พอปานยิหวาจูงมือหนูปลาเดินลับขึ้นไปบนตึกแล้ว ร่างสูงของคชาธารก็ปรากฎตัวขึ้น เขาทำท่าจะเดินผ่านคนทั้งสามไปโดยไม่มีการทักทายใด ๆ ทั้งสิ้น กระทั่งระตีเป็นผู้ส่งเสียงเรียกนั่นเอง ทำให้ชายหนุ่มหยุดเท้าเอาไว้
"เดี๋ยวก่อน...ช้าง"
ชายหนุ่มจึงหันกลับมาถามเสียงขรึม ๆ "มีอะไรหรือครับ" แสดงความไม่แยแสต่อสตรีหนึ่งคนที่ได้ทอดสายตาเป็นประกายยามมองตนอยู่
"หญิงก้อย รอช้างอยู่นะ นี่ก็มารอตั้งแต่เช้าแล้ว"
คชาธารหันไปมองหญิงสาวบ้าง จึงเห็นถึงรอยยิ้มบนใบหน้างาม ทว่า รอยยิ้มนี้ก็ได้จืดเจื่อนลง เมื่อเขาได้แสดงความเมินเฉยเย็นชา ด้วยการถามกลับเพียงสั้น ๆ
"ครับ...แล้วมีอะไร"
ระตีนึกเข่นเขี้ยวชายหนุ่มตรงหน้า นี่หากว่าตะวัน
ลูกชายคนเดียวของตนยังมีชีวิตอยู่ จะไม่มีทางจับหญิงก้อยใส่พานทองแล้วประเคนให้ถึงปากอย่างนี้หรอก
แต่เพราะไม่มีบุตรชายที่จะให้เกี่ยวข้องกับคนในราชสกุลของคุณหญิงผู้นี้ คชาธารจึงเป็นเพียงตัวเลือกเดียวของตนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้น่ะสิ!
"ก็...หญิงก้อยมีของจากท่านหญิงป้าฝากมาให้แน่ะ"
ระตีพยายามแก้ไขสถานการณ์ แล้วจึงแตะข้อฉอกของหม่อมราชวงศ์สาวให้รู้สึกตัวจากความเสียใจที่เห็นหม่อมหลวงหนุ่มผู้นี้ได้หยิบยื่นให้ ครั้นรู้สึกตัวดีแล้ว หม่อมราชวงศ์หญิงจึงรีบส่งสายตาไปหาเพียงเดือนเพื่อให้เป็นคนไปหยิบเอาของฝากนั้นมา
"อ้อ! เดือนช่วยไปเปิดกระเป๋าเราแล้วหยิบ โปสกร์าดนั้นมาให้หญิงหน่อยซิ"
เพียงเดือนรีบพยักหน้า ก่อนจะหันกลับไปทำตามคำสั่งนั้นของราชนิกุลสาวอย่างไม่มีตกหล่นแม้แต่น้อย
ซึ่งภาพเช่นนี้ของเพียงเดือนและหม่อมราชวงศ์หญิงผู้นี้ บางทีก็ทำให้ระตีก็รู้สึกสมเพชลูกสาวคนเล็กของตนอยู่ไม่น้อย ที่เพียงเดือนต้องคอยทำตัวเป็นข้ารองบ่อนให้กับหม่อมราชวงศ์หญิงคนนี้ แต่แม้จะรู้สึกสมเพชแค่ไหน เพียงเพราะความอยู่รอดของตนและลูกสาวในภายภาคหน้า ตนก็ต้องทนเห็นไปก่อน
เพียงเดือนกลับไปหยิบโปสการ์ดใบหนึ่งจากกระเป๋าของหม่อมราชวงศ์หญิงได้แล้วจึงรีบมายื่นให้ หม่อมราชวงศ์โชติการับโปสการ์ดใบนั้นมา ก็รีบยืี่นให้คชาธารดู พลางอธิบายไปอีก
