"ไหนลองเล่าเรื่องผีของคุณหน่อยสิคะ ว่าจะน่ากลัวไหม"ใบหน้าละมัยยิ้มกว้างมองใบหน้าคมในความมืดเอ่ยปากถาม นายทหารหนุ่มร่างใหญ่ขมวดคิ้วคิดก่อนตอบ
"ผมไม่รู้จะเล่าเรื่องอะไรดี"
"อย่าเอาเปรียบสิคะฉันเล่าแล้ว คุณเล่าบ้างสิ"หญิงสาวเซ้าซี้ สบตาชายหนุ่มกระพริบตาปริบๆ ช้อนตามอง
"ไม่เอาอ่ะผมง่วงแล้ว"นรินทร์ปิดปากหาวคำโตเหยียดตัวขึ้นบิดขี้เกียจก่อนลุกขึ้นทำท่าจะเอนตัวลงนอนที่พื้นใต้เตียงผู้ป่วยเก่าๆ
"ไม่ได้คะ"พิมพลอยรั้งแขนเขาไว้ก่อนหลังนรินทร์จะถึงพื้น นายทหารหนุ่มมองมือนุ่มที่จับต้นแขนเขา
"ฉันว่าคุณนอนข้างบนเตียงดีกว่านะคะ"
"คุณไม่ต้องเสียสละให้ผมขนาดนั้นก็ได้"นายทหารหนุ่มพูดยิ้มยียวนจนพิมพลอยอดไม่ได้หยิกเนื้อที่ต้นแขนเข้า
"โอ๊ย!ผมล้อเล่นว่าแต่คุณอยากให้ผมนอนด้วยใกล้ๆใช่ไหมล่ะครับ"นายทหารหนุ่มลูบรอยช้ำที่ต้นแขน
"คุณนี่มัน โน้นค่ะเห็นตรงช่องข้างล่างประตูไหมคะ ฝนตกแรงจนน้ำไหลเข้ามาในห้องถ้าคุณอยากนอนแช่น้ำก็ตามใจนะคะ"พิมพลอยว่าเสร็จก็ล้มตัวลงนอนหันหลังให้ชายหนุ่มโดยเหลือที่บนเตียงไว้ให้ชายหนุ่ม แม้เตียงเก่าจะกว่าเพียงสามฟุตแต่น้ำใจหญิงสาวกว้างยิ่งกว่า
"ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วงผม"นรินทร์ก้มลงเป่าเทียนดับแทรกตัวขึ้นบนเตียงที่หญิงสาวใจดีเหลือให้แต่เตียงขนาดสามฟุตสำหรับสองคนทำให้แผ่นหลังของหญิงสาวแนบกับอกแกร่งของชายหนุ่ม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอุ่นไอกายของหญิงสาวหรือไฟราคะในกายของเขาที่ทำให้อากาศหนาว ร้อนรุ่มขึ้นทันทีกลิ่นกายหอมกรุ่นจากตัวหญิงสาวลอยต้องจมูกชายหนุ่ม นรินทร์สูดหายใจเข้าดอมดมกลิ่นหอม หัวใจภายในอกชายหนุ่มเต้นระรัวเขาดูกลายเป็นหนุ่มน้อยวัยกระเตาะที่ไม่เคยนอนรวมเตียงกับสาวใดมาก่อนมือไม้เก้ๆกังๆไม่รู้จะว่างไว้ที่ใดแก่นกายชายหนุ่มพองโตอย่างห้ามไม่ได้
"เป็นอะไรหรือเปล่าคะ"พิมพลอยถามขึ้นเมื่อชายหนุ่มผุดลุกขึ้นนั่งใบหน้าของเขาร้อนผ่าวในความมืด
"เปล่าครับ คือ...."
