พิมพลอยใช้ทางเดินลัดตัดป่าละเมาะเตี้ยๆที่ท้ายหมู่บ้าน เพราะย่นระยะเวลาเดินทางและผ่อนแรงไปได้หน่อย หญิงสาวว่าจะแวะเยี่ยมปาลี หญิงม่ายที่อาศัยในกระท่อมท้ายหมู่บ้านด้วย เนื่องจากคนในหมู่บ้านไม่มีใครสุงสิงกับปาลีทำให้พิมพลอยสงสารหล่อนเป็นพิเศษ ถ้ามีโอกาสผ่านมาทางท้ายหมู่บ้านเธอมักมาเยี่ยมเยือนถามสาระทุกข์สุขดิบเสมอ
“ปาลี ปาลี อยู่ไหมจ๊ะ” พิมพลอยตะโกนเรียกแต่ไร้เสียงตอบรับ
หน้ากระท่อมหลังเล็ก เต็มไปด้วยใบไม้แห้งร่วงหล่น นี่ก็จวนจะค่ำแล้วปาลีหายไปไหน เพราะปกติหญิงม่ายไม่เคยปล่อยให้บ้านของหล่อนสกปรกแม้แต่น้อยหรือว่าหล่อนจะป่วย พิมพลอยคิดขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“ปาลีฉันขอขึ้นไปนะ” พิมพลอยย่างขึ้นบันไดอย่างช้าๆแล้วชะโงกหน้าผลักประตูเข้าไปด้านในกระท่อมแต่ต้องผงะออกมาจนล้มก้นกระแทกกับพื้นอย่างแรง ภาพที่เห็นเบื้องหน้าคือร่างเปลือยเปล่าของปาลี นอนเหยียดแน่นิ่งผิวขาวซีดบริเวณเต้านมทั้งสองข้างเป็นจ้ำช่ำสีม่วงรวมถึงมีเลือดออกที่อวัยวะเพศสีดำคล่ำ พิมพลอยใช้มือเล็กอุดปากตัวเองไว้แน่นเผื่อไม่ให้เสียงของความตื่นตระหนกเล็ดลอดออกมา อีกมือใช้ยันตนเองลุกขึ้นถลาลงจากบันไดโดยเร็วแม้จะเจ็บบริเวณก้นกบแต่หญิงสาวก็ฝืนวิ่ง วิ่งออกจากที่นี่ไปให้เร็วที่สุด
ขาเรียววิ่งฝ่าดงหนาของต้นไม้น้อยใหญ่อย่างทุลักทุเลมุ่งหน้าไปยังถนนทางออกของหมู่บ้าน เหมือนได้ยินเสียงชาวบ้านพูดคุยกัน เสียงค้อนตอกไม้เสียงดังแว่วมาตามลม ขาของหญิงสาวอ่อนแรงยิ่งเดินแต่ก็เหมือนไม่ถึงสักที ภาพของปาลีที่หญิงสาวเห็นนั้นยังติดอยู่ในหัวสมอง ราวกับอสุภะ
“ชะ..ชะ..ช่วยด้วยๆ”เสียงสุดท้ายผ่านลำคอหญิงสาวได้อย่างยากลำบาก
การสร้างถนนที่ขาดเป็นไปได้อย่างยากลำบากจากธารลำน้ำกว้างแค่เมตรกว่าๆมีสะพานไม้เพื่อไว้ใช้สัญจรไปมาออกจากหมู่บ้าน บัดนี้โดนน้ำป่าซัดสะพานไม้หายไปซ้ำธารน้ำยังขยายใหญ่กว่าเดิมออกไปอีกสาย น้ำด้านล่างเชี่ยวกราด สายน้ำสีแดงที่เกิดจากการชะหน้าดินโคลนจากภูเขาลงมา วันนี้ชาวบ้านกับนรินทร์นายทหารหนุ่มทำได้เพียงแค่ไปตัดไม้มาเตรียมไว้เท่านั้นก็เย็นย่ำเกือบหมดวันแล้ว การที่จะออกจากหมู่บ้านคงต้องใช้เวลาอีกหลายวัน
เสียงเอะอะโวยวายของชาวบ้านดังขึ้นทำให้นรินทร์ที่กำลังยืนอยู่หันกลับไปมอง ชาวบ้านกลุ่มใหญ่ล้อมวงมุงดูอะไรบ้างอย่าง นรินทร์สาวเท้ายาวแหวกกลุ่มชาวบ้านเข้าไปพบร่างบางหมดสติอยู่ ตามตัวพบรอยขีดข่วนใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ
“พิมพลอย!”นายทหารหนุ่มอุทานช้อนศีรษะของร่างเล็กขึ้นวางบนตัก
