จูเหมยลี่กลับมาถึงบ้าน ก็ช่วยเซียวจ้านเป่ยขนของลงจากเกวียน นางอยากได้รถม้ามากๆเพราะปกติเป็นคนชอบทำอะไรรวดเร็ว เกวียนมันช้าเกินไป
เมื่อช่วยกันขนของเรียบร้อยก็คาดผ้ากันเปื้อนเตรียมทำครัว จูเหมยลี่เอาซาลาเปาและกล่องขนมใส่ตะกร้าสองใบให้เซียวจ้านเป่ยนำไปฝากบ้านจางรั่วสุยและบ้านของเซี่ยตงหยาง
เซียวจ้านเป่ยไปรับบุตรสาว ส่วนจูเหมยลี่นำหมูสามชั้นมาหั่นก่อนจะนำไปจี่ในกระทะให้เหลืองทั้งสองด้าน จูเหมยลี่เตรียมผักกาดดองมาล้าง
ต้มน้ำจนเดือดลวกผักกาดเพื่อไม่ให้กลิ่นแรงเกินไป แล้วหั่นเพื่อทำหมูสามชั้นตุ๋นผักกาดดอง
ก่อนจะนำผักกาดดองมาวางด้านล่างในโถ ตุ๋นจากนั้นก็นำสามชั้นเรียงลงไป นำไปตุ๋นในเตาเล็กๆที่เซียวจ้านเป่ยทำให้นางเมื่อสามวันก่อน
นางมาอยู่ที่นี่พักใหญ่แล้ว เริ่มปรับตัวเข้ากับยุคสมัยได้แล้ว วันนี้ที่อยากเข้าเมืองเพราะนางต้องการไปซื้อหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์แคว้นฉิน
และหาตำราและข้อกฎหมายต่างๆมาศึกษา มาอยู่แบบไม่รู้อะไรเลยคงใช้ชีวิตลำบากจูเหมยลี่รู้สึกว่าการปล่อยเงินกู้ที่นี่ก็มีเหมือนกัน
"เจ๊เป็นเจ้าแม่เงินกู้ดีไหมวะ ต้องหาเงินเยอะๆหน่อย ผู้ชายซื่อสัตย์ไม่ได้เท่าเงินในกระเป๋าหรอก เฮ้อ "
ยืนบ่นกับตัวเองแต่ด้านนอกได้ยินเสียงคนมาเรียกหาจึงเดินออกมา เห็นจูหมิงซูมาหานางเพิ่งหายดีจากการถูกโบย มาหาเรื่องให้โดนโบยอีกหรือไง สงสัยสมองมีปัญหา
"พี่หญิง ท่านหายดีแล้วหรือจึงดั้นด้นมาหาข้าไกลถึงท้ายหมู่บ้าน"
จูหมิงซูแค้นใจ อีสารเลวนี่กล้าพูดเรื่องนี้ให้นางอับอาย แต่ต้องกลืนเลือดลงไปแล้วเอ่ยเสียงหวานทักทาย
"ที่ไหนได้พี่ยังเจ็บนิดหน่อย เหมยลี่พี่อยากมาขอโทษเจ้าสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา เจ้าอภัยพี่หญิงเถอะนะ"
จูหมิงซูไม่พูดเปล่าแต่เท้านางก้าวเข้ามาในรั้วบ้านเรียบร้อยแล้ว จูเหมยลี่ไม่อยากเสียเวลากับนางจึงไม่อยากตอบโต้อะไร
"พี่หญิง วันนี้จะมีคนมาช่วยซ่อมแซมบ้านให้ข้าๆอาจไม่สะดวกพูดคุยกับท่าน ข้าต้องทำอาหารเลี้ยงคนน่ะ"
