“สวัสดีครับ” ทันทีที่พบหน้านักปรึกษาทางกฎหมายสาวจากบริษัทกฎหมายอันดับหนึ่งของประเทศ หัวใจที่เคยตายด้านกลับเต้นแรงจนกลัวว่ามันจะทะลุออกมานอกเบ้า เธอดูเยาว์วัยและสวยสะพรั่งจนชายวัยสามสิบกลางเช่นเขาไม่อาจละสายตาได้
“สวัสดีค่ะ ดิฉันพรพระพาย”
ดวงหน้าสวยหวานบาดตา แต่รอยยิ้มละมุนนั้นบาดใจ คราแรกที่ทางบริษัทส่งโปรไฟล์ของผู้หญิงตรงหน้ามาให้ เขาแอบคิดว่าเจ้าหล่อนจะเป็นผู้หญิงใส่แว่นหนาเตอะ หน้าตาขึงขังจริงจังตามประสานักกฎหมายที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของประเทศด้วยเกียรตินิยมเหรียญทองอันดับหนึ่ง แถมยังมีความสามารถสื่อสารทางด้านภาษาได้ถึงห้าภาษา ไม่ใช่การสื่อสารระดับธรรมดา แต่เป็นศัพท์เฉพาะทางธุรกิจ เรียกได้ว่าพรพระพายเข้าร่วมประชุมระดับอินเตอร์ได้โดยไม่ต้องใช้ล่าม และแน่นอนว่าค่าจ้างย่อมแปรผันตามความสามารถ
นี่น่ะหรือ.. นักปรึกษาทางกฎหมายที่เขาว่าเก่งนักหนา สนนราคาค่าตัวอยู่ที่ชั่วโมงละหกหมื่นทั้งที่พึ่งก้าวพ้นจากรั้วมหาวิทยาลัยเข้าสู่สังคมการทำงาน รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ภายนอกดูสวยหวาน แต่แววตามุ่งมั่นและกล้าแกร่ง มันดึงดูดให้เขาอยากเข้าไปค้นหาว่าจริงๆ แล้วผู้หญิงตรงหน้าเป็นคนเช่นไร
“สวัสดีครับ ผมเฉินหมิง” พรพระพายยิ้มให้พลางยื่นมือมาตรงหน้าเขา “เชิญนั่งก่อนครับ”
“ขอบคุณค่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะคะ นี่คือเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ค่ะ” ซีอีโอบริษัทผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และเป็นผู้ออกแบบเว็บไซต์รายใหญ่ของภาคพื้นเอเชีย ยื่นมือมารับซองเอกสารสีน้ำตาลจากมือเธอ “เอกสารสำคัญที่จำเป็นต้องใช้ ดิฉันจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วนะคะ ข้อกฎหมายและเกณฑ์ต่างๆ จะมีดังนี้..”