“ทุกคนอย่ามุง ขอน้ำหน่อยครับอูเล”
“จ้ะ จ้ะ” ตาเฒ่ารีบถลาไปคว้ากระติกน้ำส่งให้ ชาวบ้านที่มุงอยู่ก็แตกฮือออก มือใหญ่รับน้ำจากอูเลมาเทใส่ผ้าแล้วบิดเช็ดที่หน้าของหญิงสาว เมื่อผิวสัมผัสกับความเย็นของน้ำหนังตาหนักพยายามลืมขึ้นสายตาพร่ามัวปรับภาพให้ชัดขึ้น
“ผู้หมวดนรินทร์”ร่างของพิมพลอยโผเข้ากอดชายหนุ่มพร้อมละล่ำละลักพูดไม่เป็นภาษา
“คุณเป็นอะไร ใจเย็นๆนะใจเย็น”คนตัวโตดึงร่างเล็กออกห่างกาย เรียกสติหญิงสาวเบาๆ
“ฉันเห็นคน คนตาย”
“ใคร"
“ปาลี”เสียงตอบแผ่วเหมือนอยู่ในลำคอ แต่ทุกคนที่อยู่ที่นั้นได้ยินชัดทุกถ้อยคำ เสียงชาวบ้านที่ซุบซิบกันเซ็งแซ่ขึ้นอีกครั้ง
นรินทร์อุ้มร่างของพิมพลอยมาส่งที่บ้านพักให้มะเมียะคอยดูแลต่อ แล้วย้อนไปที่บ้านหญิงม่ายท้ายหมู่บ้านกับคะฉิ่น ตาเฒ่าอูเลและชาวบ้านบ้างส่วนรวมตัวกันมุงดูอยู่ที่หน้ากระท่อมของหญิงม่าย
“เป็นยังไงบ้างอูเล”
“มาดูเองเถอะนายทหาร ไม่รู้ผีห่าตนใดมันทำ” อูเลส่ายหน้าเบาๆแหวกทางให้นรินทร์เดินเข้าไปในกระท่อม ร่างเปลือยของผู้หญิงคนหนึ่งนอนหงายเนื้อตัวขาวซีด เลือดสีดำคล้ำกลิ่นคาวคลุ้งเปรอะเปื้อนไปทั่วผ้าและช่วงล่าง เต้านมทั้งสองข้างเป็นสีม่วงเขียวช้ำมีรอยคล้ายโดนกัดและบีบเคล้นอย่างรุนแรง เนื้อตัวบางส่วนรวมถึงพื้นกระท่อมมีรอยบางอย่างคล้ายรอยดินโคลนย่ำอยู่ทั่ว นรินทร์ให้ชาวบ้านชายช่วยกันห่อศพของปาลีหญิงม่ายยกลงมาจากบนบ้าน ร่างของศพแข็งเกร็งตาเบิกโพลง นายทหารหนุ่มเดินตรวจสอบดูรอบๆกระท่อมไม่มีร่องรอยการรื้อค้นสิ่งของใดๆ สันนิษฐานจากการแข็งตัวของศพน่าจะตายมาได้หลายชั่วโมงแล้วคงจะตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ผู้ก่อเหตุคงต้องวนเวียนอยู่ในหมู่บ้านนี้แน่นอน เพราะถนนเข้าออกหมู่บ้านถูกตัดขาดจากน้ำป่าหรือมันอาจจะหนีเข้าไปทางชายป่าลึกท้ายหมู่บ้านชายหนุ่มคะเนในใจก่อนสอบถามเส้นทางเข้าออกหมู่บ้านจากอูเลที่อยู่ใกล้ๆ ปรากฎว่าเป็นอย่างที่เขาคิดทางเข้าออกของหมู่บ้านมีเพียงสองทางนี้เท่านั้น
"คุณพิมพลอยอาการเป็นยังไงบ้างมะเมียะ"นายทหารหนุ่มถามเด็กสาวหลังจากกลับมา
"หลับไปแล้วจ้ะ ลุกขึ้นมาจัดยาให้ตัวเองกินแล้วก็หลับไป"
"เฮ้อ ป่วยซะเองอย่างนี้ใครจะช่วยรักษาได้ล่ะ"อูเลแทรกขึ้นอย่างเป็นห่วง
"นั้นน่ะสิจ๊ะพ่อ แล้วทางโน้นเป็นไงบ้างล่ะจ๊ะ"มะเมียะถามอย่างสงสัย
"ข้าให้ชาวบ้านช่วยกันจัดการแล้ว เอ็งไม่ไปน่ะดีแล้วอีมะเมียะ ขนาดข้าเป็นผู้ชายแก่เอาป่านนี้ยังอดกลัวไม่ได้ สงสารก็แต่หมอไปเจอภาพอย่างนั้นคนเดียวคงขวัญเสียหมด"อูเลนึกภาพศพที่ติดตาแล้วยังขยาดกลิ่นคาวยังรู้สึกติดในจมูกไม่จาง