"นี่ค่ะ อาทิตย์ที่แล้วท่านพ่อเด็จไปสวิสฯ จึงได้แวะไปเยี่ยมท่านหญิงป้าด้วย ท่านหญิงป้าจึงฝากโปสการ์ดนี่มาให้พี่ช้างด้วยค่ะ"
ลายหัตถ์ที่ประดับอยู่บนโปสการ์ดใบนี้ เป็นของท่านหญิงป้าจริงอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะคชาธารจดจำลายหัตถ์ของท่านได้ดี มือหนาจึงยื่นไปหมายจะหยิบโปสการ์ดใบนี้มาถือ ทว่า ราชนิกุลสาวกลับดึงหนีเสียนี่ พลางตวัดมันขึ้นมาพัดที่ใบหน้าเบา ๆ แล้วก็เอ่ยอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมนิด ๆ อีกว่า
"หญิงรู้สึกร้อนค่ะ พี่ช้างช่วยพาหญิงเดินเล่นรับลมรอบ ๆ วังหน่อยเถอะค่ะ" แล้วจึงส่งสายตาไปหาระตีที่ยิ้มกริ่มขึ้นอย่างเห็นด้วย
"ใช่ ๆ ช้างก็พาหญิงก้อยเดินเล่นรับลมเย็น ๆ หน่อยเถอะนะ ดูซิ หญิงก้อยเธออุตส่าห์เทียวมาหาช้างตั้งแต่เมื่อวาน แถมก็รอทั้งวัน และวันนี้ก็มารอช้างตั้งแต่เช้าอีกต่างหาก"
เพียงแค่อยากจะเอาโปสการ์ดมาให้กับมือเท่านี้นะครับ...
หากไม่นึกถึงเรืี่องมารยาท เขาคงถามกลับไปอย่างนี้แล้วล่ะ
"ไปคะสิพี่ช้าง รู้มั้ยเพราะโปสการ์ดใบนี้หญิงก้อยได้เทียวมาให้ตั้งสองวันแล้วนะคะ" ความพยายามที่จะจับคู่คชาธารกับคุณหญิงโชติกา ทำให้เพียงเดือนช่วยคะยั้นคะยออีกเสียง
"ก็ ฝากใครที่วังนี้ก็ได้ ทำไมต้องเทียวไปมาล่ะ" ความอดรนทนไม่ได้ ทำให้หม่อมหลวงหนุ่มพลั้งปากว่าออกไปจนได้
ใบหน้าสวยของราชนิกูลสาวสลดลง ระตีเองก็รีบช่วยแก้สถานการณ์อีก "ก็หญิงก้อยอยากให้กับมือเธอน่ะสิ ใช้มั้ยหญิงก้อย"
"หรือพี่ช้างจะไม่อยากได้ ก็ดีค่ะ หญิงจะได้นำกลับวังไปพร้อมกับหญิงเสียเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!"คุณหญิงโชติกากระแทกเสียงกลับอย่างผิดหวัง พลางจะหันหลังหนีจากไปจริง
หม่อมหลวงจึงถอนหายใจ สุดท้ายก็ตอบตกลงไปอย่างจำนน ที่ยอมเพราะเขาก็อยากจะได้โปสการ์ดของท่านหญิงป้าเร็ว ๆ "ก็ได้ ๆ"
แล้วสตรีทั้งสามจึงลอบยิ้มกริ่มพร้อมส่งสายตาอย่างสมใจให้กันและกัน
.
