วันนี้ชินวุธตื่นสายนิดหน่อยเพราะเป็นวันหยุดของเขา หลังจากจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก็ออกจากห้องเพื่อจะไปหามื้อเช้ากิน แล้วเขาก็เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่หน้าห้องถัดไปอีกสองห้อง
ก็รู้นะว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่มนุษย์แน่นอน แต่เห็นเด็กร้องไห้แบบนี้เขาก็ทนไม่ได้หรอก
"หนู ร้องไห้ทำไม"
"ฮือ... หนูคิดถึงแม่ หนูอยากกลับบ้าน แม่จ๋า แม่อยู่ไหน... ฮืออ..."
"อย่าร้องไห้สิเด็กดี แล้วเพื่อนหนูล่ะไปไหนหมด" ชินวุธถามอีกเพราะจำได้ว่าเคยเห็นเด็กคนนี้วิ่งเล่นกับเด็กผู้ชายอีกสองคนที่น่าจะอายุมากกว่าสักสามสี่ปี
"หนูไม่รู้ หนูตื่นมาก็ไม่เจอแม่แล้ว แม่หนูอยู่ไหน หนูอยากหาแม่ ฮืออ..."
ชินวุธเกาหัวแกรก ๆ เพราะไม่รู้จะตอบยังไง ดูแล้วเด็กคนนี้อายุน่าจะสักห้าหกขวบเท่านั้นเอง ตายตั้งแต่ยังเด็กแบบนี้น่าสงสารจัง
"เอ่อ... ลุงว่าหนูกลับห้องก่อนดีไหม แล้วลุงจะไปตามคุณไตรภพมาหา"
"ไม่เอา หนูจะหาแม่" เด็กหญิงยิ่งร้องไห้โฮออกมา
ชินวุธเกาหัวอีกทีแบบไม่รู้จะทำยังไงต่อ จะทิ้งเด็กคนนี้เอาไว้แล้วลงไปข้างล่างก็ไม่รู้จะเจอใครบ้าง เพราะปกติตอนกลางวันแบบนี้เขาไม่เคยเจอใครเลยสักคน นอกจากจะแว้บออกมาเอง แล้วจะไปตามหาใครที่ไหนได้ล่ะวะ
"เอางี้ เราไปด้วยกันเถอะ" ชินวุธยื่นมือไปหาเด็กหญิงแบบไม่มั่นใจว่าจะแตะตัวเธอได้หรือเปล่า เพราะรู้มาว่าวิญญาณจะไม่มีกายหยาบแบบมนุษย์ แต่ดูแล้วเธอก็เหมือนมนุษย์มีเลือดเนื้อปกติ ไม่ได้โปร่งแสงขาวซีดแบบที่เคยได้ยินคนเล่าเรื่องผีทางออนไลน์เล่ากัน
ชินวุธใช้ปลายนิ้วสัมผัสแขนเด็กหญิงแผ่วเบา มันเย็นเฉียบเลยทีเดียว แต่ก็สามารถแตะตัวได้เหมือนปกติ เขาจึงตัดสินใจอุ้มเด็กหญิงขึ้นมา
"ไม่ไปทำงานหรือไง มายุ่งอะไรกับเด็กผู้หญิงล่ะ หรือเป็นพวกตาแก่หัวงู"
เสียงทักทายกวนประสาทแบบนี้ทำชินวุธถอนหายใจเฮือก อยากจะด่ากลับนะ แต่เขาอุ้มเด็กที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ เพราะงั้นจดลงบัญชีเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน ค่อยไปคิดบัญชีทีหลัง
"เลิกหาเรื่องผมสักพักก่อนได้ไหม แล้วบอกผมก่อนว่าจะทำยังไงกับเด็กคนนี้"
"ส่งเด็กมาให้ผมเถอะ" อินทรายื่นมือออกมา ชินวุธจึงส่งเด็กหญิงให้อุ้มแทน
"เด็กน้อย หนูชื่ออะไร" อินทราถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแบบที่ชินวุธต้องเลิกคิ้วเพราะไม่คิดว่าจะพูดแบบนี้เป็นด้วย
"หนู... ฮึก... ชื่อแป้ง" เด็กน้อยปาดน้ำตาแล้วตอบด้วยเสียงสะอื้น
"บ้านอยู่ที่ไหน จำได้หรือเปล่า"
"บ้านหนูอยู่ข้างบ้านป้าสม มีต้นมะม่วงที่หนูชอบปีน มีหมาชื่อถ้วยฟู มีแมวชื่อไมโล มีพ่อ มีแม่... ฮือ... แม่..."