"แล้วชาวบ้านไปเจอคุณพิมพลอยที่ไหนหรออูเล"
"ไอ้พวกที่มันเข้าไปตัดไม้ในดงกลับมาเห็นนอนสลบอยู่แถวๆชายป่าโน้นนายทหาร"ตาเฒ่าชี้มือไปทางชายป่าพลางบู้ยปากตาม
"โชคดีนะพ่อที่หมอพิมไม่เป็นไรมาก"มะเมียะแทรกขึ้นหลังจากได้ยินสภาพศพของปาลีที่ชาวบ้านคุยกันอย่างปากต่อปากในวันนี้ เธอไม่นึกเลยว่าหากเธอเป็นคนพบเองจะขวัญเสียเพียงใด ขนาดได้ยินเพียงคำบอกเล่ายังน่ากลัวถึงเพียงนี้
"ก็ใช่น่ะสิ ถ้าเกิดไปเจอไอ้คนร้ายสารเลวเหมือนที่มันทำกับอีปาลีหมอคงไม่รอด"
"พ่อก็พูดไป"มะเมียะนึกหวาดกลัวพลางลูบแขนตัวเองที่ขนลุกชัน
"ก็จริงนะครับ ถ้าเรายังจับคนร้ายไม่ได้หมู่บ้านนี้ก็ยังไม่ปลอดภัย" นรินทร์เอ่ยขึ้นรู้สึกถึงลางร้ายที่กำลังมาเยือนหมู่บ้านนี้
"ไปอีมะเมียะกลับบ้าน รีบไปทำข้าวเย็นให้นายทหารกับหมอ เดี๋ยวข้าจะให้ไอ้คะฉิ่นเอามาส่งให้เผื่อมันมืดค่ำ"ตาเฒ่าพูดเร่งสะใภ้สาวเร่งให้กลับบ้านก่อนจะค่ำไปกว่านี้คืนนี้ทั้งหมู่บ้านคงเงียบสงัดหลังจากเกิดเหตุร้ายแบบนี้ขึ้น
"จ้ะ พ่อ" มะเมียะรับคำ รีบยกมือไหว้นายทหารหนุ่มก่อนเร่งสาวท้าวเดินตามตาเฒ่าอูเลไป
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป แนวเขาชายป่าปกคลุมด้วยสีดำทะมึนสายลมเย็นๆพัดมาดูวังเวงเงียบเหงาชอบกล นรินทร์ขึ้นไปบนบ้านพักของพิมพลอยเพื่อดูความเรียบร้อยเห็นหญิงสาวนอนหลับอยู่จึงไม่อยากปลุกนายทหารหนุ่มรีบทำธุระส่วนตัวของเขาอาบน้ำอาบท่าแล้วขึ้นไปเฝ้าหญิงสาวบนบ้านพัก
"นายทหารให้ฉันเฝ้าอยู่ด้วยคนไหมจ๊ะ"คะฉิ่นถามขึ้นหลังจากยื่นปิ่นโตที่เอามาส่งให้นรินทร์
"ไม่เป็นไรคะฉิ่น ขอบใจมากนะ"นายทหารหนุ่มตบไหล่คะฉิ่นเบาๆ
"แต่..พ่อบอก"คนตัวเล็กกว่าอ้ำอึ้งเหมือนโดนสั่งมาให้มาเฝ้าคนเมืองทั้งสอง
"ฉันอยู่ได้บอกอูเลเถอะไม่ต้องเป็นห่วงฉันจะดูแลนายหมอของอูเลอย่างดีเลย"นรินทร์ตอบคะฉิ่นอีกรอบพร้อมกำชับให้เบาใจว่าจะดูแลหญิงสาวเป็นอย่างดี
"จ้ะๆ"คะฉิ่นยิ้มกว้าง ก่อนหยิบมีดที่เหน็บอยู่ที่เอวขึ้นถืออีกมือหนึ่งยกตะเกียงเจ้าพายุขึ้นส่องสว่างนำทางเดินหายลับไป
คืนนี้เป็นเดือนมืดแต่มองไม่เห็นแสงดาวแม้แต่น้อยเพราะเมฆบังหนาทึบ ร่างใหญ่นั่งอยู่หน้าชานเรือนหลังจากที่กินข้าวเสร็จเขาก็นั่งเช็ดปืนประจำกายด้ามยาวสีดำวางพาดบนตักที่พกติดตัวมาตั้งแต่ลาดตระเวนแล้วพาคนเจ็บมาที่หมู่บ้าน
