ครืดด ครืดด~
“โอ๊ะ แป๊ปนะ...” อยู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของมีนาก็ดังขึ้น ก่อนที่เธอจะล้วงออกมาดูรายชื่อ ทว่ารายชื่อที่ปรากฏอยู่นั้นไม่ใช่แค่เธอที่เห็น
“รับสิ ยังไงแกกับองศาก็ยังเป็นเพื่อนกัน แต่สำหรับฉัน...ไม่ใช่” กระถินเห็นว่าองศาโทรหาคนเป็นเพื่อน เธอเดินเลี่ยงออกไปปรับสายน้ำเกลือให้กับบุรุษหนุ่มนิรนามคนนี้ทำเหมือนกับว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับองศาแล้ว หญิงสาวปล่อยให้มีนาเดินออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก
“ฮัลโหล...”
[โทรหาตั้งนานทำไมเพิ่งรับ] น้ำเสียงขององศาร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด อีกฝ่ายไม่ได้โทรมาหาเธอเพราะลูกหรอก แต่โทรมาเรื่องของกระถินอย่างแน่นอน
“ติดผ่าตัดน่ะ แกมีไรล่ะ”
[กระถินลืมกระเป๋าสะพายเมื่อวาน กูลางานยังไม่ได้ แต่ถ้าลาได้แล้วจะเอาไปให้เธอเอง ฝากบอกเธอด้วย]
“อืม...” หญิงสาวตอบรับเสียงแผ่วเบา เธอกลืนน้ำลายลงคอเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยปากบอกบางอย่างกับเขา “ฉันจะไปฝากครรภ์แล้วนะ”
[อืม...]
“อ้อ หึ โอเค...” มีนากดตัดสายโทรศัพท์เมื่อพ่อของลูกไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้ ฝ่ามือบางยกขึ้นกุมหน้าอกข้างซ้ายด้วยความเจ็บระบม เธอแอบรักเขาคนนี้มานานมากตั้งแต่เรียนด้วยกันสมัยมัธยม แต่พอเข้ามหา’ลัยทั้งคู่ก็มีเพื่อนเพิ่มอีกคนเป็นกระถิน และเขาก็บอกกับเธอว่าชอบกระถินตั้งแต่แรกพบ
“หึ...หึ เลวจังนะเรา” หญิงสาวพึมพำออกมาเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองคนเป็นเพื่อนผ่านบานหน้าต่างกระจกของห้องพักผู้ป่วยวีไอพี มีนารู้สึกผิดจับใจที่แอบตีท้ายครัวมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับองศามาโดยตลอด เธอยกทั้งกายทั้งใจให้กับเขาคนนั้นขณะที่อีกฝ่ายก็มักมากในเรือนร่างของผู้หญิงแค่นั้น องศาไม่สนใจถูกผิด ก่อนที่ค่ำคืนนั้นที่เขาเมามากจนลืมใช้เครื่องป้องกันทำให้เธอตั้งครรภ์ในที่สุด ทว่าขณะนั้นเอง
“คุณหมอคะ เรามีคนไข้ห้องนี้ด้วยเหรอคะ” พยาบาลสาวแปลกใจเมื่อเห็นรายชื่อของคนไข้พักฟื้นหลังผ่าตัดเพิ่มขึ้นหนึ่งคนในระบบ ก่อนที่มีนาจะทำหน้านิ่ง เคร่งขรึมเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม
“เมื่อคืนฉันผ่าตัดคนไข้ฉุกเฉินเอง มีคำถามอะไรอีกไหม...” เธอทำเสียงเข้มไปงั้น ทว่ากลับได้ผลเมื่อคุณพยาบาลกลัวจนหัวหด
“เอ่อ ไม่มีอะไรแล้วค่ะ” หญิงสาวรีบค้อมศีรษะก่อนจะก้าวขาเดินหนีคุณหมอสาวไป ซึ่งมีนาก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยดังเดิม
“กระถิน...องศาฝากมาบอกว่าแกลืมกระเป๋าน่ะ”
“หืม จริงสิ...ฉันคงถือมาแค่โทรศัพท์” จำได้ว่าตนโมโหมากเลยลุกขึ้นเดินหนีเขาคนนั้น คว้ามาได้แค่โทรศัพท์มือถือ ทว่า
“จริงด้วย ให้ตายเถอะ...โทรศัพท์ฉัน รถฉัน พวกมันต้องแกะรอยจากโทรศัพท์ของฉัน ทะเบียนรถของฉันด้วยแน่ ๆ” เธอกลับลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท ทว่าพอนึกขึ้นได้ก็ไม่ทันเสียแล้ว
“เฮ้ย...งั้นแกก็ไม่ปลอดภัยน่ะสิ”
“ฉันไม่เท่าไร แต่พ่อกับแม่ล่ะ” กระถินยกมือขึ้นลูบใบหน้าด้วยความกังวล ก่อนที่มีนาจะเดินเข้ามาใกล้
“มันอาจจะไม่ฉลาดขนาดนั้นก็ได้นะ แกใจเย็น ๆ ก่อน ช่วงนี้ก็ไม่ต้องออกไปไหน แล้วก็อย่าไปที่เกิดเหตุเด็ดขาด เผื่อมันเห็นรูปในโทรศัพท์ของแกแล้วจำแกได้”
“เอางั้นเหรอ งั้น...ฉันฝากเขาคนนี้ด้วยนะ อย่าให้ใครเข้าพบแล้วก็บอกกับทุกคนว่าเขาชื่อโจ้...ถ้าเขาฟื้นทุกอย่างก็จบแล้วล่ะ ให้เขาโทรหาญาติ”
“ได้ โอเคเลย” มีนาตอบรับพร้อมรอยยิ้ม อะไรที่กระถินทำแล้วสบายใจเธอก็พร้อมที่จะช่วยเหลือ “แล้วแกจะกลับบ้านไงอ่ะ”
“นั่นสิ แต่ฉันอยากกลับบ้านแล้วอ่ะ เป็นห่วงพ่อกับแม่”
“โอเค งั้นแกเอารถฉันไปขับก่อน”
“เฮ้ย...แล้วแกจะใช้รถที่ไหน”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ห้องพักของฉันก็อยู่ใกล้ ๆ โรงพยาบาลเอง เดินไปแป๊บ ๆ ถึง”
“โอเค ขอบใจแกนะ ฉันว่าฉันกลับบ้านไปหาพ่อแม่ก่อนดีกว่า” มีนาพยักหน้ารับพร้อมกับยื่นกุญแจรถให้อีกฝ่าย ซึ่งกระถินก็รีบร้อนกลับบ้าน แต่ก่อนจะออกไปนั้น
“รีบตื่นมานะคุณ...” หากว่านายคนนี้ตื่นทุกอย่างก็จบลง หญิงสาวไม่อยากเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการลอบฆาตกรรมของเขา เธอแค่อยากช่วยให้เขามีชีวิตอยู่ต่อ เรื่องตามหาคนร้ายนั้นไม่ใช่หน้าที่ของเธอ กระถินไม่คิดเข้าไปยุ่งเกรงว่าตนและครอบครัวจะเป็นอันตราย ให้เขาฟื้นขึ้นมาแล้วตามเรื่องเองจะดีกว่า...
