“น้องกวาง” เจ้าของชื่อหันมองตามเสียงเรียก
ทันทีที่เห็นว่าใครเรียกตัวเอง เจ้าของใบหน้าหวานก็ฉีกยิ้มกว้างทันที “พี่ดิส มาได้ยังไงคะ”
ความทรงจำในวันวานไหลย้อนเข้ามาในหัว ดิสกรณ์เป็นรุ่นพี่คณะของเธอเอง ตอนนั้นจำได้ว่าพึ่งเข้ามหาวิทยาลัยเป็นนักศึกษาใสๆ ปีหนึ่ง ส่วนดิสกรณ์อยู่ปีสี่ใกล้ถึงฝั่งเต็มที เราทั้งคู่รู้จักกันเพราะอยู่ชมรมกีฬาเดียวกัน
“พี่มากินข้าวกับครอบครัว แล้วเราล่ะ”
“เหมือนกันเลย”
โลกสดใสทุกทีที่หญิงสาวตรงหน้ายิ้ม หลายปีก่อนเขาเคยรู้สึกเช่นนั้น ปัจจุบันก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
“จบหรือยัง”
“จบแล้วค่า ไม่อยากจะอวดหรอกว่าตอนนี้กวางทำงานได้หลายเดือนแล้วนะพี่ดิส”
ตั้งแต่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เขาและพรพระพายก็ไม่ได้เจอหรือติดต่อกันอีกเลย หลายปีมานี้ชีวิตวนอยู่แต่กับตำรากฎหมายและฎีกาต่างๆ เพราะตั้งมั่นสู่เส้นทางผู้พิพากษา แต่ใช่ว่าจะไม่รับรู้ข่าวสารสำคัญในคณะที่ตนเรียนจบมาเลย
“ทำไมไม่มาสอบผู้พิพากษา ไหนตอนแรกบอกอยากเป็นนักผดุงความยุติธรรมไง”
นั่นคือความตั้งใจสูงสุดในชีวิตของคนที่เลือกเรียนกฎหมาย แต่ในชีวิตจริงใช่ว่าเราทุกคนจะสามารถเดินตามเส้นทางที่ตัวเองฝันได้ บางครั้งเราสามารถลิขิตชีวิตตัวเองได้ ทว่าบางครั้งกลับไม่..
เหตุผลหลายอย่างทำให้เธอตัดสินใจไม่สอบทำงานสายราชการและเลือกเอกชนที่ข้อผูกมัดน้อยกว่าแทน
“หาตังค์ตั้งตัวก่อนพี่ หนี้หนูเยอะ”
“ตัวแค่นี้ทำเป็นมาพูดว่ามีหนี้”
ทั้งคู่เดินคุยกันเพลิน รู้ตัวอีกทีก็มาหยุดยืนที่โต๊ะอาหารซึ่งมีเจ้าของใบหน้าบูดบึ้งและคุณหญิงขวัญเกล้านั่งอยู่
“คุณแม่คะ นี่พี่ดิสเป็นรุ่นพี่ที่คณะที่หนูสนิทตั้งแต่สมัยมหา’ ลัยค่ะ” ขวัญเกล้ายิ้มให้ผู้อ่อนกว่าด้วยวัย
“สวัสดีครับ”
อีกคนที่ไม่ได้ถูกกล่าวถึงในบทสนทนาแอบชำเลืองมองผู้ชายที่ภรรยาตนพามาแนะนำถึงที่โต๊ะ เขาไม่ได้พูดอะไรหากแต่ถอนหายใจเสียงดังอย่างพยายามบอกว่า..
เห็นหัวกันบ้าง เห็นไหมฉันนั่งอยู่ตรงนี้
“พี่ดิสคะ นี่พี่แบงค์ค่ะ”
ดิสกรณ์แจกไมตรีให้คนที่พรพระพายแนะนำให้รู้จัก ชายหนุ่มผู้นั้นยิ้มรับเพียงเล็กน้อย
“สวัสดีครับ เชิญตามสบายนะครับ หรือจะนั่งด้วยกันก็ได้”
“ขอบคุณครับ ผมมากับครอบครัวนั่งอยู่ตรงมุมนู้นน่ะครับ” ดิสกรณ์บอก ‘พี่ชาย’ ของรุ่นน้องคณะก่อนจะหันไปหาเจ้าหล่อนแล้วยื่นสมาร์ตโฟนไปตรงหน้า “ขอไลน์หน่อย เหมือนเรามีอะไรต้องคุยกันอีกเยอะ”
เดี๋ยวนะ! กล้าดียังไงมาขอไลน์ภรรยาต่อหน้าสามีอย่างเขา
หญิงสาวยิ้มแห้งพลางชำเลืองมองสามีของตัวเองอย่างรู้สึกประดักประเดิด ถึงแม้ว่าเราสองคนจะไม่ได้แต่งกันเพราะความรัก แต่ยังไงรัชชานนท์ก็ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธออยู่ดี
“น่านะ เผื่อพี่มีอะไรจะปรึกษา มีรุ่นน้องคนสนิทเป็นถึงที่ปรึกษาด้านกฎหมายทั้งที เผื่อพี่มีอะไรให้ช่วย หรือกวางมีข้อสงสัยที่พี่อาจจะตอบได้ไง แลกเปลี่ยนความรู้กันอะไรอย่างนี้”
แต่ก่อนไม่เท่าไหร่ แต่เดี๋ยวนี้เรื่องอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับพรพระพาย เมื่อผ่านเข้าหูของนายแพทย์รัชชานนท์ เขามักเก็บมาคิด วิเคราะห์และแยกแยะเสมอ
ที่ปรึกษาด้านกฎหมายงั้นหรือ?