"เงียบจัง"นายทหารหนุ่มพูดขึ้น เพราะเสียงรหัสไพรหรีดหริ่งเรไรพากันเงียบสงัด อากาศที่ขมุกขมัวคล้ายฝนจะตก แต่ไม่มีกบหรือเขียดตัวใดส่งเสียงร้องเลย 'แปลก มันน่าแปลก'ชายหนุ่มได้แต่คิด ภายในหมู่บ้านเรื่องที่เกิดเมื่อเย็นต่างเป็นที่โจษจัน ทุกครัวเรือนรีบเข้านอนปิดประตูบ้านเงียบไฟทุกดวงถูกจุดขึ้นให้สว่าง ยิ่งหมู่บ้านเล็กๆรู้จักกับเกือบทุกครัวเรือนเกิดการตายผิดธรรมชาติขึ้นแบบนี้ก็ไม่แปลกที่คนในหมู่บ้านต่างหวาดกลัว
"ผีนั่นล่ะผีแน่ๆมาเอามันไปกิน"เสียงชาวบ้านจับกลุ่มเล็กๆคุยกันใต้ถุนบ้านขณะที่คะฉิ่นเดินผ่าน
"อีปาลีมันคนกินผัว ผัวมันก็ตายสงสัยผีป่ามาเอามันไปอยู่ด้วย"
"ฉันเห็นมากับตา ตายน่ากลัวผิดมนุษย์มนา"ชาวบ้านยังคงซุบซิบกัน เห็นที่เรื่องนี้คงเป็นเรื่องเด่นในวงสนทนาไปอีกนาน คะฉิ่นส่ายหน้าเดินเลี่ยงมุ่งตรงกลับบ้านไป ดึกสงัดอากาศภายนอกเย็นขึ้นน้ำค้างลงแรงแต่ไม่มีท่าทีว่าฝนจะตก นรินทร์นอนก่ายหน้าผากอยู่ด้านล่างของเตียงใกล้ๆหญิงสาว เขากำลังคิดถึงเรื่องที่เกิดเมื่อเย็น เสียงหญิงสาวขยับกายพลิกตัวทำให้เขาชะโงกขึ้นดูเห็นหญิงสาวยันกายลุกขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง
"ตื่นแล้วหรอครับ หิวไหม"
"ไม่คะ กี่โมงแล้วค่ะ"หญิงสาวส่ายหน้า มองไปหน้าประตูที่ปิดอยู่แสงไฟจากตะเกียงไหววูบตามแรงแกว่งของลมส่องลอดมา
"เที่ยงคืนกว่าแล้วครับ แต่คุณยังไม่ได้ทานอะไรเลยนะ"นายทหารหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง
"ฉันไม่รู้สึกอยากอาหารเลยคะ ขอน้ำดื่มดีกว่า" หญิงสาวตอบ ชายหนุ่มหันไปรินน้ำในเหยือกแล้วเปิดมุ้งยื่นให้เธอ
"ดีขึ้นบ้างไหมครับ"
"ค่ะ ได้พักผ่อนแล้วค่อยยังชั่ว ขอบคุณนะคะ ลำบากคุณจังที่ต้องมานอนเฝ้าฉันอีกแล้ว"
"ไม่เป็นไรครับผมเต็มใจ"ชายหนุ่มยิ้มให้พร้อมรับแก้วคืนจากหญิงสาว
"ที่นี้ยุงชุมนะคะ คุณน่าจะเอามุ้งมากางด้วยฉันเกรงใจจัง"
"ผมหนังหนา ยุงกัดไม่เข้าหรอก"นรินทร์ว่าพลางตบยุงที่แขนแล้วเกายิกๆพิมพลอยอดยิ้มให้คนหนังหนาไม่ได้
"คุณไปเอามุ้งมากางดีไหมคะ"
"ผมนอนได้ครับ คุณพิมไม่ต้องเป็นห่วง"
"ใครว่าห่วงค่ะ ฉันกลัวว่าจะได้รักษากันอีก ยาที่นี่ยิ่งหายากอยู่"
"โธ่ คุณพิมผมก็นึกว่าห่วง"
"ไปเถอะค่ะฉันอยากเข้าห้องน้ำพอดี"พิมพลอยตัดบทลุกขึ้นลงจากเตียงไป ใจจริงหญิงสาวเกรงใจชายหนุ่ม แต่เธอก็รู้สึกกลัวที่ต้องนอนเพียงลำพังมีเขาอยู่ด้วยเธอรู้สึกอุ่นใจกว่าต้องนอนเดียวดายในยามนี้
"แหมเครื่องนอนชุดนี้สงสัยยังไม่ได้ใช้เลยมั้งคะ" หญิงสาวแซวหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จเห็นนายทหารหนุ่มหอบหมอนมุ้งผ้าห่มมา
"ครับ เนี้ยต้องหอบหนีตามสาวอีกล่ะ"นรินทร์ยิ้มทะเล้น พิมพลอยหลบตาคว้ามุ้งจากชายหนุ่มมาช่วยกาง
"ผมทำเองดีกว่าครับ คุณยังป่วยอยู่"
"อุ้ย!!"หญิงสาวเซถลามาปะทะแผ่นอกกว้างเมื่อชายหนุ่มดึงมุ้งกลับ
"เป็นอะไรไหมครับ"
"สงสัยยังเจ็บช่วงสะโพกอยู่คะ คงเป็นตอนที่ล้มเมื่อเย็นนี้”หญิงสาวพูดขึ้นเมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อเย็นเธอก็ซึมลง นรินทร์สังเกตอาการผิดปกติของเธอก็กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นดันศีรษะหญิงสาวซบลงกับอกกว้าง
"เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นนะครับ"เสียงทุ่มตอบกลางๆไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอาการเจ็บที่ร่างกายหรือสภาพจิตใจเธอ
"ค่ะ"ร่างเล็กกว่าพยักหน้า พิมพลอยยังคงยืนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดเขา อาจเป็นเพราะเธอกลัวหรือเธอเหงาคิดถึงบ้านการมาอยู่ต่างถิ่นห่างไกลเป็นเวลานานทำให้เธอหวั่นไหว ยิ่งมีเหตุการณ์ร้ายๆเกิดขึ้นเธอรู้สึกอยากมีใครซักคนที่พึ่งพิงได้คอยปกป้องดูแล
มือใหญ่ลูบผมยาวสลวยที่ซบอยู่ที่อกกว้างนายทหารหนุ่มก้มลงสูดกลิ่นหอมบนเรือนผม พิมพลอยรู้สึกคลายกังวลลงบ้างเธอช้อนตาขึ้นมองชายหนุ่ม ดวงตากลมใสสบตากับตาคมที่มองลงมาอยู่ก่อนแล้ว เธอเหมือนตกอยู่ภวังค์ นรินทร์บรรจงประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากของหญิงสาว
"ฝันดีนะครับ"นายทหารหนุ่มคลายอ้อมกอดจากหญิงสาวอย่างอ้อยอิ่งดันไหล่เธอเบาๆเข้ามุ้ง
"เช่นกันคะ"พิมพลอยพูดเสียงเบาก่อนล้มตัวลงนอนดึงผ้าห่มขึ้นคลุมกายใบหน้านวลขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงร้อนผ่าว
"ครับ"ชายหนุ่มรับคำดึงมุ้งปิดลงให้หญิงสาวก่อนดับตะเกียงแล้วนอนลงด้านล่างข้างเตียงของหญิงสาวเงียบๆพร้อมยิ้มอย่างสุขใจในความมืด
หยดน้ำหยดลงบนหน้าของตาเฒ่าผอมแห้งที่นอนขดตัวอยู่ที่ชานเรือน อากาศเย็นขึ้นเรื่อยๆในกลางดึกอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็วแม้แต่ตาเฒ่าหนังหนาอย่างอูเลยังต้องลุกขึ้นมาหาผ้าห่ม
"วันนี้หมอกลงจัดหนาวจริงวุ้ย"อูเลบ่นงึมงำควานหาไฟฉายกระบอกเก่าๆที่อยู่ข้างตัว สาดลำไฟฉายส่องไปมาในความมืด
"วันนี้พวกไอ้ดำอีด่างมันหายไปไหนหมดไม่เห็นเห่าเห็นหอนสงสัยไปหาที่นอนหลบหนาว"อูเลส่องไฟไปใต้ถุนบ้านมองหาเห็นหมาสองตัวนอนอยู่ในหลุมที่มันขุดกันหนาวเกยกันอยู่
"ไอ้หมาพวกนี้ให้มาเฝ้าบ้านดันมาหลับเลี้ยงเปลืองข้าวสุกจริงๆ"ตาเฒ่ายันกายลุกขึ้นเปิดตู้หยิบผ้าห่มเก่าๆสีหมองขึ้นมาดม กลิ่นผ้าเก่าอับๆที่ถูกเก็บไว้ในตู้ผสมกับกลิ่นหอมเอี่ยนๆทำให้ตาเฒ่าขมวดคิ้ว กลิ่นหอมที่ไม่ได้มาจากผ้า จมูกย่นสูดกลิ่นที่ลอยมาตามลม หอมคล้ายดอกไม้บางอย่าง แต่นึกไม่ออกหนังตาเริ่มหนักปากอ้ากว้างหาวคำโตความสงสัยแพ้ความง่วงอูเลเอนกายลงนอนแล้วดึงผ้าห่มขึ้นคลุมหัวแล้วหลับไป