"ไม่เป็นไรๆ ให้พี่ช่วยเจ้าเถอะ มาๆให้พี่หญิงช่วยทำอะไรพี่หญิงยินดี"
จูเหมยลี่มองบน ยายเจ๊นี่มีแผนอะไรอีกล่ะฉันไม่ว่างงานขนาดนั้นนะ ด้านนอกรั้วมีเสียงของเซียวจ้านเป่ยกับเซียวลี่ผิงกับมาแล้ว ยังมีคังหยุนตามมาอีกคน แปลว่าเขาไม่ได้กลับเข้าเมืองแต่ไปอาศัยบ้านเซี่ยตงหยาง
จูหมิงซุเห็นเซียวจ้านเป่ยมาแล้ว ในมืออุ้มบุตรสาวอยู่ทันทีที่เขาวางบุตรสาวลงเซียงลี่ผิงก็วิ่งหามารดาทันที
จูหมิงซูก็ที่ทำท่าจะไปช่วยจูเหมยลี่นางทำคล้ายคนไม่มีแรงเดินเซไปเซมาจนมะชนกับเซียวจ้านเป่ย มือกอดเอวเขาเอาไว้ทิ้งตัวอย่างไร้เรี่ยวแรงทันที
แต่เซียวจ้านเป่ยยืนสงบนิ่ง มารยาเช่นนี้มีเพียงบัณฑิตหรือขุนนางโง่ๆในเมืองหลวงเท่านั้นที่ชอบมอง เพราะจะทำให้ตนเองดูเป็นบุรุษแข็งแกร่ง แต่ไม่ใช่กับเขากริยาเช่นนี้มีแต่เขารังเกียจ เขาชอบปราบพยศแบบเมียเขานั้น
ชาวบ้านที่ถูกผู้นำหมู่บ้านเลือกมาให้ช่วยงานก็มาเห็นภาพนั้นพอดี มองจากด้านหลังของเซียวจ้านเป่ย จะเห็นว่าจูหมิงซูกอดเอวเขาไว้ซบหน้ากับอกกว้าง ชาวบ้านส่ายหน้าทันที
นี่มันสามีของน้องสาวของนางนะ อีกทั้งนางยืนอยู่ตรงนั้นไม่เกรงใจน้องสาวนางสักนิดหรือ ตอนนี้จูเหมยลี่รู้แล้วว่าจูหมิงซูมาทำไม
ตั้งแต่ตาบ้านี่โกนหนวดโกนเครามีสาวๆทอดสะพานไม่น้อย วันนี้เข้าเมืองนางอยากจะควักลูกตาสตรีเหล่านั้นให้หมด พวกนางมองเขาเหมือนเป็นอาหารชั้นดี แต่ขอโทษนะนี่ผัวเจ๊ย่ะเจ๊ยังไม่ได้กินเลยนะพวกหล่อนมีสิทธิ์อะไร เดี๋ยวแม่โบกซะนี่ ก่อนจะมองหน้าเซียวจ้านเป่ยเล่นจากนั้นก็เล่นละครทันที น้ำตานางมาแล้ว
"ท่านพี่ นี่มันเรื่องอะไรกันเจ้าคะ ข้ายังยืนอยู่ตรงนี้ท่านยังกล้าพรอดรักกันต่อหน้าข้าอีกหรือ ลับหลังข้าไม่ขี่กันจนเพลินหรือฮือๆๆ นางเป็นพี่สาวข้านะเจ้าคะ ผิงผิงแม่ไม่อยากอยู่แล้ว บิดาเจ้าเขามีคนอื่น แม่จะไปจากที่นี่ฮือๆ"
