นป้ายโลหะสีเงินเขียนหมายเลขห้องติดเอาไว้ด้านบน อินทรายกมือแตะบานประตูเบา ๆ มันก็เปิดออกก่อนที่ชินวุธจะส่งกุญแจห้องให้
"นี่ห้องคุณ พักได้ตามสบาย แต่ผมขอเตือนอย่างหนึ่ง หากตอนกลางคืนได้ยินเสียงอะไรแปลก ๆ คุณก็ไม่ควรจะเปิดประตูออกมาดูเพราะมันไม่ใช่เรื่องของคุณ การอยู่แบบสงบเสงี่ยมไม่สอดรู้สอดเห็นเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองจะเป็นการดีที่สุด" อินทราบอกแล้วเดินออกจากห้องไป
แต่คำบอกของอินทราทำให้ชินวุธรู้สึกยัวะในใจไม่น้อย มันไม่เหมือนคำเตือนสักเท่าไหร่ แต่มันเหมือนคำข่มขู่แฝงคำด่ามากกว่า ช่างเป็นพนักงานที่ปากจัดและไร้มารยาทที่สุดที่เขาเคยเจอมา
ชินวุธพ่นลมหายใจแรงด้วยความหงุดหงิดกับพนักงานไร้มารยาท ทำไมไม่หาพนักงานที่นิสัยสุภาพกว่านี้มาทำงานก็ไม่รู้ แต่ก็นะ ที่นี่มันบ้านนอก ได้แค่นี้ก็คงเต็มที่แล้ว
เขาเลิกใส่ใจพนักงานของอพาร์ตเมนต์แล้วมองสภาพภายในห้องที่กว้างและดูดีกว่าที่คิด เตียงหกฟุตที่คลุมด้วยผ้านวมสีน้ำตาล มีชุดโซฟากับโต๊ะรับแขกตั้งอยู่ตรงมุมห้องฝั่งเดียวกับเตียง ด้านปลายเตียงเป็นเคาน์เตอร์ลิ้นชักยาวสุดผนัง มีโทรทัศน์จอแบนขนาดสี่สิบนิ้วตั้งอยู่ มีประตูกระจกเปิดออกไปที่ระเบียงหลังห้อง ห้องน้ำสะอาด มีม่านพลาสติกขึงกั้นส่วนห้องส้วมกับห้องอาบน้ำ มีตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้งตั้งอยู่หน้าห้องน้ำ
ชินวุธลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้าห้องอาบน้ำ ให้สายน้ำเย็นจากฝักบัวช่วยบรรเทาความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการเดินทางที่ยาวนานทั้งวัน เมื่ออาบน้ำให้สดชื่นแล้วเขาก็เข้านอน