เวลาล่วงเลยไป จนดวงตะวันบนฟ้าคล้อยต่ำลงผืนฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงอมส้ม หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ผีตากผ้าอ้อม พิมพลอยพลิกนาฬิกาดูพึ่งจะบ่ายสี่โมง ช่วงนี้ใกล้เข้าหน้าหนาวช่วงเย็นจะค่ำเร็วกว่าปกติ ร่างบางถอนหายใจบางทีเธอก็รู้สึกเหงาเพราะที่นี่ห่างไกลคำว่า ศิวิไลมากโข อย่าว่าแต่ความเจริญเลยขนาดไฟฟ้ายังลำบาก ที่อนามัยเป็นที่เดียวที่มีเครื่องปั่นไฟและบ้านพักของเธอก็พวงมาใช้ต่อ เครื่องปั่นไฟเก่าอายุคงมากกว่าอายุเธอเสียอีกวันดีคืนดีก็ไม่ทำงานไปดื้อๆมีเพียงตะเกียงและไฟฉายที่พอใช้ขับไล่ความมืดไปได้ ยิ่งเหตุการณ์วันนี้ทำให้เธอจิตตกทำให้เธอคิดถึงบ้าน คิดถึงคุณแม่ขึ้นมาจับใจ ธรรมชาติรอบตัวที่มีทั้งความสวยงามและความน่ากลัวซ่อนอยู่ทำให้เธอหวั่นใจแปลกๆ
“เรียบร้อยแล้วหมอ”เสียงอูเลตะโกนมา ร่างสามร่างตามเนื้อตัวเปรอะไปด้วยดินโคลนเดินพ้นออกมาจากชายป่าฝั่งทิศตะวันตกลึกเข้าไปเป็นที่ฝั่งศพของหมู่บ้านหรือเรียกง่ายๆว่าป่าช้า ที่หมู่บ้านนี้มีประเพณีฝั่งศพต่างจากที่อื่นๆที่เผา
“สวัสดีจ้ะหมอ”คะฉิ่นลูกชายอูเลยกมือขึ้นไหว้เธอ ชายหนุ่มวัยฉกรรย์ร่างสูงยืนข้างๆกับนายทหารพรานหนุ่มทำให้ตัวของเขาดูร่างเล็กลงไปเมื่อเทียบกับนรินทร์
“จ้ะ ไปช่วยพ่อมาหรอ มะเมียะล่ะ”
“มะเมียะอยู่บ้านคงทำกับข้าวให้หมออยู่ เดี๋ยวฉันรีบกลับบ้านเอาข้าวมาส่งหมอนะ”
“ขอบใจมากนะ ฉันถามเฉยๆวันนี้ไม่เห็นเลย ฉันยังไม่หิวหรอกจ้ะไม่ต้องรีบนะ”เธอบอกคะฉิ่นที่ทำท่ารีบวิ่งกลับบ้านเพื่อไปเอากับข้าวมาให้เธอ
“นายทหารพักที่นี่ก่อนนะจ๊ะ หลังนี้ไม่มีคนอยู่ อยู่ข้างๆบ้านพักหมอ สร้างไว้เผื่อมีหมอในเมืองมาแต่ไม่มีใครอยู่หรอกจ้ะเดียวอูเลทำความสะอาดให้”มือเหี่ยวชี้ไปที่บ้านพักหลังข้างๆบ้านพักของพิมพลอย เป็นบ้านไม้ยกสูงไม่กว้างมากนักด้านในเปิดไปเป็นเตียงนอนเลยมีเฉลียงหน้าบ้านมุงด้วยสังกะสี เหมือนบ้านพักของพิมพลอยทุกอย่าง
“ห้องน้ำใช้กับหมอได้เลยนะจ๊ะ”ตาเฒ่าชี้ไปยังห้องน้ำที่สร้างถัดไปด้านหลังอยู่ระหว่างกึ่งกลางของบ้านพักทั้งสอง ตัวผนังสร้างด้วยปูนหลังคาและประตูทำด้วยสังกะสีแต่แค่นี้ก็ดูดีกว่าชาวบ้านแถวนี้มากแล้ว บ้านบางหลังของชาวบ้านยังคงวิ่งไปขุดหลุมถ่ายท้องกันในป่าจนพิมพลอยมาประจำที่นี้จึงจัดอบรมเรื่องห้องน้ำและสุขลักษณะอนามัยต่างๆจึงทำให้ตอนนี้ในหมู่บ้านมีห้องน้ำเพิ่มมากขึ้นแต่ก็ยังไม่ทุกครัวเรือน
