กว่าปานยิหวาจะพาหนูปลากลับมาถึงวังก็เย็นมาก เพราะหลังจาก 'แขกพิเศษ' ของร้านตัดเสื้ออรจิรากลับ หล่อนก็อยู่พูดคุยกับอรจิราต่อเพราะทั้งสองไม่ได้เจอหน้ากันเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว กว่าปานยิหวาจะรู้ตัวก็เย็นมาก
หญิงสาวกำลังจูงมือหนูปลาขึ้นบันไปยังชั้นสองของตึก เพื่อพาหลานสาวขึ้นไปอาบน้ำและจะได้ลงมาทานข้าวเย็น ขณะนั้นก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่เพียงเดือนกำลังเดินลงจากบันไดมาด้วยท่าทางสง่างาม ในชุดราตรีกระโปรงฟูฟ่องสีโอลด์โรส เพียงเห็นปานยิหวาและหนูปลา อีกฝ่ายก็มองหล่อนอย่างหยัน ๆ ขึ้นมาทันที
ปานยิหวาจึงดึงแขนหนูปลาไว้ ไม่ให้ก้าวขึ้นบันไดต่อ เพราะเห็นมาดราวนางพญาของเพียงเดือนแล้วก็ทำให้นึกถึงคำพูดของอรจิราขึ้นมาว่า
'คุณระตีและลูกสาวคนเล็กจะชอบไปปรากฏตัวตามสมาคมหรืองานเลี้ยงหรูหราต่าง ๆ เพราะคุณระตีต้องการให้คุณเดือนได้แต่งงานกับผู้ชายที่หากไม่สมกันด้วยชาติตระกูลก็ขอให้ฐานะจัดอยู่ในระดับเศรษฐีก็พอ'
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เนื่องจากว่า เพียงเดือน ไม่ได้ทำงานอะไร เนื่องจากตัวเพียงเดือนไม่สู้จะรักเรียนเท่าไหร่จึงทำให้เรียนในระดับมหาวิทยาลัยไม่จบ ผู้เป็นแม่มองอนาคตลูกสาวคนนี้แล้วว่า ภายภาคหน้าคงเอาตัวไม่รอดในแน่ ๆ จึงแก้ปัญหาโดยการจับให้บุตรสาวคนเล็กแต่งตัวสวยงาม และคอยตระเวนไปตามงานเลี้ยงของคนชั้นสูงต่าง ๆ เพื่อดูตัวผู้ชาย และให้ผู้ชายดูตัวไปในตัวนั่นเอง
"มองอะไรมิทราบ!"
เสียงถามห้วน ๆ ขณะที่เพียงเดือนก้าวมายืนตรงหน้าปานยิหวา ทำให้คนที่กำลังนึกถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวันอย่างเพลิดเพลินได้รู้สึกตัวขึ้น
ปานยิหวาจึงกลั้นรอยยิ้มขันเอาไว้เสีย หญิงสาวตรงหน้า มักจะชอบแต่งตัวและกรีดกรายไปตามงานเลี้ยงหรูหราต่าง ๆ ด้วยสาเหตุใด
และนี่ก็คงกำลังเตรียมตัวจะไปงานเลี้ยงหนึ่งในค่ำคืนนี้อย่างแน่นอน
"ฉันถามหล่อนว่า หล่อนมองอะไร" เพียงเดือนถามย้ำอีกครั้ง จ้องปานยิหวาด้วยสายตาหมิ่น ๆ
จนปานยิหวาต้องรีบอธิบายด้วยอาการยิ้มในหน้าไปด้วย
"มองคุณค่ะ คุณสวยมาก ชุดก็สวยด้วย" หล่อนเอ่ยอย่างไม่รู้ว่าจะเอ่ยอะไรที่ีดีไปกว่านี้ได้ แม้อีกฝ่ายจะดูตลกในสายตาหล่อนมากกว่าจะมองว่าสวยงามอย่างที่ปากพูดออกไปก็ตาม
และดูเหมือนคำพูดนี้จะให้ผลที่ดีกลับมาด้วย เพียงเดือนจึงเผลอยิ้มกว้างออกมา พร้อมยืดตัวขึ้น และหมุนตัวไปมาให้ปานยิหวาได้ดูชุดกระโปรงฟูฟ่องของตนตามอีก
"ก็แน่ล่ะ ชุดนี้ได้รับการตัดเย็บมาอย่างดีจากร้านที่หรูที่สุดของย่านราชวัตร บอกไปหล่อนก็ไม่รู้จักร้านนี้หรอก"
ปานยิหวาแทบจะหลุดหัวเราะคิกขึ้น กับร้านตัดเสื้อผ้าชื่อดังแถวราชวัตรที่อีกฝ่ายเอ่ยอ้างถึง หล่อนใช้มือข้างหนึ่งมาแตะริมฝีปากที่พยายามกลั้นรอยยิ้มเอาไว้อย่างที่สุด ทว่า ...
