ตอนที่1 ผู้มาเยือน
สายฝนโปรยลงมาอย่างไม่ขาดสาย ลมกรรโชกแรงพัดเอากิ่งก้านของต้นจามจุรีต้นใหญ่กิ่งลู่ไปมาตามแรงลม เป็นภาพหน้าหวาดเสียวของผู้พบเห็นเกรงว่ากิ่งจะหักใส่หลังคาสังกระสีเก่าๆที่มุงไว้
“แค่ลมพัดก็จะหลังคาปลิวอยู่แล้ว อย่าหักมาใส่เลย” หญิงสาวบ่นพึมพำ หลังจากปิดหน้าต่างไม้บานเก่าๆที่เธอเปิดแอบส่องดูฟ้าคะนองภายนอก หญิงสาวมองสังกะสีบนหัวผ่านความมืดมีเพียงแสงไฟจากตะเกียงน้ำมันเท่านั้นที่ส่องสว่าง เนื่องจากไฟฟ้าได้ดับไปตั้งแต่ฝนเริ่มตกเมื่อช่วงเย็น
“เมื่อไหร่จะหยุดตกนะ กี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย” เธอพลิกนาฬิกาข้อมือเรือนเก่าขึ้นดูเวลาเพิ่งจะตีหนึ่งกว่าๆ ร่างบางถอนหายใจ สงสัยคืนนี้ฝนคงตกอีกนานไม่มีท่าทีว่าจะหยุด อากาศข้างนอกทั้งลมและฝนที่ตกกระหน่ำทำให้ผิวกายต้องความหนาวจนสั่นสะท้าน เธอค่อยๆแทรกตัวกลับเข้าที่นอนดึงชายมุ้งเหน็บก่อนจะล้มตัวลงนอนคว้าผ้าห่มผืนใหญ่คลุมกายต้านความหนาว
ปัง ปัง ปัง!!!
“หมอ หมอ ช่วยด้วย หมอ” เสียงทุบประตูพร้อมตะโกนโหวกเหวกทำให้ร่างเล็กสะดุ้งจากการเพิ่งเคลิ้มหลับสู่นิทรา ลืมตาขึ้นพยายามปรับสายตาให้ชินกับความมืด
“ใครน่ะ” หญิงสาวตะโกนถามกลับ ก่อนลุกออกจากมุ้งแล้วดึงเสื้อกันฝนที่แขวนอยู่ใกล้ๆมาคลุมตัว
“อูเลเองหมอ นายทหารพาคนมาจากฝั่งโน้นตัวร้อนหนัก เป็นไข้ตัวชักเกร็งใหญ่เลยหมอ สงสัยจะเป็นไข้ป่า” หญิงสาวเลื่อนกลอนประตูพร้อมเปิดกว้างออกเห็นชายวัยหกสิบกว่าๆรูปร่างผอมเกรงถือไฟฉายในมือร่างกายเปียกปอนเต็มไปด้วยน้ำผนละล่ำละลักพูด
“ใครป่วยนะ”หญิงสาวตะโกนถามแข่งกับเสียงฝนภายนอก
“ไม่รู้จักเลยหมอ มาจากฝั่งโน้น”หญิงสาวทำหน้าฉงน เธอรู้จักชาวบ้านพื้นที่แถวนี้ดีเกือบทุกคนเพราะหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆอยู่เกือบติดชายแดน กั้นด้วยป่าไม้เบญจพรรณผืนใหญ่ลึกเข้าไปเป็นป่าดงดิบสลับเทือกเขาสูง เธอจึงสงสัยเมื่อได้ยินว่ามีคนข้ามมาจากฝั่งโน้นซึ่งเธอไม่ค่อยได้พบนัก นานๆจะมีพวกหาของป่าหลงมาที่
ร่างบางเดินกึ่งวิ่งในมือถือไฟฉายสาดแสงส่องฝ่าสายฝนเม็ดใหญ่ที่ตกอย่างไม่ขาดสาย อีกมือหนึ่งถือกระเป๋ายา ตามร่างชายสูงวัยไป อาคารไม้ยกสูงตั้งอยู่ไม่ห่างจากบ้านพักเธอ คือสถานีอนามัยที่คนแถวนี้เรียกว่าโรงหมอ ภายในมีแสงสว่างจากตะเกียงบ่งบอกว่าภายในมีคนอยู่
