จูเหมยลี่เห็นว่าเซียวจ้านเป่ยไปนานเกินไปจึงบอกบุตรสาวให้นอนรอดีๆ นางจะไปตามท่านพ่อ เดินออกมาพ้นรั้วก็เห็นหน้าบ้านสกุลจางมีคนยืนอยู่เหมือนเพิ่งมีเรื่อง จูเหมยลี่ไม่เดินเข้าไปรอจนเซียวจ้านเป่ยหันกลับมาแล้วเรียกขานนาง
" ลี่เอ๋อร์ เจ้ามาหาข้าหรือ มีอะไรหรือเปล่า"
" เอ่อ ท่านมานานแล้วข้าไม่รู้ว่าท่านพี่เซี่ยว่าอย่างไร หรือว่าอาซ้อนางแพ้ท้องหนักมาก เช่นนั้นท่านไปคนเดียวเถอะข้าอยู่บ้านกับลูกก็ได้เจ้าค่ะ"
"อ้อ พี่ตงหยางข้ากับเมียจะเข้าเมืองสักหน่อย จะฝากผิงผิงได้หรือไม่ขอรับ ไม่น่าจะเกินสองชั่วยาม ข้าจะไปหาซื้อข้าวของที่มาทำอาหารเลี้ยงคนที่มาช่วยซ่อมแซมบ้านน่ะ"
เซียวจ้านเป่ยเอ่ยกับเซี่ยตงหยาง เขาพยักหน้าจากนั้นก็เดินกลับบ้าน คังหยุนยังคงกอดจางลู่เหลียนแน่น จูเหมยลี่ไม่อยากยุ่งเรื่องชาวบ้าน แต่เห็นภาพตรงหน้าจึงเอ่ยลอยๆ
"จางรั่วสุ่ย อย่าว่าข้าพูดมากเลยนะ ปลูกเรือนก็ตามใจผู้อยู่เถอะเรือนจะมั่นคงหรือโย้เย้ก็เป็นพวกเขาเลือกเอง คุณชายคังอำนาจเงินทองที่มีไม่สามารถซื้อความจริงใจได้นะ หากท่านรักใคร่นางจริงก็แสดงออกให้มากกว่านี้ การปีนเข้าหานางท่านไม่ได้ให้เกียรตินางแต่แรกแล้ว หากเรื่องนี้เล็ดลอดออกไปนางจะเป็นอย่างไร ได้ยินว่าตระกูลคังเป็นตระกูลเก่าแก่ไม่ใช่หรือ ท่านพี่ไปกันเถอะเจ้าค่ะ ปัญหาของผู้อื่นเราแก้ไม่ได้หรอก แม้ว่ามีใจก็ต้องดูว่าเราเป็นใคร จะสอดมือก็ใช่เรื่อง"
จูเหมยลี่เรียกเซียวจ้านเป่ยให้กลับบ้าน ตอนนี้จางรั่วสุ่ยจึงขอเวลาสงบสติอารมณ์ก่อน ส่วนคังหยุนเองก็ขอตัวมาบ้านของเซียวจ้านเป่ย พอดีคนของเขามาถึงก็รายงานทุกอย่างที่ให้ไปสืบ เซียวจ้านเป่ยได้ยินทุกคำแต่ทำเหมือนไม่ใส่ใจฟัง
"ท่านชาย ซื่อจื่อถูกตามล่าสังหารครั้งสุดท้ายไม่ใช่อี้โจวพ่ะย่ะค่ะแต่เป็นเมืองซานเป่าห่างจากที่นี่หกร้อยลี้ หนึ่งปีก่อนมีการเบิกจ่ายเงินผ่านตั๋วเงินของพระชายาเซียวเย่วฉางพ่ะย่ะค่ะ"
"แปลว่าเขายังมีชีวิตอยู่ น่าแปลกเบิกเงินทั้งทีเอามาใช้แค่สามร้อยตำลึงเองหรือ ซื่อจื่อคนนี้ทำตัวประหลาดนัก แต่ที่ไม่กลับเมืองหลวงข้าพอเข้าใจ เฉิงอ๋องจะว่าไปก็หลงฉู่หรานซินคนนั้นเสียจริงๆ แต่งกับนายหญิงเซียวเย่วฉางตอนนั้นคงเพราะเพียงเพื่ออยากได้สมบัตินางมาเติมเต็มตำหนักเขา"
"ท่านชาย ไทเฮากำลังจะเสด็จกลับในอีกครึ่งปี ต้องหาเขาให้เจอพ่ะย่ะค่ะ แล้วเราจะไปตามที่ใดกันดี"
"ไปตามทำไมดูท่าแล้วถึงตามเจอเขาก็ไม่กลับหรอก เจ้าไปหาคนมาที่นี่ข้าจะปลูกเรือน ข้าจะมีเมียลู่เหลียนรอข้าอยู่ อีกอย่างในเมื่อเฉิงอ๋องเป็นคนพาชายารองของเขาเข้ามา จนทำให้ลูกเมียต้องเดือดร้อน แล้วข้าจะไปช่วยให้เหนื่อยแรงทำไม ปล่อยให้เขารับหน้าไทเฮาเองเถอะ สกุลฉู่วางอำนาจเหลือเกิน ถือว่าตัวเองเป็นสกุลใหญ่ อยากรู้นักใหญ่เท่าสกุลวังของไทเฮาได้หรือเปล่า หึพวกน่าตาย"
"ท่านชาย คุณชายหานไม่ง่ายนะขอรับ คนที่สอบได้ที่หนึ่งห้าปีติดกัน อีกทั้งยังสอบได้ทั่นฮวาตั้งแต่อายุสิบขวบนับว่าหายากเขาฉลาดมากนัก ฝ่าบาทยังทรงคิดถึงเขาอยู่ทุกเมื่อ"
จื่อทงเหนื่อยใจ คังหยุนเอาแต่ใจมากนัก แม้จะรู้ดีว่าท่านชายไม่ได้ต้องการมาตามหาซื่อจื่อจริงๆแต่แรกอยู่แล้ว แต่อยากหาเรื่องมาเที่ยวมากกว่า
แต่ใครจะกล้าขัดใจบุตรชายบุญธรรมคังกุ้ยเฟยกันเล่า ท่านป้าคนนี้รักหลานชายจอมดื้อขนาดไหน ไม่เช่นนั้นจะได้ป้ายผู้ตรวจการจากฝ่าบาทหรือ
จูเหมยลี่ต้มโจ๊กหมูใส่ไข่ลวก ตอนนี้นางรู้แล้วว่าแม้ว่านางจะไม่มีมิติอะไรเหมือนที่เคยอ่านในนิยาย แต่พระเจ้าก็ไม่ได้ทอดทิ้ง ขอแค่นางบอกว่าอยากได้สิ่งใด หากเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสามารถรังสรรค์ได้ นางจะได้กลิ่นของมันทันที
ฟักทองที่เก็บมาได้นั้นนำมานึ่งอีกทั้งมีมันเทศหลายหัวนางจึงนึ่งพร้อมกัน ไม่นานทั้งสามก็กินอาการเช้าจนเรียบร้อย เซียยวจ้านเป่ยอุ้มเซียวลี่ผิงไปส่งที่บ้านของเซี่ยตงหยาง ก่อนจะนำตะกร้าใส่อาหารไปให้เซี่ยตงหยาง กับจางรั่วสุ่ย จากนั้นก็รีบกลับบ้านพากันเข้าเมืองทันที
จูเหมยลี่นำน้ำผึ้งเอาไปด้วยสองไห อยากลองขายที่ร้านขายยาดูในยุคสมัยนี้น้ำผึ้งหายากมาก น่าจะได้ราคาดี ดูเหมือนเซียวจ้านเป่นยไม่อยากให้นางออกไปข้างนอก จูเหมยลี่จึงตั้งใจจะเลี้ยงผึ้งเพื่อขายน้ำผึ้ง แต่ต้องดูราคากอ่นว่าอยู่ในทิศทางใด
