จางลู่เหลียนเอ่ยกับจูเหมยลี่เสร็จก็เตรียมตัวกลับบ้าน แต่พอเห็นคังหยุนไม่กลับนางเลยไม่กลับด้วยอยู่กับจูเหมยลี่จนเซียวจ้านเป่ยอ่อนใจ จางลู่เหลียนไม่ยอมกลับบ้านตนเอง เซียวจ้านเป่ยเริ่มหงุดหงิดแต่จูเหมยลี่จับมือเขาไว้ส่ายหน้า หากไม่ใช่เพราะจางลู่เลียนมาทันผิงผิงอาจถูกทำร้ายมากกว่านี้ก็ได้
"ท่านพี่ เรื่องของหงซิ่วท่านจัดการให้เด็ดขาดนะเจ้าค่ะ ข้าไม่อยากต้องระแวงว่านางจะมาทำร้ายผิงผิงอีกเมื่อไหร่"
"วางใจเถอะ เอ่อคุณชายคัง ดูเหมือนท่านจะสนิทกับใต้เท้าหลัว เฉิงอี้คนนั้นท่านจัดการได้หรือไม่ เขาเลวร้ายนักลักลอบเป็นชู้กับภรรยาผู้อื่นไปทั่ว ไม่สมควรเป็นบัณฑิตสักนิด อีกทั้งไม่สมควรเป็นขุนนางกินเบี้ยหวัดทางการอีกด้วย"
เซียวจ้านเป่ยเอ่ยกับคังหยุน ที่ตอนนี้ไม่สนใจใครนั่งกินซาลาเปาอย่างอร่อย เขาอร่อยจนแทบกลืนลิ้นตัวเองแล้ว
"นี่ๆๆอาซ้อ อาหารที่ท่านทำอร่อยกว่าพ่อครัววังหลวงเสียอีก ข้าได้รับมอบหมายให้มาตามหาคน จะพักอยู่ที่นี่สักครึ่งเดือนขอฝากท้องกับท่านได้หรือไม่ ท่านพี่เซียวภรรยาท่านทำอาหารอร่อยจริงๆ"
จากนั้นก็กินต่อไม่สนใจที่เซียวจ้านเป่ยที่สื่อสารกับเขาสักนิด โจ๊กนี่เนื้อเนียนยิ่งนัก อร่อยมากอร่อยเกินไปแล้ว จางลู่เหลียนดึงซาลาเปาจากมือเขา และแย่งชามโจ๊กมา ก่อนจะต่อว่า
"เจ้าเป็นคุณชายไม่ใช่หรือ ไม่มีเงินซื้อกินเองหรือไรถึงต้องมาขอข้าวคนอื่นกิน เหมยลี่ของข้านางบอบบางเช่นนี้ ต้องมารับใช้บุรุษร่างหนาอัปลักษณ์เยี่ยงพวกเจ้า ช่างไม่มีจิตสำนึกเอาเสียเลย"
"นี่จางลู่เหลียน ข้าไม่ใช่ขอทานสักหน่อย อีกอย่าอาซ้อนางทำอาหารอร่อยข้าชอบฝีมือนางแล้วทำไม เจ้าสอดมือมาวุ่นวายเรื่องข้าแล้วเจ้าเล่าไม่มีบ้านให้กลับหรือถึงรั้งอยู่ไม่ไปไหน"
คังหยุนโมโหสตรีน่าตายตรงหน้า ตอนแรกก็ว่านางงดงามอยู่หรอก แต่พอนางแย่งอาหารในมือเขานางน่ารังเกียจเหลือทนแล้ว
"บ้านข้าจะกลับไม่กลับก็เรื่องของข้า ว่าแต่เจ้าเถอะคุณชายคัง เสร็จเรื่องแล้วจะอยู่ทำไม รอทวงบุญคุณหรือ อยากให้เขาตอบแทนก็เรียบร้อยแล้วไง เจ้ากินซาลาเปาไปสามลูก โจ๊กอีกสองชามบุญคุณทดแทนเรียบร้อยแล้ว หากมองเหมยลี่ของข้าด้วยสายตาหวานซึ้งอีกข้าจะควักลูกตาเจ้า"
"เจ้าเด็กบ้า บิดาเจ้าไปไหนไม่สั่งสอนบุตร มีบุตรสาวเช่นเจ้าอับอายนัก ขอให้เจ้าไม่มีใครแต่งด้วย อีกอย่างข้ามาคุยกับพี่เซียวเรื่องล่าสัตว์ เจ้าไม่ใช่คนในครอบครัวนี้มาวุ่นวายอะไร" คังหยุนถึงกับโมโห นางเกินไปแล้วนะ