"นั่นหล่อนกำลังหัวเราะเยาะใครอยู่!"
ขณะที่กำลังอยู่ในภวังค์แห่งความขบขัน เสียงตวาดที่ดังมาจากด้านบน ทำให้ปานยิหวาตกใจและเงยหน้าขึ้น เห็นระตีในชุดราตรีคล้ายลูกสาวคนเล็ก แต่ได้มีถุงมือสีขาวยาวยาวถึงข้อฉอกด้วยทั้งสองข้าง ตอนนี้ระตีกำลังลงจากบันไดมาอย่างเร็วพร้อมด้วยดวงตาที่วาวโรจน์ คล้ายมองปานยิหวาอย่างต้องการกับจะกินเลือดและเนื้อขึ้นมา
"คุณแม่ขา..." เพียงเดือนหันไปมองมารดาที่ทำท่าทางมองปานยิหวาอย่างไม่พอใจที่สุด พร้อมกับตวัดมือทาบอกไปด้วย ก่อนจะถามมารดาที่ลงบันไดมาอย่างเร็วว่า "จะพูดเสียงดังทำไมคะ"
ระตีสะบัดใบหน้ากลับมามองลูกสาวคนเล็ก ด้วยความไม่ได้ดั่งใจ ก่อนจะออกคำสั่งว่า "ไปรอแม่ที่รถ!"
"ทำไมล่ะคะ เดือนกำลังให้ยิหวาดูชุดสวย ๆ อยู่" พลางทำท่าจะหมุนเนื้อตัวอีก
ระตีจึงรีบถลึงตาใส่พร้อมเอ็ดด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม "แม่บอกให้ไปรอแม่ที่รถ!"
ยังอยากเป็นตัวตลกในสายตาของมันอีก!
"ค่ะ คุณแม่" เพียงรับคำอย่างเซ็ง ๆ แล้วรีบเดินตรงไปรอมารดาที่รถทันที
ดังนั้น ตอนนี้ที่นี่เหลือปานยิหวาและหนูปลา แต่หลานสาวตัวน้อยคงไม่รู้ว่ากำลังจะเกิดเรื่องขึ้นกับคุณอาสาว ตอนนี้ปานยิหวายืนตัวแข็งทื่อ เมื่อสายตาระตีเต็มไปด้วยโกรธเคืองในตัวหล่อนอย่างชัดเจนทีเดียว
"ฉันถามว่าหล่อนว่า เมื่อกี้กำลังหัวเราะเยาะใครอยู่" ระตีเค้นถามแทบจะกลายเป็นกัดฟันทวนคำถามอีกรอบทีเดียว
ปานยิหวาเลิกลั่ก เริ่มหวาดหวั่นต่อสตรีตรงหน้า "เอ่อ มองว่าคุณเดือนเธอแต่งตัวสวยดีค่ะ ถึงยิ้ม ไม่ได้หัวเราะเยาะ"
ระตีหรี่ดวงตาลงเล็กน้อย ขยับมาใกล้หญิงสาวคนนี้ ลดสายตามองแม่หลานสาวตัวน้อยนั้นเพียงเล็กน้อย ก่อนจะลากสายตาขึ้นมองใบหน้าหวานของอีกฝ่าย จนปานยิหวาหวาดกลัวขึ้นมาอีก
"ฉันว่า สายตาหล่อนตอนมองยัยเดือนไม่ใช่แบบนั้น และรอยยิ้มขำบนใบหน้านั่นอีก อย่าคิดว่าฉันไม่เห็น! ฉันถามหล่อนอีกครั้ง หล่อนยิ้มเยาะยัยเดือนทำไม!!"