"นอนไม่ถนัดหรอคะขยับมาอีกได้นะคะ"คนตัวเล็กกว่าพูดอย่างเป็นห่วง แต่หารู้ไม่ว่าคนตัวโตต้องทนทรมานหากเบียดกายใกล้หญิงสาวมากกว่านี้
"นอนเถอะคะตอนนี้น่าจะประมาณสี่ห้าทุ่มแล้ว"หญิงสาวคะเนในใจอ้าปากหาวน้อยๆนรินทร์ล้มตัวลงนอนอีกครั้งแต่ครั้งนี้หันหลังให้หญิงสาวข่มใจให้หลับจนเคลิ้มไป
หญิงสาวเบียดกายชิดชายหนุ่มหาไออุ่นมือเล็กคว้าแขนใหญ่ข้างลำตัวขึ้นมากอดถูใบหน้าไปมาเหมือนลูกแมวขี้อ้อน นายทหารหนุ่มเริ่มรู้สึกตัวตั้งแต่หญิงสาวหันมากอดก่ายเขาคิดว่าเธอคงละเมอนอนฝันดีอยู่แน่ๆ อากาศเริ่มเย็นขึ้นเสียงเม็ดฝนกระทบหลังคาสังกะสีเบาลงมากแล้ว
"คุณๆ"นรินทร์แตะไหล่เธอเบาๆไร้เสียงตอบรับจากหญิงสาว เธอจะรู้บ้างไหมว่าในขณะที่เธอนอนหลับสบายแต่ศักดิ์ศรีของชายชาติทหารของเขากำลังจะขาดลงกับการที่ต้องหักห้ามใจไม่ให้ขืนใจหญิงสาวอย่างที่โดนกล่าวหา
"เฮ้อ"นรินทร์พ้นลมหายใจเฮือกใหญ่เขายันกายลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงประคองศีรษะหญิงสาวว่างลงบนตัก สายตาเหม่อมองออกไปด้านนอกฝนหยุดตกแล้วแต่เสียงฟ้าร้องยังคำรามอยู่สายอสนีบาตฟาดเปรี้ยงลงภายในห้องสว่างวาบเพียงเสียววินาที หัวใจของนายทหารหนุ่มกระตุกวูบดวงตาสีแดงฉานมองจ้องลอดช่องลมมาแต่เมื่อเขาเพ่งมองดวงตาคู่นั้นก็หายไปเสียแล้ว
"กลิ่นอะไร"กลิ่นหอมเอียนๆจางๆลอยมากระทบจมูกโด่งหนังตาของชายหนุ่มหน่วงหนักเขาพยายามฝืนลืมตาแต่ทนความง่วงไม่ไหวค่อยๆเคลิ้มไป
พิมพลอยไหวร่างสะดุ้งตื่นเพราะเสียงฟ้าผ่า ร่างบางลืมตาในความมืดคลำหาไฟฉายด้วยความเคยชิน
"อุ้ย!"มือเล็กจับถูกอะไรบ้างอย่างที่ขนาดใหญ่กว่ากระบอกไฟฉายเนื้อสัมผัสที่อยู่ใต้ผ้ากึ่งแข็งกึ่งนิ่มหยุ่นมืออย่างบอกไม่ถูก หญิงสาวชักมือกลับแต่มีมือใหญ่เหมือนคีมหนีบจับข้อมือล็อคไว้
"อะ...อืม..."เสียงครางต่ำในลำคอบ่งบอกถึงความพึงพอใจทั้งที่ดวงตาทั้งสองยังปิดสนิท อีกมือจัดการปลดเครื่องพันธนาการที่ห่อหุ้มท่อนล่างของตนออกคว้ามือเล็กให้สัมผัสกับท่อนเนื้อแข็งใหญ่
"คุณ..."จิตใต้สำนึกพิมพลอยพยายามบอกให้เขาหยุดแต่เธอก็ไม่สามารถต้านทานความปรารถนาของตนเองได้เช่นกัน มือเล็กค่อยๆสัมผัสอย่างอยากรู้อยากลองมันเหมือนสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อน ร่างกายเธอเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างให้เบียดแนบชิดเข้าไปหาชายหนุ่ม อารมณ์วาบหวิวเสียวภายในท้องแปลกๆอย่างที่เธอไม่เคยเป็นมาก่อน หัวใจเต้นเร่งเร็วขึ้นเลือดในกายสูบฉีดแรง
นรินทร์ใช้มือช้อนใต้แขนยกคนตัวเล็กขึ้นนั่งบนตักมือเจ้าหล่อนยังหยอกล้อเล่นกับแก่นกายเขา นายทหารหนุ่มโอบเอวหญิงสาวมาแนบชิดก้มลงจูบริมฝีปากบางอย่างหลงใหลแทรกลิ้นเข้าไปในปากฉกฉวยความหอมหวานภายใน
"อ่าห์....อืม..."พิมพลอยครางกระเส่ากามอารมณ์ภายใต้ส่วนลึกของจิตใจถูกปลุกขึ้น มือหนาของชายหนุ่มเลื่อนเข้าใต้ชายเสื้อลูบหลังเนียนเปลือยใช้นิ้วปลดตะขอยกทรงออกอย่างจัดเจน ลูบไล้เลื่อนมาเกาะกุมทรวงอกคู่งาม เค้นคลึงอกงามทั้งสองเต้านิ้วเรียวเขี่ยยอดปทุมถันจนร่างบางแอ่นกายหนีความเสียวซ่าน จมูกโด่งซุกไซ้ซอกคอสูดดมกลิ่นกายหอม หญิงสาวเบือนหน้าหลบลมหายใจอุ่นที่เป่ารดซอกคอมือใหญ่สอดเข้าผ่านเอวกางเกงหญิงลูบไล้โหนกนูนเหนือผ้าชิ้นน้อยๆปราการด่านสุดท้ายที่ปิดบังอยู่
"น...นรินทร์..."เสียงแผ่วเรียกชื่อเขาเป็นครั้งแรก นายทหารหนุ่มได้สติกัดกรามแน่นเลื่อนมือออกดึงเสื้อผ้าของหญิงสาวกลับเข้าที่อย่างเรียบร้อยก่อนประคองร่างหญิงสาวนอนลงบนเตียงแล้วเขาทรุดลงข้างเตียงนั่งคุกเข่าอย่างสำนึกผิด
ร่างบางนอนหายใจหอบถี่ปรับอารมณ์ตนเองอย่างอยากจะยากที่ทำได้ หญิงสาวหันมองชายหนุ่มที่ก้มหน้าอยู่ เธอเอื้อมมือลูบไหล่เขาเบาๆ
"ขอบคุณนะคะ"ถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยออกจากปากหญิงสาวทำให้เขาที่รู้สึกผิดยิ่งสำนึกมันมากกว่าเดิมทำไมเธอไม่ด่าเขา ทุบตีเขา หรือทำอะไรก็ได้ให้เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ดีสาสมกับสิ่งที่ทำไป แต่พิมพลอยเลือกที่จะพูดคำว่าขอบคุณมันทำให้เขายิ่งรู้สึกว่าตัวเองได้ทำลายศักดิ์ศรีของตนไปแล้ว
"ลุกขึ้นมานั่งข้างบนเถอะค่ะ"พิมพลอยยันกายลุกขึ้นนั่งดึงแขนของชายหนุ่มให้ลุกขึ้น
"แต่...ผม.."