คำบอกของเด็กหญิงทำให้ชินวุธถึงกับกุมขมับ แล้วแบบนี้เขาจะพากลับบ้านได้ยังไง
"เข้าใจแล้ว" อินทรายกมือทาบหน้าผากเด็กหญิงแล้วหลับตาลง ครู่หนึ่งก็ลืมตาขึ้นมา
"เดี๋ยวฉันจะพากลับบ้านเองนะ"
"ผมไปด้วย!" ชินวุธรีบบอกแทรกทันที
"คุณจะไปทำไม ผมจะพาเด็กคนนี้กลับบ้านให้ไปพบแม่ของเธอซึ่งเป็นความปรารถนาในใจของเธอ"
"ผมก็อยากจะช่วยเธอเหมือนกันนะ"
"จะช่วยทำไม ลูกก็ยังไม่มีสักหน่อย แฟนก็ไม่มีด้วย"
ชินวุธถึงกับสะอึกเมื่อเจอคำพูดแบบแทงใจดำ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะหาแฟนไม่ได้หรอกนะ เขาแค่อยากอยู่เป็นโสดและไม่อยากมีครอบครัวต่างหาก
"แล้วคุณจะไปยังไง ขับรถไปเหรอ สามชั่วโมงเลยนะนั่น แต่ถ้าผมไปเองแค่สามวินาทีก็ถึงแล้ว แล้วคุณจะไปทำไม นี่เป็นเรื่องของวิญญาณนะ ไม่ใช่เรื่องของมนุษย์" อินทราถามด้วยรอยยิ้มเยาะ
"ก็..." ชินวุธเงียบไปเพราะหาคำมาโต้แย้งไม่ได้
"ถ้าอยากไปด้วย เดี๋ยวผมพาไปเองก็ได้" ไตรภพบอกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแล้วปรากฏตัวข้างชินวุธ
"ผมไปได้เหรอครับ" ชินวุธถามด้วยความแปลกใจ
"ไปได้สิ แค่จิตนะ" ไตรภพบอกแล้วยกมือจับบ่าชินวุธ
ชั่วพริบตาชินวุธรู้สึกเหมือนร่างกายถูกกระชากเบา ๆ แล้วรอบตัวก็มืดลง แต่เขากลับเห็นอินทราที่อุ้มเด็กผู้หญิงกับไตรภพที่ยกมือจับบ่าเขาชัดเจน
เพียงครู่เดียวก็สว่างขึ้น ชินวุธมองไปรอบ ๆ ด้วยความทึ่งจัด ตรงที่เขายืนอยู่ไม่ใช่ระเบียงทางเดินหน้าห้องพักของอพาร์ตเมนต์ แต่เป็นถนนของหมู่บ้านที่ไหนสักที่
อินทราอุ้มเด็กหญิงเดินไปที่บ้านหลังหนึ่งตามที่เด็กหญิงชี้ เป็นบ้านที่มีต้นมะม่วงขึ้นอยู่ริมรั้ว สุนัขสีขาวพันธุ์ปอมเมอเรเนียนตัวหนึ่งที่อยู่ในบ้านก็เห่าด้วยเสียงตื่นกลัวแต่ก็ยังกระดิกหางดีใจสลับกันไปมา
"นั่นบ้านเธอเหรอครับ"
"ใช่ เข้าไปข้างในกันเถอะ" ไตรภพบอกแล้วเดินตามอินทราไป
ชินวุธก็รีบตามไปติด ๆ แล้วเขาก็ต้องหยุดเท้าเมื่อชายสูงวัยในชุดขาวที่ยืนข้างประตูบ้านยกมือห้ามเขาไว้
"ท่านครับ คนที่ตามท่านมานั่น..." ชายสูงวัยในชุดขาวหันมาถามไตรภพแล้วมองคนที่ตามมาด้วยสายตาแปลกใจ
"เขามากับผมเอง อนุญาตให้เขาเข้าไปเถอะ"
"ได้ครับ ถ้าเขามากับท่าน" ผู้สูงวัยในชุดขาวพยักหน้าให้ชินวุธแล้วเลือนหายไป
"นั่นใครครับ เจ้าที่เหรอ" ชินวุธถามด้วยเสียงเบา
"ใช่ เจ้าที่ประจำศาลพระภูมิในบ้าน จะคอยอารักขาบ้านและไล่พวกสัมภเวสีผีเร่ร่อนไม่ให้เข้าไปรบกวนคนในบ้าน"