"ทำไมพี่ช้างถึงไม่พาหญิงก้อยไปเที่ยวบ้านสวนของคุณตาและคุณยายของพี่ช้างบ้างล่ะคะ"
หม่อมราชวงศ์หญิงโชติกาถามขึ้น ขณะเดินอยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่ม
"หญิงก้อยไม่ชอบความลำบาก ครั้งที่แล้วพี่จำได้ว่า หญิงก้อยรบเร้าตามพี่ไปที่ไซต์งานดูงานก่อสร้างตึกเท่านั้น หญิงก้อยกลับไปที่วังก็บ่นว่าร้อน และเหนื่อยให้ท่านพ่อของหญิงฟัง จนสุดท้ายท่านพ่อของหญิงก้อยได้โทรไปหาพี่ที่บริษัทเพื่อบอกว่าคราวหลังห้ามพาหญิงก้อยไปลำบากเช่นนั้นอีก จำไม่ได้หรือ" คชาธารย้อนความจำครั้งที่แล้วให้ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ครั้นหม่อมราชวงศ์สาวผู้นี้ได้ฟังก็ถึงกลับพูดไม่ออก
"โธ่ ก็ครั้งนั้น..." คุณหญิงโชติกาอ้ำอึ้งก่อนจะแก้ตัวอย่างขอไปทีว่า "ก็...ครั้งนั้น มันไม่เหมือนกันนิคะ ไซต์งานของพี่ช้างอยู่ตั้งไกล ทั้งร้อนและแล้ง แต่ครั้งนี้ เป็นสวนผลไม้อยู่ใกล้แค่เมืองนนท์เอง คงมีแต่ต้นไม้ใบหญ้า ไม่ร้อน ไม่แล้งแน่ ๆ และที่สำคัญ หญิงอยากจะไปกราบคุณตาคุณยายของพี่ช้างจริง ๆ สักครั้ง" คุณหญิงโชติกาเข้าใจพูด หล่อนรู้ดีว่าหม่อมหลวงหนุ่มผู้นี้รักและเคารพคุณตาคุณยายของเขาแค่ไหน
คชาธารลอบถอนหายใจเหนื่อยหน่าย ไม่ตอบรับ สายตาเอาแต่จดจ้องโปสการ์ดที่คุณหญิงผู้นี้ถือเอาไว้ในมือ เมื่อไหร่หล่อนจะยื่นให้เขาเสียที ระหว่างนั้นเขาได้พาคุณหญิงโชติกาเดินมาหยุดตรงหน้าต่างห้องนอนของปานยิหวาและหลานสาวอย่างไม่รู้ตัวพอดี
"อ้อ ตอนนี้หญิงทราบมาว่า บริษัทของพี่ช้างกำลังยื่นซองเพื่อประมูลการก่อสร้างตึกอาคารของมหาวิทยาลัยอยู่ ท่านพ่อของหญิงท่านก็พอจะช่วยได้นะคะ เพราะท่านรู้จักผู้ใหญ่ในกระทรวงเยอะแยะเชียว บางคน...ท่านพ่อก็เคยช่วยเหลือมาก่อน"
คุณหญิงโชติกาเปลี่ยนเรื่องเพื่อหวังจะเอาใจเขาบ้าง ทว่าทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของคชาธารกลับเคร่งขรึมขึ้นกว่าเดิม เขาแกะมือหล่อนที่เกาะตรงต้นแขนข้างหนึ่งออกทันที พลางส่งเสียงดุอีก "อย่าได้ทำอย่างนั้นนะหญิงก้อย พี่ไม่ชอบเรื่องเส้นสาย พี่ต้องการทำเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาที่สุด"
ใบหน้าสวยเฉี่ยวของราชนิกูลสาวถอดสีทันควัน พลางอธิบายเสียงอ่อน ๆ "สมัยนี้...ใคร ๆ เขาก็ทำกันแบบนี้ทั้งนั้นนะคะพี่ช้าง"
ดวงตาคมนั้นมองราชนิกูลอย่างดุขึ้นกว่าเดิมอีกแล้วเปลี่ยนเรื่อง เมื่อสายตาคมได้จ้องไปยังโปสการ์ดนั้นต่อ "ตกลง จะให้พี่ได้หรือยัง"
หม่อมราชวงศ์หญิงหลุบมองโปสการ์ดในมือ อมยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอย่างรวดเร็วจนหม่อมหลวงหนุ่มตั้งตัวไม่ทัน ด้วยการยืดตัวขึ้นแล้วใช้ริมฝีปากแตะตรงปลายคางได้รูปของเขาทันที
"หญิงก้อย ทำอะไร!"
เขาดุพลางขยับตัวออกห่าง ทว่าหม่อมราชวงศ์หญิงกลับหารู้สึกอะไรกับสายตาดุ ๆ ของเขาไม่
"ก็ทำให้พี่ช้างหายโกรธอย่างไรล่ะคะ"
เขารีบขยับตัวออกอีก เกรงว่าจะมีใครมาเห็นเข้า แล้วยื่นมือหนาไปตรงหน้า เอ่ยด้วยท่าทางเคร่งขรึม "ให้โปสการ์ดท่านหญิงป้าต่อพี่ได้หรือยัง"
ทีแรกหม่อมราชวงศ์หญิงยังไม่อยากให้ ทว่าสายตาของหล่อนกลับเห็นร่างของใครบางคนยืนตรงหน้าต่างห้องนอนนั้น เจ้าตัวจึงยิ้มหวานพลางวางโปสการ์ดนั้นลงบนมือหนา ก่อนทำท่าทางโผซบบ่ากว้างนั้นอีกครั้ง แต่คชาธารก็ไหวตัวทัน ครั้นรับโปสการ์ดแล้วก็รีบถอยหนีแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังอีก
"หญิงก้อย!" เขาดุขึ้น รีบหันหลังนี ทว่าสายตาก็สะดุดเข้ากับร่างใครบางคนตรงหน้าต่างห้องนอนนั้น " ยิหวา..." เขาพึมพำ ตกใจด้วย หวาดกลัวด้วย กลัวว่าหญิงสาวจะเข้าใจผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น
ปานยิหวาเองก็ทำหน้าไม่ถูก หล่อนไม่ได้ตั้งใจจะมายืนดูคนทั้งสองยืนพลอดรักกันเสียหน่อย แค่จะเดินออกมาผลักหน้าต่างห้องนอนให้กว้างกว่าเดิมเท่านั้น ครั้นเห็นเขามองขึ้นมาด้วยสีหน้าตกใจ หล่อนก็รีบเร้นกายหายเข้าไปในห้องทันที
คชาธารพยายามสลัดสองแขนของคุณหญิงโชติกาที่พยายามยื่นมาดึงรั้งตัวออก สายตานั้นมองไปทางห้องนอนเดิมของนกยูงด้วยจิตใจหวาดวิตก วิตกว่าหล่อนจะเข้าใจเป็นอย่างอื่น ทั้ง ๆ ที่วันก่อน เขาได้บอกหล่อนอย่างเต็มปากอยู่เลยว่า เขาและคุณหญิงโชติกาไม่ได้เป็นอะไรกัน
พอสลัดมือไม้ของคุณหญิงโชติกาได้ คชาธารก็รีบเดินกลับไปบนตึกใหญ่อย่างรวดเร็ว
"พี่ช้างคะ พี่ช้าง!" ราชนิกูลสาวพยายามร้องเรียกตาม แต่ชายหนุ่มก็หาสนใจหล่อนไม่!
.
คนบ้า บอกกับเราอีกอย่าง แต่ก็กระทำอีกอย่าง
ปานยิหวาพึมพำ โดยไม่ยอมหันกลับมองออกไปทางหน้าต่างบานเมื่อครู่อีกเลย
"อาหวาขา ๆ เรียบร้อยหรือยังคะ" เสียงเล็ก ๆ ที่ตะโกนออกมาจากห้องน้ำ ทำให้ปานยิหวารีบสลัดภาพคลอเคลียระหว่างเขาและราชนิกูลสาวผู้นั้นออกไป ก่อนส่งเสียงตอบรับพร้อมกับเดินไปหาหลานตัวน้อยที่กำลังรอจะให้หล่อนช่วยอาบน้ำให้ในห้องน้ำ
"จ้ะ อาจะไปเดี๋ยวนี้แหละจ๊ะ"