ขณะเดียวกันที่โรงแรมในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เดชคุณยังคงรอรับข่าวสารจากลูกน้องของตนภายในโรงแรมแห่งนี้ เขาได้ประสานงานกับนายตำรวจใหญ่ของที่นี่ เพื่อหาเบาะแสรับแจ้งผู้ประสบเหตุทางรถยนต์ทั้งหมดภายในจังหวัดนี้และจังหวัดใกล้เคียง แต่ยังคงเงียบเช่นเดิม ทว่า
“นายครับ ผมรู้แล้วครับว่าไอ้พาทิศมันรู้ว่าเราอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ธันวาที่พยายามคิดหาเหตุผลเอ่ยพูดขึ้น อยู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมาเมื่อพยายามติดต่อหมากในเกมนี้อย่างธนกิต ที่เป็นพนักงานบัญชีของบริษัทแต่กลับติดต่อไม่ได้
“หมายความว่าไง”
“ไอ้ธนกิตครับ มันเป็นพนักงานบัญชีที่เราให้มันเขียนหนังสือให้ธนาคารโอนเงินให้กับไอ้สมชาติครับ มันติดต่อไม่ได้ครับ”
“งั้นเหรอ หึ...แกทำงานพลาดงั้นเหรอ”
“ปะ เปล่านะครับ ไอ้พาทิศมันน่าจะจับสังเกตได้ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดไปจากแผนเลยนะครับ” ธันวาชักจะกลัวเจ้านายคนนี้เสียแล้ว เขาว่าเสียงสั่น
“หึ ตามเก็บมันให้ได้ ถ้าไม่ได้กูจะเก็บมึงเอง”
“ดะ ได้ครับ ผมจะตามเก็บมันให้ได้ครับ” ธันวาว่าก่อนจะลุกขึ้นยืน เขาค้อมศีรษะให้กับคนเป็นนายก่อนจะออกไปทำตามคำสั่งของเจ้านาย ทว่าก่อนจะไปนั้น
“เดี๋ยว...อย่าลืมบอกไอ้สมชาติล่ะ ให้มันเพลา ๆ เรื่องเงินที่ยักยอกมาหน่อย กูเห็นมันซื้อของแพง ๆ ใส่แล้วเดี๋ยวมีคนรู้เรื่องอีก”
“ครับนาย” เดชคุณนั่งไม่ติดเก้าอี้ เขาพยายามทำตัวให้เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้นว่าพาทิศจะรู้ความจริงว่าเขาเป็นคนบงการทุกอย่าง
...เดชคุณจ้างให้ธันวาคอยเป็นตัวกลางสั่งให้ธนกิตที่เป็นพนักงานบัญชีในบริษัทเขียนหนังสือบอกให้ธนาคารโอนเงินที่ได้มาจากการยักยอกเงินเดือนพนักงานโรงงานให้กับสมชาติที่เป็นผู้จัดการฝ่ายผลิต...
“โธ่เว้ย!! จะสำเร็จอยู่แล้วเชียว!!” เขาตบโต๊ะดังสนั่นด้วยความโมโหสุดขีด ทว่า
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“เข้ามา!” เดชคุณตะคอกเสียงดังลั่นหลังจากมีคนเคาะประตูห้อง ก่อนที่บานประตูจะถูกเปิดออกจากบุคคลภายนอก
“นายครับ คนของเราไม่เจอไอ้พาทิศทุกโรงพยาบาลเลยครับ คนที่มาช่วยมันไปน่าจะไม่พาเข้าโรงพยาบาล”
“ใคร ใครช่วยมัน”
“เราไม่เห็นครับ เห็นแค่รถ...”
“ดี งั้นสืบจากทะเบียนรถคนที่ช่วยมัน โทรศัพท์มันล่ะ เห็นไหม” เดชคุณเหยียดยิ้มมุมปาก อย่างไรเสียก็ไม่มีทางหนีเขาพ้น ทว่าลูกน้องของเขากลับมีสีหน้ากระอักกระอ่วน
“มีไรวะ...”
“เอ่อ รถกับโทรศัพท์...พวกเราเผาทำลายแล้วครับ”
“ห้ะ!! อะไรนะ”
“พอดีผมกลัวว่าจะมีคนเห็นหลักฐานลอบฆ่านี้ครับ ก็เลยให้คนเผาทิ้งให้หมด”
“ไอ้ฉิบหายเอ๊ย!! กูสั่งเหรอวะ กูสั่งให้ทำเหรอวะ!!!” เดชคุณโมโหสุดขีดให้กับความเขลาของลูกน้อง พวกมันคิดแค่ทำลายหลักฐานแต่ไม่คิดสืบหาจากหลักฐานที่มี “โอ๊ย!! กูไม่แปลกใจสักนิดที่พวกมึงเป็นได้แค่ขี้ข้า โง่!!”
“ผมขอโทษครับนาย แค่กลัวว่าถ้าทางนั้นรู้ว่าคุณพาทิศหายไปแล้วสืบจากรถยนต์ที่แล่นเข้าถนนนี้แล้ว พวกเขาอาจจะตามหารถคันนี้ผมก็เลย...ผะ เผา”
“ออกไป ออกไปไอ้พวกโง่!!!” เดชคุณไม่รอฟังคำแก้ตัว เขาตวาดเสียงดังลั่นจนลูกน้องหนุ่มสะดุ้งรีบถอยหนีออกจากห้องพักนี้แทบไม่ทัน...