จูเหมยลี่เตรียมสะพายตะกร้าพาบุตรสาวลงจากเชิงเขา เพื่อเอาของไปเก็บก่อนนางได้กลิ่นลูกพีช นางอยากกินจะตายอยู่แล้ว เซียวจ้านเป่ยเดินมาหาก่อนจะแย่งเอาตะกร้ามาเอง
" ข้าเอาไปเก็บเอง อืมพอแล้วไหมเมียข้าจะยามเซินแล้วข้าซื้อของมามากมายนัก ยังไม่ได้ขนลงจากเกวียนเลย"
เซียวจ้านเป่ยเห็นของในตะกร้าก็แปลกใจ บางชนิดเขาเดินผ่านทุกวัน แต่นางกลับเก็บมันเสียทุกต้น มันกินได้จริงๆหรือ แต่ตั้งแต่เรื่องบัวหิมะเขาก็ไม่กล้าขัดใจนางอีก เห็นตัวเล็กๆ เท้าหนักไม่ใช่น้อย
"ข้าได้กลิ่นผลท้อน่ะ ข้าอยากกินท่านลุงท่านพาผิงผิงไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวข้ากลับทีหลังเอง"
พูดจบก็หมุนตัวไปบนเขา เซียวจ้านเป่ยคว้าแขนกลมกลึงของนางไว้ก่อนจะวางตะกร้าลง
"เอาตะกร้าไว้นี่ก่อนก็ได้ ที่นี่ไม่มีใครขึ้นมาไม่มีของหายหรอก ไปกันเถอะ"
จากนั้นเซียวจ้านเป่ยก็อุ้มเซียวลี่ผิงขี่คอ เดินตามจูเหมยลี่ไปสักพักไม่นาน ก็เจอต้นท้อจริงๆ ลูกท้อสีชมพูเข้มกลิ่นหอมมาก
จูเหมยลี่วิ่งเข้าหาทันที ก่อนจะเด็ดลงมาแล้วตัดเถาวัลย์ใกล้เคียงนำน้ำในเถาวัลย์มาล้างลูกท้องสองลูก เซียวจ้านเป่ยเป็นนายพรานยังไม่รู้วิธีนี้เลย ผู้หญิงคนนี้ใช่คนเดียวกับที่วันๆก้มหน้าอยู่แต่ในแปลงนาคนนั้นจริงๆหรือ
จูเหมยลี่ผ่าผลท้อออกแล้วแคะเม็ดทิ้ง ส่งให้เซียวจ้านเป่ยกับบุตรสาวคนละชิ้น เนื้อด้านในสีเหลืองทองตัดกับเปลือกนอกสีชมพูเข้ม กลิ่นหวานอมเปรี้ยวทำให้เด็กน้อยกัดคำโตทันที
"อืม ท่านแม่อร่อยมากเลยเจ้าค่ะ ผิงผิงชอบมากๆเลย ท่านแม่ข้าช่วยท่านเก็บนะเจ้าคะ"
เซียวลี่ผิงขอบิดาลงมาช่วยมารดาเก็บลูกท้อ จูเหมยลี่อุ้มนางขึ้นมา ให้นางเด็ดทีละลูก เซียวจ้านเป่ยถือตะกร้าเดินตาม เขาเอาตะกร้าใบเล็กมาไม่รู้ว่าจะมีหลายสิบต้น
"เหมยลี่ เก็บเยอะไปกินไม่ทันจะเน่าเสียเปล่าๆนะ"
"ที่บ้านมีไหดินเผาอยู่กี่ใบกันท่านลุง ข้าจะทำท้อแช่อิ่ม อร่อยมากเลยท่านต้องไปกองทัพเอาไปด้วยสิเวลาหิวจะได้ไม่ต้องทรมาน"