ดวงตากลมโตประสานกับตาคมแว่วตาสำนึกผิดฉายชัดในดวงตาคมคู่นั้น พิมพลอยดึงร่างใหญ่เข้ามากอดเชิงปลอบโยนคนตัวโตสั่นเทิ้มกำมือแน่นปากพร่ำบอก
"ขอโทษนะ ผมขอโทษ ขอโทษ"ความรู้สึกผิดถาโถม ความยับยั้งชั่งใจของเขาหายไปไหนหมด สามัญสำนึกของเขากำลังต่อสู้กับอารมณ์ธรรมชาติของเพศตน
"ไม่ค่ะคุณไม่ผิด ไม่มีใครผิด"พิมพลอยพูดปลอบโยนรั้งแขนชายหนุ่มนั่งข้างกายพิงหัวซบที่ไหล่กว้าง
"โทษธรรมชาติดีกว่าคะ ผู้หญิงกับผู้ชายไม่ควรอยู่ใกล้กันเกินไปจริงๆ"พิมพลอยพูดรัวกลบเกลือนความเขินอายทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเบาใจขึ้นเมื่อได้ยินดังนั้น
"ผม..."
"ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ ฉันรู้ว่าคุณเป็นสุภาพบุรุษมาตลอดอย่างที่ผ่านมาคุณแสดงให้ฉันเห็นแล้ว ไม่ต้องคิดมากนะคะ นอนเถอะค่ะ"
"ผมสัญญาว่าคืนนี้จะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นอีก"นรินทร์จับมือหญิงสาวแนบอกที่ตรงหัวใจให้สัตย์สัญญาแน่นหนักก่อนจะก้มลงจุมพิตเบาๆที่หน้าผากของเธอ
"ฝันดีนะครับ คืนนี้จะไม่มีใครทำอะไรคุณได้รวมถึงตัวผมเองด้วย"เสียงเข้มกล่าวหนักแน่น หญิงสาวยิ้มบางๆในความมืดเอนกายลงนอนข้างๆกับชายหนุ่มก่อนจะหลับลง
ไก่ขันรับอรุณยามเช้ามะเมียะสลัดความขี้เกียจลุกขึ้นจากที่นอนมาล้างหน้าแปรงฟันที่โอ่งน้ำหน้าบ้าน อูเลนั่งม้วนยาเส้นอยู่หันมามองอย่างฉงน
"มองอะไรจ้ะพ่อ"
"เอ็งกลับมาตั้งแต่เมื่อไรวะอีมะเมียะ"ตาเฒ่าเอ่ยถามก่อนยกยาเส้นขึ้นสูบเข้าเต็มปอด
"เมื่อเย็นจะพ่อ พ่อกลับมาทีหลัง ฉันเข้านอนก่อน พ่อคงไม่ทันเห็น"มะเมียะตอบก้มลงล้างหน้าต่อแต่ตาเฒ่าอูเลลืมตาเบิกโพลง สำลักควันยาสูบอย่างแรง
"ตายห่าล่ะ!"อูเลเสียงอุทานสูงขึ้น
"อะไรใครตายอีกพ่อ"คะฉิ่นเดินลงบันไดบ้านมาเกาหัวอย่างสงสัย
"เอ็งมานี่แล้วหมออยู่กับใคร"
"อ้าว อยู่กลับนายทหารสิพ่อ ตอนกลับพ่อไม่ได้กลับพร้อมนายทหารหรอกหรือ"มะเมียะตอบ ตาเฒ่าอูเลหัวเสียหันไปตวาดลูกชาย
"เอ็งไม่ได้บอกเมียเอ็งหรอว่านายทหารถูกขัง"มะเมียะลืมตาโพลงอย่างตกใจ
"จริงด้วยพ่อฉันลืมไปเลย นี่ก็แสดงว่าหมอพิมอยู่บ้านคนเดียวเมื่อคืนสิพ่อ"
"ชิบหายแล้ว เอ็งรีบไปบ้านหมอกับข้าเลยไอ้คะฉิ่น ข้าก็นึกว่าเอ็งให้อีมะเมียะไปนอนเป็นเพื่อนหมอ"อูเลสูบอัดยาเส้นเข้าเต็มปอดก่อนใช้มือขยี้ดับทัดก้นยาเส้นที่เหลือไว้ที่หูเดินจ้ำรุดหน้าไปตามติดด้วยคะฉิ่น