"อีกหน่อยข้าก็เป็นแล้ว รอเขาตายในสนามรบก่อนเหมยลี่ก็เป็นของข้า ไอ้หน้าขาวจะปรึกษาอะไรกับคนอัปลักษณ์นี่ก็ไปตรงอื่นอย่ามาเกะกะข้า ส่วนข้าจะได้แต่งงานหรือไม่เจ้าก็อย่ากังวล บุรุษเช่นพวกเจ้าล้วนไร้ค่าในสายตาข้าจางลู่เหลียนยิ่งนัก มีเพียงเหมยลี่ที่คู่ควรกับข้า"
จูเหมยลี่ปวดหัวหนักเลย จางลู่เหลียนตกใจที่ถูกเฉิงอี้ลวนลาม นางสติหลุดแต่จูเหมยลี่ไม่คิดว่าจะหลุดถึงเพียงนี้ จางรั่วสุ่ยเลี้ยงน้องสาวเป็นไข่ในหินจริงๆ พอเจอเรื่องเลวร้ายก็หลุดไปเลย ไม่มีภูมิคุ้มกันสักนิด
"อย่าเถียงกันเลย เอ่อพี่ลู่เหลียนท่านรู้หรือไม่ว่าที่ไหนขายไหดินเผาบ้าง ข้าอยากซื้อเยอะหน่อยเจ้าค่ะจะไปขุดหน่อไม้มาดองไว้สักหน่อย เดี๋ยวลูกหลับแล้วข้าไปหาท่านที่บ้านนะเจ้าคะ ท่านกลับก่อนเถอะ" จูเหมยลี่กล่อมจางลู่เหลียนให้กลับไปก่อน
"ท่านพี่ท่านกับคุณชายคนนี้คุยกันไปเถอะ ข้าจะกล่อมผิงผิงนอนสักหน่อย นางขวัญเสียมาก ข้าเกลียดเมียเก่าท่านจริงๆ เด็กตัวแค่นี้นางยังลงมือ นางหนีนรกลงมาเกิดหรือไร ชั่วร้ายนัก"
พูดกับซียวจ้านเป่ยจากนั้นก็พาเซียวลี่ผิงไปทายาแล้วกล่อมให้นอน ได้ยินเสียงเขากับคังหยุนคุยกันเบาๆ
"พี่เซียวข้าเหมือนคุ้นหน้าท่านอย่างไรไม่รู้ เอ่อที่ท่านให้คนมาแจ้งว่าช่วงนี้ฝนตกขึ้นเขาอาจเจออันตราย ข้าเห็นด้วยเช่นนั้นท่านช่วยข้าตามหาคนๆนึงได้หรือไม่"
"หืม คุณชายท่านมาตามหาคนหรือ ญาติของท่านหรือ หากข้าพอรู้จักอาจช่วยท่านได้"
"อืม คนสำคัญน่ะพอดีบิดาเขาป่วยหนัก อยากเจอหน้าบุตรชายข้าก็ไม่รู้จะไปตามที่ใดเช่นกัน" พูดจบตนของเขาก็มารายงานเรื่องที่ให้ไปสืบ
"คุณชายเราไปที่สุสานแล้วขอรับ หญ้าขึ้นรกมากแสดงว่าเขาไม่ได้ไปเคารพหลุมศพมารดานานแล้ว"
"ไม่น่าเป็นไปได้ ว่ากันว่าอ้ายจ้านรักมารดาที่สุด เขาปล่อยปละละเลยไม่ไปเชียวหรือ"
" บิดาต้องการให้เขากลับไปสืบทอดตำแหน่งต่อ แต่ดุเหมือนบุตรชายก็รังเกียจบิดาตนเองเสียแล้ว เฮ้อข้าควรสงสารเขาดีหรือไม่ท่านลุงเหลียน"
"ไทเฮาจะกลับมาแล้ว สามปีก่อนอ้างว่าซื่อจื่อไปสวดมนต์ให้มารดา ครั้งนี้หากยังหาไม่พบอีกฝ่าบาทคงไม่พ้นโดนพระมารดาตำหนิ ไทเฮามีหลานหลายคนแต่กลับรักใคร่ที่สุดคืออ้ายจ้าน เท่านั้น"
แม้จะกระซิบเบาแค่ไหนเขาก็ได้ยิน เซียวจ้านเป่ยนั่งฟังเงียบๆ เสด็จพ่อประชวร อยากให้เขากลับไปสืบทอดตำแหน่งอ๋อง หึมิใช่ท่านมีบุตรชายกับนางหรอกหรือ แต่งตั้งเขาสิ หรือว่าท่านเป็นแค่เบี้ยที่ผู้หญิงสารเลวนั่นเอามาล่อเขาให้ติดกับกันแน่ แปลว่าคนในเมืองหลวงไม่รู้ว่าเขาถูกคนของฉู่หรานซินตามฆ่า
