สถานีอนามัยเล็กๆพื้นยกสูงด้านบนทำด้วยไม้ภายในมีเตียงสำหรับผู้ป่วยเพียงสองเตียงด้านล่างเป็นใต้ถุนก่อด้วยปูนภายในห้องเก็บอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ชำรุดและคลังเวชภัณฑ์อยู่เครื่องมือบางอย่างที่นี่อายุเก่าเสียจนใกล้ชำรุด เรื่องของบประมาณซื้อใหม่อย่างที่พิมพลอยฝันโอกาสเป็นศูนย์เพราะเคยขอไปเป็นปีๆยังไม่มีวี่แว่วจะได้ สงสารก็แต่ชาวบ้านห่างไกลความเจริญห่างหมอห่างยาดีๆที่จะมีก็แค่ยาพอบรรเทาเบื้องต้นถ้าหนักกว่านั้นก็ต้องส่งตัวไปโรงพยาบาลอำเภอซึ่งการเดินทางออกจากหมู่บ้านแสนลำบากผ่านลำธารขึ้นเขาลงห้วยหลายลูกกว่าจะถึง ชาวบ้านส่วนหากรู้ว่าอาการหนักก็ยึดผีสางนางไม้เจ้าป่าเจ้าเขาหรือพวกพ่อมดหมอผีเป็นยาทางใจ อาจรักษาไม่หายแต่ก็มีกำลังใจอยู่ต่อได้อย่างน่าอัศจรรย์ ศาสตร์ของความเชื่อเรื่องผี ไสยศาสตร์มีอีกมากมายที่พิมพลอยยังหาคำตอบไม่ได้เมื่ออยู่ในหมู่บ้านห่างไกลความเจริญนี้ เรื่องบ้างเรื่องจะว่าเกิดกว่าปกติวิสัยพิมพลอยก็เคยเห็นมากับตาแล้ว อย่างเมื่อตอนเธอมาประจำอยู่ที่นี่แรกๆ มีชาวบ้านช่วยกันหามหญิงชรานอนติดเตียงเดินเหินเองไม่ได้มาส่งที่อนามัย หญิงชรานอนนิ่งไม่ขยับหายใจโรยรินเหมือนจะขาดใจตาย แต่พอดึกสงัดหญิงแก่เหมือนฟื้นคืนชีพลุกขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วกระโจนลงหน้าต่างชั้นสองของอนามัยวิ่งหายเข้าป่าไป ครานั้นพิมพลอยแทบช็อกเมื่อเห็นจังๆกะตา เธอบอกให้ชาวบ้านช่วยตามหาหญิงชราแต่ทั้งหมู่บ้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ยายแกเป็นปอบ เมื่อรุ่งส่างก็พบร่างที่สิ้นใจแล้วภายในป่าไม่ห่างจากหมู่บ้านนัก จะว่าน่าเหลือเชื่อก็คงจะจริงเพราะในตอนนี้พิมพลอยยังหาข้อพิสูจน์เหตุการณ์นั้นไม่ได้
"ฟ้ามืดเชียวสงสัยฝนจะตก"พิมพลอยเงยหน้าจากการจดรายการเวชภัณฑ์ภายในห้องเก็บของขึ้นมองฟ้าด้านนอก วันนี้ไม่มีคนไข้มาตรวจเธอจึงถือแฟ้มลงมาตรวจดูวันหมดอายุของยาต่างๆ
"หมอพิมๆข้าวมาส่งแล้วจ้ะ"เสียงของเด็กสาวร้องเรียกหาหญิงสาวผู้เดียวที่ประจำการที่อนามัยแห่งนี้
"ฉันอยู่ที่นี่มะเมียะ"พิมพลอยตะโกนเรียกเมื่อได้เสียงมะเมียะกำลังเดินขึ้นบันไดไปด้านบน
"อ้าว...ทำอะไรอยู่จ้ะหมอ"