พุดจบก็เอามือปาดน้ำตาที่ไม่ใช่ของจริง ก่อนจะวิ่งสวนชาวบ้านออกไป มือสองข้างปิดหน้า เซียวจ้านเป่ยสะบัดจูหมิงซูออกไปวิ่งตามนางทันที วันนี้เขาอารมณ์ดีเพราะเพิ่งถูกเมียหึงที่ตลาดมา อีกทั้งยังยอมให้กอดมาตลอดทางด้วยจะทำให้นางโกรธไม่ได้ เผื่อคืนนี้นางใจอ่อนยอมให้เขาเข้าหอ
จูหมิงซูที่เพิ่งดีขึ้นจากการถูกโบยก็ล้มลงไปนั่งก้นกระแทก จนแผลที่หลังจากการถูกโบยปริอีกรอบมีเลือดซึมออกมา ยิ่งทำให้จูหมิงซูเกลียดจูเหมยลี่หนักกว่าเดิม
ตั้งใจแน่วแน่จะแย่งน้องเขยให้ได้เพราะความแค้นบวกกับเซียวจ้านเป่ยนั้นหน้าตาหล่อเหลาคมคาย จากนั้นก็พยุงร่างตนเองกลับบ้านท่ามกลางสายตาดูถูกของชาวบ้าน
เซียวจ้านเป่ยมาถึงก็คว้าตัวเมียสาวได้ ก่อนจะพานางดีดตัวเหินไปนั่งอยู่บนคบไม้ใหญ่ จากนั้นก็จูบนางเนิ่นนานจนจูเหมยลี่ต้องทุบบ่าเขาประท้วง
"ท่านนี่นะ ข้าจะตายเพราะหายใจไม่ทันนี่แหละ อื้ออออ"
เซียวจ้านเป่ยให้นางพูดจนจบก่อนจะจูบนางอีกครั้งจูเหมยลี่เคลิ้มในที่สุด แขนเรียวคล้องคอเซียวจ้านเป่ยไว้ เขาละจากริมฝีปากอวบอิ่มก่อนจะรั้งนางมาใกล้แหวกสาบเสื้อดูดกลืนยอดถันงามทันที จูเหมยลี่เสียวสะท้าน แต่นึกอะไรขึ้นมาได้ก็รวบรวมแรงผลักเขชาออก
"ท่านพี่ พอก่อนเจ้าค่ะข้าๆตุ๋นหมูเอาไว้ เดี๋ยวน้ำแห้งไหม้หมดหม้อแน่ๆ ชาวบ้านมาแล้วด้วย อื้อ อ่าห์เสียวๆนะ เซียวจ้านเป่ยปล่อยข้าก่อน อื๊ยท่านพี่"
เซียวจ้านเป่ยยอมละจากทรวงอกแสนหวานแล้วมองหน้านางก่อนจะจับสาบเสื้อปิดให้เหมือนเดิม
"ลี่เอ๋อร์เด็กดีข้ารักเจ้าแค่คนเดียวเท่านั้น ต่อไปไม่ต้องหึงหวงแล้วนะเมียจ๋า ข้าเซียวจ้านเป่ยรักเพียงแต่เจ้าเท่านั้นคนดี"
"ท่านว่าอะไรนะท่านพี่ ซะ เซียวจ้านเป่ย ท่านพะ พูดอีกครั้งสิ"
จูเหมยลี่ตกใจเขาบอกรักนางหรือ ใช่ไหมนางไม่ได้หูฝาดนะ เซียวจ้านเป่ยบอกรักนาง อยู่ด้วยกันแค่สิบกว่าวันเองนะ เขาซื้อนางมาด้วยเงินสามตำลึงแต่วันนี้เขาบอกรักนาง ขอตั้งสติก่อนนะ จากนั้นก็ได้ยินเสียงเขาข้างหู ลมหายใจอุ่นๆทำนางรู้สึกหวั่นไหว
"ข้าบอกว่าข้ารักเจ้า ลี่เอ๋อร์ข้าหลงรักเจ้าตั้งแต่คืนนั้นในลำธารแล้ว เจ้างดงามเย้ายวน อีกทั้งข้าเชื่อว่าเจ้าจะเป็นแม่ทีดีของลูกได้ เรามีน้องให้ผิงผิงหลายๆคนนะ กลับมาจากกองทัพข้าจะขยันทำลูกทุกวัน ข้าสามารถหาเลี้ยงพวกเขาได้"
