แว่นตาซึ่งเป็นอวัยวะชิ้นที่สามสิบสามของนายแพทย์รัชชานนท์ ถูกหยิบขึ้นมาสวม ชายหนุ่มหันไปมองบนเตียงที่มีตุ๊กตาเน่าของภรรยา ตั้งแต่วันแรกที่ได้มาใช้ชีวิตร่วมกัน เขาสั่งให้พรพระพายเอาลูกสมุนพวกนี้ไปทิ้ง แต่เจ้าหล่อนหาได้ทำตามไม่ แถมยังบอกอีกว่า..
‘ถ้าพี่แบงค์แตะต้องลูกสาวหนูแม้แต่ปลายเล็บ พี่-เจอ-ดี-แน่!’
ถามว่าเขาเป็นคนกลัวเมียเหรอ ตอบเลยว่าไม่! แต่ขี้เกียจทะเลาะกับเด็กแสบมากกว่า
“ทำไรกิน” พรพระพายเหลียวมองเขาเพียงแวบเดียวแล้วหันไปสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเจ้าหล่อนต่อ
“ไข่ดาวกับเบคอนทอด”
“เผื่อฉันด้วยนะ” เขาหยิบไอแพดที่วางอยู่บนชั้นหน้าทีวีแล้วเดินไปยังโต๊ะอาหารขนาดสี่ที่นั่ง
ภรรยาสาวอดแปลกใจไม่ได้ “ไหนบอกไม่ชอบกินอาหารเช้าไงคะ”
เพราะเมื่อคืนใช้พลังงานไปเยอะ วันนี้กาแฟแก้วเดียวเหมือนอย่างเคยคงไม่พอ “อย่าถามมากเลยน่า ขอกาแฟดำกับไข่ลวกด้วย” พรพระพายยิ้มกรุ้มกริ่ม ดวงตาหวานเป็นประกายระยิบระยับ “ยิ้มอะไรของเธอ ทำเร็วๆ เข้า ฉันหิวจนไส้กิ่วแล้วเนี่ย”
“รับทราบค่าคุณสามี อยากกินอะไรอีกมั้ยคะ เดี๋ยวภรรยาทำให้” เธอขยิบตาโปรยเสน่ห์ใส่เขาทีหนึ่ง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาเป็นใบหน้าบูดบึ้ง “เช้าๆ แบบนี้ เราต้องอารมณ์ดีเข้าไว้นะคะคุณสามี”
“ใครจะยิ้มเหมือนคนบ้าได้ทั้งวันแบบเธอ”
“พึ่งรู้ว่าคุณสามีก็แอบมองเมียเหมือนกันนะเนี่ย” เธอปิดเตาแก๊สแล้วเดินไปหารัชชานนท์ ตักเขาคือจุดหมาย
“เฮ้ย! ทำบ้าอะไรของเธอ ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้นะ” พรพระพายหาได้ทำตาม แขนทั้งสองข้างคล้องรอบคอเขา หญิงสาวยื่นหน้ามาใกล้จนปลายจมูกชนกัน
“มอร์นิ่งคิสค่ะคุณสามี”
เวลาที่ผู้ชายเขินก็น่ารักดีเหมือนกันนะ ดูสิ! หน้าแดงแจ๋เชียว หญิงสาวใช้นิ้วเรียวเขี่ยจมูกสามีเล่นอย่างมันเขี้ยว “พี่แบงค์เขินหนูเหรอ” เธอพูดพลางหัวเราะคิกคัก
“ฉันเปล่า!”
ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็งแต่แก้มแดงเถือกไปจนถึงใบหู มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่ากำลังเขิน
“เชื่อจ้าเชื่อ”
“ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฉันจะกินเธอเป็นอาหารเช้า”
เมื่อเห็นแววตาวาววับทะลุกรอบแว่น พรพระพายรีบกระเด้งตัวลุกขึ้นจากตักเขาอย่างไว ด้วยกลัวว่าชายหนุ่มจะทำเหมือนที่ปากว่าจริงๆ เช้านี้เธอมีนัดสำคัญ ขืนปล่อยให้รัชชานนท์ฟาดก่อนไปทำงาน มีหวังเหมื่อยล้าและง่วงนอนทั้งวันเป็นแน่
“หยอกนิดหยอกหน่อยไม่ได้เลยนะคะคุณสามี”
เธอยั่วจนเขาแข็งไปหมด ยังมีหน้ามาพูดว่านิดหน่อย คืนนี้ต้องเอาคืนทบต้นทบดอก!