"เช็คของนิดหน่อยจ้ะ ไปไวมาไวจังมะเมียะ"หญิงสาวถามเมื่อเห็นว่ามะเมียะขอตัวกลับไปทำอาหารเย็นแต่กลับมาเร็วกว่าปกติ
"กลัวฝนตกจ้ะ กลับไปเมื่อกี้ไม่เห็นมีใครอยู่ที่บ้าน พ่อกับพี่คะฉิ่นยังไม่กลับมาเลย"
"พวกนั้นเขาหายไปไหนกันหมดนี้ก็ใกล้จะเย็นแล้ว"
"ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ มะเมียะเลยรีบทำกับข้าวมาส่งให้หมอก่อนต้องรีบกลับไปดูบ้านเดี๋ยวฝนตกลงมาไม่มีใครเก็บผ้าที่ตากไว้"
"ดูท่าฝนคงจะตกหนักเดี๋ยวฉันก็ไปเหมือนกันมะเมียะไปก่อนเถอะ"พิมพลอยรีบบอกมะเมียะเพราะดูว่าเย็นวันนี้ฝนคงตกหนักแน่นอนเมฆเริ่มมืดครึมมาสายลมพัดแรงขึ้นกิ่งไม้ลู่ไหวไปตามแรงลม
"จ้ะ มะเมียะกลับก่อนนะหมอพิม"เด็กสาวก็รีบยกมือไหว้ลาก่อนยกผ้าถุงขึ้นให้พ้นข้อเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับทางเดิมที่มาจากหมู่บ้าน
ครืนๆ....เปรี้ยง!
ร่างบางสะดุ้งเสียงฟ้าผ่าดังลั่น พิมพลอยรวบแฟ้มในมือวิ่งขึ้นไปเก็บด้านบนสถานีอนามัย ก่อนรีบวิ่งกลับบ้านพักเพราะกลัวฝนจะตกสาดเข้าหน้าต่างที่ไม่ได้ปิด หากเป็นเช่นนั้นคืนนี้เธอคงได้นอนบนที่นอนเปียกๆแน่
ชาวบ้านชายฉกรรจ์สามคนรวมคะฉิ่นเดินคุมตัวนรินทร์มาที่สถานนีอนามัยหลังจากได้ข้อสรุปในการประชุมของหมู่บ้าน นายทหารหนุ่มทำตามที่ชาวบ้านบอกอย่างโดยดี ไม่อิดออดแต่อย่างใด
"นายทหารไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย"คะฉิ่นเดินมาเรียบๆเคียงๆใกล้นรินทร์ก่อนกระซิบถามเสียงเบา
"ไม่เป็นไรหรอกคะฉิ่น ฉันบริสุทธิ์ใจเพราะถ้าฉันเป็นชาวบ้าน ฉันคงต้องสงสัยเหมือนกัน"นรินทร์ยิ้ม คะฉิ่นนึกนิยมชมชอบในน้ำใจของชายหนุ่มที่ไม่แก้ตัวหรือใช้อำนาจบาทใหญ่ใดๆแต่ต้องการจะพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนได้เห็นความจริงแทน
"ทนนอนที่นี่ไปก่อนนะนายทหาร พรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวคะฉิ่นมาเปิดประตูให้"นรินทร์ตบไหล่คะฉิ่นเบาๆก่อนเดินเข้าในห้องเก็บของที่มืดทึบมีเพียงแสงจากช่องลมเท่านั้นที่ส่องเข้ามา คะฉิ่นดันบานประตูปิดลง
"เฮ้ย!ฝนตกพวกเอ็งไปหลบด้านบนก่อนข้าจะไปดูอีมะเมียะที่บ้านหมอ"สายฝนโปรยลงมาอย่างหนักคะฉิ่นบอกชาวบ้านอีกสองคนให้หลบฝนก่อนแล้ววิ่งไปที่บ้านพักของพิมพลอย
