เพราะเจอเรื่องประหลาดเมื่อคืน หลังจากเหตุการณ์สงบชินวุธก็กลับห้องพักตัวเอง อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหยิบโน้ตบุ๊กมาเปิด ใส่รหัสไวไฟของอพาร์ตเมนต์แล้วเข้าอินเทอร์เน็ต จากนั้นก็จมอยู่กับข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติทั้งผีสางนางไม้ เทพเจ้าหลายชาติ และนรกสวรรค์ กว่าจะเข้านอนได้ก็ค่อนคืนไปแล้ว
เช้านี้ชินวุธจึงตื่นสายนิดหน่อย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของเขา ผู้จัดการระดับสูงแบบเขาไม่ต้องสแกนนิ้วลงเวลาทำงาน จะเข้างานกี่โมงออกกี่โมงก็ได้
เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยก็แต่งตัวออกจากห้องเดินลงไปชั้นล่าง อพาร์ตเมนต์เงียบเหงาตามเคย แต่ก็คิดว่าถ้าผู้อาศัยที่นี่เป็นผีก็น่าจะออกมาได้เฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น
"วันนี้วันพระ ไปทำบุญถวายสังฆทานด้วยนะ"
เสียงทักแสนจะห้วนของอินทราทำให้ชินวุธถอนใจก่อนจะหันไปหาต้นเสียง
"ทำไมชอบโผล่มาเงียบ ๆ แบบนี้ทุกทีเนี่ย ทำอย่างกับตัวเองเป็นผีแน่ะ"
"ผมไม่ได้โผล่ออกมาเงียบ ๆ นะ ผมอยู่ตรงนี้ก่อนแล้ว คุณมองไม่เห็นเองต่างหาก" อินทราเถียงออกมา
"อยู่ก่อนแล้วเหรอ"
"คุณมองไม่เห็นพวกเราได้ตลอดเวลาหรอกนะ ขึ้นอยู่กับกระแสจิตสัมผัสของคุณต่างหาก"
"มันคือ..."
"ไปค้นในเน็ตดูเอานะ ผมไม่ว่าง" อินทราบอกแล้วเดินหนีไปเลย
"อะไรวะ หงุดหงิดแต่เช้าเลย สงสัยเพราะอายุมากเลยอารมณ์ขึ้นลง คนแก่ก็ยังงี้แหละนะ" ชินวุธเบ้ปากใส่แล้วเดินออกจากอพาร์ตเมนต์
ขณะที่นั่งกินมื้อเช้าในหมู่บ้าน ชินวุธก็นึกถึงตอนทำสัญญากับไตรภพและคำบอกของอินทราที่ให้เขาไปทำบุญถวายสังฆทานที่วัด เพราะไม่ใช่มนุษย์เลยไม่ต้องการเงินของมนุษย์สินะ แต่ให้ทำบุญแทน
เมื่อจัดการมื้อเช้าจนอิ่มชินวุธก็ไปซื้อถังสังฆทานจำนวนเท่าพระในวัด จากนั้นก็ขับรถไปที่วัด ถวายสังฆทานและกรวดน้ำให้ญาติผู้ใหญ่ที่ล่วงลับ รวมถึงผู้ร่วมอาศัยในอพาร์ตเมนต์ด้วย เสร็จเรียบร้อยก็ขับรถไปทำงาน
วันนี้มีนายช่างกับคนงานมาก่อสร้างอาคารโรงอาหารสำหรับให้คนมาเช่าพื้นที่ขายของในโรงงาน ชินวุธจึงไปดูการทำงานของพวกช่างที่กำลังวางเหล็กเส้นรูปตัวซีเพื่อทำเป็นโครงหลังคา
"ช่างทำงานกันเร็วดีนะ ไม่กี่วันก็น่าจะเสร็จแล้วล่ะ" ชินวุธชมด้วยความพอใจ
"ครับ ตอนนี้ผมได้รายชื่อคนประมูลขายของมาครบแล้วครับ โต๊ะกับม้านั่งก็สั่งไว้หมดแล้ว อาทิตย์หน้าคงจะเริ่มขายอาหารกันได้" ผู้จัดการโรงงานรายงาน
"ก็ดีแล้ว พนักงานจะได้ไม่ต้องออกไปไกล"
"กลับออฟฟิศกันเถอะครับ แดดแรงแบบนี้มันร้อน"
"อืม" ชินวุธพยักหน้าแล้วหันหลังเดินกลับไปกับผู้จัดการ
"นายครับ! หนีเร็ว!" เสียงตะโกนด้วยความตกใจของคนงานก่อสร้างทำให้ชินวุธกับผู้จัดการโรงงานหันกลับไปดู
"เฮ้ย!"