พอเจ้าหล่อนอธิบายจบ เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมค่าตัวนักปรึกษาทางกฎหมายจบใหม่ถึงได้สูงลิ่วขนาดนี้ พรพระพายทำงานได้รัดกุม ข้อมูลแน่น หญิงสาวรู้ว่าตรงไหนเป็นจุดที่ต้องอธิบายให้ลูกความฟัง เขาและผู้บริหารอีกสี่ท่านที่ต้องร่วมลงนามในพันธสัญญาฉบับนี้ ไม่มีใครต้องอ้าปากขอคำอธิบายเพิ่ม
“เหลือเวลาอีกสิบนาที มีข้อสงสัยตรงจุดไหนมั้ยคะ”
การประชุมครั้งนี้ ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการสื่อสาร ด้วยว่าทั้งหมดเป็นคนต่างชาติ มีเพียงเฉินหมิงเท่านั้นที่เป็นลูกครึ่งไทยฮ่องกง
“มีกฎเกณฑ์ที่ผมยังไม่เข้าใจบางจุด แต่วันนี้ผมมีนัดประชุมต่อ คุณพรพระพายสะดวกรับนัดกับผมอีกวันไหนครับ”
“ติดต่อผ่านบริษัทดิฉันโดยตรงได้เลยค่ะ แล้วทางเราจะแจ้งคิวคุณเฉินหมิงมาอีกที”
อายุเป็นเพียงแค่ตัวเลข คำคำนี้สามารถใช้ได้จริงกับนักปรึกษาด้านกฎหมายสาวตรงหน้าเขา นอกจากแววตาของเจ้าหล่อนจะฉายแววมุ่งมั่น มันยังดูนิ่งจนไม่สามารถอ่านได้เลยว่าแท้ที่จริงแล้วพรพระพายเป็นคนเช่นไร หรือข้างในตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
เธอน่าสนใจจริงๆ
“ได้ครับ ผมจะติดต่อผ่านลอว์เฟิร์ม (Law firm) ของคุณ”
คนพึ่งเลิกงานและมีนัดดินเนอร์กับครอบครัวสามีต่อ เปลี่ยนจากชุดสูทกระโปรงเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้ามาเป็นชุดเอี๊ยมความยาวเท่าเข่าสีชมพูนมหวานแหววสวมทับเสื้อยืดสีขาวขนาดพอดีตัว รองเท้าหุ้มส้นผ้าลูกไม้สีขาวเข้าชุด เป็นอีกตัวเลือกที่พรพระพายหยิบมาสวม ผมยาวดำขลับถูกปล่อยสยายก่อนที่เจ้าของมันจะหวีให้เรียบตรงแล้วถักเปียเพิ่มความหวานให้ใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราของตน
“เติมปากนิดหน่อยก็พอแล้วมั้งยัยกวาง” เจ้าหล่อนส่องกระจกแล้วพึมพำกับตัวเอง
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย สาวน้อยวัยยี่สิบเอ็ดจึงควานหาสมาร์ตโฟนเครื่องบางในกระเป๋าสะพายข้างใบละไม่ถึงพันของตัวเอง
Dr.Bank : อีกสิบนาทีถึง ออกมารอหน้าบริษัท
-K- : รับทราบค่าคุณสามี ไม่เจอหน้ากันตั้งหลายชั่วโมง คิดถึงเมียแย่เลยล่ะซิ
Dr.Bank : สติกเกอร์บราวน์กระโดดถีบขาคู่โคนี่ // เกือบจะดีใจ นึกว่าเธอจะหายไปทั้งชาติ
หญิงสาวเบะปากเมื่ออ่านข้อความ “เอ้อ! หายไปจริงๆ แล้วจะรู้สึก ชิ!” เพราะมัวแต่เล่นโทรศัพท์ จึงทำให้เดินชนใครบางคนเข้า และทำให้ข้าวของของคนผู้นั้นหล่นกระจายเต็มพื้น “ขะ.. ขอโทษค่ะ คุณบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ ฉันช่วยเก็บค่ะ” เธอรีบกุลีกุจอก้มเก็บของโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองคู่กรณี
“ไม่เป็นไรครับ ผมเดินไม่ระวังเอง”
ภาษาไทยชัดทุกถ้อยคำ ทว่ามันฟังดูแปร่งหูชอบกล “คุณเฉินหมิง” ใช่! เป็นเขาจริงๆ ด้วย ลูกครึ่งไทยฮ่องกงยิ้มให้เธอ “ขอโทษด้วยนะคะ ดิฉันไม่ระวังเอง”
เจอเมื่อเช้าสวยแบบผู้หญิงวัยทำงาน ทว่ายามนี้เจ้าหล่อนดูบอบบางน่าทะนุถนอมราวตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ
“เอาเป็นว่าเราผิดเท่ากันเนอะ” หญิงสาวใบหน้าสวยหวานช้อนตาขึ้นมองเขา เรียวปากอิ่มแต้มรอยยิ้มเพียงนิด พรพระพายไม่ได้หน้าตั้งหลังตรงเหมือนตอนประชุม แต่เจ้าหล่อนยังเว้นระยะพอสมควร “คุณกำลังจะกลับเหรอครับ”
“ค่ะ ดิฉันขอตัวนะคะ”
สองขาเรียวกำลังจะก้าวเดิน ทว่ากลับโดนเสียงนุ่มทุ้มของชายหนุ่มนามว่าเฉินหมิงรั้งไว้เสียก่อน
“คุณพรพระพายครับ” เจ้าหล่อนหันมามองเขา ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้คนที่ผ่านผู้หญิงมามากมาย กำลังเกิดอาการประหม่ากับสาวน้อยตรงหน้า ทั้งที่เขาเคยเชื่อว่าหัวใจมันด้านชาจนไม่รู้จักความรักเสียแล้ว “คือผมอยากจะขอความช่วยเหลือ”
“ขอความช่วยเหลือ?”