"เอ่อ คุณชายข้าต้องรีบสร้างรั้วให้มั่นคงกว่านี้ อีกทั้งต้องช่วยภรรยาข้าดายหญ้าในบ้านให้หมด พวกเราไม่มีที่นา แต่พื้นที่บ้านก็ไม่เล็กสามารถปลูกพืชผักได้หลายแปลงนัก เมื่อวานข้าลืมซื้อเครื่องมือเกษตรมาให้นาง ทำให้นางต้องไปขอยืมคนอื่นจนต้องทิ้งลูกไว้บ้าน นางอยากให้ข้าสร้างห้องเก็บเสบียง กับห้องอาบน้ำอีกด้วย อีกอย่างข้าเหลือเวลาเพียงเดือนครึ่งต้องไปกองทัพแล้ว อยากให้เมียอยู่ทางนี้ไม่ลำบากเลยต้องจัดการให้เรียบร้อยก่อนไป เรื่องตามหาคนไม่อาจช่วยท่านได้จริงๆ"
คังหยุนเข้าใจสถานกาณ์ของพวกเขาดี ดูจากเรื่องราววันนี้ แม้ว่าบ้านของเซียวจ้านเป่ยจะมีรั้วอิฐแข็งแรงแต่ ประตูรั้วยังต้องเพิ่มความแข็งแรงต้องมีกลอนประตูใส่อย่างดีเพื่อกันคนนอกเข้ามา
"เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ข้าพอจะขอยืมคนของทางการมาได้บ้าง มาช่วยท่านทำรั้ว เปลี่ยนประตูช่วงสี่ห้าวันที่ขึ้นเขาไม่ได้ อีกอย่างมีคนของทางการมาทำงานให้ท่าน ต่อให้ท่านไม่อยู่ใครจะกล้ารังแกอาซ้อกับบุตรสาวท่าน"
เซียวจ้านเป่ยกำลัง คิดถึงเรื่องนี้พอดี ไม่นึกว่าพอง่วงนอนก็มีคนส่งหมอนมาให้ ใครจะไม่รับเล่า หากมีคนของทางการหนุนหลัง ชาวบ้านทั่วไปคงไม่กล้า เมียเขาเป็นคนฉลาดนางรู้จักใช้สถานการณ์ตรงหน้าพลิกแพลงได้เสมอ
"เช่นนั้นต้องขอบคุณท่านแล้ว ว่าแต่สองคนนั้นใต้เท้าหลัวจะลงโทษเช่นใดหรือ ข้าไม่อยากให้มาวุ่นวายกับลูกเมียข้าอีก"
"ท่านวางใจเถอะ หลัวสือเป็นขุนนางน้ำดี เขาเถรตรงนัก หงซิ่วคบชู้กับบัณฑิตเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ปกติเหลียงเถี่ยต้านรับเงินจากขุนนางจากเศรษฐี ขายหงซิ่วให้ไปหลับนอนกับคนเหล่านั้นแล้วรับเงิน แต่หงซิ่วกลับเสียเงินเพื่อได้หลับนอนกับเฉิงอี้ เหลียงเถี่ยต้านไม่ยอมหรอก"
"หากไม่ใช่ท่านปู่ข้าอยากให้ข้ามีทายาทจนยอมเสียเงินแต่งนางเข้ามาข้าก็ไม่อยากยุ่งกับสตรีน่ารังเกียจคนนี้จริงๆ"
ทั้งคู่ปรึกษาหารือเรื่องขึ้นเขาล่าสัตว์ เป็นอันว่าเซียวจ้านเป่ยจะขึ้นเขาเลือกตัดต้นไม้ในวันรุ่งขึ้น คังหยุนจะให้องครักษ์ของเขานำทหารมาช่วยยี่สิบนาย แล้วยังจ้างชาวบ้านในหมู่บ้านด้วย เพื่อแสดงความมีน้ำใจของสองสามีภรรยา