"ลี่เอ๋อร์ เจ้าร้อนหรือไม่หื้ม"
"ท่านพี่ ข้าไม่เป็นอะไรข้าเริ่มขับเกวียนคล่องแล้ว ท่านว่าเกวียนมันช้าไปไหม หากมีรถม้าสักคันคงดี รอให้รั้วแข็งแรงก่อน ข้ารำคาญบ้านใหญ่ที่ชอบมาขอส่วนบุญ"
"ได้ เจ้าอยากได้รถม้าหรือเช่นนั้นข้าจะลองดูม้าตัวไม่ใหญ่มากให้เจ้าได้พาผิงผิงไปไหนมาไหนได้ ข้าไม่อยากปิดบังเจ้านะ แต่ข้ายอมรับว่าตัวเองมีศัตรู ไม่อยากให้เจ้าต้องมากังวลและถูกหมายหัวไปด้วย เอาล่ะเจ้าค่อยๆบังคับเกวียนไปทางนั้น พวกเราถึงประตูเมืองแล้ว"
จูเหมยลี่บังคับเกวียนเข้าประตูเมือง ทันทีที่ทหารยามเห็นหน้านางก็ตะลึง สตรีคนนี้งามมากนัก บังคับเกวียนเล่มใหญ่อย่างสง่าผ่าเผยเหลือเกิน
อีกทั้งบุรุษที่มาด้วยกันก็รูปงามเหนือใคร พวกเขาอยู่มานานยังไม่เห็นใครเหมาะสมกันเท่าคู่นี้เลย
จูเหมยลี่จ่ายค่าเข้าเมืองคนละสามอีแปะ ก่อนจะตรงไปหาซื้อข้าวของนางอยากได้เรือบดยาสักสองอัน จะเอามาบดพริกกับเครื่องเทศ
ไม่นานก็บังคับเกวียนมาที่ผูกวัวไว้ จ่ายค่าจอดและค่าคนดูแลเรียบร้อยก็อุ้มไหเดินตามเซียวจ้านเป่ยไปร้านขายยาทันที
เมื่อมาถึงก็ตรงเข้าไป หลงจู๊ที่เห็นสตรีงดงามกับบุรุษหน้าตาหล่อเหลาแม้จะแต่งกายธรรมดาแต่สะอาดสะอ้านจึงต้อนรับอย่างดี
"เอ่ย พี่ชายฮูหยินไม่ทราบวาท่านจะซื้อสมุนไพรชนิดใดหรือขอรับ"
"เอ่อ เถ้าแก่ท่านรับซื้อน้ำผึ้งหรือไม่ขอรับ พอดีข้ากับภรรยาเก็บมากรองได้สามไหเลยน้ำมาขายท่านสองไหขอรับ"
เซียวจ้านเป่ยเจรจาเองเขาไม่อยากให้ใครคุยกับเมียเขาๆหวงนาง
"อ้อ รับๆๆไหนๆขอข้าดูหน่อย อื้อ น้ำผึ้งดีๆ ดูแล้วหนักไหละสองชั่ง เข้าหน้าฝนน้ำผึ้งหายากนักแม้จะหาได้แต่คุณภาพไม่ดี น้ำผึ้งสองไหนี้ถือว่าดีมาก ข้าให้ชั่งละห้าสิบตำลึงสี่ชั่งสองร้อยตำลึง พวกท่านจะรับเป็นตั๋วเงินหรือเงินก้อนกันเล่า"
"เอาเป็นตั๋วเงินใบละยี่สิบตำลึงสามใบ ใบละห้าตำลึงสี่ใบสิบตำลึงสองใบ อีกใบร้อยตำลึงแล้วกัน อ้อท่านช่วยแลกเหรียญอีแปะให้ข้าสักสองตำลึง นี่เป็นเงินสองตำลึงที่ข้าจะแลก"
เซียวจ้านเป่ยส่งก้อนเงินแวววาวให้กับหลงจู้ จากนั้นพวกเขาก็จัดการทุกอย่างเรียบร้อย จูเหมยลี่ยิ้มให้เซียวจ้านเป่ยจนแก้มฉีก
"ท่านพี่ ท่านเก่งแบบนี้ต่อไปหากกลับมาจากกองทัพแล้วท่านต้องเป็นคนหาเลี้ยงข้านะเจ้าคะ รู้หรือไม่"
"ได้ๆๆ ข้าจะไม่ให้เจ้าลำบาก ก่อนจะไปทัพข้าจะหาเงินให้เจ้าเก็บไว้สักสองหมื่นตำลึง ไปซื้อของกันเถอะจะได้รีบกลับไปรับลูกข้าเกรงใจพี่สะใภ้"
ทั้งสองคนพากันจับจ่ายซื้อของตามที่จางซูฉีต้องการ ก่อนจะไปเขียงหมู ร้านธัญพืช จากนั้นก็พากันไปร้านตีเหล็ก จูเหมยลี่วาดแบบมาให้ช่างหล่อเหล็กดูจากนั้นก็ตกลงทำสัญญาว่าจ้าง อีกสามวันจะมารับสินค้า
เดินกลับไปที่เกวียนนำข้าวของที่ซื้อมาใส่เกวียนก่อนจูเหมยลี่จะหัดบังคับเกวียนอีกครั้งเพื่อกลับบ้าน เซียวจ้านเป่ยกอดเอวนางจนถึงหมู่บ้าน ชาวบ้านที่เห็นถึงกับเอ่ยกระเซ้าเย้าแหย่
จูหมิงซูที่เพิ่งจะเริ่มดีขึ้นจากการถูกโบยเห็นเซียวจ้านเป่ยที่โกนหนวดโกนเคราแล้วเรียบร้อยก็ถึงกับหลงไหลเขาทันที
อีเด็กกำพร้านั่นมีสิทธิ์อะไรมาครอบครองบุรุษหน้าตางดงามเช่นนี้ ยิ่งเห็นจูเหมยลี่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ สีสันสวยงามมีปิ่นเงินปักผมก็ยิ่งริษยา
"นังจูเหมยลี่ตัวดี แกมันสวะไร้ค่า อีเด็กพ่อแม่ตายโหงอีตัวขาดทุน ข้าจะแย่งผู้ชายของเจ้ามาให้ได้ข้าไม่เชื่อหรอกเจ้าข้าจะงามสู้เจ้าไม่ได้ เจ้ามันก็แค่ทาสที่เขาซื้อไป หากข้าได้สัญญาขายตัวของเจ้ามาดูสิเจ้าจะจองหองได้ไหม
จูเหมยลี่รู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองจึงหันมา ก็เห็นจูหมิงซูที่ส่งสายตาอาฆาตมาให้ จูเหมยลี่ยักไหล่ก่อนจะเอ่ยเสียงออดอ้อนเซียวจ้านเป่ย
"ท่านพี่ เมียเหนื่อยแล้วท่านบังคับแทนทีเถอะ เมื่อคืนท่านทำข้าหมดแรง"
จูเหมยลี่หยุดเกวียน จากนั้นก็ออดอ้อนเขา เซียวจ้านเป่ยไม่ได้คิดมาก เพราะว่าเมื่อคืนเขาเอาเปรียบนางจนถึงยามอิ๋น เขาดูดดื่มน้ำหวานแอ่งนั้นจนนางขาอ่อนหมดแรงจริงๆ
เซียวจ้านเป่ยอุ้มนางนั่งตักตนเองไม่สนใจใคร จูเหมยลี่ใช้แขนโอบคล้องคอเขาไว้เงยหน้าส่งสายตาหวานเชื่อม เซียวจ้านเป่ยก้มลงจุมพิตนางดูดดื่มก่อนจะบังคับเกวียนเคลื่อนที่ จูหมิงซูยืนกำมือแน่น
"แพศยา นางแพศยาจูเหมยลี่ ข้าเกลียดเจ้านักอีเด็กกำพร้า ข้าไม่ยอมให้เจ้าสงบสุขหรอก"