เหล็กเส้นหนึ่งหลุดจากการเชื่อมโลหะไถลลงมาตามแนวลาดเอียงของโครงหลังคาพุ่งใส่ชินวุธด้วยความรวดเร็ว บรรดาคนงานและพนักงานที่เห็นเหตุการณ์ต่างหวีดร้องด้วยความตื่นตระหนก
ปัง!
เหล็กเส้นเหมือนกระแทกอะไรบางอย่างเสียงดังลั่น แล้ววิถีของมันก็เบี่ยงออกจากตัวชินวุธในระยะไม่ถึงเมตร
"คุณชินวุธ!" ผู้จัดการโรงงานรีบดึงชินวุธออกห่างจากพื้นที่ก่อสร้างด้วยความตกใจ
"เกือบไปแล้ว" ชินวุธยกมือลูบหน้าอกด้วยหัวใจเต้นรัวแรง ร่างกายเย็นเฉียบสั่นสะท้านด้วยความตระหนก หากเหล็กเส้นไม่เบี่ยงออกไป มันต้องกระแทกใส่ตัวเขาแน่
"อันตรายจริง ๆ เลยนะครับ" ผู้จัดการโรงงานถอนหายใจโล่งอกเฮือกใหญ่ที่ไม่เกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้น
"นั่นสินะ" ชินวุธถอนหายใจออกมา แล้วเขาก็ชะงักไปนิดหน่อยเมื่อได้ยินเสียงแผ่วเบาข้างหู
"ระวังตัวด้วยนะ มีอะไรบางอย่างตามคุณอยู่"
"อะไรนะ" ชินวุธหันไปทางต้นเสียงทันที แต่เขาไม่เห็นตัวเจ้าของเสียง และไม่ได้ยินอะไรอีกเลย
"มีอะไรครับ" ผู้จัดการโรงงานหันมาถามด้วยความแปลกใจ
"ก็... เปล่า ไม่มีอะไร ผมคงหูฝาดไปน่ะ" ชินวุธบอกไปแบบนั้น แต่เขามั่นใจว่าหูตัวเองไม่ฝาดแน่นอน เพราะเสียงที่ได้ยินนั้นคือเสียงของธนินทร์
หลังจากนั่งพักให้ใจสงบแล้วชินวุธก็กลับไปทำงานต่อและไม่เข้าใกล้บริเวณพื้นที่ก่อสร้างอีกเลย แต่กระนั้นก็ได้ยินพนักงานหลายคนคุยกันถึงเรื่องเหล็กเส้นนั้นที่พวกช่างบอกว่า อยู่ ๆ จุดที่เชื่อมกับเหล็กเส้นอื่นก็แตกออกจากกันหมดทุกจุดแล้วเลื่อนลงไปทั้งที่เชื่อมเอาไว้แน่นหนาแล้ว
ชินวุธฟังพวกพนักงานคุยกันแล้วนึกถึงคำเตือนของธนินทร์ที่ให้ระวังตัวเพราะมีอะไรบางอย่างตามเขา แล้วมันคืออะไรล่ะ ธนินทร์จัดการไม่ได้เหรอในเมื่อเป็นถึงยมทูต หรือสิ่งที่ตามเขามันมีพลังมากกว่ายมทูตกันนะ
ในเมื่อหาคำตอบไม่ได้ชินวุธจึงเลิกใส่ใจมันชั่วคราวแล้วทำงานต่อจนถึงเวลาเย็นก็ออกจากโรงงาน เพราะคำเตือนจากยมทูตเขาจึงขับรถด้วยความระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนถึงหมู่บ้าน อะไรบางอย่างที่ตามเขาคงจะถูกธนินทร์จัดการไปแล้วล่ะ
ชินวุธหามื้อค่ำในหมู่บ้านกินจนอิ่มแล้วกลับอพาร์ตเมนต์ในตอนค่ำ แต่พอจะก้าวเข้าประตูอพาร์ตเมนต์อินทราก็มายืนขวางเอาไว้พร้อมกับถือหอกที่มีเปลวเพลิงเต้นระริกบนใบหอกเรียวยาวคมกริบ
"หยุดอยู่ตรงนั้น ห้ามเข้ามา" อินทรายกมือห้ามแล้วเอาด้ามหอกกระแทกพื้น
"ทำไมครับ" ชินวุธเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ยมทูตขี้หงุดหงิดมาอารมณ์ไหนอีกนี่ถึงห้ามเขาเข้าอพาร์ตเมนต์
"ไม่ใช่คุณ ตัวข้างหลังต่างหาก" อินทราว่าแล้วขว้างหอกที่มีเปลวเพลิงพุ่งผ่านเฉียดหน้าชินวุธไปข้างหลัง กระแสพลังกรีดแก้มชินวุธจนร้อนผ่าว
เสียงกรีดร้องแหลมเล็กระคายหูดังเสียดแทงโสตประสาทจนชินวุธสะดุ้งเฮือกหันหลังกลับไปทันที แล้วเขาก็เห็นเงาดำขนาดสูงมากกว่าสามเมตร ดวงตาสีแดงก่ำลึกโบ๋ มันกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดแล้วดึงหอกเพลิงที่กำลังเผาไหม้ตัวมันออก
"เฮ้ย!"