คังหยุนไปแล้ว เซียวจ้านเป่ยจึงเข้าไปหาจูเหมยลี่ที่เพิ่งกล่อมบุตรสาวหลับไป นางบอกว่าจะไปหาซื้อไหเขาไม่อยากให้นางออกจากบ้านเลย นางงามนักขนาดคังหยุนยังมองนางไม่วางตา เขาหวง
"ผิงผิงหลับแล้ว เจ้าก็พักผ่อนเถอะเรื่องไปซื้อไหเดี๋ยวข้าไปเองดีกว่า ลี่เอ๋อร์ วันนี้ทำเจ้าลำบากแล้วคนดี"
เซียวจ้านเป่ยไม่พูดเปล่าอุ้มนางจากห้องลูกไปห้องตัวเองก่อนจะโบกมือลงกลอนประตูเรียบร้อย
"ท่านพี่ ตั้งแต่ข้ายอมท่านนี่ รู้สึกว่าจะหื่นทุกวันเลยนะ พอเถอะหางานทำบ้างฟุ้งซ่านใหญ่แล้ว อื้อ "
เซียวจ้านเป่ยจูบจูเหมยลี่เรียกร้องเนิ่นนาน จนคนตัวเล็กยอมให้เขาเปลื้องชุดนางออก จากนั้นก็คลุกเคล้าทั้งบนทั้งล่างจนนางส่งเสียงวาบหวามออกมา
"พอแล้ว ท่านพี่เดี๋ยวเลยเถิด ถ้าไม่รักษาสัญญาข้าหนีจริงๆนะ อร๊ายยเสียวอื้อ"
เซียวจ้านเป่ยก้มดื่มน้ำหวานจนจูเหมยลี่ต้องยกสะโพกขึ้น จึงทำให้ให้เขาดื่มได้ถนัดยิ่งขึ้น สองขาตั้งชันมือบางจิกผ้าปูเตียงแน่น เขากระซิบรัญจวนจนนางอายหน้าแดง
"ลี่เอ๋อร์น้ำหวานเจ้าช่างหอมหวานจริงๆ พี่แทบทนไม่ไหวแล้ว ช่วยพี่หน่อยคนดี ลิ้นเจ้าร้ายกาจนักปราบลูกชายพี่หน่อยดูสิแข็งขึงเชียว ปากน้อยๆเจ้านุ่มนิ่มนักช่วยพี่หน่อยนะ"
จูเหมยลี่มองค้อนเขา ไม่นานเซียวจ้านเป่ยก็คำรามเสียงแหบพร่า ก่อนจะพลิกร่างเมียสาวลงมาแล้วปลดปล่อยใส่หน้าท้องแบนราบจนหมดทุกหยาดหยด
มองหน้านางด้วยสายตารักใคร่ จูเหมยลี่ทุบหน้าอกเขาหลบสายตา คนบ้านี่นางจะไม่ไหวแล้วนะ เขาหล่อเกินไปลีลาก็ร้ายกาจ นางจะทนไม่ไหวแล้วถ้าอีกรอบเป็นเมียเขาสมบูรณ์แน่ๆ
"ท่านพี่ พอแล้วนะเจ้าคะ ท่านไปหาซื้อไหเถอะเอามาเยอะหน่อย ซื้อเครื่องมือเกษตรมาด้วย ในรั้วมีกอไผ่หลายกอ ข้าจะขุดหน่อไม้ยังมีกระดูกหมูเหลืออยู่จะต้มน้ำแกงให้ท่านกับลูก อีกอย่างข้าอยากให้ท่านสอนขับเกวียน เวลาที่ท่านไม่อยู่หากข้าต้องเดินทางหรือลูกป่วยไข้จะได้ไปมาเองสะดวก"
"อืม ลี่เอ๋อร์จางลู่เหลียนจะหายไหม ข้าเป็นห่วงตอนที่ตนเองไม่อยู่ นางบังคับข้าหย่าเจ้าด้วย"
จูเหมยลี่หัวเราะ ก่อนจะรั้งเขามาหาแล้วช้อนทรวงอกใส่ปากคนตัวโต เอ่ยเบาๆ
"ให้อีกรอบแล้วกันจะได้ตั้งใจทำงาน อืม ท่านพี่ เสียวนัก อ่าห์" จากนั้นก็เริ่มอีกรอบจนเซียวจ้านเป่ยพอใจ อุ้มนางไปที่ถังน้ำอาบน้ำให้อย่างเเบามือจูเหมยลี่หลงเขาจริงๆ หน้าตาดีมาก
"เฮ้อ อย่างน้อยเจ๊ก็โชคดีละว้า ทะลุมิติทั้งทีได้ผัวหล่อมาก รอกลับมาจากทหารก่อนเถอะแม่จะจับขย่มเองทุกคืนเลย หล่อโว้ยเห็นหน้าก็ฉ่ำแล้ว"