"อะไรกันเนี่ย"มะเมียะยืนงง ฉงนเรื่องที่สองพ่อลูกคุยกันแล้วเดินจากไป หล่อนรีบบ้วนปากเช็ดหน้าวิ่งตามหลังทั้งคู่ไป
"หมอ หมอ หมอพิม"อูเลส่งเสียงร้องเรียกไร้ซึ่งการตอบรับ ตาเฒ่าใจไม่ดีพยักหน้าให้คะฉิ่นไปดูที่ห้องน้ำแต่ก็ว่างเปล่า อูเลเดินขึ้นบันไดหยุดอยู่ที่ชานบ้านพักก่อนเคาะประตู
"หมอๆอยู่ไหมหมอ"
"พ่อไม่เห็นตอบเลยพ่อ เราลองเข้าไปดูไหมพ่อ"
"เออ เอาเลย"อูเลพยักหน้า ชายฉกรรจ์อย่างคะฉิ่นพลักประตูอย่างแรง
ปัง!!
ภายในห้องว่างเปล่า ไร้ซึ่งร่างของผู้ที่เคยพักอาศัยแต่สิ่งที่ทำให้อูเลตกใจมากไปกว่านั้นคือ รอยเท้าเปื้อนดินโคลนย่ำอยู่บนพื้นบ้านและผ้าปูที่นอนสีขาวเปรอะไปหมด
"เวรแท้ๆ"ตาเฒ่าพึมพำสบถด่า
"อ้าว!มะเมียะเอ็งจะไปไหนแต่เช้ามืด"เสียงชายหนุ่มวัยรุ่นดังขึ้นเมื่อเห็นมะเมียะรีบเดินอย่างรวดเร็ว
"ไปหาพี่คะฉิ่นกับพ่อจ้ะ เห็นรีบไปบ้านหมอพิม พวกพี่เห็นบ้างไหม"มะเมียะหันไปตอบ ชายทั้งสองสั่นศีรษะปฏิเสธหล่อนจึงรีบวิ่งต่อไป
"ซวยแล้วเอ็งเห็นไหม ไอ้คะฉิ่นกับตาเฒ่าอูเลไปหานายทหารที่โรงหมอแต่เช้าเลย พวกเราโดนด่าแน่ๆที่หนีเวรอยู่เฝ้ากันเมื่อคืน"
"เอ็งจะบ่นหาอะไร เอ็งนั้นแหละชักช้าข้าบอกให้ตื่นแต่เช้าไปดักก่อนไม่เชื่อ รีบไปเร็วอาจยังทัน"ทั้งสองรีบวิ่งออกไปทางสถานีอนามัยทันที
ตาเฒ่าอูเลกับคะฉิ่นเดินตามหาพิมพลอยรอบๆบ้านพักอย่างกังวลใจ เมื่อคืนฝนตกหนักไม่เห็นร่องรอยอย่างอื่นเลยนอกจากรอยโคลนที่ย่ำไว้บนบ้านเท่านั้น
"หมอพิมล่ะพี่"มะเมียะวิ่งตามมาถึงหน้าบ้านเห็นคะฉิ่นจึงรีบร้องถาม
"ข้าไม่รู้ หมอหายไป"สีหน้าคะฉิ่นตื่นตระหนก มะเมียะก็พลอยตกใจไปด้วย
"หรือว่าจะอยู่ที่โรงหมอ"
"จริงด้วยมะเมียะ พ่อไปดูที่โรงหมอกัน"คะฉิ่นตะโกนบอกอูเลที่ก้มเงยๆหารอยเท้าอยู่แล้วทั้งสามก็รุดไปที่สถานีอนามัย
"พวกเอ็งเห็นหมอมาที่นี่ไหม"
"ไม่จ้ะไม่เห็น"ชายทั้งสองตอบเสียงสั่นเพราะพวกเขาพึ่งวิ่งมาถึงก่อนหน้าพวกของอูเลแค่อึดใจเดียว
"เอ็งเฝ้าที่นี่ทั้งคืนไม่มีอะไรผิดปกติเลยหรือ"
"ไม่จ้ะ ไม่มี"เสียงหนึ่งในสองคนละล่ำละลักตอบก้มหน้าหลบสายตาของตาเฒ่า
"ทำไงดีล่ะพ่อ หมอหายไปไหน"คะฉิ่นถามขึ้นด้วยความกังวล
"พวกเราบอกนายทหารก่อนดีกว่า พวกเอ็งเปิดประตูสิ"ทั้งสองลนลานหยิบลูกกุญแจไปไขปิดประตูออกเปิดกว้าง
"เฮ้ย!!!!"