“อ๊ากกกกกกกกกก!!!”เสียงร้องดังขึ้นมาแข่งกับเสียงฝนที่ตกกระหน่ำ ร่างบางเร่งฝีเท้าฝ่าสายฝนไปยังที่หมาย
“นี่!!คุณกำลังทำอะไร”หญิงสาวมองภาพตรงหน้าชายชุดดำร่างใหญ่ขึ้นคร่อมอีกร่างมือทั้งสองข้างของเขากดไหล่ชายร่างเล็กกว่าตึงไว้บนเตียง
“เขาตัวสั่น แล้วก็ร้องโวยวาย พยายามจะเข้ามาทำร้ายผม”ชายหนุ่มรีบพูดพร้อมมองไปยังหญิงสาว ร่างบางในเสื้อกันฝนสีเขียวที่เปียกปอนมีเพียงดวงหน้าขาวๆเท่านั้นที่กระทบแสงตะเกียงทำให้เห็นคิ้วโก่งบนใบหน้าที่รับกับดวงตากลมโต จมูกโด่งรั้น ปากเล็กๆจิ้มลิ้มสีแดงอย่างธรรมชาติแม้ทั้งตัวจะเปียกปอนเม็ดฝน ‘ธิดาไพร’ชายหนุ่มคิดแวบขึ้น
“แต่ที่ฉันเห็นเหมือนคุณกำลังทำร้ายเขา”เธอพูดก่อนจะเดินมาใกล้ๆชายหนุ่มที่คร่อมร่างเล็กกว่าอยู่บนเตียงทำให้รู้ว่าบุรุษตรงหน้าเป็นคนร่างสูงใหญ่ใส่ชุดทหารพรานสีดำ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเขม่าปืนสีดำจากการพรางหน้าเห็นเพียงแค่ลูกกะตาขาวเท่านั้น ‘น่ากลัว’หญิงสาวคิดขึ้นในใจ
“คนไข้มีอาการอย่างไรบ้างคะ”หญิงสาวถามขึ้นหลังจากคนไข้อาการดูสงบลงแล้ว
“ผมพบเขากลางป่าระหว่างที่ลาดตระเวน เห็นนอนหมดสติอยู่ใต้ต้นไม้ ปลุกไม่ตื่นจับดูตัวร้อนยังกับไฟ ผมเลยแยกกับลูกน้องที่ไปด้วยกันพามาส่งที่นี่”
“แล้วที่คุณบอกว่าเขาพยายามทำร้ายคุณเมื่อกี้"
“เมื่อผมพาเขามาส่งถึงที่นี่ เขาก็ฟื้นร้องโวยวายแล้วก็กระโจนลงจากเตียงพยายามมาบีบคอผม”ชายหนุ่มพูดพร้อมเอียงคอไปใกล้หญิงสาว โชว์รอยช้ำบริเวณต้นคอที่แทบจะมองไม่เห็นเพราะสีพรางหน้า
“คุณหมอจะไม่ดูให้ผมหน่อยหรอ”ชายหนุ่มพูดทะเล้นพร้อมยิงฟันขาวสูดกลิ่นหอมที่ลอยมากระทบจมูกจากคนตรงหน้า
“ฉันไม่ใช่หมอค่ะ ฉันเป็นพยาบาล”หญิงสาวพูดก่อนเดินเลี่ยงไปเปิดกระเป๋ายาที่นำมาด้วย
“อ้าวหรอครับ เห็นอูเลบอกจะไปตามหมอ ถ้างันคุณพยาบาลช่วยดูให้ผมหน่อยนะครับ”
“แถวนี้ไม่มีหมอหรอกค่ะมีแต่ฉันคนเดียวนี่แหละ แต่ชาวบ้านเรียกติดปากกันว่าหมอ อาการคุณเห็นจะไม่ต้องรักษาหรอกเพราะยังไกลหัวใจเยอะ”หญิงสาวหันมองหน้าชายหนุ่มจอมกระล่อน ที่ตอนนี้เขาเดินมาเกือบชิดหลังเธอ ส่วนสูงเมื่อยืนเต็มตัวสูงกว่าเธอมาก น่าจะสักร้อยแปดสิบกว่าเห็นจะได้หญิงสาวคะเนในใจ แต่ชุดทหารพรานสีดำที่เปียกฝนลู่แนบลำตัวทำจินตนาการใต้ร่มผ้าได้ว่าเขาคงเป็นคนบึกบึนเต็มไปด้วยมัดกล้าม ‘บ้าจริงนี่เธอคิดอะไรอยู่’หน้านวลร้อนผ่าวนึกอายความคิดตัวเอง