เฉินหมิงยิ้มพลางยกมือขึ้นลูบต้นคออย่างเคอะเขิน “คือผมอยากไปไหว้พระวัดหัวลำโพง แต่ไม่รู้จะเดินทางยังไงครับ”
เห็นแบบนี้เธอเองก็เป็นชะนีสายบุญเหมือนกันนะ ถึงแม้จะใช้ชีวิตเป็นสาวเมืองกรุงเพียงไม่กี่ปี แต่พรพระพายสาวขาเลาะคนนี้เซียนทางตั้งแต่เข้ามาอยู่ได้สามเดือนแรกแล้วค่ะ “คุณเฉินหมิงนั่งเอ็มอาที (MRT : Metropolitan Rapid Transit) สายสีลมไปลงเอ็มอาทีสถานีสามย่าน ออกทางออกที่หนึ่งก็จะเจอวัดเลยค่ะ มีทำบุญโลงศพของมูลนิธิร่วมกตัญญูด้วยนะคะ”
สมัยนี้มีเทคโนโลยีมากมายที่สามารถหาข้อมูลการเดินทางได้ง่ายดายเพียงแค่ปลายนิ้ว “ท่าทางคุณพรพระพายคงจะชอบทำบุญถึงได้รู้ข้อมูลเป็นอย่างดี” หญิงสาวพยักหน้า
“ค่ะ แต่ไม่บ่อยหรอกนะคะ ส่วนมากจะเป็นโอกาสพิเศษหรือวันสำคัญ”
“อ๋อครับ ถ้าไม่เกรงใจคุณพรพระพาย ผมคงจะชวนไปไหว้พระด้วยกัน”
เธอไม่ได้เขินกับที่ชายหนุ่มตรงหน้าพูดเลยสักนิด แต่มันทำให้ใบหน้าของใครบางคนลอยมามากกว่า หน้าดุๆ ของหมอจอมหื่น ฟาดทั้งคืนยันรุ่งสาง “ใช่ค่ะ ดิฉันขอตัวนะคะ เที่ยวให้สนุกนะคะคุณเฉินหมิง” เธอยิ้มให้เฉินหมิงแล้วก้าวเท้าเดินออกมารอสามีที่หน้าบริษัททันที
กว่าครึ่งชั่วโมงที่เลยเวลานัด รัชชานนท์ก็ยังไม่เสด็จมาเสนอหน้าให้เห็นเสียที แต่เธอก็เข้าใจแหละว่าการจราจรบนถนนสายหลักใจกลางกรุงเทพฯ ยามนี้มันติดขัดแค่ไหน หญิงสาวหันซ้ายหันขวาเพื่อหาที่นั่งรอสามี ราวกับว่าสวรรค์โปรดเมตตาและเห็นใจ ม้านั่งข้างร้านกาแฟโบราณเจ้าประจำของเธอ ยังไม่มีใครจับจองเป็นเจ้าของ
“เสร็จโก๋!”