เสียงทั้งหมดดังขึ้นพร้อมกัน ประตูไม้บานใหญ่เปิดออก แสงแดดยามเช้าจากภายนอกส่องเข้าไปด้านในเผยให้เห็นร่างของชายหญิงคู่หนึ่งนอนเคียงกันอยู่บนเตียง
"หมอ!!!/นายทหาร!!!"
ทั้งคู่ถลันลุกขึ้นด้วยความตกใจ สายตาทุกคู่นั้นมองทั้งสองเป็นตาเดียว ทั้งสองเอามือบังแสงจ้าที่ส่องเข้ามาทางประตูพยายามกระพริบตาถี่ปรับสายตาให้ชินกับแสง
"หมอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง"มะเมียะรีบเดินเข้ามาในห้องคว้าแขนพิมพลอยลงจากเตียงหมุนซ้ายหมุนขวาสำรวจร่างกายของหญิงสาว
"ฉันต้องถามมากกว่าว่าใครขังฉันไว้ ฉันมาเอาปิ่นโตที่ลืมไว้ในห้องนี้แป๊บเดียวแต่ก็โดนขัง"พิมพลอยหน้ามุ่ยจ้องมองไปที่หน้าประตูชายทั้งสองก้มหน้างุดหลบตา
"แล้วพวกเอ็งสองคนเปิดประตูให้หมอเข้าไปแล้วขังหมอไว้ทำไมวะไหนพวกเอ็งบอกไม่เห็นหมอ"อูเลเริ่มซักถามทั้งสองอ้ำๆอึ้งๆหลบตา
"ฉันไม่เห็นหมอจริงๆจ้ะ"
"โวะ แล้วพวกเอ็งเฝ้าภาษาอะไรหมอทั้งคนจะเดินหายเข้าไปได้ยังไง"อูเลเริ่มยัวะชายหนุ่มทั้งสองกลัวจึงบอกความจริงทั้งหมดเรื่องที่ไม่ได้อยู่เฝ้า และเรื่องที่ล็อคห้องหลังคะฉิ่นไปแล้ว
"พวกเอ็งนี่สมควรโดนตีนข้าจริงๆเอ็งก็อีกคนไอ้คะฉิ่นข้าให้เฝ้านายทหารเสือกหนีกลับกันหมดดีนะที่หมอไม่เป็นอะไร"ตาเฒ่าอูเลคาดโทษลูกชายและสมุนทั้งสองยกใหญ่จนพิมพลอยเข้ามาห้ามปราม
"เอาเถอะๆฉันไม่เป็นไร"
"แต่ที่หมอถูกขังอยู่ที่นี่ก็ดีเหมือนกันนะจ๊ะ"เสียงของคะฉิ่นรีบพูด
"ดียังไงของเอ็งว่ะไอ้คะฉิ่น"
"โธ พ่อก็ถ้าหมอโดนขังอยู่กับนายทหารก็ไม่ต้องเจอกับไอ้ฆาตกรที่บุกบ้านหมอเมื่อคืนไง" พิมพลอยฟังคะฉิ่นพูดจบเธอรู้สึกเข่าอ่อนจนนรินทร์ต้องเข้ามาพยุงไว้ ถือว่าเธอโชคดีจริงๆที่โดนขังไม่งันเธอคงกลายเป็นศพเหมือนปาลีและเปียอย่างแน่นอน
อูเลนัดประชุมคนในหมู่บ้านอีกครั้งตอนสายของวันนั้นที่สถานีอนามัย ชาวบ้านต่างทยอยมากันเพราะอยากรู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะได้ข้อสรุปอย่างไร
"เอาล่ะทุกคน ที่ฉันเรียกมาอีกเพราะอยากจะหาข้อสรุปให้กับคนทั้งหมู่บ้านของเรา"ตาเฒ่าอูเลยืนขึ้นพูดเสียงดังสายตาของชาวบ้านทั้งหลายจ้องมายังร่างของผู้พูดเป็นตาเดียว
"เมื่อคืนนี้นับว่าเป็นโชคดีที่ไม่มีใครเสียชีวิต..."