ชินวุธพยักหน้าหงึกหงักแล้วตามไตรภพเข้าไปข้างในบ้าน เขามองอินทราที่ยืนอยู่กลางบ้าน เด็กหญิงแป้งก็โผเข้ากอดแม่ แล้วสองแม่ลูกก็ร้องไห้กันระงม แต่เดี๋ยวสิ แม่เธอเป็นมนุษย์นะ มองเห็นลูกที่เป็นวิญญาณได้ยังไง
"แม่เธอหลับอยู่น่ะ ถ้าจะพูดให้ถูกคือ อินทราทำให้แม่เธอหลับ แล้วให้พบกับลูกสาวที่ตายไปในความฝัน" ไตรภพหันมาบอกเมื่อเห็นหน้าตาสงสัยของคนยืนข้างกัน
ชินวุธมองสองแม่ลูกที่คุยกันสองสามคำและร่ำลากันทั้งน้ำตาด้วยความรู้สึกสะท้อนในอก การลาจากแบบนี้มันน่าเจ็บปวดจริง ๆ แต่ก็ยังดีที่ยังได้มีโอกาสร่ำลากันเป็นครั้งสุดท้าย ผิดกับเขาที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะร่ำลาน้องชายที่เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตตอนไปเที่ยวกับเพื่อน
สักพักอินทราก็ยื่นมือไปหาเด็กหญิงแป้งและอุ้มเธอขึ้นแขน เด็กหญิงแป้งโบกมือลาแม่ด้วยรอยยิ้มแล้วร่างเธอก็กลายเป็นแสงสว่างก่อนจะหายไป แม่ของเธอก็หายไปเช่นกัน
"กลับกันเถอะ เด็กน้อยไปสู่ภพภูมิเพื่อรอวันตัดสินผลกรรมแล้ว อีกเดี๋ยวแม่ของเธอก็จะตื่นแล้วล่ะ" ไตรภพบอกแล้วจับบ่าชินวุธ
ชั่วพริบตาชินวุธก็เหมือนจะถูกกระชากเบา ๆ แล้วเขาก็รู้สึกว่ามีมือเย็นเฉียบมาแแตะแขนเขาเขย่าเบา ๆ
"นี่คุณ เป็นอะไรหรือเปล่า ยืนนิ่งเลย" เสียงไม่คุ้นหูหลายเสียงดังรอบตัวทำให้สติของชินวุธกลับมา แล้วเขาก็เห็นผู้อาศัยในอพาร์ตเมนต์หลายคนยืนล้อมรอบตัวเขาอยู่
"เอ๊ะ! เอ่อ... ผมไม่เป็นไรครับ" ชินวุธรีบบอกเมื่อเห็นสายตาเป็นห่วงส่งมาที่เขา
"ไม่เป็นอะไรจริงนะ ผมเห็นคุณยืนนิ่งอยู่ตรงนี้ตั้งนานแน่ะ เรียกยังไงก็ไม่รู้สึกตัว" ชายวัยกลางคนคนหนึ่งถาม
"นั่นสิ ผู้ดูแลกับพวกยมทูตก็ไม่อยู่สักคน คิดว่าคุณเจอพวกสัมภเวสีแบบคืนวันพระเล่นงานเอาเสียแล้ว" ผู้หญิงอีกคนหนึ่งบอก
"ขอโทษครับ ผมไม่เป็นอะไรจริง ๆ ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ" ชินวุธยิ้มให้ผู้ร่วมอาศัย
"ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ" ผู้ร่วมอาศัยยิ้มให้แล้วแยกย้ายกันไป
"คุณลุงพาน้องนิดไปไหน น้องนิดไม่ได้กลับมาด้วยเหรอ" เด็กชายวัยประถมคนหนึ่งที่ยังยืนอยู่ถามด้วยหน้าตาสงสัย
"ใครล่ะนั่นน้องนิด"
"ก็น้องนิดที่ใส่เสื้อสีชมพูกางเกงขาสั้นสีขาวไงครับ ผมไม่รู้ชื่อเธอก็เลยเรียกน้องนิด"
"อ๋อ น้องชื่อแป้งต่างหาก อินทราพาเธอกลับบ้านไปแล้วล่ะ"