เซียวจ้านเป่ยดีใจรู้สึกหวานนักที่นางนึกถึงเขา แต่เขาแยกแยะได้ตั้งแต่เจอหน้านางเรียกเขาว่าท่านลุงสองคำแล้ว คืนนี้จะจูบเจ้าให้ขาดใจเด็กบ้า ตกลงกันแล้วเรียกอีกจะถูกลงโทษเพราะฉะนั้นเจ้าจะโทษข้าไม่ได้นะ
เก็บได้เต็มตะกร้าแล้วก็พากันไปยังจุดที่พวกเขาจากมาเอาตะกร้าอีกใบที่ใส่ผลท้อวางไว้ จูเหมยลี่เอ่ยกับบุตรสาว
"ผิงผิง แม่คิดว่าแม่น่าจะเจอน้ำผึ้งหวานๆด้วย แต่ว่าผึ้งตัวน้อยๆต่อยเจ็บมาก เจ้าต้องนั่งอยู่ตรงนี้นะห้ามตามแม่ไปอยู่กับท่านพ่อ ลูกจะเป็นเด็กดีได้หรือไม่"
"อืม ลูกอยู่ตรงนี้คนเดียวได้เจ้าค่ะ ท่านพ่อไปกับท่านแม่นะเจ้าคะ ลูกไม่อยากให้ผึ้งตัวน้อยต่อยท่านแม่ ได้ไหมเจ้าคะท่านพ่อ"
บริเวณนี้เป็นป่าด้านนอกไม่อันตรายมากนัก นอกจากกระต่าย ไก่ป่าหรือเพียงพอนก็ไม่มีสัตว์ดุร้าย เซียวจ้านเป่ยจึงพยักหน้า จูนเหมยลี่รู้ดีว่านางหวาดกลัวว่าจะถูกทิ้งจึงพยักหน้า แล้วเรียกบุตรสาวมาหา
"มานี่เดี๋ยวแม่จะซ่อนลูกไว้ เผื่อผึ้งตัวน้อยบินมา ลูกก็ไม่ต้องทะเลาะกับพวกมันแล้ว"
จูเหมยลี่เอาของออกจากตะกร้าใบใหญ่วางกองไว้ข้าง ใต้ต้นไม้ใหญ่มีหลุมลึกประมาณหนึ่งฉื่อ กว้างพอดีกับปากตะกร้า จูเหมยลี่ถอดเสื้อตัวนอกออกปูในหลุม ให้บุตรสาวลงไปนอน
เด็กน้อยนอนลงมองหน้านาง จูเหมยลี่หอมหน้าผากแล้วบอกว่าไปไม่นาน จากนั้นก็เอาตะกร้ามาครอบไว้ ก่อนจะหันไปหาเซียวจ้านเป่ย
"ท่านลุง เอาเสื้อตัวนอกท่านคลุมตะกร้าไว้ เผื่อผึ้งบินมาทางนี้ลูกเราจะได้ปลอดภัย"
เซียวจ้านเป่ยถอดเสื้อตัวนอกออกคลุมตะกร้าที่บุตรสาวซ่อนอยู่
"แม่กับพ่อไปไม่นาน ผิงผิงนั่งอยู่ในนี้ก่อนนะ"
เซียวจ้านเป่ยเอ่ยบอกก็ได้ยินบุตรสาวตอบกลับมาว่าได้
จากนั้นทั้งคู่ก็พากันเดินไปยังต้นไม่ใหญ่ด้านหน้า ไม่ไกลจากที่เด็กน้อยอยู่ประมาณสิบจั้ง ก็เจอต้นไม้ใหญ่มีรวงผึ้งใหญ่ถึงสามรวง แต่อยู่สูงไปหน่อย จูเหมยลี่ที่สูงถึง175แทบอยากร้องไห้ เด็กคนนี้อายุสิบห้าย่างสิบหกสูงน่าจะ160เองมั้ง
"เธอเกิดมาเตี้ยเนี่ยมันทำชีวิตคนอื่นลำบากนะนังหนู ฉันอยากจะบ้าเคยได้แต่มองลงมาแต่ตอนนี้ต้องแหงนหน้าขึ้นแทน โถชีวิต"