“หมอ หมอ!มันชักอีกแล้ว”อูเลหน้าตาตื่นโผล่ออกจากม่านกั้นระหว่างเตียงคนไข้
“อาการไม่ดีเลย”หญิงสาวเอามืออังหน้าผากรู้สึกถึงไอร้อนสัมผัสโดนมือดั่งไฟ ร่างกายสั่นเทาฟันกระทบกันจนเกิดเสียงดัง
“รบกวนจับแขนให้หน่อยได้ไหมค่ะฉันกลัวว่าเขาจะดิ้น ฉันจะฉีดยากันชักให้”ชายหนุ่มรีบทำตามหญิงสาวบอก เข็มเล็กๆแทงทะลุผ่านเนื้ออย่างเบามือ ไม่นานนักอาการชักเริ่มลดน้อยลงแต่สีหน้าของเธอยังวิตกกังวลอยู่
“รักษาที่นี่เห็นจะไม่ไหว คงต้องไปรักษาในตัวเมืองค่ะ”หญิงสาวบอกพร้อมถอนหายใจ
“คุณพอจะทราบไหมว่าเขาเป็นอะไร”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเมื่อมองไปยังร่างที่นอนนิ่งบนเตียง
“อาจจะมาลาเรียหรือไม่ก็ไข้เลือดออก”โรคยอดฮิตแถวชายแดนที่มียุงเป็นพาหะ หญิงสาวมองดูนาฬิกาเวลาล่วงเลยมาเกือบตีห้า คืนนี้เธอคงไม่ได้นอนแล้วก่อนยกมือนวดระหว่างคิ้วคลายความเมื่อยล้า
ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ใกล้หญิงสาว ร่างใหญ่เริ่มสั่นน้อยๆจากความหนาวของลมที่พัด ฝนมีท่าทีว่าจะซาลงบ้างแต่ลมยังพัดกระโชกอย่างรุนแรงไม่หยุด ความตกใจเมื่อตอนแรกทำให้อะดรีนาลีนของชายหนุ่มหลั่งจนลืมหนาว แต่เมื่อเหตุการณ์เริ่มสงบความหนาวดูเหมือนจะเล่นงานเขา แต่สิ่งที่กวนใจเขาอยู่คือชายลึกลับที่เขาพามาจากในป่าละเมอก่อนขึ้นกระโจนมาบีบคอของเขาพูดขึ้นมันทำให้เขาเป็นกังวล เพราะมันอาจเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติเกินที่จะเล่าให้ใครฟัง
“คุณจะเปลี่ยนชุดหน่อยไหม”ชายหนุ่มสะดุ้งหลุดจากห้วงความคิดของเขา หันมองไปยังหญิงสาวที่ยื่นชุดผู้ป่วยให้เขาตรงหน้า เขายื่นมือไปรับแต่หญิงสาวรีบชักมือกลับเมื่อมือเขาสัมผัสโดนผิวเนื้อมือนุ่มของเธอ
“ด้านล่างมีห้องน้ำคุณไปเปลี่ยนเถอะเดี๋ยวจะไม่สบายไปอีกคน อูเลด้วยนะ”หญิงสาวพูดพร้อมหันไปบอกชายสูงวัยที่หันมายิ้มแห้งๆให้เธอ
“คนบ้า”หญิงสาวนึกค้อนในใจเอามือลูบหลังมือที่เขาสัมผัสโดนเมื่อครู่รู้สึกเหมือนไฟฟ้าช็อตจนเธอต้องชักมือหนี