จูเหมยลี่หน้าแดงเป็นผลท้อ คนบ้านี่หน้าด้านจริงๆแต่นางก็รู้สึกหวานนัก จึงรั้งเขามาจูบก่อนนี่เป็นครั้งแรกเลยที่นางเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
"กลับบ้านเถอะ ข้ายอมรับว่าหึงหวงท่านจริงๆ แต่ไม่ใช่กับจูหมิงซู ข้ารู้ดีว่าสตรีแบบนั้นทำให้ท่านเผลอไผลไม่ได้หรอก"
จากนั้นทั้งคู่ก็มาถึงบ้าน ชาวบ้านนั่นรออยู่เห็นที่คอนางมีรอยดอกเหมยสีแดงต่างก็กระเซ้าเซียวจ้านเป่ยกันใหญ่ จนจูเหมยลี่รีบหนีเข้าครัว
ผิงผิงที่ร้องไห้เพราะมารดาวิ่งหนีไปยังคงสะอื้นไม่หยุด จนจูเหมยลี่รู้สึกผิดกับเด็กน้อยจริงๆ นางอยากแกล้งจูหมิงซูจนลืมความรู้สึกเด็กน้อยตรงหน้าไปเสียแล้ว
"ผิงผิงจ๋า แม่ขอโทษนะที่ทำเจ้าทุกข์ใจแม่สัญญาว่าจะไม่ไปไหนอีก แม่จะไล่ผู้หญิงทุกคนที่จะมาแย่งท่านพ่อ ให้เขาเป็นของเราแม่ลูกเท่านั้นดีไหมดีไหม เด็กดีช่วยงานแม่ได้ไหมจ๊ะ"
"ท่านแม่อยากให้ข้าช่วยอันใดหรือเจ้าคะ ขอแค่ท่านแม่ไม่ทิ้งข้าไป ผิงผิงจะขยันเจ้าค่ะ"
"ตรงนั้นมีซาลาเปาหมูสับอยู่หลายลูก ผิงผิงของแม่ช่วยท่านพ่อไปแจกแก่ท่านลุงท่านน้าที่มาช่วยงานบ้านเราดีไหมจ๊ะ แล้วพอน้องๆมาจะได้กินขนมกัน แม่จะไปดูในครัว ว่าจะทำอะไรอร่อยๆให้เด็กดีกินน้อง"
"ผิงผิง ตอนที่พ่อไม่อยู่ลูกต้องดูท่านแม่ดีๆอย่าให้ใครมาแย่งท่านแม่ของพวกเราไปรู้หรือไม่ หืม"
เซี่ยวลี่ผิงพยักหน้าจากนั้นก็จุงมือบิดาพากันไปเอาซาลาเปาแจกคนที่มาช่วยงาน คนของทางการที่คังหยุนสั่งการไปมาถึงแล้ว เขาไม่เคยใช้ป้ายผู้ตรวจการเลยสักครั้ง
แต่ครั้งนี้เขากลับใช้มันสั่งงานหลัวสือ เพียงเพื่อต้องการขอยืมคน จางรั่วสุ่ยเองก็ต้องไปชายแดนเช่นกัน เขาจึงอยากช่วยซ่อมแซมบ้านให้เพื่อที่จางลูเหลียนจะได้อยู่สุขสบาย
เขาอยากอยู่กับนางเหลือเกิน แต่คำสั่งออกมาแล้วว่าอีกครึ่งเดือนให้เขาเดินทางกลับวังหลวง เสนาบดีคังท่านตาของเขาเข้าเฝ้าคังกุ้ยเฟยให้เรียกเขากลับไป