“ได้ค่ะ ดีเหมือนกัน กฎหมายบางมาตราที่กวางเองก็ยังมีข้อสงสัย มีอะไรไลน์ถามท่านผู้พิพากษาคงหาคำตอบได้ไม่ยาก”
พรพระพายกดไอดีไลน์ซึ่งเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของตนลงในช่องค้นหาบนหน้าจอสมาร์ตโฟนก่อนจะส่งคืนให้ผู้พิพากษาดิสกรณ์
“งั้นพี่ไปก่อนนะ ไว้วันหลังจะแวะเข้าไปหาที่ทำงาน อยากชมบรรยากาศสำนักงานกฎหมายอันดับหนึ่งของประเทศว่ามันน่าขนลุกเหมือนที่นักกฎหมายคนพูดหรือเปล่า” ดิสกรณ์หันไปยกมือไหว้และกล่าวลาผู้อาวุโสสุดของโต๊ะ “ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“เชิญตามสบายจ้ะ”
ชายหนุ่มไม่ลืมกล่าวลาอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารเดียวกันกับพรพระพายแถมยังเป็นพี่ชายของหญิงสาวที่ตนหมายปองอีกต่างหาก
พี่น้องคู่นี้หน้าตาคล้ายกันจริง..
ดิสกรณ์มองผ่านใบหน้าของทั้งคู่แล้วแอบคิดในใจ
“ผมไปก่อนนะครับ”
สามีของพรพระพายพยักหน้าตามมารยาท “เชิญครับ”
“พี่ไปก่อนนะ กินข้าวกับคุณแม่กับพี่ชายต่อเถอะ”
คล้อยหลังดิสกรณ์เพียงไม่กี่วินาที ชายหนุ่มประจำโต๊ะหันไปหาภรรยาสาวของตนอย่างต้องการคำอธิบาย
อะไรคือแม่กับพี่ชาย?
ไม่ใช่พี่ชายโว้ย! นี่น่ะผัวตัวจริงเสียงจริงของยัยลูกกวาง
“เธอแนะนำว่าฉันเป็นพี่ชายเหรอ” พรพระพายส่ายหน้ารัวอย่างปฏิเสธ
“เปล่าซะหน่อย หนูไม่ได้พูดสักคำ”
“แล้วทำไมไอ้พี่ดิสของเธอถึงได้บอกว่าฉันเป็นพี่ชาย”
นั่นสิ?
“จะไปรู้กับเขาเหรอ ไว้วันหลังหนูถามให้ว่าทำไมถึงได้คิดว่าเราสองคนเป็นพี่น้องกัน”
“ได้คำตอบแล้วก็ช่วยบอกพี่ดิสของเธอด้วยว่าฉันไม่ใช่พี่ชาย”
ภรรยาวัยยี่สิบเอ็ดมองสามีของตัวเองแล้วแอบขำในใจ คนอะไรหึงไม่เก็บอาการเอาเสียเลย
“เรื่องแค่นี้เอง พี่แบงค์จะอะไรนักหนา” รู้หรอกน่าว่าหึง มีเมียสวยก็ต้องทำใจหน่อยนะตาหมอแก่
ดวงตาคมตวัดมองพรพระพายอย่างไม่พอใจ “แล้วแต่! แต่ถ้าผู้ชายของเธอล้ำเส้นมากเกินไป ฉันนี่แหละจะเป็นคนเดินเข้าไปบอกเองว่าเราเป็นอะไรกัน”
อื้อฮือ! รุนแรงอะ นี่เริ่มคิดแล้วนะเนี่ยว่ารัชชานนท์รู้สึกอะไรกับเธอจริงๆ
คงไม่หรอก.. เขาแค่กลัวเสียศักดิ์ศรีมากกว่า
“พี่ดิสน่ะเขาไม่คิดอะไรเยอะแยะมากมายเหมือนใครบางคนหรอก หนูรู้จักพี่แกตั้งแต่เข้ามหา’ ลัย”
“ดูเธอกับเขาจะรู้จักกันดีเหลือเกินนะ”
แน่ะ! มีกระแนะกระแหนซะด้วย
“ประมาณหนึ่งเลยล่ะ”
“อืม แล้วแต่!”
กระแทกเสียงซะด้วย
ธรรมชาติของหัวใจ เมื่อได้ชิดใกล้เพศตรงข้ามย่อมหวั่นไหวเป็นธรรมดา ถึงสถานะสามีภรรยาที่แม้จะไม่ได้มาเพราะรักหรือชอบพอกันตั้งแต่แรก แต่เมื่อทั้งคู่ได้เรียนรู้อีกฝ่าย หากพบว่าเข้ากันได้หรือมีอะไรที่เติมเต็มซึ่งกันและกันแล้ว มีหรือหัวใจที่อ่อนปวกเปียกยิ่งกว่าอะไรจะต้านทานแรงเสน่หาชายหญิงไหว
ขวัญเกล้ากลัวเหลือเกินว่าสัญญาแต่งงานหนึ่งปีจะไม่มีอยู่จริง..