"เธอกลับบ้านไปแล้วเหรอ เธอจำเรื่องของตัวเองได้แล้วเหรอ ดีจังเลยครับ ผมยังนึกเรื่องของตัวเองไม่ออกเลย" เด็กชายหน้ามุ่ยลง
"อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ สักวันเธอก็นึกออกเองล่ะ" ชินวุธยกมือยีผมเด็กชายวัยประถมด้วยความเอ็นดู
"ครับ"
"ไปเล่นกับเพื่อนเถอะ"
"ก็ได้ครับ" เด็กชายบอกแล้วเดินจากไป
ชินวุธถอนใจเบา ๆ หวังว่าทุกคนจะจำเรื่องราวของตัวเองได้และไปสู่ภพภูมิที่สงบของวิญญาณแบบเด็กหญิงแป้ง แต่หลังจากนั้นจะเป็นยังไงต่อก็ต้องแล้วแต่บุญกรรมที่ตัวเองทำไว้ เขาเองก็คงต้องหมั่นเข้าวัดทำบุญถวายสังฆทานเพิ่มแต้มบุญให้ตัวเองมาก ๆ แล้วล่ะ
เมื่อผู้ร่วมอาศัยแยกย้ายกันไปหมดแล้วชินวุธก็รู้สึกหิวขึ้นมา ตั้งแต่เช้าเขายังไม่ได้กินอะไรเลย แต่พอล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาดูเวลาเขาก็ต้องเลิกคิ้วกับเวลาที่แสดงบนหน้าจอ ตอนนี้มันหกโมงเย็นแล้ว มิน่าล่ะเขาถึงรู้สึกหิวมาก แต่เขาไปกับไตรภพตอนสิบโมงและอยู่ที่บ้านเด็กหญิงแป้งไม่น่าจะเกินหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ ทำไมเวลามันผ่านไปเร็วแบบนี้ล่ะ
แต่เวลาของโลกมนุษย์กับเวลาของที่นี่อาจจะไม่เท่ากันก็ได้ แล้วตัวเขาหลงมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเขาเองยังไม่รู้เลย เพราะงั้นก็ช่างมันเถอะ
ชินวุธเลิกใส่ใจเรื่องเวลาแล้วเดินลงบันไดไปชั้นล่าง ขับรถไปที่หมู่บ้านเพื่อหามื้อค่ำกิน ร้านค้าในหมู่บ้านปิดหมดแล้ว ยังดีที่มีร้านสะดวกซื้อยี่สิบสี่ชั่วโมง ถ้าไม่มีร้านสะดวกซื้อวันนี้เขาคงได้อดข้าวแน่
เมื่อคิดว่าตัวเองอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่ไม่ใช่ของโลกมนุษย์ ชินวุธจึงซื้ออาหารแห้งหลายอย่างไปตุนไว้เผื่อหิวและเผื่อฉุกเฉิน แต่ที่อพาร์ตเมนต์ไม่มีตู้เย็นเขาจึงซื้อของได้ไม่กี่อย่าง
พอกลับไปถึงห้องพักที่อพาร์ตเมนต์ชินวุธก็เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเพราะตรงมุมห้องข้างเคาน์เตอร์วางทีวีมีตู้เย็นขนาดเล็กแบบที่โรงแรมมีไว้บริการในห้องพัก มันมาจากไหน มาเมื่อไหร่ ใครเอามันมา และรู้ได้ยังไงว่าเขาอยากได้ตู้เย็น
แต่มันจะมาได้ยังไงก็ช่างเถอะ มีตู้เย็นแบบนี้ก็ดีแล้ว จะได้ซื้อของกินมาตุนไว้เผื่อหิวตอนกลางคืน
เมื่อจัดการมื้อค่ำจนอิ่มและยัดของกินใส่ตู้เย็นเรียบร้อยชินวุธก็ไปอาบน้ำแล้วเข้านอน