ยืนมองรังผึ้งแล้วบ่นคนเดียว เซียวจ้านเป่ยได้ยินทุกคำ แต่เขาไม่รู้นางหมายถึงอะไร ผิงผิงอยู่ตรงนั้นปลอดภัยดี ตอนนี้ต้องจัดการคนตรงหน้าให้เลิกเรียกเขาท่านลุงเสียก่อน ลูกไม่อยู่นี่ลงโทษเต็มที่ได้
"เหมยลี่ รวงผึ้งนั้นไม่ต้องกังวลข้าสามารถเอาลงมาให้เจ้าได้ทั้งหมดแต่เรามาคุยกันหน่อย บอกหน่อยสิว่าข้าควรทำเช่นไรกับเจ้าดี วันนี้เรียกข้าท่านลุงกี่ครั้งแล้ว หืมม"
เซียวจ้านเป่ยเดินมาซ้อนด้านหลัง นางกำลังแหงนคอมองรวงผึ้งด้านบนจึงไม่ตั้งตัว เขาอุ้มนางก่อนจะพาไปนั่งบนโขดหินใต้ต้นไม้อีกฝั่ง
"เซียวจ้านเป่ย ท่านทำอะไรเนี่ย รีบไปเก็บรวงผึ้งเข้าเถอะลูกรออยู่เดี๋ยวตกใจขวัญเสียนะ อื้อ"
เซียวจ้านเป่ยจูบนางดูดดื่ม จูเหมยลี่ผลักเขาออกแต่ไม่ขยับสักนิด
มือหนาเริ่มซุกซนจนนางต้องยึดไว้ แต่สุดท้ายนยก็ไม่สำเร็จเขาแหวกสาบเสื้อนางออก จ้องมองทรงอกอวบอิ่มอย่างหลงใหล
"อย่าดื้อสิเด็กดี ต้องนวดบ่อยๆไม่งั้นเดี๋ยวไม่ใหญ่นะ อยากได้ใหญ่กว่านี้ไม่ใช่หรือ ลี่เอ๋อร์จ๋าหิวจังขอกินได้ไหม หืมม"
จูเหมยลี่อ่อนเป็นขี้ผึ้งเลยก็ว่าได้ เซียวจ้านเป่ยคนนี้หวานเกินไปแล้ว นางต้องตั้งสติดีไม่งั้นพลาดพลั้งถูกจับกินแน่
"ไม่ได้ ลูกรออยู่อีกอย่างหนวดท่านทิ่มเนื้อข้าเจ็บให้แค่มองก็พอแล้ว ไปเก็บรวงผึ้งเถอะ เดี๋ยวฝนตกจะลงเขาลำบาก อื้อ เซียวจ้านเป่ย อย่าดูดสิ บอกไม่ฟังเลยคนบ้า อื้อ ดูดเบาๆๆข้าเสียว อูย เซียวจ้านเป่ยต่อไปไม่เรียกท่านว่าท่านลุงแล้ว ลงโทษข้าพอหรือยัง"
นางพูดอยู่คนเดียวเพราะอีกคนเอาแต่ก้มหน้าก้มตาดูดกลืนยอดอกที่แข็งชูชันนั้นอย่างหลงใหล จูเหมยลี่ทำอะไรเขาไม่ได้ สุดท้ายเลยยอมให้เขาตักตวงความหวานจนกว่าเขาจะพอใจ
"ท่านพี่ พอเถอะนะเจ้าคะ ผิงผิงรอนานแล้วนะ อื้อ พอเถอะ ท่านพี่ฟังข้าหน่อยสิเจ้าคะ"
เซียวจ้านเป่ยปล่อยนางอย่างเสียดาย เวลาอยากเอาตัวรอดจากเขาก็หวานนัก นางทำให้เขาไม่อยากไปชายแดนเสียแล้ว
"ลี่เอ๋อร์ หากไม่กลัวว่าเวลาที่ข้าไม่อยู่แล้วจะทำเจ้าลำบากข้าคงจับเจ้ากินไปแล้ว รอข้านะสองปีเท่านั้น มีน้องให้ผิงผิงสักห้าหกคน ดีไหม"
"ท่านจะบ้าหรือ เชิญคลอดเองเถอะข้ามีให้ท่านแค่สองคนพอแล้ว"