"หมอ หมอ มะเมียะล่ะหมอ"เสียงตะโกนจากด้านล่างแข่งสายฝนทำให้พิมพลอยเปิดประตูออกมา เห็นร่างของคะฉิ่นยืนอยุ่หน้าบ้านพัก
"มะเมียะเพิ่งกลับไปเมื่อกี้คะฉิ่น"พิมพลอยร้องตอบ
"อ่อ...จ้ะจ้ะ"คะฉิ่นตะโกนรับวิ่งแข่งสายฝนหายลับไปทั้งที่เธอยังไม่ได้ถามถึงใครบางคนที่หายไป
พิมพลอยนั่งรอนายทหารหนุ่มแต่ไม่มีวี่แว่ว เขาคงกินข้าวที่ในหมู่บ้านเรียบร้อยแล้วและอาจติดฝนอยู่เลยยังไม่กลับ พิมพลอยคิดท้องน้อยๆร้องประท้วงเจ้าของร่างเพราะตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยนอกจากขนมปังมื้อเช้าเพราะทุกคนต่างยุ่งๆกันอยู่ ชักจะหิวแล้วสิหญิงสาวคิดเอามือลูบท้องเบาๆมองหาปิ่นโตที่มะเมียะเอามาให้
"อ้าว!ปิ่นโตอยู่ไหน"เสียงใสเอ่ยขึ้นเมื่อหาเถาปิ่นโตมื้อเย็นไม่เห็นแม้แต่เงา
นรินทร์นั่งบนเตียงผู้ป่วยเก่าๆที่ชำรุดแล้วภายในห้องเก็บของ สายตาปรับคุ้นชินกับความมืดได้บ้างแล้วภายในห้องถูกจัดเป็นระเบียบ กลิ่นหอมของอาหารบางอย่างโชยเตะจมูกความหิวทำให้เขาจมูกผิดเพี้ยนถึงขนาดได้กลิ่นของกินเลยหรือนี้
แอ๊ด......เสียงประตูเปิดออกร่างของใครบางคนยืนอยู่ที่หน้าประตูเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างอยู่
"อยู่ที่นี่จริงๆด้วย"ร่างบางในชุดเสื้อคลุมฝนดีใจเมื่อเห็นปิ่นโตตั้งอยู่บนชั้นเก็บของโดยไม่ทันสังเกตว่าอีกมุมห้องมีใครอีกคนนั่งอยู่
ปัง!!!.....เสียงลมพัดประตูไม้ปิดดังสนั่น เปรี้ยง!!.... พร้อมกับเสียงอสนีบาตฟาดซ้ำลงมาดังก้องทั่วห้องพิมพลอยทรุดลงนั่งที่พื้นเอามือปิดหูตัวสั่นอาการกลัวและวิตกกังวลจากภาพเหตการณ์ของปาลีและเปียยังติดอยู่ในความทรงจำ
แก๊ก...เสียงกลอนประตูถูกใส่จากด้านนอก พิมพลอยหันขวับถลาไปที่ประตูพยายามออกแรงผลัก
"อ๊ะ..ติดอะไร"หญิงสาวร่างบางออกเเรงดันประตูเต็มที่แต่มันมีท่าทีจะขยับ พิมพลอยใจเสียนี่เธอติดอยู่ในห้องเก็บของหรือนี้
"ข้าบอกเอ็งแล้วว่าไอ้คะฉิ่นมันไม่ได้ลงกลอนเอ็งเห็นไหม"
"เออดีนะที่เรามาดูอีกที่ถ้าปิดเรียบร้อยแล้วข้าก็สบายใจ"
"ไปกลับกันดีกว่าทีไอ้คะฉิ่นมันยังหนีไปนอนกอดเมียเลยเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าค่อยมาใหม่หนาวก็หนาวข้าไม่นั่งตากไอฝนที่นี่ทั้งคืนหรอก"
