"ผิงผิงเด็กดีไหมเอ่ย ตื่นหรือยังน้อไม่ตื่นแม่จะหนีไปเที่ยวคนเดียวแล้วนะ" จูเหมยลี่จี้เอวเด็กน้อย นางตื่นแล้วแต่แกล้งหลับขนตากระพริบถี่เชียว
"คิกๆๆๆท่านแม่ฮ่าๆๆท่านแม่ข้าจั๊กจี้มากเลยเจ้าค่ะคิกๆๆ"
จูเหมยลี่มองตาเด็กน้อยก่อนจะก้มลงเป่าพุงนางเล่น เสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากในบ้าน เซียวจ้านเป่ยยืนมองภาพตรงหน้าอย่างใจลอย ภาพนี้เหมือนตอนเขายังเด็กตอนที่เสด็จพ่อยังไม่แต่งสตรีคนนั้นเข้ามา เสด็จแม่รักใคร่เขานัก แต่ไม่นานนางก็จากไปหลักจากนั้นอีกสองปีเขาอายุสิบแปดไปไหว้หลุมศพมารดาขากลับก็ถูกตามฆ่า
จนต้องหนีมาอาศัยอยู่ที่นี่กับพ่อบ้านของเขาท่านปู่เซียวหลงเพื่อปกปิดร่องรอยจำต้องแต่งภรรยา ในที่สุดก็ถูกหงซิ่ววางยาจนมีผิงผิงออกมา เขายังถูกตามล่าจากชายารองที่ตอนนี้ขึ้นตำแหน่งชายาเอกแล้วกระมัง ถอนหายใจเสร็จก็เดินเข้าบ้าน
"ข้าจับปลาได้สามตัว จะไปซื้อเนื้อหมูที่ในเมืองมาให้ตอนเช้า ตอนนี้ตลาดคงวายหมดแล้ว ปลาต้องทำอย่างไร"
"ท่านขอดเกล็ดควักไส้ออกแล้วกัน อ้อติดเตาให้ด้วยข้าจะต้มน้ำให้ผิงผิงอาบก่อนเดี๋ยวฝนตก เก็บผ้าที่ข้าซักตากเข้ามาให้ด้วย"
เซียจ้านเป่ยสะอึกเขาซื้อนางมาหรือว่านางซื้อเขามากันแน่ใช้งานเขายิ่งกว่าบ่าวในเรือนเสียอีก แต่ก็หิ้วปลาไปขอดเกล็ด จากนั้นก็ก่อไฟ ไม่นานจูเหมยลี่ก็เข้ามาในครัว เปิดดูข้าวสารมีอยู่ครึ่งถัง แป้งสาลีมีเยอะพอควร แต่ไม่ทำกินไปจ้างคนอื่นตาแก่นี่ตลกดี
"เดี๋ยวข้าจะทำอาหารท่านพาลูกไปอาบน้ำเถอะ ฝนตั้งเค้ามาแล้วโชคดีที่ข้าให้ท่านตัดไม้ไผ่มาปูพื้นบ้านไม่งั้นได้ย่ำโคลนทุกวันแน่ๆ เฮ้ออยู่ได้อย่างไร มิน่าเมียหนี"
จูเหมยลี่บ่นจบก็เดินเข้าครัว เซียวจ้านเป่ยสะอึก ที่นางหนีเพราะเขาขี้เหร่ไงนางบอกว่าเขาอัปลักษณ์ ขนาดเจ้ายังเรียกข้าตาแก่เลยเด็กบ้า
จูเหมยลี่ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร นางแร่เนื้อปลาบางๆค่อยๆเลาะก้างออกจนหมด ก้างปลาเอามาต้มทำน้ำแกงหุงข้าวสวยเอาไว้ พอน้ำแกงปลาข้นได้ที่ก็กรองเอาแต่น้ำ ปรุงรสด้วยเกลือ มีแต่เกลือจริงมองหาเครื่องปรุงอย่างอื่นไม่มีเลย กะกินเย็นวันนี้พรุ่งนี้เช้าฟอกไตหรือไงนะ หลักจากนั้นก็ค่อยๆใส่เนื้อปลาที่แร่ลงไป
ตอนซักผ้าเห็นมีต้นหอมป่าอยู่แถวๆลำธาร ไปเก็บสักหน่อย จึงลุกไปลงเดินออกไปนอกบ้าน ได้ต้นหอมป่ามาหลายต้น บังเอิญโชคดีตรงกองฟางที่เซียวจ้านเป่ยวางสุมทิ้งไว้ให้วัว มีเห็ดฟางงอกอยู่มากมายเลย
"โอ๊ย คิดถึงต้มยำที่เมืองไทยจัง ตัดคลิปไว้ยังไม่ทันได้ลงเลย ดันมาตายเสียก่อนบอกว่าไม่เอาแบบนี้ยังให้มาเกิดใหม่ในร่างคนอื่นอีกขอมิติปังๆบ้างได้ไหมนิยายโกหกทั้งเพ เก็บเห็ดไปดีกว่าไว้พรุ่งนี้ดอกก็บานหมดแล้ว"
จูเหมยลี่ทำไข่ตุ๋นใส่เห็ดฟางกับน้ำแกงปลาหนึ่งชามโรยด้วยต้นหมอซอย เนื้อปลาอีกส่วนเคล้าเกลือเล็กน้อยคลุกแป้งสาลีชุบไข่คลุกแป้งอีกทีนำลงไปทอด
อาหารเสร็จแล้วสองพ่อลูกที่อยู่ในบ้านถึงกับกลืนน้ำลายทันที เซียวลี่ผิงวิ่งมากอดขาจูเหมยลี่อย่างเอาใจ
"ท่านแม่หอมจังเลยเจ้าค่ะ ท่านแม่ทำอะไรให้ลูกกินเจ้าคะ" จูเหมยลี่ลูบศรีษะน้อยๆก่อนจะสั่งให้ไปรอที่โต๊ะกินข้าว เดี๋ยวถูกน้ำแกงลวก
"เจ้าพานางไปเถอะ เดี๋ยวข้ายกอาหารไปเอง ผิงผิงลูกไปกับท่านแม่เดี๋ยวพ่อจะช่วยท่านแม่ยกกับข้าวไปนะ"
เซียวผิงผิงกางแขน จูเหมยลี่อุ้มเจ้าแมวลายจอมตะกละขึ้นมาพาไปยังห้องโถงเพื่อนั่งกินข้าว จางรั่วสุ่ยถือตระกร้ามาหาสหายรุ่นพี่ ไม่ทำอาหารได้อย่างไรแล้วสองพ่อลูกจะกินอะไร จางลู่เหลียนน้องสาวเขาบอกว่าจูเหมยลี่เป็นสตรีปากร้าย เขาต้องมาดูสักหน่อยเป็นห่วงเซียวจ้านเป่ยกับเซียวลี่ผิง แต่พอมาถึงก็ได้กลิ่นอาหารที่หอมจนท้องเขาร้องทั้งๆที่เพิ่งกินมา
"พี่จ้านเป่ย ข้าเองรั่วสุ่ยเอาสำรับมาให้ท่านน่ะขอรับ" เซียวจ้านเป่ยเปิดประตูออกมาเห็นสหายรุ่งน้องถือตระกร้าอยู่ก็พยักหน้าให้
"เข้ามาก่อนสิ เอ่อกินข้าวด้วยกันเถอะ เมียข้าทำอาหารเยอะแค่เพิ่มตะเกียบคู่เดียวเท่านั้น"
"เช่นนั้นรบกวนอาซ้อด้วยนะขอรับ" จูเหมยลี่พยักหน้าก่อนจะคีบไข่ตุ๋นป้อนเซียวลี่ผิง เหมือนมีแค่นางกับเด็กน้อยไม่สนใจบุรุษทั้งสอง จนจางรั่วสุ่ยเอ่ยขึ้นมา
"เอ่อ อาซ้อวันนี้ลู่เหลียนมาสร้างความรำคาญใจให้ท่านข้าเป็นพี่ต้องขออภัยด้วยนะขอรับ" เซียวจ้านเป่ยมองหน้านาง ดูท่าสหายคงมาทวงความเป็นธรรมให้น้องสาว
"ข้าไม่ถือโทษโกรธหรอก อีกอย่างที่เลิกจ้างเจ้าทำอาหารเพราะข้าทำเองได้ภรรยาเจ้าลูกเล็ก ส่วนน้องสาวเจ้ายังไม่แต่งงาน เช้าส่งข้าวเย็นส่งน้ำให้บุรุษที่มีภรรยาแล้ว หากเรื่องนี้แพร่ออกไปต่อไปนางจะแต่งงานอย่างไร อีกเรื่องเจ้าเห็นนางใส่เสื้อผ้าหรือไม่ ขาวตั้งแต่เส้นผมยันปลายเท้า ข้าคิดว่าบ้านเจ้ามีคนตายแล้วนางไว้ทุกข์เสียอีก ถ้านางไปบ้านญาติผู้ใหญ่แล้วแต่งตัวแบบนี้ พวกเขาคงพูดมากกว่าข้านัก"
"เป็นอาซ้อที่สั่งสอนถูกต้อง ข้าจะจำไปสอนนางขอรับ อืมอาหารที่ท่านทำวันนี้รสชาติอร่อยยิ่งนักนับว่าพี่จ้านเป่ยมีวาสนาแล้ว"
ต่างคนต่างนั่งกินไม่พูดอีก เซียวจ้านเป่ยขำนัก เขาไม่กล้าวิจารณ์การแต่งกายของจางลู่เหลียน นางรู้มาว่าเขาชอบสีขาวอยากเอาใจเขา แต่นางกลับแต่งกายเหมือนคนไว้ทุกข์จริงนั่นแหละ
เนื่องจากหนวดเคราที่ยาวจึงไม่มีใครเห็นรอยยิ้มของเขา หลังจากกินข้าวเสร็จจางรั่วสุ่ยก็กลับบ้านจูเหมยลี่นำไข่ตุ๋นชามเล็กใส่ตระกร้าให้เขาหนึ่งชาม
"บุตรชายเจ้ายังเด็กไข่ตุ๋นนิ่มๆเด็กกินได้ กลับดีๆไม่ส่งนะ"
จางรั่วสุ่ยสะอึก นี่คือจูเหมยลี่ที่ถูกป้าสะใภ้ใหญ่ข่มเหงมาสองปีตั้งแต่ปู่กับย่าจากไปจริงหรือ แต่ละคำพูดแต่ละการกระทำดูมีอำนาจเหลือเกิน คนไปแล้วจูเหมยลี่ก็เตรียมเข้านอน มีมือน้อยๆมาจับนางไว้
"ท่านแม่ผิงผิงจะนอนกับท่านแม่" จูเหมยลี่พยักหน้า เซียวจ้านเป่ยจึงต้องให้นางมานอนห้องเขาส่วนตัวเขาก็ไปนอนห้องนางแทน เพราะที่นอนจูเหมยลี่แข็งเกินไปบุตรสาวของเขาจะนอนไม่ได้
"แค่ประจบลูกนายได้ นายจะไปไหนรอดตาแก่โรคจิตเหอะ ไงล่ะอยากแกล้งฉันตอนนี้นายนั่นแหละที่ต้องไปนอนที่นอนแข็งๆเสียเองสมน้ำหน้า"
จูเหมยลี่แลบลิ้นให้เขา เซียวจ้านเป่ยยังไม่ลืมที่ถูกเตะวันนี้ฝากไว้ก่อนเถอะยัยเด็กบ้า