เซียวจ้านเป่ยยิ้มกว้างนางตกลงแล้ว แต่ไม่นานจูเหมยลี่ก็นึกได้ ตายห่ารับปากเขาเฉย อยู่ใกล้เขามากๆไม่ได้แล้ว อันตรายๆจริงๆ
"เจ้ารับปากแล้วนะสามคนนะขอเพิ่มอีกคน เด็กดียังไม่อิ่มเลย คืนนี้ลูกหลับขอกินอีกนะๆ"
"ถ้าไม่โกนหนวดไม่ให้แล้ว เจ็บนมไปหมดคนบ้า"
จูเหมยลี่ถลึงตาใส่เขาก่อนจะกระชับสาบเสื้อเข้าหากัน เซียวจ้านเป่ยหัวเราะ เฮ้อถ้าไม่ติดว่าจะหาทางติดต่อเสด็จอาของเขาล่ะก็เขาไม่ไปเป็นทหารก็ได้
เซียวจ้านเป่ยไม่ต้องการเป็นซื่อจื่อจวนอ๋อง เขาต้องการออกมาตั้งจวนเองอยู่กับลูกเมียที่อี้โจว เฝ้าหลุมศพเสด็จแม่เท่านั้น เขาเกลียดเสด็จพ่อ บิดาที่ลูกหายไปแต่ไม่คิดติดตามต้องเป็นบิดาเช่นไรกัน หากเขาไม่แต่งฉู่หรานซินเข้ามา บุตรชนเช่นเขาก็คงไม่ถูกตามฆ่า
เซียวจ้านเป่ยเหินทีเดียวก็ถึงรวงผึ้งที่เกาะกิ่งไม้อยู่
เขาสะบัดแขนเสื้อจนผึ้งแตกออกไปรีบใช้มีดตัดรวงผึ้งลงทั้งสามรวงทีเดียว
เก็บรังผึ้งได้แล้วเก็บโอบเอวพาจูเหมยลี่ออกจากตรงนั้นทันที นางกอดคอเขาแน่นจูเหมยลี่เก่งทุกอย่างยกเว้นเรื่องเดียว นางกลัวความสูง
เซียวจ้านเป่ยคนบ้านี้ พริบตามาถึงที่ซ่อนเซียวลี่ผิงเอาไว้ เปิดตะกร้าออกอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา พากับเก็บของใส่ตะกร้าตามเดิม แล้วอุ้มเด็กน้อยพากันลงเขาเดินกลับบ้าน
ทันทีที่ถึงบ้านก็เห็นคนกำลังรื้อเกวียนที่จอดอยู่ เซียวจ้านเป่ยแน่ใจว่าปิดประตูลงกลอนแล้วนะหรือว่ากลอนมีปัญหา คนที่กำลังรื้อข้าวของคือจูหมิงซูบุตรสาวจูพั่งลุงใหญ่ของนาง ส่วนอีกคนคือป้าสะใภ้ที่ขายนางมา นางเหวิน จูเหมยลี่วางบุตรสาวลงก่อนจะหันไปหาเซียวจ้านเป่ย
"พาลูกไปที ข้าไม่อยากให้นางเห็นสิ่งที่ข้าจะทำ" เซียวจ้านเป่ยทำหน้าสงสัยแต่ก็ยอมอุ้มเซียวลี่ผิงเดินไปในบ้านแล้วสั่งว่าอย่าออกมาพ่อจะไปดูท่านแม่ เด้กน้อยก้เชื่อฟังแล้วนอนบนเตียงแต่โดยดี
"พวกเจ้าทำอะไรกัน จูหมิงซู เหวินซื่อ วางข้าวของบ้านข้าลงเดี๋ยวนี้"
จูเหมยลี่สั่งเสียงเย็น เซี่ยตงหยางที่กำลังจะมาหาสหายถึงกับยืนฟังอยู่นอกรั้ว เสียงนางดูมีอำนาจนัก