"เออ ไปก็ไป" พิมพลอยเอาหูแนบประตูพอจับใจความเสียงสนทนาได้เท่านี้เธอทุบประตูร้องเรียกแต่ไร้ซึ้งเสียงตอบรับเพราะฝนด้านนอกตกแรงใครกันมาขังเธอไว้ในนี้เวรกรรมแท้ๆหญิงสาวคิดน้อยใจชะตาชีวิตตน
"ผมนึกว่าจะได้นอนในนี้คนเดียวซะแล้ว"เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลังพิมพลอย หญิงสาวสะดุ้งหันตามที่มาของเสียงรี่ตามองเข้าไปในความมืด
"คุณ!!!!"เสียงประหลาดใจกึ่งดีใจของพิมพลอยดังขึ้น
นรินทร์ลุกขึ้นยืนเผยให้เห็นร่างใหญ่ในเงามืดลึกเข้าไปภายในห้องนายทหารสาวเท้าเดินเข้ามาหาพิมพลอยที่ยังยืนนิ่งอยู่
"แหม...ใจดีจังเอาข้าวมาส่งผมแถมยังมานอนเป็นเพื่อนอีก"เสียงทุ้มกึ่งทะเล้นเดินยิ้มร่ามาเบื้องหน้าเธอ
"คุณอยู่ที่นี้ได้ยังไงคะ"หญิงสาวรีบเอ่ยถามเพราะไม่อาจเก็บความสงสัยไว้ได้ว่าทำไมชายหนุ่มถุงมาปรากฏตัวอยู่ในที่แบบนี้ จะว่าหลบผนก็คงจะไม่ใช่
"เรื่องมันยาวครับ กินข้าวกันก่อนเถอะแล้วผมจะเล่าให้ฟังเพราะเราคงติดอยู่ในนี้ทั้งคืน"นายทหารหนุ่มยกปิ่นโตขึ้นก่อนเดินนำไปที่เตียงผู้ป่วยเก่าๆด้านใน
"นี่มันเรื่องอะไรกันคะ ฉันงงไปหมดแล้ว"
"กินก่อนเถอะครับ มาๆนั่งตรงนี้"นรินทร์ตบลงบนเบาะที่เตียง จัดสำรับแยกปิ่นโตออกกลิ่นหอมๆของอาหารชวนหิวกับเสียงสายฝนที่โปรยปรายลงมากระทบสังกระสีช่างได้บรรยากาศเสียจริง
"มีอะไรกินบ้างน๊า มองไม่เห็นเลย"เสียงทุ่มพูดขึ้นพิมพลอยนึกขึ้นได้ภายในห้องเก็บของมีเทียนเล่มสำรองเก็บอยู่
"นี่คะเทียน แต่ไม่มีไม้ขีดนะคะ"หญิงสาวเดินไปหยิบเทียนยื่นให้ชายหนุ่ม
"ไม่เป็นไรครับผมมีไฟแช็ค”นรินทร์ยิ้มกว้างจุดไฟต่อกับเทียนในมือหญิงสาวแสงสว่างส่องขึ้นจากเปลวเทียนเล่มเล็กๆทำให้รู้ว่าหน้าของทั้งสองอยู่ใกล้แทบจะชิดกัน แสงเทียนส่องดวงหน้าขาวผ่องตัดด้วยสีแดงระเรื่อที่เกิดจากความเขินอาย
"มาดินเนอร์ใต้แสงเทียนกันดีกว่าครับ"นายทหารหนุ่มผายมือเชิญทำท่าเหมือนบริกรร้านอาหารหรูกลางกรุง หญิงสาวอมยิ้มกับท่าทางของชายหนุ่มตรงหน้า เธอโค้งให้ชายหนุ่มก่อนจะหยิกเข้าที่ต้นแขนล่ำเต็มไปด้วยมัดกล้าม
"ยังมามีอารมณ์ขันนะคะนี่เราทั้งคู่ถูกขังอยู่นะ"
"แหมจะเครียดทำไหมครับถือว่าเปลี่ยนที่นอนมานอนนอกสถานที่ไง"นรินทร์ยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวเรียงสวยจนพิมพลอยอดคิดไม่ได้ว่าชายหนุ่มเขาช่างมองโลกในแง่ดีเสมอหรือจะแค่ปลอบใจเธอเท่านั้น