“ผมว่าชุดคุณเล็กไปนะ” ชายหนุ่มพูดระหว่างพยายามมัดเชือกที่เสื้อ แต่มันคงเล็กไปจริงๆเพราะชุดผู้ป่วยที่เขาใส่ไม่สามารถมัดเชือกได้ เผยให้เห็นกล้ามท้องและแผงอกกำยำผิวด้านในร่มผ้าขาวนวลตัดกับมือที่พยายามผูกเชือกผิวสีเข้มกว่าเนื่องจากตากแดดตากฝนมาอย่างโชกโชน ร่างกายสูงใหญ่ของเขาทำให้กางเกงขายาวของชุดผู้ป่วยกลายเป็นกางเกงสามส่วนเมื่ออยู่บนร่างกายของชายหนุ่มแต่สิ่งที่ทำให้หล่อนต้องหันหน้าหนีคงจะเป็นตรงกลางแก่นกายของเขาที่แม้อากาศหนาวขนาดนี้ยังแสดงให้เห็นความเป็นชายว่ามีขนาดใหญ่มาก
“นี่!คุณๆ พอจะมีสบู่ให้ผมไหมผมจะล้างหน้า” หญิงสาวสะดุ้งจากภวังค์ตกใจเสียงชายหนุ่มเรียกก่อนจะลุกไปหยิบสบู่ก้อนส่งให้ชายหนุ่ม
“เห็นจะยากหน่อยนะหมอ ถ้าจะส่งไปในเมือง”อูเลพูดขึ้น ร่างตาเฒ่าอูเลในชุดเช่นเดียวกับชายหนุ่ม แต่ของอูเลกลับยาวคร่อมเท้าเสื้อดูหลวมแตกต่างกันชายหนุ่มข้างๆแกจริงๆ
“ทำไมหรืออูเล”หญิงสาวถามขึ้น
“อูเลค้นดูในเสื้อผ้ามันไม่มีเอกสารอะไรสักอย่างเลยหมอ โรงหมอในเมืองเขาจะไม่รับเอาน่า”
“แต่อาการเขาไม่ดีเลย ฉันว่าถ้าไม่ถึงมือหมอจะแย่เอา”เธอมองร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ชายวัยหนุ่มฉกรรจ์ผิวเหลืองตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลรอยขีดข่วน
“งันตอนนี้ก็เช้าแล้ว ฝนหยุดตก อูเลจะลองให้คนไปตามรถในเมืองให้นะหมอ”
“ได้จ้ะ”เธอพยักหน้ารับร่างตาเฒ่ารีบแล่นลงบันไดไป บรรยากาศเงียบขึ้นอีกครั้งชายหนุ่มเดินเข้าประตูมาใบหน้าไร้สีพรางหน้า จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วหนาพาดผ่านใบหน้า ควงตาคมสีดำสนิทที่จ้องมองมาทำให้คนโดนจ้องไม่กล้าสบตบ เพราะเหมือนจะโดนเขากลืนกินทางสายตาได้
“เออ...คุณชื่ออะไรครับ....ผมร้อยโทนรินทร์ครับ”ชายหนุ่มทำลายความเงียบพร้อมแนะนำตัวเองก่อนเพื่อเป็นมารยาทเมื่ออยากทราบชื่ออีกฝ่าย
“ฉันพิมพลอยค่ะ”
“ชื่อเพราะจังนะครับ คุณพิมพลอยเป็นคนแถวนี้หรอครับ”
“ ป่าวหรอกค่ะ แค่หนีความเจริญมา”เธอตอบเลี่ยงๆจะให้เธอบอกได้ไงล่ะว่าแค่หนีการจับคู่แต่งงานของแม่เธอมาอยู่ที่ห่างไกลหญิงสาวหลงรักบรรยากาศป่าไม้เขียวขจี มีเทือกเขาสลับซับซ่อนเป็นฉากหลัง หมู่บ้านเล็กๆผู้คนเป็นมิตรทำให้เธอรู้สึกสบายใจตั้งแต่มาที่นี่ครั้งแรกตอนออกค่ายกับทางมหาลัยเมื่อสมัยเรียน เมื่อเธอคิดจะมาประจำต่างจังหวัดเพื่อใช้ทุนเธอจึงคิดถึงที่นี่เป็นที่แรก ปีนี้ก็เข้าปีที่สามแล้วที่อาศัยอยู่หมู่บ้านเล็กๆทางเหนือที่นี่
“ครับที่นี่บรรยากาศดีผมก็พึ่งจะย้ายมาประจำการที่นี่”
“ค่ะ บรรยากาศดี ผู้คนก็น่ารัก”
“ครับน่ารักมาก”นรินทร์พูดก่อนส่งสายตาหวานเลี่ยนให้พิมพลอย พยาบาลคนสวยเหมือนจะรู้ทันลุกขึ้นเดินเลี่ยงขอตัวกลับบ้านพักพร้อมวานให้เขาช่วยดูคนไข้แทนหล่อนสักครู่
พิมพลอยเดินกลับมายังสถานีอนามัย หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ หล่อนพบกับอูเลที่เดินกลับเข้ามาพอดี
“อูเล เป็นยังไงบ้าง ได้เรื่องไหม”
“ไม่เลยหมอ ให้คะฉิ่นไปดูมันบอกฝนตกเมื่อคืนถนนขาด ออกจากหมู่บ้านไปไม่ได้เลยหมอ”คะฉิ่นที่อูเลพูดถึงคือลูกชายของตาเฒ่า เรื่องที่เธอกังวลว่าจะให้คนไข้ไปถึงมือหมอไวๆดูจะห่างไกลความจริงขึ้นไปทุกที
“นายทหารล่ะหมอ”
“อยู่ข้างบนน่ะ”เธอบอกก่อนเดินนำอูเลไป ร่างใหญ่ของนายทหารในชุดคนไข้ฟุบหลับอยู่บนโต๊ะทำงานของเธอ สงสัยจะเพลีย เธอคิดก่อนเดินไปหยิบผ้าห่มมาคลุมให้เขา
“อูเลช่วยต้มน้ำให้ฉันหน่อยได้ไหมจ๊ะ”
“ต้มไว้แล้วหมอเดี๋ยวอูเลใส่กามาให้นะหมอ”
อากาศยามเช้านี้ท้องฟ้าดูสดใสขึ้นหลังจากฝนตกหนักเมื่อคืน เสียงนกออกหากินในตอนเช้าฟังดูไพเราะ หมอกยังคงลอยอยู่บางๆ ไอของความหนาวต้องผิวกายเดือนนี้ตุลาแล้วคงหมดฝนใกล้จะหน้าหนาวแล้ว เธอคิดถึงหน้าหนาวปีที่แล้วที่หนาวจนเข้ากระดูกเธอต้องพึ่งเสื้อกันหนาว2-3ตัวเลยทีเดียว ร่างของตาเฒ่าขึ้นบันไดมาพร้อมกาน้ำร้อนในมือ
“เอากาแฟด้วยไหมจ้ะอูเล”เธอถามหลังจากหยิบซองกาแฟสำเร็จรูปขึ้นมาชง แล้วใจดีชงเผื่อคนนอนหลับด้วยอีกแก้ว
“ไม่จ้ะหมอ ฉันได้ไอ้นี่ก็อยู่ล่ะ”ตาเฒ่ายิ้มซื่อเห็นฟัน ยกถุงยาสูบมาม้วนกับใบตองแห้งของแก
“ฉุนจริง ที่นี่โรงหมอห้ามสูบนะจ๊ะอูเล”เธอติง ร่างผอมรีบแล่นลงบันไดไปสูบด้านล่างเพราะแกกลัวจะโดนคุณหมอของแกเอ็ดเอา
“คุณพิมพลอย”เสียงชายหนุ่มดังขึ้น เธอหันกลับไปมองร่างของหมวดนรินทร์เหยียดกายขึ้นบิดตัวคลายความเมื่อยล้า แต่เธอต้องรีบหันกลับเพราะความเป็นชายก็ตื่นพร้อมเจ้าของร่างจนกางเกงแทบปริ แม้เธอไม่ได้ตั้งใจมองก็เห็นได้โดยง่าย
“กาแฟอยู่บนโต๊ะค่ะ คงจะอุ่นกำลังดี”เธอหันหลังคุยกับเขาโดยไม่รู้ว่าร่างของชายหนุ่มหยิบแก้วกาแฟเดินมาเกือบประชิดตัว
“อร่อยดีนะครับ”หมวดนรินทร์ก้มหน้ามาพูดใกล้ๆกับใบหูหล่อนหลังจากจิบกาแฟ ร่างบางขนลุกเกลียวหน้าแดงกล่ำ เดินเลี่ยงหลบชายหนุ่มมาอีกทาง
“อร่อยอะไรกันค่ะ กาแฟสำเร็จรูป อูเลบอกเมื่อสักครู่ว่าถนนขาด”เธอเปลี่ยนเรื่องเข้าโหมดจริงจัง เขาเลิกคิ้วขึ้นก่อนยกกาแฟขึ้นจิบอีกอึกใหญ่
“เห็นจะเป็นปัญหาใหญ่แล้วล่ะ” นรินทร์พูดแต่ในแววตามีความเครียดแฝงอยู่
พระอาทิตย์ตรงหัวบ่งบอกถึงเวลาเที่ยงวัน อูเลจัดแจงเอากับข้าวที่มะเมียะเมียของคะฉิ่นลูกชายแกใส่ปิ่นโต ที่พิมพลอยให้เงินแกไว้เผื่อผูกปิ่นโตฝากท้อง สำหรับครอบครัวของอูเลถือว่ามากโขกับคนบ้านนอก ที่ไม่ได้ใช้เงินซื้อผักซื้อปลาเพราะวัตถุดิบแกก็หาตามป่าตามห้วย โชคดีที่คุณหมอของแกกินง่ายอยู่ง่ายคนแถวนี้จึงรักพิมพลอยมาก ถึงเธอจะไม่ต้องจ้างก็จะมีชาวบ้านนำอาหารมาให้เสมอแต่ด้วยความเกรงใจพิมพลอยจึงจ่ายเงินให้กับอูเลและครอบครัว อีกมือของแกถือเสื้อผ้าของคะฉิ่นลูกชายแกที่ตัวใหญ่หน่อยมาให้นายทหารใส่เพราะดูจะมิดชิดกว่าชุดผู้ป่วยหน่อยสองสามชุด
“กับข้าวมาแล้วหมอ นายทหารเชิญกินได้จ้ะ” ตาเฒ่าเดินขึ้นไปเรียกพิมพลอยและนรินทร์ ที่กำลังง่วนกับการให้น้ำเกลือชายต่างถิ่นที่ยังไม่ฟื้นจากไข้ โดยมีนายทหารพรานรูปหล่อเป็นผู้ช่วยจับแขนเปิดเส้น
“เดี๋ยวตามลงไปนะ ให้น้ำเกลือก่อน”พยาบาลสาวร้องตอบกลับ
“มีอะไรกินครับอูเล”นายทหารหนุ่มถามตาเฒ่าชวนคุย
“แกงไก่ กับปลาย่างนายทหารกับข้าวบ้านๆนายทหารทานได้ไหม”
“สบายมากครับอูเล ขอฝากท้องด้วยนะครับคุณพิมพลอย”ประโยคสุดท้ายเขาหันกับมาคุยกับคนข้างๆทำให้จมูกโด่งเฉียดแก้มใสที่ก้มต่อสายน้ำเกลืออยู่ ได้กลิ่นหอมของแป้งเด็กกับกลิ่นกายหญิงสาวลอยเข้าจมูกจนใจสั่น
“ค่ะ เชิญค่ะ”พิมพลอยหัวใจกระตุกวุบ การเข้าใกล้ชายหนุ่มทำให้เธอเสียการควบคุม ในสมองของตนสั่งว่าเขาน่ะตัวอันตรายห้ามเข้าใกล้เกินไป แต่ร่างกายสิตรงกันข้ามเลย
“อูเล ทานข้าวยังจ้ะ”
“เรียบร้อยแล้วหมอ เชิญเลย เชิญเลยเดี๋ยวอูเลดูให้”ตาเฒ่าพูดพลางบูยปากไปทางร่างที่หลับสนิทอยู่บนเตียง
“จ้ะขอบใจนะ เชิญค่ะหมวดนรินทร์”
ตาเฒ่ามองร่างของทั้งสองลงบันไดไปลับตา แกหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ ชันเข่าข้างหนึ่งก่อนจะล้วงยาสูบขึ้นมาม้วน ร่างของหนุ่มบนเตียงเหมือนพึมพรำพูดเบาๆฟังไม่ได้ศัพท์ ตาเฒ่าเงี่ยหูฟังเดินไปใกล้ชิดเตียง เสียงแหบแห้งพึมพรำเป็นภาษากะเหรี่ยงที่ฟังขาดๆหายๆ แต่พอจับใจความและฟังออกบ้างเพราะแม่แกเป็นกระเหรี่ยงตาเฒ่าลูกครึ่งสองสัญชาติจึงพอฟังออกบ้าง
“คนตาย ฟื้น คนตาย กินคน ผี กินคน”เสียงแหบส่งเสียงกระท่อนกระแท่นแต่น้ำเสียงที่พูดกับทำให้แกขนลุกทั่วทั้งร่าง
“หมอ หมอ ฟื้นแล้วๆ”ตาเฒ่าแทบจะกระโดดลงบันไดไม่แน่ใจว่ากลัวอะไรเพราะแกลงบันไดมาด้านล่างอย่างรวดเร็ว
“คนไข้อาละวาดหรออูเล”พิมพลอยรีบถามโดยเร็ว รีบยกแก้วน้ำดื่มหลังจากกินข้าวอิ่มพอดี
“ป่าวหมอ รีบไปดูเถอะ”พิมพลอยรีบขึ้นบันไดตามติดมาด้วยนรินทร์และอูเล
ภายเบื้องหน้าพิมพลอยใจหายวาบ ร่างบนเตียงตาเหลือกดวงตาแดงกล่ำร่างกายบิดเกร็ง สีผิวขาวซีดเหมือนขาดเลือดบริเวณแผลรอยขีดข่วนกลายเป็นสีม่วงคล้ำ ปากอ้ากว้างส่งเสียง”อ๊ากกกกกกกกก”ก่อนที่ลิ้มเลือดสีดำเข้มจะทะลักออกจากปากทั้งร่างกระตุกสองสามทีเหมือนปลาโดนทุบหัวก่อนแน่นิ่งไป นายทหารหนุ่มได้สติจากภาพตรงหน้าก่อนรีบวิ่งไปจับร่างที่แน่นิ่ง
“คุณพิมพลอยช่วยดูหน่อยครับ ผมคิดว่าเขาเสียแล้ว”พิมพลอยได้สติจากภาพตรงหน้ารีบจับชีพจรร่างที่แน่นิ่งพร้อมกับส่ายหน้า
“เขาเสียแล้วคะ”เธอกล่าวสั้นๆโดยไม่อยากมองภาพที่นอนตาเหลือกแดงกล่ำคล้ายกับว่าจ้องมายังเธออยู่
พิมพลอยเดินออกมาตั้งสติด้านนอกถึงเธอจะเคยเจอคนตายมาเยอะแยะเพราะอาชีพบังคับ บางรายการตายน่ากลัวกว่าเคสนี้ แต่มีบางอย่างที่ทำให้พิมพลอยรู้ว่าร่างไร้วิญญาณด้านในตายโดยไม่ปกติสามัญ หรือตายด้วยอุบัติเหตุอย่างที่เธอเคยเจอมา ภาพเมื่อสักครู่ติดตาเธอ มันสยดสยองกับดวงตายแดงกล่ำคล้ายอาฆาตมาดร้าย
“คุณพิมพลอย คุณครับ” ร่างบางสะดุ้งเมื่อมือใหญ่แตะที่ข้อศอก
“ผมเรียกคุณตั้งนานคิดอะไรอยู่หรอครับ อูเลให้มาถามว่าจัดการยังไงกับศพดีครับ”นรินทร์ถามหญิงสาวด้วยความเป็นห่วงที่เห็นเธอยืมเหม่ออยู่นาน
“คงแจ้งตายไม่ได้ค่ะเพราะเขาไม่มีเอกสารอะไรเลย ให้อูเลจัดการได้เลยค่ะ” หญิงสาวตอบ