ร่างเล็กของเด็กสาวพลิกกระสับกระส่ายด้วยอากาศที่หนาวขึ้นแต่ภายในกายกลับร้อนเร้าดังไฟสุม มะเมียะเบียดกระแซะชิดเข้าหาสามีภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน คะฉิ่นรู้สึกตัวเมื่อเนื้อนุ่มเบียดชิดกับแขน มะเมียะพาดขากอดก่ายตรงความเป็นชาย มือเล็กแกล้งซนลูบไล้บริเวณมัดกล้ามท้องแน่นของคนที่ทำงานแบกหามหนักอย่างคะฉิ่น มือเล็กค่อยเลือนลงต่ำควานหาแก่นกายของสามีใช้มือกำรอบหลวมๆชักขึ้นลงจนพองโตแล้วหัวเราะคิกคักในลำคอ
"พี่ช่วยฉันหน่อยนะ"มะเมียะเลื่อนตัวขึ้นคร่อมคะฉิ่นกระซิบเสียงกระเส่าแล้วขบติ่งหูเบาๆ คะฉิ่นยินยอมพร้อมใจจับเจ้างูตัวเขื่องมุดเข้าถ้ำชื้นแฉะได้โดยง่าย
"อู๊ย...พี่คับจริง"เสียงสาวน้อยสูดปากก่อนค่อยๆโยกบดเนื้อแนบเนื้อ คะฉิ่นเกร็งกายแอ่นกลางลำตัวขึ้นรับเมื่อเมียสาวเร่งจังหวะถี่ขึ้น
"เก่งจังมะเมียะ...โอ๊ย..."คะฉิ่นครางเสียงแผ่วมือหนาเอื้อมไปเกาะกุมสะโพกดึงรั้งเข้ามาแนบตัวก่อนเสยสะโพกตนกระแทกขึ้นไปอย่างรุนแรง
"พี่จ๋า...อะ..อ๊ะ..อ๊ะ..."ร่างเล็กเสียวซ่านด้วยอารมณ์สวาท มือเล็กจิกไหล่หนาไว้แน่นเร่งขยับกายสอดประสานกับคะฉิ่นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันพร้อมเร่งจังหวะขึ้นจนสายธารแห่งความสุขฉีดพ่นความอุ่นเข้าไปในร่างกาย
"อ่าห์....."มะเมียซุบหน้าลงกลับไหล่กว้างทั้งสองหายใจหอบเหนื่อยจากกิจกรรมเมื่อครู่ก่อนพลิกลงนอนข้างกาย
"มะเมียะของพี่เก่งจริง"ชายหนุ่ยเอ่ยชม
"บ้า"มือเล็กหยิกเข้าที่สีข้างของคนพูดแล้วรีบหันหลังให้คะฉิ่นด้วยความเขินอาย สาวน้อยรู้ว่าคะฉิ่นหมายถึงอะไรหล่อนไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มก่อนและทำอะไรเร้าร้อนเช่นครั้งนี้มันเหมือนมีบางอย่างที่กระตุ้นอารมณ์สวาทให้ลุกโชนขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
แสงแดดอ่อนๆส่องกระทบใบหน้า ดวงตาคู่สวยบัดนี้หลับพริ้มดูเหมือนจะสุขใจภายใต้ผ้าห่มอุ่นๆ นายทหารหนุ่มผู้ที่คิดว่ากำลังจะมาปลุกยืนตะลึงงันมองภาพตรงหน้าที่ราวกับเจ้าหญิงนิทรา เหมือนรู้ว่ามีคนจ้องมองร่างบางไหวตัวน้อยๆค่อยๆลืมตาขึ้นมอง
"คือ...ผมมาปลุกไปทานข้าวเช้า"ชายหนุ่มตอบแก้เก้อรู้สึกเหมือนเด็กทำผิดแล้วโดนจับได้ที่แอบมอง พิมพลอยยิ้มรับนึกขันในใจ
"หมอๆนายทหารๆ"เสียงตะโกนดังโหวกเหวกขึ้นด้านล่างทำให้คนทั้งสองสะดุ้ง ร่างใหญ่ของนรินทร์ถลันออกไปนอกชาน