"แสดงว่านายทหารเป็นคนร้ายใช่ไหมพอนายทหารโดนขังก็ไม่มีใครตาย"เสียงใครคนหนึ่งในหมู่ชาวบ้านพูดแทรกขึ้นตามด้วยเสียงเซ็งแซ่ของชาวบ้าน
"หยุดก่อนไม่มีใครตายไม่ได้หมายความว่านายทหารเป็นคนร้ายเพราะเมื่อคืนบ้านหมอพิมก็โดนขึ้น"
"อ้าว บ้านหมอพิมโดนขึ้นแต่หมอพิมไม่เห็นเป็นอะไรเลย หมอเห็นหน้าไอ้ฆาตกรมันไหมหมอ"ชาวบ้านจับจ้องมาที่พิมพลอยเป็นตาเดียวเธอสั่นศีรษะปฏิเสธ
"หมอรอดออกมาได้ยังไง ใครไปช่วยหมอ"หลายคำถามยังซักถามพิมพลอยที่นั่งนิ่งกัดริมฝีปากอยู่ นายทหารหนุ่มข้างกายเห็นพิมพลอยกำลังลำบากจึงจับมือหญิงสาวแล้วลุกขึ้นยืน
"เมื่อคืน"เสียงเข้มกล่าวขึ้นแต่โดนขัดเสียก่อน
"ให้ฉันพูดเองนะคะ"พิมพลอยจับมือชายหนุ่มพร้อมส่งสายตาวอนขอ
"เมื่อคืนฉันโดนขังอยู่ในห้องนี้กับผู้หมวดทำให้รอดมาได้คะ"เสียงฮือฮาในหมู่ชาวบ้านดังขึ้นอีกระรอก
"พวกเราเชื่อหมอนะแต่ก็ไม่ได้หมายความว่านายทหารไม่ได้เป็นคนร้ายเพราะแค่มีคนขึ้นบ้านอาจเป็นพวกโจรลักเล็กขโมยน้อยก็ได้"
"แต่เราอยู่ด้วยกันทั้งคืน ถ้านายทหารเป็นคนร้ายฉันคงไม่รอด"หญิงสาวตอบเสียงเบาความกระดากอายเรื่องเมื่อคืนฉายชัดขึ้น ชาวบ้านเริ่มลังเลเสียงแตกออกเป็นสองฝั่ง
"ใช่ๆจริงด้วยหมอปลอดภัยดีนายทหารไม่ใช่คนร้ายทั้งที่อยู่ด้วยกันทั้งคืน"ชาวบ้านต่างเออออกันไปในเหตุผลของพิมพลอย
"ผิดผี ผู้ชายอยู่กับผู้หญิงสองต่อสองผิดผี"เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นอีก สีหน้าพิมพลอยตระหนกขึ้นเพราะคนในหมู่บ้านนี้เชื่อเรื่องผีสางมากกว่าเหตุผลเสียอีก ถึงเธอจะอธิบายว่าไม่ได้มีอะไรกับเขาแต่ใครล่ะจะเชื่อแถมยังมีคนเห็นทั้งสองนอนกอดกันตอนเปิดประตูเข้าไปอีก ขนาดปาลีแค่สามีตายยังโดนขับไล่ไปอยู่ท้ายหมู่บ้านแล้วเธอเป็นคนนอกจะไม่โดนไล่ออกจากหมู่บ้านเลยหรือ สีหน้าวิตกกังวลของหญิงสาวฉายชัด
"คุณพิมพลอยไม่ได้ผิดผีหรอกครับเพราะพวกเรากำลังจะแต่งงานกัน”เสียงดังฟังชัดของนรินทร์ประกาศก้องขึ้นให้ชาวบ้านทุกคนได้ยิน พิมพลอยหันไปจ้องคนพูดอย่างตกใจที่บัดนี้ยิ้มละมัยส่งกลับมาให้เธอ
'มันเรื่องอะไรกันนี่ไม่ใช่ที่คุยกันไว้นิ'พิมพลอยขมวดคิ้วมองคิดถึงเรื่องเมื่อเช้าอูเลบอกว่าเราต้องประกาศให้ชาวบ้านรู้ว่าชายหนุ่มไม่ใช่คนร้ายโดยต้องบอกเรื่องที่เธอติดอยู่กับเขาเพื่อเป็นการยืนยัน ชายหนุ่มก็จะเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่เรื่องแต่งานนี่มันนอกเหนือความคาดหมายและไม่ได้อยู่ในข้อตกลง
วงเหล้าเล็กๆนั่งอยู่บนแคร่หน้าบ้านของตาเฒ่าอูเล อากาศยามค่ำคืนหนาวจัด แต่พอได้ฤทธิ์ของสุราก็ทำให้ร่างกายร้อนเร่าขึ้นมาบ้าง คะฉิ่นรินเหล้าป่าดีกรีแรงใส่แก้วให้นายทหารหนุ่มว่าที่เจ้าบ่าวหมาดๆ นรินทร์ยิ้มยื่นมือไปรับในตาหวานฉ่ำหน้าแดงบ่งบอกว่าระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายสูงหรือเรียกง่ายๆว่าเมา