"ดูท่าทางคุณจะชอบนะคะผู้หมวด"หญิงสาวมองนายทหารหนุ่มที่นั่งตรงหน้า ดวงตาเข้มมาสบตากลับจนหญิงสาวเป็นฝ่ายหลบตาก่อนเอง
"ที่นี่ดีกว่าที่ผมไปลาดตระเวนในป่าตั้งเยอะนะครับ มีข้าวให้กินมีเตียงให้นอนแถมยังมีคุณอยู่เป็นเพื่อนด้วย"เสียงทุ้มกล่าวก่อนตักเนื้อปลาย่างชิ้นใหญ่แบ่งให้หญิงสาวก่อน
"แล้วสรุปยังไงคะทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้"พิมพลอยพูดด้วยสีหน้าจริงจังทำให้นายทหารหนุ่มเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟังในขณะที่ทั้งสองทานข้าวไปด้วย
"แล้วทำไมคุณถึงไม่พวกชาวบ้านไปล่ะค่ะว่า..."เสียงใสเตรียมจะแย้งความไม่ยุติธรรมที่นายทหารหนุ่มได้เจอ แต่ชายหนุ่มรีบพูดขึ้นเสียก่อน
"ว่าผมนอนกับคุณงั้นหรอครับ"
"ปะ...เปล่าค่ะคุณควรบอกว่าฉันเป็นพยานให้คุณได้"พิมพลอยลมหายใจติดขัดใบหน้าร้อนผ่าว เมื่อคิดถึงทั้งสองคืนที่ผ่านมา ชายหนุ่มและหญิงสาวทั้งสองอยู่ด้วยกันตลอดทั้งคืนจวบจวนรุ่งสางถึงจะไม่มีเรื่องไม่ดีไม่งามเกิดขึ้นแต่ก็ถือว่านายทหารหนุ่มเป็นสุภาพบุรุษและให้เกียรติเธอทั้งต่อหน้าและลับหลัง แม้ตัวเขาจะอยู่ในสถานะผู้ต้องสงสัยเขาก็ยังปกป้องศักดิ์ศรีของเธอ
"คุณเคยได้ยินไหมว่าน้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวางตอนนี้ถึงผมอธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจ เขาก็คงไม่เชื่อหาว่าผมแก้ตัวแล้วคนที่จะเสียคือคุณเองนะครับ"พิมพลอยนิ่งเงียบคิด
"อร่อยดีนะครับกินเวลาหิวๆขาดเสียแต่น้ำดื่มนะครับ"
"จริงด้วยทำไงดีล่ะคะ"หญิงสาวลืมคิดถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดไป
"คุณพอเอามือรอดส่องลมไปรองน้ำฝนมาได้ไหมครับ"ชายหนุ่มพูดเสียงเข้มขึงขังจริงจังจนหญิงสาวต้องหันไปมอง
"พูดเล่นใช่ไหมค่ะมือฉันไม่ได้เล็กขนาดนั้นนะ แต่ฉันนึกออกแล้ว"พิมพลอยหยิบขวดน้ำใสที่อยู่บนชั้นขึ้นมาชู มันเป็นน้ำกลั่นสำหรับใช้ล้างแผลฉลากติดว่าsterile water แต่ขวดนี้ยังไม่ได้เปิดใช้งานเธอยกขึ้นดื่มก่อนส่งให้ชายหนุ่ม
"กินได้จริงๆใช้ไหมครับ"นายทหารหนุ่มหลิ่วตามองเชิงสงสัย
"น้ำเนี่ยสะอาดกว่าน้ำขวดที่คุณซื้อดื่มอีกนะคะ"พิมพลอยรีบบอกก่อนมองค้อนชายหนุ่ม เขายิ้มรับขวดน้ำมาดื่มอึกใหญ่
