เห็นท้ายรถคนหนึ่งที่จอดเทียบตรงหน้ามุขตึกใหญ่ ทำเอาหม่อมหลวงหนุ่มขยับตัวอย่างอึดอัดขึ้นมาทันที ขณะขับรถเข้ามาเทียบท่าจอดอยู่ใกล้ ๆ กับ โรลด์รอยพาหนะคันงามประจำตัวของหม่อมราชวงศ์หญิงโชติกา หรือใคร ๆ ต่างก็เรียกว่า คุณหญิงก้อย
ทันทีที่เขาจอดรถอยู่ตรงหน้ามุขของตึกแล้ว หม่อมหลวงหนุ่มจึงหันไปบอกหญิงสาวและหนูปลาให้ลงจากรถก่อน เพราะตนนำรถเข้าไปจอดที่โรงรถอีกที
เมื่อลงจากรถแล้ว ปานยิหวาจึงจูงมือหนูปลาเดินเข้าไปในตึกใหญ่ ระหว่างที่จะเดินผ่านห้องโถงเพื่อมุ่งทิศทางไปยังบันไดหินอ่อนนั้น หญิงสาวจึงได้เห็นสตรีสามคนกำลังนั่งอยู่ที่โซฟาใหญ่อยู่ภายในห้องโถง ทั้งหมดได้หันมามองปานยิหวาและหนูปลาเป็นตาเดียว และสองในสามที่หล่อนเห็นและรู้จักดีก็มีคุณระตีและบุตรสาวคนเล็กเพียงเดือนนั่นเอง แต่อีกหนึงคนปานยิหวาไม่รู้จักและไม่เคยพบหน้ามาก่อน
จากกระแสสายตาที่มองมาด้วยความไม่ค่อยจะเป็นมิตรสักเท่าไหร่ของคนทั้งสามที่ส่งมายังปานยิหวาและหนูปลา ทำให้หล่อนตัดสินใจรีบพาหนูปลาเดินขึ้นไปบนตึกโดยไวเสียจะดีกว่า
ทว่าระหว่างที่กำลังเดินเร็ว ๆ กันนั้น ร่างของสตรีผู้หญิงหนึ่งที่ปานยิหวาไม่รู้จักได้ผุดลุกขึ้น แล้วรีบเดินมาหาทางหล่อนด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะส่งเสียงเรียกชื่อหล่อนออกมาอีกด้วย
"อ้อ! หล่อนนี่เอง ที่ชื่อปานยิหวา"
ปานยิหวาชะงัก ก่อนจะค่อย ๆ หมุนตัวมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายช้า ๆ ไม่ใช่สายตาและใบหน้าสวยหรือแม้แต่เครื่องแต่งกายอย่างงดงามด้วยชุดกระโปรงบานที่ได้รับการตัดเย็บมาอย่างดี พร้อมเครื่องเพชรชนิดกระจุ๋มกระจิ๋มตามนิ้วมือ ข้อแขนหรือแม้แต่สร้อยคอที่มีจี้เพชรเม็ดงามกำลังส่งประกายพราวระยับอยู่บนลำคออันเชิดตรงของสตรีตรงหน้า ที่ทำให้ปานยิหวาสะดุดใจตั้งแต่แรกพบ หากแต่เป็นน้ำเสียงที่แสนจะคุ้นหูยามที่ได้เรียกชื่อหล่อนออกมาเมื่อครู่นี้ต่างหาก ที่ทำหญิงสาวเริ่มค้นหาว่า สตรีร่างระหงท่าทางการยืน และกระแสสายตาที่ดูไว้เนื้อไว้ตัวนี้คือใคร
น้ำเสียงนี้คุ้น ๆ คล้ายได้ยินจากที่ไหนมาก่อน อะ หรือว่า...
*คุณหญิงก้อย หม่อมราชวงศ์หญิงโชติกา!*
ที่เราได้ยินน้ำเสียงนี้มาจากที่ร้านเสื้อของอรจิรา
ปานยิหวาอุทานอยู่ในใจ และสตรีผู้นี้ก็รีบแนะนำตัวมาทันทีเช่นกัน
"ฉันหม่อมราชวงศ์หญิงโชติกา หรือหญิงก้อย คู่หมายของพี่ช้าง! หล่อนคงเข้าใจคำว่า 'คู่หมาย' ได้อยู่หรอกนะ ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลาบอกซ้ำ ๆ ว่าฉันและพี่ช้างเราเกี่ยวข้องกันอย่างไร!"
ปานยิหวากลั้นขำเอาไว้... หรือนี่คือวิธีแนะนำตัวของหญิงสาวยุคนี้ ที่ต้องรีบป่าวประกาศความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองและชายหนุ่มคนหนึ่งตบท้ายการแนะนำทั้งชื่อจริง และชื่อเล่นเช่นนี้
อ้อ จริงสิ หล่อนคือป้าจรุงจิตนี่นา นี่เราคงต้องหัดเรียนรู้ เข้าใจวิถีชีวิตของหญิงสาวยุคใหม่เสียแล้วล่ะสิ
"อ้าว! ยืนบื้ออยู่ได้ มือไม้ไม่มีหรือหล่อน ยกขึ้นมาสวัสดีคุณหญิงก้อยเธอสิ!"