"จะหันไปมองมันทำไม รีบเข้าไปข้างในสิ" อินทรากระชากแขนชินวุธเหวี่ยงเข้าไปข้างในอพาร์ตเมนต์แล้วพุ่งใส่แขกไม่ได้รับเชิญ เขากางมือออกแล้วหอกเพลิงก็ปรากฏในมือพร้อมแทงเงาดำตรงหน้า
ชินวุธที่ถูกเหวี่ยงเข้ามาข้างในก็เซถลาตามแรงเหวี่ยงจนตั้งตัวแทบไม่ทัน แล้วตัวเขาก็ถูกหยุดไว้ด้วยมือของเทพฮอรัสก่อนจะหน้าคะมำลงไปวัดพื้น
"เป็นอะไรหรือเปล่ามนุษย์"
"ไม่ครับ แต่เงานั่นคืออะไรครับ"
"ไม่รู้สิ แต่ข้าคิดว่ามันอันตรายสำหรับเจ้า อย่าออกไปข้างนอกล่ะ" ฮอรัสเตือนแล้วมองยมทูตสะบัดหอกเพลิงใส่เงาดำรวดเร็วจนเหมือนมีหอกเพิ่มขึ้นมานับสิบเล่ม
"ไปเล่นกับไอ้ตัวนั้นดีกว่าฮอรัส" อนูบิสบอกด้วยน้ำเสียงสนุกสนานแล้วพุ่งออกไปร่วมวงต่อสู้ด้วย
"เจ้าจะไปยุ่งอะไรกับมันล่ะอนูบิส นี่เป็นอาณาเขตของประเทศอื่นนะ" ฮอรัสรีบห้าม แต่เหมือนจะไม่ได้ผลเพราะอนูบิสชักดาบฟันใส่เงาดำนั่นแล้ว
เมื่อเจอยมทูตที่ใช้หอกเพลิงกับพลังอำนาจของเทพเจ้าที่มันไม่รู้จัก เงาดำก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบและถูกหอกเพลิงแทงทะลุอก เปลวเพลิงสีแดงเข้มลุกโชนไปทั่วตัวมัน เผาไหม้มันจนสลายหายไปพร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวนที่สั่นโสตประสาทของชินวุธจนต้องยกมือปิดหู
"อะไรกัน ทำไมมันอ่อนแอเช่นนี้ล่ะ ข้ายังไม่ทันได้ออกแรงเลย" อนูบิสบ่นด้วยความแปลกใจที่ยังไม่ทันได้สนุกกับการต่อสู้เงาดำก็สลายไปแล้ว
"มันเป็นแค่สัมภเวสีชั้นต่ำครับ แต่มารวมตัวกันจนมีขนาดใหญ่ขึ้นเท่านั้นเอง" อินทราบอกแล้วคลายมือที่กำหอกเพลิงออก หอกเพลิงก็จางหายไป
"น่าเบื่อจริง" อนูบิสพ่นลมหายใจแรงด้วยความเบื่อหน่ายแล้วเดินตามอินทรากลับเข้าอพาร์ตเมนต์
"มันคือสัมภเวสีเหรอ แล้วมันตามผมมาทำไม" ชินวุธถามด้วยความไม่เข้าใจที่สุด
"เพราะวันนี้คุณไปถวายสังฆทานเจ็ดชุดยังไงล่ะ แต้มบุญของคุณเลยสูง พวกสัมภเวสีชั้นต่ำมันอยากได้แต้มบุญของคุณก็เลยตามมาทำร้ายเพื่อแย่งแต้มบุญ ตอนอุบัติเหตุที่โรงงานนั่นก็ฝีมือพวกมัน" ธนินทร์บอกแล้วปรากฏตัวออกมา
"แต่เมื่อก่อนผมก็เคยถวายสังฆทานเจ็ดชุดนะ เก้าชุดก็เคย ยังไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นแบบวันนี้เลย" ชินวุธแย้งออกมา