ทั้งสองคนช่วยกันเก็บปิ่นโตหลังจากกินเสร็จ โดนขังอย่างนี้ทำให้ทำให้ทั้งสองมีเวลาคุยกันแลกเปลี่ยนทำความรู้จักกันมากขึ้น พิมพลอยได้รู้ว่านรินทร์อดีตเป็นเด็กวัดกำพร้าพ่อแม่อาศัยอยู่กับหลวงตามาตั้งแต่เด็กเท่าๆกับที่นรินทร์รู้ว่าพิมพลอยเป็นลูกสาวเศรษฐีณีม่ายเจ้าของโรงสี
"ฝนตกหนักมากเลยนะคะ"พิมพลอยห่อไหล่จากอากาศหนาวและฝนที่สาดเข้ามาทางช่องลมเล็กๆ กลิ่นดินที่เกิดจากหยาดฝนผสมกลิ่นอับภายในห้อง หญิงสาวย่นจมูกเธอรู้สึกหายใจไม่ค่อยสะดวกดูเหมือนอาการหวัดจะเล่นงานเสียแล้ว
"หนาวไหมครับ"นายทหารหนุ่มเอ่ยถามเขาขยับตัวให้หญิงสาวนอนบนเตียงแคบได้ถนัดขึ้น
"นิดหน่อยคะ"
"ทนหน่อยนะครับเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้ออกไปแล้ว ความจริงคุณไม่น่าต้องมาลำบากเลย"นายทหารหนุ่มเอ่ยอย่างเห็นใจที่หญิงสาวต้องตกกระไดพลอยโจนมาติดอยู่ในห้องนี้กับเขา
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คิดไปคิดมาก็ตื่นเต้นดี"
"งันทำเรื่องที่น่าตื่นเต้นกว่านี้ดีกว่านะครับ"นรินทร์ยิ้มกรุ้มกริ่มแม้อยู่ใต้แสงเทียนพิมพลอยก็รู้สึกได้ถึงสายตามีเลศนัยที่ส่งมา
"เรื่องที่ว่านี่อะไรคะ"พิมพลอยทำเสียงไม่ไว้วางใจกระเถิบตัวหนีชายหนุ่มจนคนตัวโตนึกอยากแกล้ง
"พวกเราก็มาทำอะไรที่มันน่าตื่นเต้นเสียวๆกันไงครับยิ่งมืดๆอย่างนี้ได้บรรยากาศสุดๆเลยนะครับ "เขาทำเสียงกระซิบกระซาบเบาๆ จนสาวร่างเล็กกว่าใจหวิว
"คุณจะทำอะไรน่ะ"พิมพลอยกระโดดลงจากเตียงวิ่งไปที่หน้าประตู หน้าตาดูตื่นตกใจทำให้นายทหารหนุ่มหัวเราะจนตัวงอกับท่าทีของหญิงสาว
"คุณกลัวผมจะทำอะไร"นายทหารหัวเราะร่าอย่างมีความสุขที่ได้แกล้งหยอกหญิงสาว
"ฉัน...ฉันไม่รู้ แล้วคุณจะทำอะไรล่ะ"เสียงเล็กแหบสั่น แสดงสีหน้าไม่ไว้วางใจ
"ผมแค่อยากชวนเล่าเรื่องผีเอง นี่ขนาดยังไม่เล่าคุณยังกลัวเลย"ใบหน้าหล่อคมชอบใจยิ้มภายใต้แสงเทียนเล่มน้อย
"อ้าว...ใครจะรู้ล่ะคุณยิ่งมีข้อหาอยู่แถมยังทำท่าแบบนั้นอีก"
"อย่าบอกนะว่าคุณคิดมิดีมิร้ายกับผม"นายทหารหนุ่มเอามือสองข้างปิดแผงอกล้ำทำท่าตุ้งติ้ง
"คนบ้า!! แล้วนึกยังไงคะ มาชวนเล่าเรื่องผี"หญิงสาววางใจลงเดินกลับมานั่งบนเตียงเก่าอีกครั้ง