หากให้เขาไปแต่งงานกับคุณหนูเหล่านั้นเขาจะหนีอีกและไม่กลับเมืองหลวงอีกเลย เขายอมกลืนน้ำลายตนเองที่ว่าจางรั่วสุ่นขี้ขลาด แต่สตรีของเขามีเพียงจางลู่เหลียนคนเดียวเท่านั้น
เมื่อคนมากันครบและอิ่มแล้วก็เริ่มพากันขึ้นเขา มีสตรีในหมู่บ้านมาหาจูเหมยลี่ พวกนางถามว่ามีงานอะไรให้ทำบ้างไหม เนื่องจากเป้นหน้าฝนบางคนก็ไปเก็บผักป่า แต่งานหน้าฝนไม่ค่อยมีนอกจากงานในแปลงนา
"ท่านป้าท่านน้าทุกท่าน ใครที่พอดายหญ้าไหวก็ดายหญ้าในบ้านข้าเถอะ คนไหนแรงดีก็ขุดแปลงยกร่องข้าให้วันละสามสิบอีแปะตกลงหรือไม่เจ้าคะ"
"เสี่ยวลี่ แล้วคนที่เหลือเล่า พวกข้าไม่ได้อยากรบกวนเจ้านะ แต่ว่าพวกเราแค่อยากมีเงินสักสามสิบสี่สิบอีแปะมาซื้อข้าวสารหรือแป้งสาลีก็ยังดี มีงานอื่นให้ทำอีกหรือไม่"
"เอาเช่นนี้พวกท่านตามข้าไปขุดหน่อไม้ ข้าจะสอนพวกท่านทำหน่อไม้ดองและตากแห้งเอาไว้กิน มีหลายบ้านที่ลูกหลานต้องไปทหาร ข้าจะสอนพวกท่านทำเสบียงแห้งให้พวกเขาเอาไปกินที่กองทัพ จะได้ไม่ลำบากยามอยู่ชายแดน อีกทั้งยังมีพืชอีกหลายชนิดที่กินได้ แต่พวกท่านกลับเดินผ่านเหยียบย่ำมันทุกวัน"
เซียวจ้านเป่ยพาเหล่าเจ้าหน้าที่กับชาวบ้านที่เป็นชายฉกรรจ์สามสิบกว่าคนเดินขึ้นเขาไปตัดไม้สำหรับซ่อมบ้านทำเครื่องเรือน คังหยุนเองก็ตามไปด้วย
เซียวจ้านเป่ยตัดไม้ที่ไม่ไกลมากนักเพื่อเวลาที่ต้องแบกลงไปจะได้สะดวกสะบาย จูเหมยลี่บอกเขาว่านางจะเผาถ่านเอาไว้ใช้ด้วย แต่เรื่องนี้ห้ามเขาเอ่ยกับใคร
หลังจากที่ทุกคนตัดไม้ได้กว่าร้อยต้น เซียวจ้านเป่ยก็ตามหาหินปูนเพื่อเก็บกลับบ้าน เมียเขาบอกว่าให้เขาหาหินปูนไว้ให้นางด้วยมีเท่าไหร่ก็เอามา
"ท่านพี่เซียว ท่านจะขุดหินเหล่านี้ไปทำอะไรมากมายขอรับ"
หนึ่งในทหารเอ่ยถามทันทีที่เห็นเซียวจ้านเป่ยทุบหินปูนใส่ตะกร้า โดยมีจางรั่วสุ่ยช่วยเก็บ คังหยุนเองก็แปลกใจแต่ไม่เอ่ยอะไรก้มลงไปช่วยเขาเก็บ ได้หินปูนมาถึงสามตะกร้า
ชาวบ้านกับทหารบางคนแบกไม้ลงไปบ้างแล้ว พวกเขาไม่ทอนไม้แบกไปทั้งต้น ไม่นานบ้านก็มีต้นไม้กว่าสามสิบต้น จากนั้นก็ถึงเวลามื้อเที่ยง