"เพราะคุณทำสัญญากับผมด้วยน่ะ คุณจึงมีออร่าที่มากกว่ามนุษย์ทั่วไป หากพวกสัมภเวสีชั้นต่ำได้แต้มบุญจากคุณ มันจะสามารถหลุดพ้นจากบ่วงกรรมอาฆาตพยาบาทของมันกลายเป็นวิญญาณได้" ไตรภพบอกแล้วเดินเข้ามาหา
"ฟังดูซับซ้อนนะ แต่มันคงเป็นระบบโลกวิญญาณของประเทศพวกเจ้า ข้าออกไปเที่ยวข้างนอกดีกว่า ไปกันเถอะฮอรัส" อนูบิสหมดความสนใจแล้วเดินออกไปจากอพาร์ตเมนต์ ฮอรัสก็ตามไปด้วย แล้วสองเทพเจ้าจากแดนไกลก็เลือนหายไป
ชินวุธเลิกสนใจเทพเจ้ายุคโบราณแล้วหันมาถามไตรภพต่อ เพราะเหมือนว่าจะมีเรื่องที่เขาไม่เข้าใจเพิ่มมากขึ้นทุกที ซึ่งรายละเอียดหลายอย่างมันไม่มีบอกไว้ในอินเทอร์เน็ต แล้วยังเชื่อถือไม่ได้ด้วยกับข้อมูลที่เขียนไปคนละทิศละทาง จะถามธนินทร์ก็ไม่ค่อยเจอตัว จะถามอินทราก็คงไม่ได้เรื่องเพราะมักจะไล่ให้เขาไปค้นในอินเทอร์เน็ตทุกที
ไตรภพอธิบายถึงลำดับชั้นของวิญญาณตั้งแต่ระดับต่ำสุดถึงระดับสูงสุดที่สามารถขึ้นสวรรค์ได้ วิญญาณคนบาปก็จะถูกดึงลงไปรับโทษในแดนนรก แต่พวกสัมภเวสีคือดวงจิตอาฆาตพยาบาทที่ไม่สามารถไปไหนได้และต้องวนเวียนหาเศษส่วนบุญจากมนุษย์ ส่วนชินวุธคือมนุษย์ที่ทำสัญญากับผู้ดูแลวิญญาณอย่างไตรภพจึงมีออร่าเปล่งออกมามากกว่ามนุษย์ทั่วไป พวกสัมภเวสีจึงให้ความสนใจเป็นพิเศษ บวกกับคืนนี้คือวันพระแรมสิบห้าค่ำ พลังงานของพวกมันจึงมากกว่าปกติ
"แล้วพวกที่อยู่ในอพาร์ตเมนต์นี่ล่ะครับ" ชินวุธถามพลางมองผู้ร่วมอาศัยที่แอบมองมาจากมุมด้านในเพราะตกใจที่เจอเงาดำมาอาละวาดข้างหน้าอพาร์ตเมนต์จนวิ่งหนีกันไปหมด
"พวกนี้คือวิญญาณที่ตายทั้งที่ยังไม่หมดอายุขัย ผมรับมาดูแลจนกว่าวิญญาณจะระลึกได้ว่าตนเองเป็นใคร มีความปรารถนาอะไรค้างในใจ เมื่อระลึกได้และทำสิ่งที่ค้างในใจเสร็จสิ้นก็จะเปลี่ยนเป็นวิญญาณที่รอวันตัดสินโดยท่านยมราช ทีนี้จะขึ้นสวรรค์หรือลงนรกก็แล้วแต่ผลกรรมที่เคยทำเอาไว้เมื่อตอนมีชีวิตอยู่" ไตรภพอธิบายอีก
"คุณก็ทำแต่กรรมดีไว้ล่ะ พอตายไปจะได้ไม่ถูกยมทูตลากลงนรก" อินทราบอกด้วยรอยยิ้มเยาะ
"ถึงผมจะไม่ใช่คนดีนัก แต่อย่างน้อยผมก็ไม่ใช่คนชอบหาเรื่องใครก่อนเหมือนยมทูตบางคนแน่นอนครับ" ชินวุธตอบกลับด้วยรอยยิ้มเยาะแบบเดียวกัน
"เริ่มอีกละครับ" ธนินทร์ถอนหายใจเฮือก
"ก็ดูจะเข้ากันได้ดีนี่ ปากจัดทั้งคู่" ไตรภพว่าแล้วเดินหนี
"นั่นสิครับ" ธนินทร์ทำหน้าเบื่อใส่ยมทูตกับมนุษย์ที่จ้องหน้าหาเรื่องกันแล้วเดินหนีอีกคน