"มีอะไร!"นรินทร์ตะโกนถาม คะฉิ่นวิ่งหน้าตาตื่นหายใจเหนื่อยหอบมาหยุดอยู่ตีนบันได
"มีคนตายอีกแล้วนายทหาร"
ชายวัยกลางคนนั่งกอดร่างไร้วิญญาณของหญิงสาวร้องไห้อย่างเศร้าสร้อย ภายในบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้าน
"มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น"พิมพลอยถามอูเลที่ยืนรวมกลุ่มกับชาวบ้านมุงดูอยู่
"เมื่อคืนไอ้อาเชผัวนางเปียไปนั่งห้างในป่ากลับมาตอนย่ำรุ่ง ฉันได้ยินเสียงมันร้องเสียงดังรีบวิ่งมาดู"ตาเฒ่าบอก
"แล้วเปียเป็นอะไรทำไมถึงตาย"
"ฉันเข้ามาเห็นนางเปียมันนอนแน่นิ่งตัวซีดตายเหมือนกับนางปาลีไม่มีผิด" อูเลทวนความจำพิมพลอยคิดตามแล้วรู้สึกสยดสยองในใจ
"อาเชขอฉันดูเปียหน่อยนะ"พิมพลอยแตะไหล่อาเชเบาๆเพื่อขออนุญาติตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำใสส่องประกายขึ้นค่อยๆคลายอ้อมกอดจากร่างไร้วิญญาณเผยให้พิมพลอยเห็น
"หมอช่วยเมียฉันด้วยะหมอ ช่วยด้วยหมอ"อาเชปาดน้ำตาเขย่าแขนพิมพลอยอย่างแรง
"ให้ฉันดูก่อนนะ"หญิงสาวนั่งลงข้างๆร่างของเปียที่นอนอยู่ดึงผืนผ้าห่มที่คลุมอยู่ออกกลิ่นคาวคละคลุ้งเหม็นชวนสะอิดสะเอียนชาวบ้านที่มุงดูอยู่ต่างผงะออกส่งเสียงซุบซิบเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ร่างเปลือยขาวซีดตามตัวมีรอยม่วงช้ำอยู่หลายแห่ง บริเวณอวัยวะเพศฉีกขาดอย่างรุนแรงมีคราบเลือดสีดำเปรอะเปื้อนอยู่จากสภาพศพคงเสียชีวิตแล้วไม่ต่ำกว่าสามชั่วโมง
"หมอช่วยได้ไหมหมอ เมียฉันไม่เป็นไรใช่ไหมหมอ"พิมพลอยนิ่งเงียบเธอไม่รู้จะกล่าวอย่างไรถูก อาเชเมื่อเห็นแบบนั้นก็ร้องไห้โฮขึ้นอีกดึงร่างไร้วิญญาณของเมียมากอดเป็นภาพน่าสลดใจของผู้ที่ได้พบเห็น
"เดี๋ยวผมช่วยชาวบ้านจัดการทางนี้ก่อนคุณกลับไปที่บ้านพักก่อนนะ"นรินทร์บอกหญิงสาวเธอพยักหน้ารับ แยกตัวเดินเลี่ยงกลับบ้านพักโดยมีมะเมียะวิ่งตามไป
"หมอพิมรอมะเมียะด้วย"สาวน้อยวิ่งมาเดินเคียงข้างกับพิมพลอยที่หยุดยืนรออยู่
"หมอพิมมะเมียะกลัว ช่วงนี้มีแต่คนตาย"มะเมียะรำพึงความรู้สึกของหล่อนที่ไม่ต่างจากพิมพลอยเลย
หลังจากจัดการฝังศพของเปียเสร็จนรินทร์ขอให้อูเลนัดชาวบ้านในหมู่บ้านเพื่อประชุมเรื่องร้ายที่เกิดขึ้น ชาวบ้านต่างทยอยมารวมกันที่ลานกว้างของหมู่บ้านตามการนัดหมายของอูเล เสียงพูดคุยดูเหมือนจะดังขึ้นเริ่มมีประเด็นเสียงแตกต่างกันกลายเป็นการถกเถียง
"พวกเราทุกคนเงียบๆก่อน"อูเลยืนขึ้นประกาศ เสียงคุยกันเริ่มซาลงดวงตาหลายตาจับจ้องไปยังอูเล
"นายทหารอยากถามพวกเราว่ามีใครมีเบาะแสหรือผิดสังเกตอะไรเรื่องคนร้ายบ้างไหม"