"นายทหารหมดแก้วๆ"เสียงเชียร์ในวงเหล้าดังลั่น คนอย่างผู้หมวดนรินทร์มีหรือจะยอมเขากระดกเหล้าป่าลงคอภายในท้องร้อนวาบ
"คอแข็งจริงๆนี่สิถึงจะเรียกชายชาติทหาร"คะฉิ่นรินเหล้าใส่แก้วอีกพร้อมชมชายหนุ่มไม่ขาดปาก
"ไม่หรอกๆผมว่าผมเริ่มเมาแล้วนะ ขอกลับก่อนนะ"นายทหารหนุ่มโบกมือปัด เอ่ยลาก่อนจะลุกขึ้น
"ไม่ได้ๆกลับไม่ได้"คะฉิ่นฉุดแขนนรินทร์ที่ลุกขึ้นยืนโซเซให้นั่งลงอีก
"นายทหารกลับไม่ได้ลืมแล้วหรือยังไง เขาห้ามคู่บ่าวสาวเจอกันจนกว่าจะแต่ง"คนในวงสุรารีบบอก นรินทร์พยักหน้าเชิงเข้าใจทิ้งตัวลงนั่งบนแคร่ต่อ
"แต่ผมเป็นห่วงพิมพลอย"เสียงทุ้มตอบ
"นั้นแน่ๆ!เป็นห่วงหรือคิดถึง"เสียงแซวจากในวง ทำให้คึกครืนขึ้นทั้งหมดหัวเราะร่วน
"ทั้งสองอย่าง"คนเมาเก็บความลับไม่ได้พรั่งพรูออกไปจนคนในวงชอบใจในความตรงไปตรงมาของชายหนุ่ม
"ไอ้คะฉิ่นเอ็งไม่จัดให้นายทหารหน่อยเหรอได้เห็นแค่หลังคาบ้านก็ยังดี"เสียงกระเซ้าเย้าแหย่ยังคงสนุกสนาน คะฉิ่นส่ายหน้าทั้งที่ใจก็คิดอยากไปหามะเมียะที่ไปนอนเฝ้าหมอพิมใจจะขาดติดแต่ตรงที่ต้องค่อยเฝ้านายทหารด้วยเช่นกันเขากะว่าจะมอมเหล้าชายหนุ่มให้หลับแล้วแอบไปหาเมียรักเสียหน่อยคิดไปดังนั้นก็รีบรินเหล้าใส่แก้วเพิ่มยื่นให้ชายหนุ่มอีก
พิมพลอยนั่งพับผ้าอยู่บนเตียงภายในบ้านพักโดยมีมะเมียนั่งเป็นผู้ช่วยอยู่ใกล้ๆ เด็กสาวมองหน้าหญิงสาว แต่เมื่อพิมพลอยเงยหน้าขึ้นมามองกลับเด็กสาวก็หลบตาก่อนจะเอ่ยอ้อมแอ้มขึ้น
"หมอพิมยังไม่ง่วงหรือจ้ะ"
"ยังเลย มะเมียะง่วงแล้วหรอนอนก่อนสิ ฉันว่าจะอ่านหนังสืออีกสักหน่อย"พิมพลอยตอบเรื่อยๆพลางพับผ้าไปด้วย
"เปล่าจ้ะ ถ้าง่วงแล้วฉันจะได้กางมุ้งให้"มะเมียะตอบมองพิมพลอยตาละห้อยยิ่งได้ยินว่าหญิงสาวจะอ่านหนังสือต่อยิ่งลุกลี้ลุกลนเพราะหล่อนนัดกับคะฉิ่นไว้
"หนังสือที่อ่านค้างไว้ไปไหนน๊า"พิมพลอยยกกองผ้าพับแล้วไปเก็บบนชั้น มองหาหนังสือเล่มโปรด
"เล่มปกสีแดงใช่ไหมจ้ะ ฉันเห็นที่โรงหมอเมื่อวานนี้"
"จริงสิฉันคงลืมเอามา"
"เดี๋ยวฉันเดินไปเอามาให้นะจ้ะ"มะเมียะขันอาสาเพราะเธอจะได้แวะไปดูคะฉิ่นด้วย
"ไม่ต้องหรอกมะเมียะ ขอบใจนะแต่ฉันจะนอนแล้วดีกว่า"
"ได้จ้ะ"มะเมียะยิ้มกว้างกุลีกุจอช่วยพิมพลอยกางมุ้งเมื่อเห็นหญิงสาวเข้านอนในมุ้งเรียบร้อยเธอจึงกางเพิ่มอีกมุ้งเพื่อเข้านอนรอเวลา
มะเมียะนอนพลิกซ้ายพลิกขวาข่มตาหลับไม่ลงตั้งแต่แต่งงานได้แค่สองเดือนกว่าหล่อนก็ไม่เคยแยกกันนอนกับสามีเลย ความรู้สึกโหยหาคิดถึงกังวลว่าคะฉิ่นจะปลีกตัวหาทางออกจากนายทหารมาได้หรือไม่ทำให้หล่อนว้าวุ่น