“ไมเป็นไรจ้ะอูเลเดี๋ยวฉันทำความสะอาดให้เอง อูเลกับผู้หมวดไปอาบน้ำเถอะค่ะ"
“งันเดี๋ยวอูเลรีบอาบน้ำมาช่วยหมอนะ”ตาเฒ่าพูดจบรีบแล่นกลับบ้านตามลูกชายไป นรินทร์ยิ้มให้พิมพลอยก่อนเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่อูเลนำมาให้เมื่อเช้าเดินเข้าห้องน้ำไป พิมพลอยหยิบไม้กวาดและอุปกรณ์ทำความสะอาดขึ้นไปบนบ้านพักที่เตรียมให้นายทหารหนุ่ม
ร่างเปลือยของนายทหารหนุ่มเต็มไปด้วยมัดกล้ามเขาตักน้ำในโอ่งราดลงบนหัว ลูบไล้สบู่ผ่านลำตัวกำยำมายังลำคอที่มีรอยบีบช้ำบนต้นคอปรากฏอยู่ พร้อมคิดถึงคำพูดของชายนิรนามที่เขาพาออกมาจากป่าขณะที่กระโจนมาบีบคอร่างนั้นพูดเป็นภาษาไทยสำเนียงแปร่งหูแต่พอจับใจความได้ว่า ‘คนตายจะกินเรา เราทุกคน’ชายหนุ่มขบกรามหน้าเครียดก่อนจะตักน้ำราดตัวอีกที มือใหญ่คว้าผ้ามาเช็ดตัวก่อนนุ่งโสร่งที่อูเลนำมาให้
“พออยู่ได้ไหมค่ะ”ร่างบางก้มคุกเข่าใช้ผ้าเปียกถูพื้นอยู่ ถามขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของคนเดินขึ้นบันไดมาโดยไม่ได้หันกลับไปมอง
“ดะ ได้ครับ”เสียงนายทหารหนุ่มขาดช่วงเพราะสายตาจับจ้องไปยังสะโพกกลมกลึงของพยาบาลสาวที่หันหลังก้มถูพื้นอยู่โดยเจ้าหล่อนหารู้ไม่ แก่นกายกลางตัวบ่งบอกความเป็นชายของชายหนุ่มพองโตขึ้นในยามที่ไร้สิ่งใดปิดกั้นมีเพียงโสร่งผืนเดียวเท่านั้น
“ฉันเอาหมอนมุ้งผ้าห่มมาให้แล้วนะคะ ของฉันมีสองชุดไว้ซักเปลี่ยนแต่ชุดนี้ซักแล้วค่ะไม่ต้องเป็นห่วง”พิมพลอยพูดพลางถูพื้นถอยหลังมาจนก้นงอนงานชนกับหน้าแข้งของชายหนุ่ม ร่างบางสะดุ้งรีบหันกลับแต่หน้าของหญิงสาวดันไปโดนความเป็นชายของหนุ่มที่ยืนชี้โด่อยู่ด้านหลังภายในผ้า หน้าขาวร้อนผ่าวซึ่งตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงเรียบร้อยแล้ว
“ขะ ขอบโทษค่ะ เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอตัวก่อน”พิมพลอยพูดขึ้นโดยเร็วหญิงสาวรีบคว้าถังน้ำก้าวลงบันไดไป ทิ้งนายทหารหนุ่มที่ยืนเสียวซ่านจากการโดนสัมผัสที่ไม่ได้ตั้งใจของหญิงสาว ไฟสวาทติดแล้วยากจะดับนายทหารหนุ่มถอนหายใจนึกอยากดีดเจ้าลูกชายตัวเขื่องที่ตื่นไม่เป็นเวลาจนทำให้เขาอาย