"แหม่นังสารเลว มีผัวเข้าหน่อยทำเสียงแข็งใส่ข้า พวกข้าเห็นสามีเจ้าเอาหมูป่าไปขาย ซื้อของกลับมามากมาย เจ้าแต่งมาสี่วันแล้ว ไม่กลับบ้านเดิมนำข้าวของไปคำนับข้ากับลุงเจ้า หึยังมีผู้อาวุโสอยู่ในสายตาหรือไม่ ผ้าไหมเหล่านี้เจ้าสามคนใส่ไม่หมดหรอก ส่วนชุดพวกนี้พอดีตัวซู่เอ๋อร์นัก เจ้าออกเรือนแล้ววันๆเลี้ยงแต่อีเด็กลูกติดนั่นจะสวยไปทำไม หรืออยากหนีตาชู้แบบเมียเก่าเขาล่ะ โอ๊ย"
ตุบ เหวินซื่อกระเด็นไปนอนแอ่งแม้งทันที จูเหมยลี่เท้าไม่เบาสักนิดเตะป้าสะใภ้จนลอยไปกระแทกกับรั้วบ้าน จูหมิงซูหวีดร้องโวยวายเสียงดัง
ไม่นานคนที่ยังทำงานอย่แปลงนา และบางคนกำลังล้างเครื่องมือเกษตรเพื่อกลับบ้านได้ยินพากันวิ่งมาทันที
จูพั่งที่วิ่งมาตามเสียงกรีดร้องเห็นภรรยาตนเองล้มอยู่ลุกไม่ไหวก็ถามบุตรสาวว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อรู้สาเหตุก็เดินสามขุมมาหาจูเหมยลี่เตรียมจะทุบตี
"นางสารเลว ข้าวของเหล่านั้นถ้าข้าต้องการมันก็เป็นของพี่สาวเจ้า เป็นของป้าสะใภ้เจ้า มีปัญหาหรือ ได้ผัวเป็นนายพรานเข้าหน่อยคิดว่ามีคนปกป้องหรือ วันนี้ข้าจะตีสั่งสอนเจ้าเอง โอ๊ย ๆๆๆอีเด็กเลวเจ้าเตะข้า โอ๊ยย"
จูพั่งถูกจูเหมยลี่เตะสีข้างติดกันสามที จากนั้นนางก็กระชากจนผมเขาหลุดร่วง จูเหมยลี่ตะโกนหาเซียวจ้านเป่ย
"ท่านพี่ ให้ลูกอยู่ในบ้านอย่าออกมา ข้าจะตีหมาที่มันมาขโมยของที่บ้าน จะตีให้พิการเลยหมาขี้เรื้อนน่ารังเกียจ ข้าจะลากมันไปบ้านปู่เก่อคัง ให้เขาทุบมันที่ศาลบรรพชนหมานิสัยเลว ชอบขโมยของผู้อื่น อ้อท่านพี่เซี่ยรึ ข้าต้องขออภัยไม่สะดวกต้อนรับ ข้ากำลังทำเรื่องสำคัญอยู่ สามีข้าอยู่ด้านใน ท่านเข้าไปเองนะ"
เซี่ยตงหยางยืนงงเลยจากนั้นก็เห็นจูเหมยลี่กระชากผมจูพั่งลากไปในหมู่บ้าน
เซียวจ้านเป่ยก็หัวเราะ เมียเขานางช่างอืมวันหลังเขาจะไม่ทำให้นางโกรธน่าจะดีที่สุด แต่เซียวจ้านเป่ยก็มีความคิดอยากให้นางเอาความเกรี้ยวกราดมาลงกับเขาเวลาที่อยู่บนเตียง
ชาวบ้านเห็นท่าไม่ดีรีบไปตามจูเก่อคังผู้นำหมู่บ้านทันที อีกทั้งเขายังเป็นผู้นำสกุลตระกูลลงจูอีกด้วย
"อ้าวๆๆ อาเหมยลี่เอ๊ย เจ้าทำอะไรนั่น ปล่อยๆๆ คุยกันดีๆ เฮ้อ "