“ปกติเป็นคนแบบนี้เหรอ” คนกลับไปประจำหน้าเตาเหมือนเดิมเอี้ยวตัวหันมามองเขา เจ้าหล่อนฉีกยิ้มกว้างพลางส่ายหน้ารัวๆ
“ไม่ใช่ซะหน่อย ปกติกวางเป็นคนเรียบร้อยเหมือนกุลสตรีไทย งานอดิเรกคือร้อยพวงมาลัยดอกไม้กับเย็บปักถักร้อย” รัชชานนท์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วขยับกรอบแว่นเล็กน้อย มุมปากข้างซ้ายกระตุกยิ้มพร้อมสายตาที่มองมายังเธออย่างดูแคลน “เรียบร้อยเหมือนผ้าที่ยัดตู้แบบเธอ เข็มคงทิ่มมือเป็นร้อยครั้งกว่าจะร้อยพวงมาลัยเสร็จ”
“ไม่รู้อะไรซะแล้ว สมัยเรียนมัธยม หนูน่ะเป็นลูกรักของห้องคหกรรมเชียวนะ”
ฉันไม่เชื่อ! ดวงตาคมกำลังสื่อความหมายเช่นนั้น
“เด็กขี้โกหก”
คุณแม่บ้านส่วนตัวของรัชชานนท์ถือจานอาหารเช้ามาเสิร์ฟสามีแล้วเดินอ้อมมายังประจำที่ของตน “พี่มองหนูเป็นคนยังไงเนี่ย” เธอถามอย่างไม่จริงจังนัก รู้อยู่หรอกว่าในสายตาเขา เธอเป็นเพียงเด็กสาวพึ่งจบมหาวิทยาลัยที่ขวัญเกล้ายัดเยียดให้รับผิดชอบความพลั้งเผลอที่เกิดขึ้นในคืนนั้นโดยการแต่งงาน
“เธอเป็นยังไง ฉันก็มองเธอแบบนั้นแหละ” พรพระพายเงยหน้าขึ้นจากจานอาหาร เจ้าหล่อนทำปากยื่นปากยาวใส่เขา “วันนี้กลับกี่โมง”
หญิงสาวรวบช้อนแล้วยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม “ทำไมคะ พี่จะพาชะนีมาเปิดฮาเร็มอีกเหรอ” ดวงตาคมจ้องกลับมาด้วยความไม่พอใจ เธอเห็นแล้วอดหัวเราะไม่ได้
“เธอทำฉันซะแสบขนาดนั้น บอกไว้เลยว่าแค้นครั้งนั้น ฉันจะหาโอกาสชำระ”
“โอ้โห น่ากลัวจริงจริ๊งงง”
“สรุปกลับบ้านกี่โมง แม่ชวนไปกินข้าวด้วย” เขาบอกเหตุผลที่ถามเวลาเลิกงานของหญิงสาว
“แป๊บนะ” รัชชานนท์พยักหน้า เธอลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบไอแพดเพื่อดูว่าวันนี้สามารถกลับได้กี่โมง อันที่จริงเวลาทำงานคือเก้าโมงเช้าถึงห้าโมงเย็น แต่งานที่ทำอยู่กว่าจะเสร็จและเลิกจริงๆ ประมาณสี่ทุ่ม แต่ไม่มีค่าโอทีนะ อยากจะร้องไห้ก็ตรงนี้แหละ “วันนี้หนูเลิกห้าโมง คุณแม่นัดกินข้าวที่ไหนเหรอคะ ร้านหรือที่บ้านใหญ่”
“ร้านอาหารแถวลาดพร้าว เธอทำงานที่ไหน”
“สีลมค่ะ เราไปเจอกันที่ร้านอาหารเลย หรือว่ายังไง”
“ตอนเย็นฉันเข้าคลินิกที่สีลมพอดี เดี๋ยวฉันไปรับ เธอส่งโลเคชันที่ทำงานมาในไลน์แล้วกัน”
เหมือนชายหนุ่มจะลืมอะไรไป “พี่จะให้หนูส่งไปให้ผีที่ไหน ก็พี่เล่นตัวไม่ยอมแอดเฟรนด์หนูสักที”
“สมองฉันจำแต่เรื่องสำคัญ”
จ้า! ไม่สำคัญก็ไม่สำคัญ ย้ำจริงจริ๊งงง.. กวางเอือมค่ะทุกคน
“ค่ะ รู้แล้วค่ะว่าไม่สำคัญ รีบแอดมาแล้วกัน จะส่งโลเคชันให้” เธอบอกเขาอย่างไม่ใส่ใจในสิ่งที่ชายหนุ่มพูด ขืนหยิบเอามันมาคิดเล็กคิดน้อย มีหวังได้ประสาทรับประทานก่อนครบหนึ่งปีของการใช้ชีวิตคู่ร่วมกับรัชชานนท์ตามที่ตกลงกับขวัญเกล้าเอาไว้เป็นแน่