"บ้านแกใกล้อาเชที่สุดไม่ใช่หรอตาเฒ่าอูเล"เสียงหนึ่งดังขึ้นจากในหมู่ชาวบ้านอูเลคิดทบทวนถึงเมื่อคืน
"เมื่อคืนช่วงประมาณสองยามข้าตื่นขึ้นมาเพราะหนาวจัด ส่องไฟดูเพราะข้างนอกมันเงียบเหลือเกินไอ้ดำอีด้างหลับหมดไม่เห่าไม่หอนสักตัวแล้วข้าก็หลับไปแล้วเอ็งล่ะวะไอ้คะฉิ่น"ผู้เป็นพ่อหันไปถามลูกชายที่นอนเรือนเดียวกัน คะฉิ่นส่ายหน้ายิ้มแห้งๆจะให้บอกได้ไงว่าเมื่อคืนทำกิจกามกับเมียสาวจนเหน็ดเหนื่อยแล้วหลับไป
"แล้วคนอื่นๆล่ะ"นรินทร์พูดขึ้นบ้างชาวบ้านส่วนใหญ่ส่ายหน้าบอกว่าหลับกันหมด
"ใครเห็นด้วยกับฉันบ้างว่าเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นตั้งแต่นายทหารเข้ามาในหมู่บ้านเรา"ใครบางคนพูดแทรกขึ้นตามด้วยเสียงเออออสนับสนุนอีกหลายคน
"ใช่ๆเราอยู่กันอย่างสงบสุขมาตลอดตั้งแต่นายทหารมาก็มีไอ้ฆาตกรข่มขืนมาอยู่ในหมู่บ้านเรา"
"แต่เขาเป็นทหารนะเขาไม่ทำอย่างนั้นหรอก"คะฉิ่นแย้งขึ้น
"ก็ไอ้พวกคนมีสีนี้แหละที่จะมาข่มเหงคนบ้านป่าอย่างพวกเรา ดูสิตัวก็ออกใหญ่โต"ชาวบ้านคนนึงพูดขึ้น
"ไม่ใช่นายทหารหรอกข้าเอาข้าวไปส่งตอนเช้าทุกวันก็อยู่ที่บ้านพัก"
"เอ็งเฝ้าเขาอยู่ทั้งคืนหรือคะฉิ่น"
"เปล่าจ้ะ"
"นั้นไงตอนกลางคืนเขาจะแอบไปข่มขืนใครต่อใครก็ได้"
"แล้วไอ้คนที่โดนข่มขืนมันจะไม่ร้องเลยหรอ นายทหารจะรู้ได้ไงว่าใครอยู่บ้านคนเดียว"อูเลผู้อาวุโสเสนอความคิดขึ้น
"แล้วจะเป็นใครล่ะ ในเมื่อไอ้เรื่องเลวทรามแบบนี้มันเกิดตอนนายทหารมาอยู่ที่หมู่บ้านเรา ถ้านายทหารยังยืนยันไม่ได้ว่าในคืนเกิดเหตุนายทหารอยู่ที่ไหนถ้าตอบไม่ได้ก็กักตัวไว้ก่อน"นรินทร์นิ่งเงียบไม่โต้แย้งหรืออธิบายใดๆเพราะจะให้เขาบอกได้อย่างไรว่าเขานอนบ้านพักเดียวกันกับพิมพลอย ถึงเขาจะนอนด้านล่างเตียงแต่เรื่องแบบนี้ใครจะเชื่อคนที่เสียหายก็คงมีแต่หญิงสาวเท่านั้น
"ถ้าทุกคนว่าอย่างนั้น ให้ทุกคนกักตัวผมไว้ก่อนได้ครับแล้วดูว่าฆาตกรมันจะยังลงมืออยู่ไหม"
"แต่..นายทหาร"ตาเฒ่าจะเอ่ยแย้ง
"ผมว่าวิธีนี้มันดีที่สุดแล้วครับเพื่อให้ทุกคนมั่นใจและสบายใจ ใครที่ไหนก็ไม่รู้เข้ามาในหมู่บ้านแล้วมีการตายแบบนี้เกิดขึ้นก็คงต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยทั้งนั้น"นรินทร์หันไปบอกอูเลและชาวบ้าน หลายคนต่างเห็นด้วยกับวิธีนี้เช่นกัน
"งันขังนายทหารไว้ในห้องเก็บของที่โรงหมอก็แล้วกันนะที่นั้นมีประตูแน่นหนาให้คนเฝ้าไว้ทั้งคืน"อูเลเสนออย่างเห็นใจชายหนุ่มเพราะขืนให้ชาวบ้านเป็นคนกักตัวคงได้ผูกนายทหารหนุ่มติดกับต้นไม้ตากน้ำค้างอยู่กลางลานนี้แน่ๆ