"ก็ผมอยากรู้ว่าพวกหมอพยาบาลเขาเจอผีกับบ้างไหมครับไม่เห็นมีหมอมีพยาบาลที่ไหนเล่าให้ฟังเลย"
"อยากฟังไหมล่ะคะ ฉันจะเล่าให้ฟัง"พิมพลอยชันเข่าขึ้นมากอดไล่ความหนาว แสงเทียนเพียงเล่มเดียวทำให้บรรยากาศสนุกสนานเมื่อครู่ดูน่ากลัวมากขึ้น เสียงลมพัดผ่านช่องเล็กๆดังหวีดหวิดชอบกล ไอเย็นแผ่ไปทั่วดูเหมือนอุณหภูมิลงต่ำลงอย่างรวดเร็ว
"เล่าสิครับ ผมอยากฟัง"
"สมัยตอนเป็นนักศึกษาพยาบาลช่วงที่ฝึกงานวันนั้นฉันลงเวรบ่ายตอนเกือบตีหนึ่งเป็นวันที่วุ่นวายมากมีคนไข้หลายเตียงที่อาการไม่ค่อยดีทำให้ต้องส่งเวรกันนานเป็นพิเศษ ฉันรู้สึกเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด ลากขาเดินกลับหอพักอย่างหมดเรี่ยวแรง พอเปิดประตูห้องได้ฉันพุ่งตัวลงเตียงอย่างเหนื่อยล้าและหลับไป"
"คุณไม่อาบน้ำก่อนหรอครับ"นายทหารหนุ่มขัดขึ้นพิมพลอยมองค้อนก่อนเริ่มเล่าต่อ
"ฉันสะดุ้งตื่นอีกทีไม่รู้ว่ากี่โมงแล้ว แต่จำได้ว่ายังไม่ได้อาบน้ำฉันลืมตาในความมืดมีเพียงแสงไฟจากหน้าต่างเท่านั้นที่สองเขามาฉันปรับตาให้ชินกับความมืดมองไปที่เตียงของรูมเมททั้งสองแต่มันว่างเปล่ามีเพียงฉันที่นอนอยู่ในห้องเท่านั้น ความรู้สึกตอนนั้นคือฉันรู้สึกร้อนมากร้อนจนเหนื่อยผุดเต็มทั้งใบหน้าฉันยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อแต่ที่สัมผัสโดนคืออะไรบ้างอย่างที่แนบอยู่ข้างแก้มของฉัน ฉันลองสัมผัสดูลักษณะคล้ายมือเย็นๆมาจับอยู่ที่แก้มของฉัน วินาทีนั้นฉันรู้สึกถึงความกลัวสุดขีด ฉันปัดมือนั้นออกอย่างแรงและได้แต่กรี๊ดในใจความกลัวพุ่งสุดขีด ฉันลุกขึ้นนั่งแต่มือเย็นๆนั้นก็ตกลงมาบนตักฉัน" หญิงสาวเว้นวรรคกลืนน้ำลายลงคอ สายตาของชายหนุ่มจ้องนิ่งอย่างใคร่รู้ตอนต่อไปของเรื่องนี้
" ตอนนั้นเรียกได้ว่ากลัวสุดขีดเลยฉันทำอะไรไม่ถูกรีบเปิดไฟที่หัวเตียงแล้วสิ่งที่ฉันเห็นก็คือ"
"มือผีใช่ไหม..."นายทหารหนุ่มโพล่งขึ้น
"...เปล่าค่ะ...มือฉันเองฉันเหนื่อยจนนอนหลับท่าเดิมทับมือตัวเองจนเป็นเหน็บชาทำให้ไม่รู้สึกว่ามือข้างนั้นเป็นมือตัวเอง ฮะฮ่า"พิมพลอยหัวเราะร่วนสนุกที่ได้เล่าแต่คนตั้งใจฟังเรื่องผีนั่งหัวเสียที่นั่งตั้งใจฟังเสียนาน
"สรุปคุณเคยเจอผีไหมครับ"
"ไม่ค่ะ ถ้าผีที่หมายถึงวิญญาณล่ะก็ไม่เคย"
"พุทโธ...ผมอุส่าห์ตั้งใจฟัง"