สะโพกกลมกลึงหย่อนลงบนเก้าอี้ตัวที่หญิงสาวจ้องเอาไว้ตั้งแต่ระยะหนึ่งร้อยเมตร พรพระพายหันไปส่งยิ้มแฉ่งให้ป้าเล็กคนใจดีที่เธอมาอุดหนุนกาแฟเป็นประจำ “ป้าจ๋า เอาชาเขียวนมหวานน้อยให้หนูหนึ่งถุง”
“วันนี้ไม่กินกาแฟเหรออีหนู”
ปกติเวลานี้เธอออกมาสั่งกาแฟดื่มประจำ แต่วันนี้ไม่ดีกว่า เพราะไม่ได้ถ่างตาทำงานจนดึกดื่นเหมือนเช่นทุกวัน หลังจากรับประทานอาหารมื้อค่ำกับขวัญเกล้าเสร็จ เธอจะกลับไปนอนตีพุงแล้วหลับยาวถึงเช้าเลยคอยดู
“ขอเป็นชาเขียวดีกว่าค่ะ เปลี่ยนรสชาติบ้าง”
“ได้ๆ เดี๋ยวป้าทำให้”
มือขยับชงชา ทว่าสายตาของป้าเล็กกลับมองมายังเธอแปลกๆ “มีอะไรรึเปล่าจ้ะป้า”
“เปล่าหรอก ป้าแค่มองว่าคุณแต่งตัวแบบนี้น่ารักดี ถ้าไม่รู้ว่าทำงานที่นี่ ป้าคงคิดว่าเด็กมัธยม”
นั่นไง! เอาอีกแล้ว ลอกคราบจากชุดสูททำงานทีไร มีคนท้วงว่าเธอเหมือนเด็กมัธยมปลายวัยละอ่อนทุกที เฮ้อ! ไม่อยากจะพูด หนูโตจนมีผัวแล้วค่ะป้า
หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรกับป้าเล็กต่อ เธอเพียงแค่ส่งยิ้มอ่อนให้คุณป้าแล้วก้มหน้าจิ้มมือถือตอบไลน์สามีที่พึ่งเด้งแจ้งเตือนบนหน้าจอ
Dr.Bank : รถติด รอหน่อยนะ
“น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย มีไลน์มารายงานสถานการณ์ด้วย” เธอพึมพำพลางจิ้มแป้นพิมพ์ตอบแชต
-K- : รับทราบคร้าบผม นั่งกินชาเขียวรอหน้าบริษัท ขับรถดีๆ นะคะผัวขา // สติกเกอร์หมีบราวน์ส่งจูบ
Read..
อ่านแต่ไม่ตอบ ชิชะ!
พรพระพายเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วหยิบธนบัตรออกมาจ่ายค่าชาเขียวนมป้าเล็ก ทันทีที่หญิงสาวเงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตสวยหวานราวลูกกวางตัวน้อยก็สบประสานกับดวงตาอีกคู่
เขาอีกแล้วผู้ชายที่ชื่อเฉินหมิง โลกกลมพรหมลิขิตหรือใครตั้งใจ
“คุณพรพระพายยังไม่กลับอีกหรือครับ”
“ยังหรอกค่ะ คนมารับยังมาไม่ถึง” เฉินหมิงส่งยิ้มหวานละมุนให้เธอแล้วหันไปมองป้าเล็กที่ชงชาเขียวนมไม่เสร็จสักที
“มีเมนูอะไรบ้างครับ”
สาวแก่แค่มองตายังรู้สึกประหม่า ชายหนุ่มตรงหน้าหล่อเหลาเสียจนป้าอยากจะเป็นลม นางรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ “ตามเมนูที่ติดอยู่หน้าร้านเลยจ้ะพ่อหนุ่ม”
น่าอายเสียจริง เขามีแม่เป็นคนไทย พูดภาษาไทยได้แต่อ่านไม่ออกสักตัว
“คุณพรพระพายครับ ผมอ่านภาษาไทยไม่ออก” เรียวปากอิ่มแต้มรอยยิ้มละมุน เจ้าหล่อนไม่ได้ส่งมันให้กับเขา แต่ยิ้มให้ตัวเองเสียมากกว่า
“คุณเฉินหมิงอยากดื่มอะไรคะ ชาหรือกาแฟ ร้านป้าเล็กอร่อยทุกเมนู กวางรู้เพราะกวางดื่มทุกวัน”
คนเผลอเรียกชื่อเล่นตัวเองยังไม่รู้ตัว ทว่าอีกคน..
‘กวาง’ งั้นหรือ.. ดวงตาคมซึ่งเป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่ได้จากแม่ เปล่งประกายวิบวับ ยิ่งได้พูดจาและชิดใกล้ เขายิ่งรู้สึกประทับใจในตัวพรพระพาย บางคราเจ้าหล่อนอ่านยากน่าค้นหา ทว่ายามนี้เธอกลับดูน่ารักสดใสสมวัย
“กาแฟก็ได้ครับ”
หญิงสาวหันไปหาป้าเล็กแล้วอ้าปากสั่งเครื่องดื่มให้ชายหนุ่มลูกครึ่งไทยฮ่องกง “ป้าเล็กจ๋า จัดกาแฟโบราณให้คุณเขาหนึ่งถุง” แม่ค้าขายกาแฟฉีกยิ้มกว้างส่งให้เธอแล้วเทชาเขียวนมในแก้วชงชาใส่แก้วพลาสติกทรงสูงซึ่งมีน้ำแข็งอัดแน่นอยู่เต็มแก้ว
“ยี่สิบห้าบาทอีหนู”
พรพระพายยื่นเงินให้ป้าเล็กพอดีกับค่าชาเขียวนม “ขอบคุณค่ะป้า”
“ผมขออนุญาตนั่งด้วยคนนะครับ” คนที่นั่งบนม้านั่งตัวยาวก่อนหน้าเขา พยักหน้าเล็กน้อย
“เชิญค่ะ”
ป้าเล็กแอบมองหนุ่มสาวแล้วลอบยิ้ม ด้วยประสบการณ์อันโชกโชนในเรื่องความรัก ตั้งแต่นมตั้งเต้ายันนมยานเป็นถุงกาแฟ มองเพียงแค่ปราดเดียวก็รู้ว่าระหว่างทั้งคู่มันต้องมีอะไรแอบแฝง นักปรึกษาทางกฎหมายสาวประจำบริษัทที่นางมาเช่าพื้นที่ขายเครื่องดื่ม เท่าที่รู้มาพึ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ส่วนผู้ชายที่นั่งข้างกัน ประมาณอายุจากหน้าตา คงไม่น่าเกินสามสิบห้า เหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก
“คุณกวางนั่งรอรถหรือครับ”
พรพระพายที่หยิบสมาร์ตโฟนมาท่องโซเชียลเพื่อฆ่าเวลา หันไปมองเฉินหมิงแล้วหยักหน้า “ใช่ค่ะ ดิฉันรอคนมารับ”
“ผมติดต่อขอคิวนัดปรึกษากับคุณกวางผ่านลอว์เฟิร์มเรียบร้อยแล้วนะครับ ผมได้คิวกลางเดือนหน้าแหนะ”
“ยินดีที่ได้รับใช้อีกครั้งนะคะคุณเฉินหมิง” ผูกมิตรไว้ไม่เสียหาย เผื่อวันหนึ่งพรพระพายคนนี้ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งพาร์ตเนอร์ (Partner) มีคอนเนคชั่น (Connection) ไว้ก็ดีกว่าไม่มี
“ขอบคุณเช่นกันครับ ดีใจนะครับที่ได้นักปรึกษาทางกฎหมายเก่งๆ อย่างคุณกวางมาร่วมงาน หลังจากจบโปรเจกต์นี้ ผมยังมีอีกหลายโปรเจกต์ที่ต้องทำ เราคงได้ร่วมงานกันเรื่อยๆ”
“ยินดีเลยค่ะ ดิฉันสัญญาว่าจะทำให้สุดความสามารถเลยนะคะ ไม่ทำให้ลูกความที่ว่าจ้างผิดหวังแน่นอน”
“บริษัทผมเป็นบริษัทข้ามชาติ ผลิตและส่งออกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทั่วโลก บางครั้งเจอคู่ค้าชาวยุโรปไม่สะดวกใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร ผมอ่านโปรไฟล์คุณกวาง เห็นว่ามีทักษะการพูด อ่าน เขียนภาษาเยอรมัน อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น แล้วก็ฝรั่งเศส เอ๊ะ! ถ้ารวมภาษาไทยด้วย คุณสามารถสื่อสารได้ถึงหกภาษาเลยนี่ ไม่ใช่ห้าภาษา” พรพระพายพยักหน้า
เจ้าหล่อนวางโทรศัพท์และแก้วชาเขียวไว้บนม้านั่งที่ว่างข้างๆ “ใช่ค่ะ”
“ผมกำลังหาเลขาฯ ส่วนตัว ซึ่งผมยอมรับตามตรงเลยนะว่าสนใจอยากได้คุณมาร่วมงาน อาจจะต้องเดินทางบ่อยหน่อย แต่ผมรับรองเลยนะว่าค่าตอบแทนคุ้มค่าแน่นอน”
ถามว่าสนใจไหม ตอบได้เลยว่าสนใจมาก ทีดับเบิ้ลยูเคคอร์เปอเรชั่นเป็นองค์กรใหญ่ มีเครือข่ายคู่ค้าอยู่ทั่วโลก เป็นบริษัทที่ทรงอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลกอ**บริษัทหนึ่ง เรียกได้ว่าคนที่สามารถเข้าทำงานที่นี่ได้มีเพียงสองกลุ่มคือเก่งมากและเก่งมากๆ
แต่..
ปี๊น! ปี๊น!
รถสปอร์ตสีแดงยี่ห้อปอร์เช่รุ่นเก้าหนึ่งหนึ่งคาร์เรร่าเอสคาบริโอเล็ตที่จอดเทียบบาทวิถีส่งเสียงร้องดังลั่นราวกับว่าไปโกรธใครมา แต่เครื่องจักรกลมีหรือจะสามารถทำงานเองได้ ถ้าไม่ใช่เพราะมนุษย์เป็นคนสั่งการ
“คุณเฉินหมิงคะ กวางขอตัวก่อนนะคะ”
ไม่ทันแม้แต่จะกล่าวลาเจ้าหล่อน หญิงสาวดูร้อนรนจนเขาไม่เข้าใจ เธอจะรีบอะไรนักหนา แต่สิ่งหนึ่งที่รู้คือเจ้าของรถสปอร์ตคันที่มารับพรพระพายช่างไม่มีมารยาทเอาเสียเลย
“บีบแตรเสียงดังลั่น พวกคนรวยสะกดคำว่ามารยาทพื้นฐานไม่เป็น ไม่รู้จักเกรงอกเกรงใจคนอื่น มันน่าเอากระป๋องไปปารถแพงๆ สีแดงนั่นเสียจริง” ลูกค้าที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของร้านหันมามองนางแล้วยิ้มให้ คนรู้ตัวว่าเผลอพูดความในใจมากไปจึงรีบแก้ตัว “ป้าพูดล้อเล่นน่ะ” นางส่งยิ้มแห้งให้พ่อหนุ่มรูปงาม
เฉินหมิงไม่รู้ว่าใครมารับพรพระพาย เขาพยายามดูว่าคนขับเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ทว่าฟิล์มติดรถยนต์เข้มเสียจนไม่อาจมองทะลุผ่าน ชายหนุ่มไม่มั่นใจนักว่าผู้หญิงสวยและเก่งเฉกเช่นนักปรึกษาทางกฎหมายสาวคนนี้ยังโสดหรือเปล่า แต่เดาได้ว่าคงยังไม่แต่งงาน เพราะพึ่งก้าวผ่านการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยได้เพียงไม่กี่เดือน และอีกอย่าง สาวๆ สมัยนี้มักครองตัวเป็นโสดมากกว่าตัดสินใจสมรสเป็นฝั่งเป็นฝา ฉะนั้นเขายังมีสิทธิ์จีบเจ้าหล่อน