เสียงที่ดังต่อมาจะเป็นใครเสียไม่ได้ ถ้าไม่ใช่บุตรสาวคนเล็กของคุณระตี ที่รีบมายืนเคียงข้างหม่อมราชวงศ์สาวผู้นี้ด้วย
ปานยิหวาตวัดสายตามองเพียงเดือนเล็กน้อย ก่อนจะดึงสายตากลับ และนึกในใจขึ้นมาอีก แหม ...ช่างช่วยเหลือกันดี สมกับเป็นเพื่อนรักกันจริง ๆ นี่...ขนาดนางร้ายในนวนิยายของหล่อน ยังไม่มีกิริยา วาจา และจริตจกร้านเท่าสองคนนี้เลย
"นี่คุณหญิงก้อย ธิดาของท่านชายดิเรก หรือหม่อมเจ้าดิเรก ..."
"อ้อ ที่ยืนบื้ออยู่นี่เพราะคงไม่รู้จักหรอกว่าราชสกุลของท่านชายมีความเป็นมาอย่างไร "
ระตีเดินเข้ามาสมทบอีกคน ตอนนี้ทั้งสามคนจึงกำลังยืนรายล้อมตัวหล่อนและหนูปลาอยู่
ระตีเอ่ยพลางมองหล่อนด้วยหางตา ขณะเดียวกันก็ตวัดพัดขนนกสีขาวขึ้นมากระพือพัดที่ใบหน้า พร้อมกับกล่าวเสริมว่า "จริง ๆ หญิงก้อยก็ไม่ควรถือสาคนพวกนี้หรอกนะ เพราะคนมาจากบ้านป่า บ้านนอกก็อย่างนี้ มารยาทจึงไม่ได้รับการอบรมมาเท่าที่ควร"
คำพูดนี้ของระตีก็พอจะทำให้ใบหน้างามของหม่อมราชวงศ์สาวคลายความบึ้งตึงลงบ้าง
"คุณน้าบอกมาอย่างนี้ หญิงก็พอใจเข้าใจแล้วล่ะค่ะ อย่างนี้คุณน้าจึงต้องนำมาหัด มาอบรมกันใหม่...อีกมากกกก"
จากนั้นดวงตาเฉี่ยวคู่นี้ได้หลุบมองเด็กน้อยที่ปานยิหวากำลังจูงมืออยู่ พร้อมกับก้มตัวใช้ปลายนิ้วมือเรียวแตะคางเล็ก ๆ ของหนูปลาให้เงยขึ้นมามองหน้าตนเล็กน้อย พลางเอ่ยไปอีก
"อ้อ นี่คงเป็นหลานรักของพี่ช้างน่ะสิคะ เด็กคนนี้ หญิงยินดีที่จะมาช่วยอบรมสั่งสอน ขัดเกลามารยาทให้งามขึ้นนะคะคุณน้า เพราะจะให้คนบางคนมาทำงานเช่นนี้ หญิงดูแล้วคงไม่มีความสามารถเพียงพอหรอกค่ะ" กล่าวแล้วละมือจากคางเล็ก พร้อมช้อนสายตามองปานยิหวาอย่างดูแคลนประกอบ
ปานยิหวาไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจที่โดนรุมด่าว่าหล่อนเป็นพวกไม่มีมารยาท ไม่มีการศึกษา หล่อนควบคุมอารมณ์ได้ดีจึงยิ้มให้กับสตรีทั้งสามตรงหน้าเล็กน้อย แล้วกล่าวกลับไปบ้างว่า
"เพิ่งรู้ว่าสตรีที่บอกว่าตัวเองสูงศักดิ์ เวลาแนะนำตัวก็ต้องคอยป่าวประกาศว่าตัวเองเป็นเจ้าเข้าเจ้าของผู้ชายคนนั้นคนนี้ให้กับคนที่เพิ่งเจอหน้ากันเพียงครั้งแรกได้รับทราบด้วย... พอดี เรื่องเช่นนี้คุณพ่อคุณแม่ของฉันที่บ้านป่า บ้านนอกท่านไม่ได้สั่งสอนมาเพื่อให้กระทำต่อหน้าใคร ๆ เสียด้วย... ดังนั้น นอกจากเรื่องมารยาทแล้ว นี่ก็คงเป็นอีกเรื่องที่ฉันคงต้องหัดเรียนรู้จากพวกคุณให้มากจริง ๆ แล้วล่ะค่ะ..."
ปานยิหวากราดดวงตามองใบหน้าที่เริ่มแดงก่ำของหญืงรูปงามทั้งสาม ก่อนจะตัดบทอย่างรวดเร็ว "ขอตัวนะคะ หนูปลาแกเหนื่อยแล้ว จะต้องพาแกขึ้นไปพักก่อน"
จากนั้นก็เดินผ่านร่างสตรีทั้งสามที่ต่างกำลังอ้าปากค้าง เนื้อตัวเริ่มสั่นระริกกัน เนื่องจากไม่มีใครจะคาดคิดว่าหญิงสาวบ้านป่า บ้านนอกคนนี้จะมีไหวพริบที่ดี จนสามารถโต้ตอบพวกตนกลับมาอย่างเผ็ดร้อนเช่นนี้!
"คุณแม่ขา!
"คุณน้าขา!"
"เห็นมั้ย นังผู้หญิงคนนี้มันร้าย!"
ทั้งหม่อมราชวงศ์หญิงโชติกาและเพียงเดือนได้ประสานเสียงฟ้องระตีที่ยังหน้าชาอยู่อย่างพร้อมเพรียงกัน
ปานยิหวาก็ได้แต่ลอบยิ้มขณะเดินขึ้นบันได หล่อนไม่ยอมเหลียวหลังกลับไปอีกเลย จึงไม่รู้ว่า ตอนนี้กำลังมีสตรีผู้สูงศักดิ์คนหนึ่งได้ยืนกระทืบเท้าเร่า ๆ ให้กับวาจาของหล่อนอยู่!