ปานยิหวาลอบกลืนน้ำลายลงคอ อีกฝ่ายไม่ยอมเลิกราแน่ ๆ หากไม่ได้ยินคำพูดที่ดีกว่าเมื่อครู่ โธ่! หล่อนก็แค่เผลอนึกถึงคำพูดของอรจิราแล้วก็อดขันไม่ได้ แต่ไม่คิดจะมีสายตาที่เฉียบขาดของคุณระตีคอยสังเกตการณ์อยู่ด้านบนตึกไปด้วยนี่นา
ในเมื่อตกอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก และดูน่ากลัวมากเช่นนี้ ปานยิหวาคิดว่า การกล่าวขอโทษอย่างจริงจังต่อสตรีตรงหน้า น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ที่หล่อนได้เผลอไผลแสดงกิริยาเช่นนั้นออกมา
"ฉันขอโทษค่ะ ถ้าหากทำให้คุณไม่สบายใจ" หล่อนยกมือไหว้อีกฝ่ายด้วยความจริงใจ
แต่ก็ทำให้ระตีพอใจได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น อีกฝ่ายยังยื่นหน้ามาย้ำคำพูดข้างหูหล่อนด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบดูเด็ดขาดตามมาอีกว่า
"จงจำใส่ ..."
'สมอง'
เกือบจะใช้คำนี้ ระตีจึงลดถ้อยคำลงแค่ "...ใส่ใจของหล่อนให้ดี ยัยเดือนลูกสาวของฉันไม่ใช่ตัวตลกในสายตาใคร อย่าให้ฉันเห็นหล่อนทำกิริยาต่ำ ๆ เช่นนี้กับลูกสาวของฉันอีกเป็นครั้งที่สอง ... เพราะถ้ามีครั้งต่อไป ฉันสามารถทำให้หล่อนเจ็บร้าวไปถึงกระดูกได้เลยทีเดียว จำเอาไว้!!"
เอ่ยจบแล้ว จากนั้นก็เดินผ่านปานยิหวาไปในแบบที่จงใจเบียดให้ร่างบอบบางของหญิงสาวแทบตกบันไดไป ดีที่มือข้างที่ไม่ได้จับจูงหนูปลาสามารถยึดกับราวบันไดได้ทัน
พอสอบถามคร่าว ๆ ปานยิหวาจึงเปิดประตูเดินกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง ก่อนจะเดินตรงกลับมายังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ตรงหน้าต่างห้องนอนที่พอจะทำให้เห็นหลังคาของเรือนขนมปังขิงอยู่ ซึ่งหล่อนก็รู้สึกชอบพอเรือนหลังนั้นมาก แต่ยามได้รู้ว่ามีกลิ่นอายที่เป็นเรื่องไม่น่าจะดีสักเท่าไหร่ซ่อนอยู่ หญิงสาวก็มีความรวนเรขึ้นมาทันทีว่า จริง ๆ แล้วมันจะน่าอยู่หรือไม่ และ...ทำไม วังนี้ ช่างเต็มไปด้วยเรื่องน่าสงสัยเสียจริง
.