“อ้าว หมอลงมาพอดีอูเลกำลังจะขึ้นไปช่วย”
“เรียบร้อยแล้วจ้ะ ฉันเอาผ้าไปซักก่อนนะ” หญิงสาวพูดพร้อมเดินเลี่ยงไปกรบเกลื่อนความอาย อูเลยิ้มแห้งๆรู้สึกผิดที่ตนมาช้าจนหญิงสาวต้องทำความสะอาดคนเดียว
“ปิ่นโตอยู่นี่นะหมอ อูเลกลับก่อนนะจ๊ะค่ำแล้ววันนี้ลืมเอาไฟฉายมา แฮะ แฮะ”ตาเฒ่าวางปิ่นโตบนแคร่ไม้เอามือลูบหัวแก้เก้อก่อนพาร่างเล็กของตนกลับบ้านในเวลาจวนจะพลบค่ำ
พิมพลอยล้างไม้ล้างมือเสร็จเธอเดินมาที่แคร่จัดสำรับแยกออกเป็นสองชุดก่อนจุดตะเกียงให้แสงสว่างเธออยากเรียกชายหนุ่มลงมาทานด้วยกันแต่อายเกินกว่าจะสู้หน้าเขา
“อ้าว อูเลไปแล้วหรือครับ ได้ยินเสียงแว่วๆ”
“เอาปิ่นโตมาให้เสร็จ ก็กลับไปแล้วค่ะ”พิมพลอยเงยหน้ามองนายทหารหนุ่มที่กำลังลงบันไดมาเธอรีบก้มหน้าหลบตาชายหนุ่มเพราะยังกระดากอาย
“หอม น่ากินจังเลยนะครับ”
“ค่ะ ทานเถอะเดี๋ยวจะเย็นซะก่อน”พิมพลอยยื่นจานข้าวที่แบ่งจากปิ่นโตให้นรินทร์ การทานมื้อเย็นมีแต่ความเงียบเขาปกคลุมหญิงสาวดูเงียบไปถนัดตา เมื่อเขาถามคำหล่อนก็ตอบคำจนนายทหารหนุ่มว้าวุ่นใจกลัวเจ้าหล่อนจะเกลียดเขาเรื่องเมื่อเย็นการกินข้าวเย็นดำเนินไปเงียบๆจนทั้งสองฝ่ายทานเสร็จแล้วแยกย้ายบ้านใครบ้านมัน
ชายหนุ่มเอนกายนอนลงบนเตียงไม้ในบ้านพัก เขาคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเย็น ไฟกามอารมณ์เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้งความเป็นชายคับคั่งพองโตใต้ผ้าที่ปกปิด มือหยาบเลื่อนเกาะกุมลูกชายตัวเขื่องของเขา เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ตอนแก้มนวลมาสัมผัสโดนมันยิ่งแข็งขันมากยิ่งขึ้น เสียงอาบน้ำของหญิงสาวดังแว่วมายิ่งทำให้เขาจินตนาการร่างเปลือยป่าวไร้อาภรณ์ห่อหุ้ม มือใหญ่ทำหน้าที่ปลดปล่อยความคับคั่งเลื่อนขึ้น เลื่อนลง ได้อย่างดี ‘ฮึม...ซี๊ด’เสียงกดต่ำในลำคอบ่งบอกถึงความพึงพอใจแต่ยังไม่ที่สุด เขาไม่เคยเสียการควบคุมจนต้องใช้เจ้าอุ้งมือปลดปล่อยขนาดนี้ ครั้งสุดท้ายรู้สึกจะเป็นช่วงมัธยมเพราะหลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยขาดเมื่อต้องการสาวขึ้นเตียงเลยสักครั้ง
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด”เสียงกรี๊ดร้องแหล่มของหญิงสาวดังขึ้นมาจากห้องน้ำ นายทหารหนุ่มถลันตัวรีบลุกขึ้นลืมอารมณ์ความเสียวซ่านจวนจะถึงสวรรค์ไปจนหมดสิ้น ร่างใหญ่วิ่งลงบันไดมุ่งไปยังห้องน้ำที่เป็นที่มาของเสียงนั้น
ปัง! ประตูห้องน้ำที่เป็นสังกะสีถูกกระชากออกโดยแรง ร่างบางขาวโพลนเปลือยป่าวนั่งคุดคู้กอดเข่าร้องไห้อยู่บนพื้นชื้นแฉะ เมื่อนายทหารหนุ่มเปิดประตูออกร่างบางถลาเข้าซบอกเขา เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น
“มีใครไม่รู้มาแอบดูฉันอาบน้ำ ฉันมองไปเห็นแสงไฟส่องกระทบตามันเป็นสีแดง”พิมพลอยพูดเสียงสั่นพร้อมเบียดตัวเขาใกล้ชายหนุ่มด้วยความกลัวจนลืมความอายว่าร่างกายของเธอโป้เปลือยอยู่ สองเต้าเต่งตึงเบียดชิดกล้ามท้อง หน้าหล่อนซบลงบนอกกว้าง แต่ที่สำคัญคือลูกชายของชายหนุ่มอยู่แนบชิดกับท้องเนียนขาวทำให้งูน้อยเกือบสิ้นลายผงาดกลายเป็นพญามังกรอีกครั้ง พิมพลอยเหมือนจะได้สติขึ้นใช้มือดันอกชายหนุ่มถอยห่างก่อนดึงผ้าขนหนูมาคลุมกาย
คนตัวโตกว่าอุ้มร่างเล็กไว้ในอ้อมแขนโดยมีผ้าขนหนูห่อหุ้มร่างเดินไปยังบ้านพักของหญิงสาว เธอยังคงมีอาการตกใจเหลืออยู่เล็กน้อยแต่ความอายเข้ามาแทรกกลับมากกว่า ดวงหน้าขาวนวลบัดนี้แดงกล่ำเธอก้มหน้าซุกกับอกกว้างเพื่อหลบตาคมของชายหนุ่มที่ทำให้เธอรู้สึกร้อน ร้อนจนแทบละลาย หล่อนช้อนตาขึ้นแอบมองปลายคางเขียวครึมเต็มไปด้วยไรหนวดที่เริ่มจะขึ้น หูที่แนบกับแผงอกได้ยินเสียงหัวใจของนายทหารหนุ่มที่เต้นระรัวไม่แพ้ของเธอ
“คุณรออยู่ที่นี่ก่อนนะ ผมขอลงไปดูข้างล่างนั้นก่อน”
“ค่ะ”พิมพลอยตอบเสียงเบาหลังจากที่นายทหารหนุ่มบรรจงวางหญิงสาวลงบนเตียงของเธอ เขาผละออกมาดูห้องนั้นลงไปด้านล่างทั้งที่ใจไม่อยากปล่อยหญิงสาวให้ห่างกายแต่กลัวตนเองจะห้ามใจไม่ไหวเผลอทำร้ายน้ำใจหญิงสาวซะก่อน ยิ่งกับผู้หญิงที่ไม่ยินยอมมันไม่ใช้ทางของร้อยโทนรินทร์เลย
เขาสาวเท้าถือตะเกียงส่องไฟไปที่ห้องน้ำ พื้นดินยังคงชื้นแฉะจากฝนตกหนักเมื่อวานทำให้เห็นรอยเท้าที่ย่ำอยู่ที่พื้น เขาพอจะแยกออก จากรอยที่ประทับไว้บนโคลน ว่าเท้าเล็กๆนี้เป็นของหญิงสาว ส่วนเท้าที่ใหญ่กว่ามากเป็นของเขาเอง แต่สิ่งที่ชายหนุ่มต้องสงสัยและตกตะลึงคือรอยเท้าที่จมได้ในโคลนหลังห้องน้ำจุดที่หญิงสาวชี้ว่ามีคนแอบมอง มีรอยเท้าไม่ได้ใส่รองเท้าและที่สำคัญรอยเท้านั้นเป็นของผู้ชาย!!!
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นร่างบางที่กำลังเอื้อมมือเกี่ยวตะขอมุ้งสะดุ้งสุดตัว
“ผมเองครับนรินทร์”
“ค่ะ สักครู่นะคะ”หญิงสาวเลื่อนกลอนประตูลงค่อยๆเปิดให้ชายหนุ่ม
“ยังไม่นอนหรอครับ"
“นอนไม่หลับค่ะ เจออะไรบ้างไหมคะ”เธอตอบในแววตามีความวิตกกังวลอยู่
“ไม่ครับ”ชายหนุ่มปด
“ฉันคงตาฝาดไป” หล่อนปลอบตนเองพร้อมถอนหายใจอย่างโล่งอก
กระท่อมหลังหนึ่งปลูกห่างจากหมู่บ้านเกือบถึงแนวชายป่าในนั้นเป็นที่อาศัยของหญิงสาววัยสามสิบ รูปร่างเต่งตึงอวบอัดหล่อนเคยมีสามีมาก่อนแล้ว แต่สามีเข้าไปหาของป่าโดนช้างป่าเหยียบตาย จึงทำให้หล่อนเป็นม่าย คนในหมู่บ้านจึงขับไล่ให้มาอยู่ห่างไกลด้วยคำกล่าวหาว่าเป็นผู้หญิงกินผัวหญิงกาลกิณี หญิงม่ายจึงใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังในกระท่อมเล็กๆมุงด้วยแฝกตัวเรือนปลูกยกสูงขึ้นกว่าพื้นเพียงนิดเดียว
“ทำไมวันนี้หมอกลงหนาจัง”หญิงม่ายเงยหน้ามองฟ้า
หมอกวันนี้ลงหนาจัดกว่าทุกวันที่ผ่านมาจนเธอต้องลามือจากการเช็ดจานในครัวที่ยื่นออกมานอกตัวบ้านลง หล่อนลุกขึ้นเก็บจานเข้าที่เขี่ยไฟในเตาออกจากกันปกป้องกันไฟไหม้เมื่อเธอหลับ ดึงผ้าถุงม้วนกระโจมเหน็บอกรัดเต้าทั้งสองกันการเลื่อนหลุด รีบมุดเข้ามุ้งนอน ร่างอวบอัดของหล่อนร้อนรุ่มกระสับกระส่าย แม้อากาศข้างนอกจะหนาวเย็นเพียงใดแต่ร่างกายกับร้อนเร่าดังไฟสวาทสุมทรวง กลิ่นหอมเอียนๆเลี่ยนๆลอยมาตามลมทำให้หนังตาหนักแทบจะลืมไม่ขึ้น แต่ไฟราคะกลับโหมลุกโชนเธอกระสันเสียวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนจะว่าห่างเรื่องอย่างว่ามานานก็คงไม่ใช่ เพราะวันนี้อารมณ์ร้อนแรงต้องการ การเติมเต็มมากกว่าทุกครา แม้แต่นิ้วน้อยๆที่เคยเต็มได้ทุกครั้งก็ไม่อาจสงบอารมณ์สวาทลงได้
“อือ....ฮือ....โอว์”เสียงคางกระเส่าร่างกายบิดเร้าเมื่อโดนจู่โจม มือปริศนาลากเลื่อยภายใต้ผ้าถุงก่อนปลดออกเผยให้เห็นเต้าขาวใหญ่อวบอิ่มมียอดอกสีชมพูเข้ม มือหนาขยำกำอย่างรุนแรงลิ้นเย็นเลียวนรอบฐานและดูดกลืนยอดอกอย่างหื่นกระหาย จนร่างของม่ายสาวแอ่นตามมือเพราะความเจ็บปนเสียว หนังตาหนักพยายามลืมขึ้นมองแต่ไม่เป็นผลตาพร่ามัวไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเป็นใคร แต่รสสวาทที่มอบให้กับถึงใจซาบซ่านดีเหลือเกิน
“อ๊ะ...อ๊ะ....โอว์”มือหนาเกาะกุมเนินนูน ก่อนล้วงผ่านกลีบใหญ่อย่างร้อนรน หล่อนเสียวจนต้องสูดปากร่องน้ำที่ไม่ได้ใช้งานมานานกลับถูกเติมเต็มป้อนความเสียวกระสันจนสายธารหลั่งริน มือเรียวคว้าควานหาของพึงใจนิ้วเรียวจับได้เอ็นปูดโปนอันใหญ่ หัวบานดังดอกเห็ดแม้ในความมืดเพียงแค่สัมผัสยังจินตนาการถึงความเสียวเมื่อโดนสอดใส่ได้
“เร็วๆหน่อยไม่ไหวแล้ว ใจจะขาด” เสียงเล็กเร่งเร้า อารมณ์เจ้าหล่อนร้อนดั่งไฟเธอดึงความเป็นชายสอดแทรกผ่านกลีบบาง แค่ส่วนของดอกเห็ดที่แทงเข้าครูดพนังแคบเสียวจนร้องเสียงหลง ร่างอวบอ้าขาขยายกว้างเพื่อจะได้ลองลิ้มชิมโคนเห็ดทั้งลำ คนบนร่างหล่อนขยับร่างออกก่อนจะกระหน่ำสวนกลับเข้าไปโดยแรงจนมิด
“โอว์...โอว์...ซี๊ด...แหกๆ”หล่อนร้องครวญครางร่างเล็กกว่ายกเอวสวนชนิดไม่ยอมแพ้ การกระหน่ำเข้ามาเติมเต็มแต่ละทีทำให้หล่อนเสียวถึงท้องน้อย แท่งยาวสาวเร่งจังหวะขึ้นจากสายธาราไหลเล็กๆบัดนี้เหมือนน้ำป่าพัดโหมหลั่งไหล ร่างหล่อนกระตุกตอดรัดราวกับว่ากลัวมันจะหายไปเมื่อเอ็นใหญ่สาวออกจากร่างแต่ละทีเหมือนถูกดูดวิญญาณออกไปด้วย เสียงหายใจหอบหนักหัวใจเต้นรัว ราวกับจะขาดใจ...
“ฝันดีนะครับ”นายทหารหนุ่มดึงผ้าห่มคลุมให้คนร่างเล็กที่หลับอยู่บนเตียง นรินทร์พูดก่อนล้มตัวลงนอนที่พื้นด้านล่างของเตียงหญิงสาว หนุนแขนตนเองต่างหมอน เขาไม่อยากปล่อยพิมพลอยไว้คนเดียวเพราะเธอดูเสียขวัญตื่นกลัว กว่าจะหลับได้เขาต้องคุยเป็นเพื่อนหล่อนเสียนาน โดยเธอเหมือนเป็นผู้ฟังที่ดีมากกว่า จะถามเมื่อสงสัยหรือสนใจเท่านั้น เขาเลยเผลอเล่าเรื่องสมัยเป็นนักเรียนนายร้อยให้เธอฟังเสียเกือบหมดยกเว้นเรื่องหัวใจ
เสียงไก่รับอรุณในยามเช้าบ่งบอกเวลาเช้าตู่ แพขนตาหนากระพริบขึ้นพยายามฝืนร่างกายที่ต้องการคดกายอยู่ภายใต้ความอบอุ่นในผ้าห่ม เมื่อคืนเธอรู้สึกว่าหลับเป็นตายหลังจากที่เมื่อวานก่อนไม่ได้นอนเลย แขนเล็กยันกายลุกขึ้นเปิดมุ้งออกเพื่อทำกิจวัตรประจำวันทุกวันแต่!!!
“โอ๊ย!!!”เสียงทุ่มร้องขึ้นเมื่อเท้าเล็กที่รับน้ำหนักหญิงสาวเหยียบเข้าที่ต้นขาของนายทหารหนุ่ม
“ว๊าย!!!ตายจริงฉันไม่ทราบว่าคุณนอนอยู่ตรงนี้”
“ไม่เป็นไรครับผมผิดเอง”
“ขอโทษนะคะเป็นอะไรมากหรือป่าวคะ”พิมพลอยไม่พูดอย่างเดียวแต่หญิงสาวเอามือเปิดโสร่งขึ้นเพื่อดูต้นขาชายหนุ่มตามสัญชาตญาณของพยาบาลโดยไม่คิดอะไร แต่คนที่คิดนอนข่มใจกัดฟันอยู่เมื่อมือเล็กลูบวนตรงรอยแดงบนต้นขา
“ฮึม..ซี๊ด...”เสียงครางแผ่วลอดไรฟัน
“เจ็บหรอคะ” ‘ยัง ยังไม่รู้อีก’ ชายหนุ่มคิดในใจเพราะแทนที่เธอจะหยุดกับสัมผัสอย่างแผ่วเบากลัวชายหนุ่มจะเจ็บ อารมณ์เร่าร้อนบวกธรรมชาติของบุรุษเพศในยามเช้าที่จะแข่งขันชูชันทำให้นายทหารหนุ่มเบี่ยงกายหลบยันตัวลุกขึ้นเปิดประตูเพื่อหนีสถานการอันตรายชวนเพลี่ยงพล้ำ
ร่างของสาววัยรุ่นอายุประมาณสิบหกสิบเจ็ดปี เดินถือปิ่นโตมาที่บ้านพักของพิมพลอย มะเมียะเด็กสาวเมียของคะฉิ่นอยากอวดฝีมือที่หล่อนทำกับข้าวแบบคนเมืองมาให้พิมพลอยได้ชิมจึงอาสามาเอง
“ปัดโธ ธรรมโม สังโค”มะเมียอุทาน เมื่อเห็นร่างกายสูงใหญ่เปิดประตูออกมา พร้อมตามหลังด้วยพิมพลอย ร่างสูงเผยให้เห็นแผงอกกว้างบึกบึนด้านล่างนุ่งเพียงโสร่งไว้แต่ที่ทำให้มะเมียะตาโตคือแก่นกายของชายหนุ่มพองโตตุงทิ่มโสร่ง ‘ของคนหรือของม้า’แม้สาวน้อยจะเคยผ่านมือชายมาแล้วก็อดเสียวไส้แทนไม่ได้ เพราะขนาดอันใหญ่โต
“เอ่อ...หมอพิม ฉันเอาปิ่นโตมาให้จ้ะ”มะเมียะกล่าวเสียงเบา
“รอแปบนะมะเมียะฉันขอล้างหน้าก่อน” พิมพลอยหน้าแดงเดินหนีสถานการณ์ชวนให้เข้าใจผิดไปทิ้งนายทหารหนุ่มยืนเก้ๆกังๆอยู่
“นายรูปหล่อเป็นผัวหมอพิมหรือจ๊ะ”มะเมียะถามพาซื่อ แต่คนฟังแทบสะดุดล้ม
“ปะ..ปะ..เปล่าครับไม่ใช่"
“งันคงเป็นนายทหารที่พาคนเจ็บมาเมื่อวานใช่ไหมจ้ะ เห็นพ่อบอก”
“ครับ” นรินทร์หลบตาสายน้อยที่จองจับผิดเดินขึ้นบนบ้านพักของเขา
พิมพลอยกับนรินทร์แต่งตัวเรียบร้อยลงมานั่งที่แคร่โดยมีมะเมียะนั่งยิ้มกว้างอยู่ใกล้ๆ สาวน้อยจัดแจงจัดสำหรับนำอาหารปิ่นโตเทใส่จาน วันนี้เด็กสาวโชว์ฝีมือทำอาหารคนกรุงอย่างพะแนงหมูกับผัดผัก มาให้พิมพลอยได้ลองชิม
“อร่อยไหมจ๊ะหมอ”
“อร่อยจ้ะ“
"กินเยอะๆนะจ๊ะนายทหารด้วยนะจ๊ะได้มีแรง”มะเมียะยิ้มกรุมกริบแต่ชายหนุ่มเกือบสำลึกข้าว
“พ่อบอกว่าจะให้นายทหารไปช่วยดูถนนที่ขาดจ้ะ”
“อ่อ ได้สิผมว่าจะปรึกษาเรื่องนี้กับอูเลพอดี”
พิมพลอยพลิกดูนาฬิกาข้อมือเป็นเวลาบ่ายสามกว่าหญิงสาวเก็บอุปกรณ์ตรวจและยาต่างๆลงกระเป๋า วันนี้มีคนไข้มาตรวจเพียงสองสามคนส่วนใหญ่เป็นไข้หวัด เพราะอากาศเปลี่ยนช่วงนี้เดี๋ยวฝนเดี๋ยวหนาว เด็กกับคนแก่ที่ภูมิต้านทานต่ำจึงป่วยได้ง่าย
“หายไปไหนกันหมดนะ”พิมพลอยเอ่ยขึ้นเพราะตั้งแต่เที่ยงที่มะเมียะแวะเอากับข้าวมาให้ที่อนามัยอีกรอบเธอไม่เห็นใครอีกเลยรวมทั้งนายทหารหนุ่มที่หายหน้าไปตั้งแต่เช้า เธอจึงคิดว่าจะไปดูสักหน่อยเผื่อใครมีอะไรให้เธอพอช่วยเหลือได้