เสียงนกกวักกลางคืนร้องขึ้น ร่างเล็กของมะเมียะผุดตัวลุกขึ้นนั่งในความมืด หันไปมองคนที่นอนบนเตียงหายใจสม่ำเสมอแสดงว่าหลับสนิท มะเมียะค่อยๆเปิดมุ้งย่องออกมาหาต้นเสียงของนก หล่อนจำเสียงได้ดีเพราะคะฉิ่นใช้เสียงนี้ต่อนกกลางคืนอยู่บ่อยๆ
"ฉันนึกว่าพี่จะไม่มาเสียแล้ว"มะเมียค้อนเมื่อเห็นคะฉิ่นยืนลับๆล่อๆอยู่ใต้ถุนบ้าน
"มาสิจ้ะ พี่คิดถึงมะเมียะจนใจจะขาด"คะฉิ่นเกี่ยวเอวเมียสาวเข้าแนบชิดก้มลงสูดดมแก้มใส
"แล้วพี่หนีนายทหารมาได้ยังไง"
"นายทหารเมาหลับคาวงเหล้าอยู่ใต้ถุนบ้านเราโน้น"คะฉิ่นตอบแต่จมูกยังฝังอยู่กับซอกคอของสาวน้อย กลิ่นเหล้าป่าฤทธิ์แรงพ้นออกพร้อมลมหายใจหนักๆของเขา
"เดี๋ยวสิจ้ะพี่ ตรงนี้ไม่ได้"เสียงเล็กรีบห้ามไฟราคะลุกโชน ข้าวใหม่ปลามันและเลือดร้อนแรงของหนุ่มสาวเกินต้านทาน
"แล้วตรงไหนดีล่ะ พี่จะไม่ไหวแล้ว"คะฉิ่นว่าเสียงกระเส่ามือไม้ลูบไล้ทั่วร่างเล็ก
"ที่นั้นไหมจ้ะ"มะเมียะบูยปากไปทางบ้านพักของนายทหารหนุ่ม คะฉิ่นไม่รอช้ารวบร่างมะเมียะขึ้นบันไดบ้านไปทันที
ร่างใหญ่ว่างร่างของมะเมียะลงบนแคร่กว้างภายในบ้านพักของนรินทร์ มือใหญ่ลูบไล้ทั่วร่างปลดอาภรณ์ที่ห่อร่างเล็กอย่างรวดเร็วก่อนก้มลงสูบดมทั่วสรรพร่างงาม เนื้ออ่อนของเด็กสาวนุ่มเนื้อมือสาก สันจมูกกดลงดอมดมทั่วร่างลิ้นร้อนลากผ่านทั่วคนตัวเล็กกว่าแอ่นกายหลบหนีความเสียวซ่านที่ได้รับ
"พี่จ้ะ...ฉัน เสียว"มะเมียะครางกดหัวคะฉิ่นให้แนบกับหว่างขาปลายลิ้นร้อนซอกซอนกลีบเล็กดูดเลียรับน้ำหวานจนเจ้าของร่างสั่นสะท้าน คะฉิ่นดื่มกินอย่างตะกละตะกลามหิวโหย
"พี่ๆฉันจะไม่ไหวแล้วทำเถอะ"สาวน้อยแทบคลั่งรั้งร่างคะฉิ่นลุกขึ้น แต่พ่อหนุ่มเห็นเมียรักทรมานจึงนึกอยากแกล้งงัดงูตัวเขืองใต้ผ้าจ่อปากเล็กสีแดงธรรมชาติของสาวน้อย
"ทำให้พี่ก่อนสิจ้ะที่รัก...โอ้ว..."คะฉิ่นพูดยังไม่ทันจบความกระสันต์เสียวเข้าแทรกเมื่อปากเล็กๆดูดเลียอย่างคล้ายหิวโหย
"ดีเหลือเกินเมียจ๋า ยอดรัก"คะฉิ่นดึงมะเมียะขึ้นมาจูบอย่างดูดดื่มมือหนาจับแท่งแข็งเข้ากลีบบางฉ่ำแฉะโยกเอวบดคลึงอย่างนุ่มนวล
"อ่าห์...ผัวจ๋า"สาวน้อยร้องเสียงสั่นเมื่อถูกกระแทกเพิ่มความเสียวซ่านให้คนได้ฟังกระหน่ำสาวเร่งไม่หยั่งเร็วขึ้นอีก
"โอ๊ย...ไม่ไหวแล้ว"มะเมียะส่ายหน้าเร้าเล็บจิกไหล่คะฉิ่นแน่นโยกเอวรับจังหวะเร่งเร้า
"อ่ะ...อ่าห์..."คะฉิ่นเร่งสุดแรงปล่อยตัวทรุดตัวลงซบอกนิ่มหายใจหอบถี่เมื่อถึงฝั่งฝัน
ร่างใหญ่ในเงามืดยืนจ้องพิมพลอยที่หายใจสม่ำเสมออยู่บนเตียง มือหนาค่อยๆเปิดมุ้งออกแทรกกายเข้าไป ร่างบางพลิกตัวตื่นลืมตาขึ้นแต่มือใหญ่ตะปบปากกดลงเสียก่อน!!!