ดึกแล้ว...ร่างสูงของใครคนหนึ่งได้เดินลัดเลาะไปตามทางเดินที่เชื่อมระหว่างตึกใหญ่ไปสู่เรือนไม้กลุ่มหนึ่งที่อยู่ทางด้านหลังของวังเหมวัฒน์อันเป็นเรือนพำนักของเหล่าบริวารของที่นี่นั่นเอง
เนียมยังไม่หลับ ยังคงเดินดูความเรียบร้อยของวังก่อนจะเข้านอนเป็นคนสุดท้าย ขณะที่ถือไฟฉายส่องไปตามที่มืดเพื่อตรวจหาสิ่งผิดปกติอยู่ ตนรู้สึกว่าได้มีเงาสูงใหญ่ของใครบางคนเดินผ่านเดินผ่านพุ่มไม้กำลังพุ่งตรงมาทางนี้ คนขับรถประจำที่นี่จึงตวัดกระบอกไฟฉายสาดแสงใส่ร่างนั้น พร้อมร้องถามออกไปพร้อม ๆ กัน
"นั่นใคร!"
ยามแสงไฟฉายสาดส่องกระทบเข้าที่ร่างสูงเนียมจึงได้รู้ว่าเป็น...
"คุณช้าง"
ใบหน้าหม่อมหลวงหนุ่มนั้นดูแดงระเรื่อผิดปกติของเขา เนียมเลยลดกระบอกไฟฉายในมือลง พลางถามว่า
"คุณช้างดื่มมาด้วยหรือครับ" ที่ถามเพราะเจ้านายของตนคนนี้ ไม่ได้มีลักษณะนิสัยเจ้าสำราญเหมือนอย่างคนหนุ่มในวัยเดียวกันเลย ปกติเขาจะไม่ดื่ม เนื่องจากจะมีวาระพิเศษสักครั้งหนึ่งเท่านั้น
คชาธาร ล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทางสบาย ๆ ก่อนจะตอบ "นิดหน่อยพอดีเจอเพื่อนนักเรียนนอกเหมือนกัน" ตอบแล้วจึงรีบถามกลับเรื่องที่ทำให้ตัวเขาต้องเดินตามหาน้อม "...ว่าแต่วันนี้ที่ให้ขับรถพายิหวาและหนูปลาไปข้างนอก ยิหวาให้พาไปที่ไหนบ้าง"
เนียมจึงรายงานทุกอย่างให้หม่อมหลวงหนุ่มทราบ นับตั้งแต่ขับรถออกจากวัง ก่อนจะอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า
"ที่แรก คุณหวาไม่ยอมให้ผมขับรถเข้าไปส่ง ส่วนอีกที่เป็นร้านตัดเสื้อร้านหนึ่งแถวราชวัตรครับ คุณหวาเธอคงไปตัดเสื้อ ว่าแต่คุณช้างถามทำไมหรือครับ"
คชาธารพยักหน้ารับทราบ แล้วปฏิเสธ "ไม่มีอะไรหรอก เอาล่ะผมจะกลับขึ้นบนตึกแล้ว"
"ครับ" เนียมรับคำก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินตรงไปสำรวจความเรียบร้อยในส่วนอื่น ๆ ต่อไป ปล่อยให้หม่อมหลวงหนุ่มได้ยืนครุ่นคิดอะไรเพียงลำพัง
คชาธารมีความสนใจทีเดียวว่าวันนี้หล่อนได้ไปไหน และพบป่ะกับใครมาบ้าง เพราะอภินันท์เคยบอกว่า หล่อนเป็นเพียงลูกชาวไร่ ชาวสวนธรรมดา ๆ แต่สำหรับเขาคิดว่า คงไม่น่าธรรมดาหรอก เพราะเขายังจดจำวันที่พบกับหล่อนเป็นครั้งแรกนั้นได้
ด้วยเสียงฮัมเพลง
'แคนต์เฮลพ์ฟอลลิงอินเลิฟ' (Can't Help Falling in Love)
นั้นยังชัดเจนอยู่ในใจเขา หม่อมหลวงหนุ่มเลยตั้งข้อสังเกตว่า...คงยากที่จะหาชาวไร่ชาวสวนที่จะรู้จักเพลงสากลดังระดับนี้ได้