เด็กผู้หญิงตัวน้อย

2005 คำ
วันนี้ชินวุธตื่นสายนิดหน่อยเพราะเป็นวันหยุดของเขา หลังจากจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก็ออกจากห้องเพื่อจะไปหามื้อเช้ากิน แล้วเขาก็เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่หน้าห้องถัดไปอีกสองห้อง ก็รู้นะว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่มนุษย์แน่นอน แต่เห็นเด็กร้องไห้แบบนี้เขาก็ทนไม่ได้หรอก "หนู ร้องไห้ทำไม" "ฮือ... หนูคิดถึงแม่ หนูอยากกลับบ้าน แม่จ๋า แม่อยู่ไหน... ฮืออ..." "อย่าร้องไห้สิเด็กดี แล้วเพื่อนหนูล่ะไปไหนหมด" ชินวุธถามอีกเพราะจำได้ว่าเคยเห็นเด็กคนนี้วิ่งเล่นกับเด็กผู้ชายอีกสองคนที่น่าจะอายุมากกว่าสักสามสี่ปี "หนูไม่รู้ หนูตื่นมาก็ไม่เจอแม่แล้ว แม่หนูอยู่ไหน หนูอยากหาแม่ ฮืออ..." ชินวุธเกาหัวแกรก ๆ เพราะไม่รู้จะตอบยังไง ดูแล้วเด็กคนนี้อายุน่าจะสักห้าหกขวบเท่านั้นเอง ตายตั้งแต่ยังเด็กแบบนี้น่าสงสารจัง "เอ่อ... ลุงว่าหนูกลับห้องก่อนดีไหม แล้วลุงจะไปตามคุณไตรภพมาหา" "ไม่เอา หนูจะหาแม่" เด็กหญิงยิ่งร้องไห้โฮออกมา ชินวุธเกาหัวอีกทีแบบไม่รู้จะทำยังไงต่อ จะทิ้งเด็กคนนี้เอาไว้แล้วลงไปข้างล่างก็ไม่รู้จะเจอใครบ้าง เพราะปกติตอนกลางวันแบบนี้เขาไม่เคยเจอใครเลยสักคน นอกจากจะแว้บออกมาเอง แล้วจะไปตามหาใครที่ไหนได้ล่ะวะ "เอางี้ เราไปด้วยกันเถอะ" ชินวุธยื่นมือไปหาเด็กหญิงแบบไม่มั่นใจว่าจะแตะตัวเธอได้หรือเปล่า เพราะรู้มาว่าวิญญาณจะไม่มีกายหยาบแบบมนุษย์ แต่ดูแล้วเธอก็เหมือนมนุษย์มีเลือดเนื้อปกติ ไม่ได้โปร่งแสงขาวซีดแบบที่เคยได้ยินคนเล่าเรื่องผีทางออนไลน์เล่ากัน ชินวุธใช้ปลายนิ้วสัมผัสแขนเด็กหญิงแผ่วเบา มันเย็นเฉียบเลยทีเดียว แต่ก็สามารถแตะตัวได้เหมือนปกติ เขาจึงตัดสินใจอุ้มเด็กหญิงขึ้นมา "ไม่ไปทำงานหรือไง มายุ่งอะไรกับเด็กผู้หญิงล่ะ หรือเป็นพวกตาแก่หัวงู" เสียงทักทายกวนประสาทแบบนี้ทำชินวุธถอนหายใจเฮือก อยากจะด่ากลับนะ แต่เขาอุ้มเด็กที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ เพราะงั้นจดลงบัญชีเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน ค่อยไปคิดบัญชีทีหลัง "เลิกหาเรื่องผมสักพักก่อนได้ไหม แล้วบอกผมก่อนว่าจะทำยังไงกับเด็กคนนี้" "ส่งเด็กมาให้ผมเถอะ" อินทรายื่นมือออกมา ชินวุธจึงส่งเด็กหญิงให้อุ้มแทน "เด็กน้อย หนูชื่ออะไร" อินทราถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแบบที่ชินวุธต้องเลิกคิ้วเพราะไม่คิดว่าจะพูดแบบนี้เป็นด้วย "หนู... ฮึก... ชื่อแป้ง" เด็กน้อยปาดน้ำตาแล้วตอบด้วยเสียงสะอื้น "บ้านอยู่ที่ไหน จำได้หรือเปล่า" "บ้านหนูอยู่ข้างบ้านป้าสม มีต้นมะม่วงที่หนูชอบปีน มีหมาชื่อถ้วยฟู มีแมวชื่อไมโล มีพ่อ มีแม่... ฮือ... แม่..." คำบอกของเด็กหญิงทำให้ชินวุธถึงกับกุมขมับ แล้วแบบนี้เขาจะพากลับบ้านได้ยังไง "เข้าใจแล้ว" อินทรายกมือทาบหน้าผากเด็กหญิงแล้วหลับตาลง ครู่หนึ่งก็ลืมตาขึ้นมา "เดี๋ยวฉันจะพากลับบ้านเองนะ" "ผมไปด้วย!" ชินวุธรีบบอกแทรกทันที "คุณจะไปทำไม ผมจะพาเด็กคนนี้กลับบ้านให้ไปพบแม่ของเธอซึ่งเป็นความปรารถนาในใจของเธอ" "ผมก็อยากจะช่วยเธอเหมือนกันนะ" "จะช่วยทำไม ลูกก็ยังไม่มีสักหน่อย แฟนก็ไม่มีด้วย" ชินวุธถึงกับสะอึกเมื่อเจอคำพูดแบบแทงใจดำ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะหาแฟนไม่ได้หรอกนะ เขาแค่อยากอยู่เป็นโสดและไม่อยากมีครอบครัวต่างหาก "แล้วคุณจะไปยังไง ขับรถไปเหรอ สามชั่วโมงเลยนะนั่น แต่ถ้าผมไปเองแค่สามวินาทีก็ถึงแล้ว แล้วคุณจะไปทำไม นี่เป็นเรื่องของวิญญาณนะ ไม่ใช่เรื่องของมนุษย์" อินทราถามด้วยรอยยิ้มเยาะ "ก็..." ชินวุธเงียบไปเพราะหาคำมาโต้แย้งไม่ได้ "ถ้าอยากไปด้วย เดี๋ยวผมพาไปเองก็ได้" ไตรภพบอกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแล้วปรากฏตัวข้างชินวุธ "ผมไปได้เหรอครับ" ชินวุธถามด้วยความแปลกใจ "ไปได้สิ แค่จิตนะ" ไตรภพบอกแล้วยกมือจับบ่าชินวุธ ชั่วพริบตาชินวุธรู้สึกเหมือนร่างกายถูกกระชากเบา ๆ แล้วรอบตัวก็มืดลง แต่เขากลับเห็นอินทราที่อุ้มเด็กผู้หญิงกับไตรภพที่ยกมือจับบ่าเขาชัดเจน เพียงครู่เดียวก็สว่างขึ้น ชินวุธมองไปรอบ ๆ ด้วยความทึ่งจัด ตรงที่เขายืนอยู่ไม่ใช่ระเบียงทางเดินหน้าห้องพักของอพาร์ตเมนต์ แต่เป็นถนนของหมู่บ้านที่ไหนสักที่ อินทราอุ้มเด็กหญิงเดินไปที่บ้านหลังหนึ่งตามที่เด็กหญิงชี้ เป็นบ้านที่มีต้นมะม่วงขึ้นอยู่ริมรั้ว สุนัขสีขาวพันธุ์ปอมเมอเรเนียนตัวหนึ่งที่อยู่ในบ้านก็เห่าด้วยเสียงตื่นกลัวแต่ก็ยังกระดิกหางดีใจสลับกันไปมา "นั่นบ้านเธอเหรอครับ" "ใช่ เข้าไปข้างในกันเถอะ" ไตรภพบอกแล้วเดินตามอินทราไป ชินวุธก็รีบตามไปติด ๆ แล้วเขาก็ต้องหยุดเท้าเมื่อชายสูงวัยในชุดขาวที่ยืนข้างประตูบ้านยกมือห้ามเขาไว้ "ท่านครับ คนที่ตามท่านมานั่น..." ชายสูงวัยในชุดขาวหันมาถามไตรภพแล้วมองคนที่ตามมาด้วยสายตาแปลกใจ "เขามากับผมเอง อนุญาตให้เขาเข้าไปเถอะ" "ได้ครับ ถ้าเขามากับท่าน" ผู้สูงวัยในชุดขาวพยักหน้าให้ชินวุธแล้วเลือนหายไป "นั่นใครครับ เจ้าที่เหรอ" ชินวุธถามด้วยเสียงเบา "ใช่ เจ้าที่ประจำศาลพระภูมิในบ้าน จะคอยอารักขาบ้านและไล่พวกสัมภเวสีผีเร่ร่อนไม่ให้เข้าไปรบกวนคนในบ้าน" ชินวุธพยักหน้าหงึกหงักแล้วตามไตรภพเข้าไปข้างในบ้าน เขามองอินทราที่ยืนอยู่กลางบ้าน เด็กหญิงแป้งก็โผเข้ากอดแม่ แล้วสองแม่ลูกก็ร้องไห้กันระงม แต่เดี๋ยวสิ แม่เธอเป็นมนุษย์นะ มองเห็นลูกที่เป็นวิญญาณได้ยังไง "แม่เธอหลับอยู่น่ะ ถ้าจะพูดให้ถูกคือ อินทราทำให้แม่เธอหลับ แล้วให้พบกับลูกสาวที่ตายไปในความฝัน" ไตรภพหันมาบอกเมื่อเห็นหน้าตาสงสัยของคนยืนข้างกัน ชินวุธมองสองแม่ลูกที่คุยกันสองสามคำและร่ำลากันทั้งน้ำตาด้วยความรู้สึกสะท้อนในอก การลาจากแบบนี้มันน่าเจ็บปวดจริง ๆ แต่ก็ยังดีที่ยังได้มีโอกาสร่ำลากันเป็นครั้งสุดท้าย ผิดกับเขาที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะร่ำลาน้องชายที่เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตตอนไปเที่ยวกับเพื่อน สักพักอินทราก็ยื่นมือไปหาเด็กหญิงแป้งและอุ้มเธอขึ้นแขน เด็กหญิงแป้งโบกมือลาแม่ด้วยรอยยิ้มแล้วร่างเธอก็กลายเป็นแสงสว่างก่อนจะหายไป แม่ของเธอก็หายไปเช่นกัน "กลับกันเถอะ เด็กน้อยไปสู่ภพภูมิเพื่อรอวันตัดสินผลกรรมแล้ว อีกเดี๋ยวแม่ของเธอก็จะตื่นแล้วล่ะ" ไตรภพบอกแล้วจับบ่าชินวุธ ชั่วพริบตาชินวุธก็เหมือนจะถูกกระชากเบา ๆ แล้วเขาก็รู้สึกว่ามีมือเย็นเฉียบมาแแตะแขนเขาเขย่าเบา ๆ "นี่คุณ เป็นอะไรหรือเปล่า ยืนนิ่งเลย" เสียงไม่คุ้นหูหลายเสียงดังรอบตัวทำให้สติของชินวุธกลับมา แล้วเขาก็เห็นผู้อาศัยในอพาร์ตเมนต์หลายคนยืนล้อมรอบตัวเขาอยู่ "เอ๊ะ! เอ่อ... ผมไม่เป็นไรครับ" ชินวุธรีบบอกเมื่อเห็นสายตาเป็นห่วงส่งมาที่เขา "ไม่เป็นอะไรจริงนะ ผมเห็นคุณยืนนิ่งอยู่ตรงนี้ตั้งนานแน่ะ เรียกยังไงก็ไม่รู้สึกตัว" ชายวัยกลางคนคนหนึ่งถาม "นั่นสิ ผู้ดูแลกับพวกยมทูตก็ไม่อยู่สักคน คิดว่าคุณเจอพวกสัมภเวสีแบบคืนวันพระเล่นงานเอาเสียแล้ว" ผู้หญิงอีกคนหนึ่งบอก "ขอโทษครับ ผมไม่เป็นอะไรจริง ๆ ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ" ชินวุธยิ้มให้ผู้ร่วมอาศัย "ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ" ผู้ร่วมอาศัยยิ้มให้แล้วแยกย้ายกันไป "คุณลุงพาน้องนิดไปไหน น้องนิดไม่ได้กลับมาด้วยเหรอ" เด็กชายวัยประถมคนหนึ่งที่ยังยืนอยู่ถามด้วยหน้าตาสงสัย "ใครล่ะนั่นน้องนิด" "ก็น้องนิดที่ใส่เสื้อสีชมพูกางเกงขาสั้นสีขาวไงครับ ผมไม่รู้ชื่อเธอก็เลยเรียกน้องนิด" "อ๋อ น้องชื่อแป้งต่างหาก อินทราพาเธอกลับบ้านไปแล้วล่ะ" "เธอกลับบ้านไปแล้วเหรอ เธอจำเรื่องของตัวเองได้แล้วเหรอ ดีจังเลยครับ ผมยังนึกเรื่องของตัวเองไม่ออกเลย" เด็กชายหน้ามุ่ยลง "อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ สักวันเธอก็นึกออกเองล่ะ" ชินวุธยกมือยีผมเด็กชายวัยประถมด้วยความเอ็นดู "ครับ" "ไปเล่นกับเพื่อนเถอะ" "ก็ได้ครับ" เด็กชายบอกแล้วเดินจากไป ชินวุธถอนใจเบา ๆ หวังว่าทุกคนจะจำเรื่องราวของตัวเองได้และไปสู่ภพภูมิที่สงบของวิญญาณแบบเด็กหญิงแป้ง แต่หลังจากนั้นจะเป็นยังไงต่อก็ต้องแล้วแต่บุญกรรมที่ตัวเองทำไว้ เขาเองก็คงต้องหมั่นเข้าวัดทำบุญถวายสังฆทานเพิ่มแต้มบุญให้ตัวเองมาก ๆ แล้วล่ะ เมื่อผู้ร่วมอาศัยแยกย้ายกันไปหมดแล้วชินวุธก็รู้สึกหิวขึ้นมา ตั้งแต่เช้าเขายังไม่ได้กินอะไรเลย แต่พอล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาดูเวลาเขาก็ต้องเลิกคิ้วกับเวลาที่แสดงบนหน้าจอ ตอนนี้มันหกโมงเย็นแล้ว มิน่าล่ะเขาถึงรู้สึกหิวมาก แต่เขาไปกับไตรภพตอนสิบโมงและอยู่ที่บ้านเด็กหญิงแป้งไม่น่าจะเกินหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ ทำไมเวลามันผ่านไปเร็วแบบนี้ล่ะ แต่เวลาของโลกมนุษย์กับเวลาของที่นี่อาจจะไม่เท่ากันก็ได้ แล้วตัวเขาหลงมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเขาเองยังไม่รู้เลย เพราะงั้นก็ช่างมันเถอะ ชินวุธเลิกใส่ใจเรื่องเวลาแล้วเดินลงบันไดไปชั้นล่าง ขับรถไปที่หมู่บ้านเพื่อหามื้อค่ำกิน ร้านค้าในหมู่บ้านปิดหมดแล้ว ยังดีที่มีร้านสะดวกซื้อยี่สิบสี่ชั่วโมง ถ้าไม่มีร้านสะดวกซื้อวันนี้เขาคงได้อดข้าวแน่ เมื่อคิดว่าตัวเองอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่ไม่ใช่ของโลกมนุษย์ ชินวุธจึงซื้ออาหารแห้งหลายอย่างไปตุนไว้เผื่อหิวและเผื่อฉุกเฉิน แต่ที่อพาร์ตเมนต์ไม่มีตู้เย็นเขาจึงซื้อของได้ไม่กี่อย่าง พอกลับไปถึงห้องพักที่อพาร์ตเมนต์ชินวุธก็เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเพราะตรงมุมห้องข้างเคาน์เตอร์วางทีวีมีตู้เย็นขนาดเล็กแบบที่โรงแรมมีไว้บริการในห้องพัก มันมาจากไหน มาเมื่อไหร่ ใครเอามันมา และรู้ได้ยังไงว่าเขาอยากได้ตู้เย็น แต่มันจะมาได้ยังไงก็ช่างเถอะ มีตู้เย็นแบบนี้ก็ดีแล้ว จะได้ซื้อของกินมาตุนไว้เผื่อหิวตอนกลางคืน เมื่อจัดการมื้อค่ำจนอิ่มและยัดของกินใส่ตู้เย็นเรียบร้อยชินวุธก็ไปอาบน้ำแล้วเข้านอน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม