ตามหมอ

1962 คำ
ประตูรั้วปิดอยู่แต่ด้านในไปสว่างแล้วจึงร้องเรียก "พี่ลู่เหลียน พี่เยี่ยอวี่พวกท่านตื่นหรือยังเจ้าคะ ข้าเองเหมยลี่เจ้าค่ะ" เสียงเรียกของจูเหมยลี่ทำให้จางรั่วสุ่ยที่กำลังก่อไฟเพื่อทำอาหารต้องเดินออกมาจากในครัว อาซ้อมาทำไมแต่เช้ากัน "อาซ้อม มีอะไรหรือไม่ขอรับท่านจึงมาบ้านข้าแต่เช้าเช่นนี้" "พี่รั่วสุย ท่านพี่ข้าป่วยน่ะคงเพราะเมื่อวานทำงานหนัก อีกทั้งเมื่อคืนเขาเดินตากฝนกลับมา ข้าอยากฝากผิงผิงท่านสักครึ่งวัน ข้าจะพาท่านพี่ไปหาหมอได้หรือไม่เจ้าคะ" "อาซ้อท่านกลับไปบ้านดูผิงผิงเถอะ เดี๋ยวข้าไปหมู่บ้านเถาข้างๆที่นั่นมีหมอเก่งอยู่ท่านหนึ่ง ข้าจะไปรับเขามาให้" "เช่นนั้นรบกวนท่านแล้ว มื้อเช้าบ้านท่านข้าจะทำเผื่อเอง ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ" จูเหมยลี่รีบตรงกลับบ้านทันที จางรั่วสุยถอนหายใจชีวิตนี้ของท่านในที่สุดก็ได้เจอสตรีที่จิตใจงดงามเหมือนมารดาท่านแล้วสิ ซื่อจื่อน้อยแม่ว่าท่านจำข้าไม่ได้แต่ข้าจำท่านได้ตั้งแต่วันแรกที่ท่านโกนหนวดแล้ว ท่านคงจำเด็กผู้ชายอายุสิบขวบที่ท่านจุงมือเขาเข้าไปกินขนมที่จวนมารดาท่านไม่ได้ แล้วยังพาขี่ม้ามาส่งที่เรือนนอกเมืองอีก อ้ายจ้านหลายชายคนโปรดของฝ่าบาทกับฮองเฮา แต่กับไม่เป็นที่โปรดปรานของบิดา ฉู่หรานซินต้องการให้บุตรตนเองเป็นที่โปรดปรานจึงร่วมมือกับบิดากำจัดอ้ายจ้าน ดุเหมือนที่เมืองหลวงวุ่นวาย คังหยุนมาที่นี่ก็เพราะไทเฮากำลังเสด็จกลับมา หากครั้งนี้ยังไม่เห็นหน้าพระนัดดาคนโปรดอีก ฝ่าบาทคงต้องรับเรื่องทุกอย่างเอาไว้เอง ส่วนท่านอ๋องที่ไม่เคยคิดตามหาบุตรชาย อาจถูกพระมารดาเล่นงาน เขาได้ข่าวจากสหายที่อยู่เมืองหลวงว่าครั้งนี้ท่านอ๋องอาจถูกให้ไปปกครองเมืองหน้าด่านแทน "อยากให้บุตรชายเจ้าแทนที่ซื่อจื่อน้อยหรือฉู่หรานซิน ผู้หญิงสารเลวเป็นเจ้าที่เข้ามาวุ่นวายในสกุลหาน มายุแหย่ท่านย่าให้รังเกียจมารดาข้า เป็นเจ้าที่วางยาบิดาข้าให้หลับนอนกับน้องสาวลูกอนุของเจ้า จนแม่ข้าตรอมใจจากไป ทำให้ท่านพ่อข้าตรอมใจตามนางไปอีกคน สกุลฉู่ตัวดีข้ายังไม่ลืมความแค้นนี้หรอกพวกเจ้าล้างคอรอข้าได้เลย" จากนั้นจางรั่วสุ่ยรีบไปตามหมอทันที เขาสั่งน้องสาวว่าให้ดูแลอาซ้อกับเด็กๆ วันนี้อย่าเพิ่งไปบ้านเซียวเพราะพี่เซียวไม่สบาย อาซ้อกลัวว่าเด็กๆจะติดไข้ จางลู่เหลียนรับปากก่อนจะไปดูหลานๆ พี่สะใภ้ไม่สบายมาสองสามวันแล้วไหนๆหมอมาแล้วก็ตรวจเสียทีเดียวเลยแล้วกัน จากนั้นก็เข้าไปหยิบพวงเงินที่มีอยู่สามพวง นี่เป็นดอกเบี้ยของเดือนนี้ที่ต้องจ่ายท่านหมอ จางลู่เหลียนก้มหน้าร้องไห้ นางควรกลับเมืองหลวงทวงทุกอย่างคืนดีหรือไม่ อย่างน้อยเด็กๆก็ไม่ลำบากเรื่องที่อยู่เรื่องอาหารการกิน เยี่ยอวี่ได้ยินเสียวสะอื้นก็เดินออกมานั่งลงข้างๆ "อาเล็กเรื่องเงินที่ติดร้านท่านหมอท่านไม่ต้องกังวลแล้ว เมื่อวานตอนที่เข้าเมืองไปซื้อของอาซ้อเซียวได้จ่ายให้หมดแล้ว ต่อไปท่านอย่าแบกทุกอย่างเอาไว้คนเดียวอีก็เลย" "ฮือๆๆ อาซ้อข้าขอโทษนะ ที่ข้าชอบพูดจาทำร้ายพวกท่าน" "อาเล็ก ข้าไม่ถือโทษโกรธท่านหรอก ท่านไปช่วยอาซ้อเซียวเถอะ นางต้องหุงหาอาหารสองบ้านอีกทั้งสามีป่วยมีไข้ ท่านไปช่วยอีกคนจะได้เร็วขึ้น หากไม่เพราะข้าลุกแล้วเวียนหัวข้าก็จะไปด้วยเช่นกัน" จางลู่เหลียนเข้าไปห่มผ้าให้เด้กสองคน เอาน้ำผึ้งที่จูเหมยลี่ให้มาผสมน้ำอุ้นให้เยี่ยอวี่ดื่มแก้เวียนหัว ก่อนจะตรงไปบ้านของจูเหมยลี่เพื่อช่วยนางทำมื้อเช้าแล้วก็ช่วยดูแลเซียวลี่ผิง วันนี้จูเหมยลี่แจ้งแก่ท่านปู่ใหญ่จูเก่อคังว่ายังไม่ต้องมาตัดไม้ เนื่องจากทางขึ้นเขาลงเขาลื่นเพราะฝนตก อีกทั้งสามีของนางป่วยต้องคอยดูแล จูเหมยลี่ไปขอร้องเซี่ยตงหยางให้ไปบอกคังหยุนว่าวันนี้ยังไม่ต้องพาคนมา จูเหมยลี่ทำอาหารเช้าง่ายๆ มีข้าวสวย ผัดหน่อไม้ หมูสับนึ่งเห็ดหอมราดน้ำแดง น้ำแกงปลาใส่เต้าหู้ อีกทั้งยังทำไข่ตุ๋นเผื่อเด็กบ้านจางกับเด็กบ้านเซี่ยอีกด้วย เพราะต้องไหว้วานคนจึงจำเป็นต้องตอบแทนกันบ้าง ไม่นานจางรั่วสุ่ยก็พาหมอคนนึงมา เขาแซ่หยวนชื่อหยวนเป้าเป็นหมอเท้าเปล่า แต่ฝีมือไม่ธรรมดาจูเหมยลี่เตรียมช้อนกับตะเกียบเพิ่มอีกหนึ่งชุด เพื่อให้หมอหยวนทานข้าวเช้าที่บ้านนาง "ท่านหมอหยวนรบกวนท่านแต่เช้าข้าเกรงใจยิ่งนัก มื้อเช้านี้ถือเสียว่าเป็นการขอโทษจากข้านะเจ้าคะ เดี๋ยวอีกสักพักท่านต้องไปตรวจภรรยาพี่จางอีกคน" "อ้อ ไม่รบกวนหรอกสะใภ้เซียว คนเป็นหมอต้องพร้อมเสมอ ถ้าเช่นนั้นข้าไปตรวจภรรยาของพี่จางก่อนแล้วค่อยกลับมากินมื้อเช้าที่บ้านท่านก็แล้วกันนะ" จูเหมยลี่พยักหน้า จางรั่วสุ่ยรับตระกร้าสำรับของบ้านเขาและบ้านของเซี่ยตงหยางมาจากนั้นก็พาหมอชรากลับบ้านตนเองเพื่อดูอาการของภรรยา "อืม พี่จางภรรยาท่านางตั้งครรภ์น่ะ ก่อนหน้าร่างกายอ่อนแอมาก ช่วงนี้ดูเหมือนจะมีน้ำมีนวล อาหารการกินของพวกท่านคงดีกว่าเมื่อก่อนมากนัก ได้กินของบำรุงดีๆก็ดีแล้ว ข้ากลับบ้านเซียวก่อนนะ กินมื้อเช้าแล้วต้องไปตรวจคนไข้ในเมืองอีกหลายบ้าน คนเขามาเชิญตั้งแต่เมื่อวาน" "ขอบคุณท่านมากขอรับท่านหมอหยวน เอ่อค่ารักษาไม่ทราบว่าเท่าไหร่ขอรับ" "ไม่ต้องจ่ายหรอก ท่านเองก็มีบุญคุณกับข้าไม่น้อย เฮ้อตอนนั้นหากข้าอยู่น้องสาวท่านคงไม่ต้องพาบุตรของท่านเข้าเมืองให้ร้านหมอที่นั่นขูดเลือดขูดเนื้อ" "ขอบคุณท่านหมอหยวนมากขอรับ" "ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวเลยนะ จะไปบ้านเซียวเดี๋ยวจะสายต้องเข้าเมืองอีก" หยวนเป้าไปแล้ว จางรั่วสุ่ยเข้ามาหาเยี่ยอวี่ในห้องเห็นนางกำลังนั่งร้องไห้ "เป็นอะไรไปคนดีของพี่ เจ้ากำลังจะมีทายาทให้พี่อีกคนเหตใดร้องไห้กันเล่าเมียจ๋า" "ท่านพี่ ท่านต้องไปชายแดนเข้าร่วมกองทัพแล้ว ข้าใจคอไม่ดีได้ยินว่าชนเผ่าเร่ร่อนนั้นโหดเหี้ยมยิ่งนัก อีกทั้งแคว้นซ่งก็พยายามมุ่งตีแคว้นฉินบ่อยครั้ง ท่านรักษาตัวดีๆนะเจ้าคะ ข้าเป็นห่วงท่าน" "อาอวี่ ข้ารักเจ้ากับลูกยิ่งนัก ข้าต้องดูแลตัวเองมีชีวิตรอดกลับมาหาเจ้ากับลูกและก็เหลียนเอ๋อร์แน่นอน อยู่ทางนี้ตั้งใจดูแลตนเอง ข้าพอมีเงินเก็บอยู่บางส่วนจะเอามาให้พวกเจ้าไว้ใช้ เงินเดือนทหารเดือนลำสองตำลึงข้าจะส่งมาให้ไม่ขาดเลยคนดี ขอบคุณที่เจ้ามีลูกให้ข้า ขอบคุณที่เจ้ามีทายาทให้สกุลจางของข้า" สองคนผัวเมียต่างกอดกัน จางลู่เหลียนที่ตอนนี้กลับมาจากบ้านของจูเหมยลี่แล้วเห็นภาพนี้ก็สะท้อนหัวใจ ท่านพ่อก็รักท่านแม่เช่นนี้แต่เป็นเพราะท่านย่าที่ทำลายพวกเขาผัวเมีย บางทีพี่ใหญ่อาจเลือถูกแล้ว ก่อนจะเอ่ยเรียกทั้งสองคน "พี่ใหญ่ อาซ้อ วันนี้ข้าจะไปช่วยลี่เอ๋อร์ขุดแปลงผักสักหน่อย ฝนตกเมื่อคืนนี้ดินขุดง่าย พี่จ้านเป่ยไม่สบายนางแจ้งแล้วว่าวันนี้ไม่ขึ้นเขา คงต้องรออีกหลายวันเจ้าค่ะ" "เหลียนเอ๋อร์ วันนี้อยู่กับอาซ้อเจ้าเถอะ นางตั้งครรภ์แพ้ท้องส่วนเรื่องอาซ้อเซียวจะขุดแปงผักพี่จะไปทำเอง" "ท่านพี่ ข้าพอใจชีวิตตอนนี้แล้ว แม่ว่าไม่ได้อยู่กับคุณชายคังก็ช่างเถอะ ข้าอยากเห็นท่านมีความสุขจริงๆ ไม่ต้องเหมือนท่านพ่อกับท่านแม่ ไม่ต้องไปกองทัพเพื่อสร้างผลงานแล้วได้หรือไม่ อาซ้อต้องการท่านเด็กๆด้วย ข้าเองก็ต้องการท่านเช่นกัน" จางรั่วสุ่ยเดินมาหาน้องสาวรั้งร่างบางมากอดก่อนจะจุมพิคหน้าผากนาง ใช้นิ้วที่หยาบกร้านเช็ดน้ำตาให้ จางลู่เหลียนจับมือเขาแนบแก้มร้องไห้หนักกว่าเดิม "ท่านพี่ มือท่านหยาบยิ่งนัก ท่านเคยจับแต่พู่กันเขียนอักษร เป็นทั่นฮวาที่ฝ่าบาทโปรดปรานที่สุด เมื่อไหร่กันที่ท่านต้องกลายมาเป็นคนงานรับจ้าง เป็นนายพรานล่าสัตว์ให้ได้อาหารไปวันๆกัน ฮือๆๆ ท่านพี่ข้าไม่อยากได้อะไรแล้ว" "เด็กโง่ พี่เป็นบุรุษจะให้มือไม้บอบบางได้อย่างไรกัน เจ้าต่างหากเป็นสตรี จะไปขุดดินแบกหามทำไม อยู่บ้านกับพี่สะใภ้เจ้านั่งเย็บปักตัดชุดแต่งงานไม่ดีกว่าหรือ ต่อให้ไม่ใช่คุณชายคังไม่ว่าจะเป็นใคร แต่เจ้าก็ต้องมีชุดเจ้าสาวของตนเอง" คังหยุนที่มาถึงยืนฟังสักพักแล้ว ลู่เหลียนยอมแพ้กับเขาแล้วหรือ ทำอย่างไรดีอีกสิบวันต้องกลับเมืองหลวงแล้ว ก่อนจะเดินเท้าเบาไร้ความรู้สึกไปบ้านเซี่ยตงหยาง นั่งอยู่ที่ลานหน้าบ้านจนเซี่นตงหยางถอนหายใจ "นี่คุณชายคัง ท่านจะมาหมดอาลัยตายอยากที่นี่ให้ได้อะไรขึ้นมากัน ลู่เหลียนนางมีใจให้ท่านๆก็รู้ ไม่ใช่นางไม่สู้หรือยอมแพ้ แต่นางสู้ไม่ไหวเท่านั้น" "แต่ว่า หานรั่วสุ่ยเป็นถึงบัณฑิตที่ฮ่องเต้ทรงเลือกมาเองกับมือ เขาย่อมมีหน้ามีตาลู่เหลียนแต่งให้ข้าไม่มีอะไรไม่เหมาะสมกัน" "เขาทิ้งแซ่หานไปแล้ว หากเขาอยากรับใช้ฝ่าบาทอีกครั้งก็ต้องสอบใหม่ ท่านคิดว่าคนที่เกลียดเมืองหลวงเกลียดขุนนางถึงเพียงนั้นจะยอมเข้าสอบหรือ" "ข้าควรทำเช่นไรกันใต้เท้าเซี่ย ข้าควรทำเช่นไร" "คุณชายคังข้าคือเซี่ยตงหยางนายพรานคนนึง ไม่ใช่ใต้เท้ากรมอาญาเช่นเมื่อก่อนแล้ว คำว่าใต้เท้าอย่าเอ่ยเรียกอีกเลย ส่วนเรื่องที่จะทำเช่นไร ข้าว่าท่านต้องคิดเองแล้ว เพราะคนที่ลู่เหลียนจะแต่งด้วยคือท่าน หาใช่บุรุษอื่น" คังหยุนกลุ้มใจเขาไม่อยากกลับเมืองหลวง เขารู้ตัวว่าตนเองตกหลุมรักจางลู่เหลียนเสียแล้ว เขาจะแต่งกับนางแต่ดูเหมือนว่าจางรั่วสุ่ยไม่อยากให้น้องสาวแต่งกับเขา เขามีเรื่องอะไรปิดบังมากกว่าเรื่องแก่งแย่งในสกุลหานหรือเปล่า อีกอย่างเซียวจ้านเป่ยเองพอโกนหนวดแล้วหน้าตาเขาคุ้นยิ่งนัก เหตุใดเขาหล่อเหลาเพียงนี้ ขนาดเขาเองเป็นบุรุษยังยอมรับเลยว่าเซียวจ้านเป่ยหน้าตาดีจริงๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม