จูเหมยลี่เติมฟืนก่อนจะต้มน้ำจากนั้นก็ลวกไก่ถอนขน นางทำทั้งห้าตัวเลย จะเอามาย่างและมาทอดด้วย เฮ้อไม่อยากจะว่าสหายของตาลุงนั่นหรอกนะ
แต่ดูเหมือนหนึ่งตำลึงนี่ บางบ้านอยู่ได้ครึ่งปี แต่นี่นอกจากซาลาเปาแข็งๆกับข้าวต้ม เซียวลี่ผิงแทบไม่ได้กินดีเลย ตาลุงนั้นมีแป้งมีข้าวเต็มถังแต่กลับปล่อยให้ลูกสาวผอมเชียว ถึงจะไม่อดก็ใช่ว่าจะได้กินดี
"ไปริมน้ำกับแม่ไหม แม่จะไปทำไก่ไม่อยากใช้น้ำในโอ่งเดี๋ยวท่านพ่อต้องหาบน้ำอีก"
เซียวลี่ผิงพยักหน้าจูเหมยลี่นำกะละมังไม้มาสองใบ นำชามใส่ขี้เถ้ามาหนึ่งใบ จากนั้นก็เอาไก่ป่าที่ลวกแล้วถอนขนเรียบร้อยใส่กะละมังไม้
ก่อนจะพากันเดินไปหลังบ้าน จูเหมยลี่ผ่าท้องควักเครื่องในออกมาจากนั้นก็ล้างด้วยขี้เถ้าจนสะอาด
"เฮ้อ อยากได้พริก ข่า ขิง กระเทียม พริกไทย ฮวาเจียวสักหน่อยที่นี่มีไหมนะ"
ปากก็บ่นไปเรื่อยเปื่อยแต่อยู่ๆจมูกก็ได้กลิ่น
"หืมได้กลิ่นขิง กลิ่นพริก เอ๋เดี๋ยวนะอยู่ๆได้กลิ่น มาจากไหนกัน ผิงผิงรอแม่ตรงนี้นะเดี๋ยวแม่มา แม่ไปดูตีนเขาตรงฝั่งนั้นก่อน"
เซียวลี่ผิงพยักหน้าจูเหมยลี่ข้ามลำธารไป เห็นต้นไม้ไม่สูงเท่าไหร่ มีลูกสีเขียวสีแดงเต็มไปหมด มีกอข่า ขิง
"อั๊ยย่ะ นี่มันสรรค์ประทานให้หรือโชคดีของเจ๊วะ กลับไปเอาเสียมเล็กแป็บเว้ย"
จูเหมยลี่ข้ามลำธารกลับมาก่อนจะพาลูกสาวกลับบ้าน
"เด็กดี รอแม่ที่นี่นะแม่ไปขุดขิงกับข่าแล้วก็เด็ดพริกมาทำมื้อเช้าก่อน สายๆค่อยตามแม่ไปนะตอนนี้ยังเช้าอยู่ อาจจะถุกยุงกัดได้"
"ท่านแม่ระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ อย่าให้ลื่นตกน้ำแบบเมื่อวานอีก เดี๋ยวไม่สบาย"
จูเหมยลี่น้ำตาคลอ นี่คือความอบอุ่นที่นางไม่เคยได้รับ ปะป๊าทำแต่งาน ทุกวันใช้ชีวิตกับพี่เลี้ยง แม้จะรู้ดีว่าเขารักเธอแต่ก็โหยหาอ้อมกอดเสมอมา เด็กคนนี้มาเติมเต็มให้เธอจริงๆ
"ขอบใจมากลูกรัก อยู่ในบ้านเดี๋ยวจะได้กินของอร่อย"
หลังจากปิดประตูบ้านเรียบร้อยกลัวนางออกไปข้างนอก ก็คว้าตะกร้ากับเสียมออกไป ข้ามมาถึงก็เดินหาว่ามีอะไรอีกบ้าง ได้กุ่ยช่ายป่า ต้นกระเทียมป่า ข่า ขิง พริก อีกทั้งยังเจอเข้ากับฮวาเจียว
ก่อนจะกลับยังได้ฟักทองแก่มาอีกสองลูก เก็บจนเพลิน ขุดทั้งหน่อไม่ เจอทั้งเห็ดสนไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านเป่ยกลับมาแล้วกำลังโมโหนางอยู่
เซียวจ้านเป่ยเห็นประตูบ้านปิดอยู่ เปิดมาเจอแต่บุตรสาว ภาพคนนี้เหมือนกับวันที่หงซิ่วทิ้งผิงผิงไปเลย ขังนางให้อยู่ในบ้าน หากเขามาช้าอีกวันบุตรสาวตายไปแล้ว
"นังงูพิษ บุตรสาวข้าอุตส่าห์ดีใจเจ้ากลับทำนางเสียใจ กล้าขังบุตรสาวข้าหรือ จูเหมยลี่หากหาเจ้าเจอข้าจะขายเจ้าทิ้งให้หอนางโลมเสีย แพศยานัก"
เซียวจ้านเป่ยกอดบุตรสาวแน่น จูเหมยลี่ที่เพิ่งมาถึงได้ยินพอดีก็ยกเท้าถีบประตูบ้านยืนจังก้าอยู่ บนหลังยังสะพายตะกร้าอยู่ โมโหจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง
" เซียว จ้าน เป่ย มาคุยกันหน่อย ข้ามีอารยะพอไม่อยากทะเลาะต่อหน้าเด็ก ตาแก่เจ้าปัญหา"
จูเหมยลี่เน้นชื่อเขาทีละคำ ก่อนจะปลดตะกร้าวางลงแล้วหันไปพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานกับเซียวลี่ผิง
"แม่มีเรื่องจะคุยกับท่านพ่อ ผิงผิงอยู่ในบ้านนะเดี๋ยวเสร็จแล้วแม่จะทำไก่อบให้กินดีไหม"
"มีเนื้อกินแล้ว ดีมากเลยเจ้าค่ะ ท่านพ่ออย่าดุท่านแม่นะเจ้าคะ"
เซียวลี่ผิงหันไปบอกบิดา เซียวจ้านเป่ยพยักหน้ายิ้มให้บุตรสาวก่อนจะสาวเท้าตามนางไปหลังบ้าน ดูท่าแม่ตัวดีอยากลงไม้ลงมือกับเขาแต่กลัวบุตรสาวเห็น อยากรู้นักเจ้ามีฝีมือแค่ไหน
"จะขายข้าหรือตาเฒ่า ท่านนี่มันแก่กะโหลกกะลาเสียจริงๆ ข้าไม่อยากมีเรื่องกับท่านเพราะผิงผิงแต่ท่านหาเรื่องเก่งเหลือเกินนะ จะเอายังไงเซียวจ้านเป่ยบอกมา ข้าเริ่มหมดความอดทนกับสติเลอะเลือนของท่านในแต่ละวันแล้วนะ"
"ใครจะรู้ล่ะ เจ้าเล่นขังผิงผิงไว้ในบ้านแล้วตัวไม่อยู่ นางเคยถูกทิ้งแบบนี้มาก่อน มารดานางบอกจะไปซื้อขนมแล้วก็ไม่กลับมาเลย แถมยังด่าว่าข้าเป็นยาจกไม่มีอนาคตอีก ตอนข้ากลับมานางหายใจรวยริน นางเกือบไม่รอด หากข้ามาช้าอีกวันนางคงตายไปแล้ว"
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า นางก็คือนาง ข้าก็คือข้า เจ้าเอามาเหมารวมแบบนี้ได้หรือเซียวจ้านเป่ยอย่าให้มันมากนักข้ามีความอดทนไม่มากหรอกนะ อย่าทำลายขีดจำกัดข้าบ่อยเกินไป"
"หึ เจ้าทนไม่ได้ก็ไปหาเงินมาไถ่ตัวเองสิ ไม่งั้นก็ปรนนิบัติข้าดีๆ หากถูกใจบางทีข้าอาจจะใจอ่อนปล่อยเจ้าไป โอ๊ย จู เหมย ลี่ เจ้าทำเกินไปแล้วนะ"
จูเหมยลี่ไม่ฟังจนจบก็ยกเท้าถีบเข้าที่ยอดอกเซียวจ้านเป่ยทันที เขาย่างสามขุมมาหานาง ยายเด็กบ้านี่เมื่อวานเตะเขา วันนี้นางกล้าถีบเขาเชียวหรือ
"ข้าไม่ทำเกินไปหรือ ปรนนิบัติตาลุงปัญญาอ่อนอย่างเจ้าหรือ ฝันกลางวันหรือไง เจ้าไปทหารกลับมาเมื่อไหร่ข้าจะหย่า ทางที่ดีเจ้าควรตายในสนามรบซะ ข้าจะได้อยู่กับผิงผิงสองคน เจ้ามันคนแก่รกโลก อื้อๆๆ"
เซียวจ้านเป่ยกระชากนางเข้าหาก่อนจะบดขยี้ริมฝีปากนางอย่างแรง จูเหมยลี่เจ็บจนเลือดซิบทุบเขาจนมือเจ็บแต่เขาไม่สะท้านสักนิด มิหนำซ้ำยังแหวกสาบเสื้อนางออกดูดกลืนทรวงอกนางทันที
"เซียวจ้านเป่ย หากเจ้าข่มเหงข้าอีก ข้าสัญญาว่าจะทิ้งเจ้ากับผิงผิงไปทันทีคนสารเลว"
เซียวจ้านเป่ยได้สติจึงปล่อยนางทันที ก่อนจะเอ่ยเบาๆ
"ข้าขอโทษ เจ้าอย่าทิ้งผิงผิงไปเลยนะ นางไม่เอาใครเลยเจ้าเป็นคนแรกที่นางยอมให้เข้าใกล้ อีกทั้งนางยังอยากนอนกับเจ้า เหมยลี่อย่าร้องไห้ข้าสัญญาหากเจ้าไม่เต็มใจต่อไปข้าจะไม่ข่มเหงเจ้าอีก"
เซียวลี่ผิงคือสมบัติที่มีค่าที่สุดในชีวิตเขา นางหน้าตาคล้ายเสด็จแม่ของเขามาก เซียวจ้านเป่ยยอมแลกทุกอย่างขอเพียงนางปลอดภัย
เขาจึงเกลียดหงซิ่วมากที่ทิ้งนางไว้จนเกือบตาย เมื่อกี้พอกลับมาเจอบุตรสาวอยู่คนเดียวทำให้ภาพที่นางนอนหายใจรวยรินกลับเข้ามาอีก เซียวจ้านเป่ยหันหลังให้จูเหมยลี่ ต่างคนต่างมีความในใจจนได้ยินเสียงเด็กน้อยเรียกจึงได้สติ
"ท่านพ่อห้ามดุท่านแม่นะ ท่านแม่ข้าจะสั่งสอนท่านพ่อให้ดีท่านแม่อย่าทิ้งผิงผิงไปนะเจ้าคะ ฮือๆๆๆๆแงๆๆๆๆๆ"
จูเหมยลี่รีบวิ่งเข้าไปในบ้านอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาลูบหลัง น้ำตานางร่วงทันทีความว้าเหว่นี้นางได้รับมาก่อน ในตอนนั้นเธอขอร้องคุณแม่ว่าอย่าทิ้งคุณพ่อกับเธอไป แต่คุณแม่ขึ้นรถไปไม่หันหลังกลับมา
ไม่มีแม้น้ำตาสักหยด ไม่มีความอาลัยอาวรณ์บุตรสาวเข่นเธอสักนิด
เวลาบินไปหาที่เมืองไทยก็ไม่มีเวลาให้ แต่ไปออกงานกับสามีใหม่ พาบุตรสาวบุตรชายไปเปิดตัวตามสื่อต่างๆ เป็นภาพครอบครัวอบอุ่น คุณยายกีดกันรังเกียจเธอไม่อยากให้ไปหา
จนกระทั่งเธอตายยังมีแค่คุณพ่อที่ร้องไห้กอดศพเธอ สำหรับคุณแม่เหมือนกับว่าเธอไม่ควรมาขัดขวางความสุขของครอบครัวใหม่
เซียวลี่ผิงเด็กคนนี้และเธอคือการเติมเต็มของกันและกัน ตอนนั้นเธออ้างว้างว้าเหว่ถูกทอดทิ้งให้เดียวดาย
จนกระทั่งยืนมองร่างตัวเองแต่ก็ไม่เห็นน้ำตาของมารดาสักหยด เหมือนอยากรีบเซ็นชื่อยินยอมให้ถอดเครื่องช่วยหายใจไวไวด้วยซ้ำ
"นี่คือชะตาลิขิตหรือคะ สวรรค์มีจริงหรือท่านเห็นใจที่หนูหว้าเหว่ถูกทอดทิ้งแต่เด็ก จึงให้หนูมาเจอคนที่โชคชะตาเดียวกันเพื่อเติมเต็มความรักหรือคะ ขอบคุณนะคะที่ให้มาเจอเด็กคนนี้ ขอบคุณจริง ฮือๆๆๆ"
จูเหมยลี่ขอบคุณโชคชะตาในใจ น้ำตาไหลออกมาเอง