บทที่ 5 เสียใจ

1923 คำ
บ้านไม้โบราณสองชั้นในสวนผลไม้ โดยรอบบริเวณนั้นเป็นสวนผสมมีทั้งสวนกล้วยนานาพันธุ์ สวนมะพร้าว สวนละมุด สวนมะนาว สวนส้ม ผลไม้นานาชนิดภายใต้ชื่อสวนลุงพล บริเวณบ้านล้อมไปด้วยคูน้ำ กระถินขับรถกลับบ้านด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เกรงว่าคนร้ายจะแกะรอยหาตัวเธอได้แล้วตามมาถึงบ้าน ทว่ากลับไร้วี่แวว บิดายังคงเดินคุมคนงานในสวนคัดแยกขนาดของผลไม้ในโรงเก็บผลไม้ไม่ไกลจากหน้าบ้าน ขณะที่มารดายังคงนั่งทอผ้าไหมอยู่ใต้ถุนบ้านเช่นเดิม ไม่มีอะไรแปลกไปจากทุกวัน “อ้าว! อีหลา...นึกว่าไผบ่แม่นรถลูกตั๋วนั่น” (อ้าว! ลูกสาวน้อย นึกว่าใคร ไม่ใช่รถของลูกนี่) พอกระถินเปิดประตูลงจากรถของมีนาคนเป็นแม่ก็เอ่ยพูดเป็นภาษาอีสานในทันที “หึ รถของเพื่อนจ้าแม่ รถอีหลาเข้าศูนย์น่ะ” (อีหลา=ลูกสาว) กระถินเดินไปหาคนเป็นแม่ ซึ่งเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่อยู่ก็เป็นของมีนา “เป๋นจั่งได่ล่ะ ผู้บ่าวอีหลาคือเงียบคือเก่า” (เป็นอย่างไรบ้าง ทำไมแฟนลูกถึงยังเงียบอยู่เหมือนเดิม) “มีเรื่องนิดหน่อยจ้ะ เดี๋ยวหนูขอไปอาบน้ำก่อน” กระถินบ่ายเบี่ยง เธอลืมเตรียมคำพูดมาบอกพ่อกับแม่เสียสนิท เพราะมัวแต่เป็นห่วงท่านเกรงว่าจะมีคนร้ายตามมาเลยลืมเรื่องสำคัญขององศาไปเสียสนิท ...หญิงสาวขึ้นมาบนบ้านโดยไม่ได้เหลียวหลังมองว่ามารดานั้นมีสีหน้าแปลกใจมากแค่ไหน ร่างบางเข้ามาที่ห้องนอนของตนโดยไม่ลืมที่จะปิดประตูไม้เก่า ๆ นี้ไว้ ภายในห้องเงียบสงบ ขวัญผวาจากเหตุการณ์เมื่อคืนมากพอตัว ทว่าพอมีสติอีกครั้งเรื่องราวของแฟนหนุ่มก็วิ่งเข้ามาในหัวอีกครา กระถินมองไปยังโต๊ะหัวเตียงที่มีกรอบรูปของเธอกับคนเป็นแฟน มันเรียกน้ำตาให้ไหลอาบแก้มอย่างอัตโนมัติ “ฮึก...ฮืออ~” ริมฝีปากบางรูปกระจับสั่นระริก ใบหน้าก็ร้อนผ่าวพร้อมกับความเจ็บปวดที่หน้าอกข้างซ้ายราวกับว่าเครื่องบีบหัวใจกำลังทำงาน เธอถอยหลังพิงประตูห้องก่อนจะนั่งลงพร้อมกับชันเข่าขึ้นกอด ร้องไห้ระงมซบหน้าลงใส่หัวเข่าของตน รู้สึกเสียใจจนเกินกว่าจะเอื้อนเอ่ยคำใด ๆ ออกมา หัวใจมันสลายไปอย่างกะทันหันไม่ทันได้ตั้งตัว เขาไม่ได้เลิกราแต่กลับทำเรื่องเลวร้ายที่ทำให้เธอให้อภัยไม่ได้ ทว่า ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! “อีหลาเอ่ย ให้แม่เข้าไปแหน่” เสียงของมารดาเอ่ยขอเข้ามาในห้องดังขึ้นทำให้กระถินรีบหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เธอยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตัวเองก่อนจะจับผมเผ้าให้เข้าทรง แอ๊ด... “แม่...อึก มีหยัง” (มีอะไร) “แม่นหยังล่ะ ฮ้องไห้คักแท้” (เกิดอะไรขึ้น ร้องไห้หนักขนาดนี้) มารดาเดินเข้าไปในห้องของลูกสาว จูงมือเล็ก ๆ นี้เข้าไปนั่งที่เตียงนอน “ฮึก บ่เป็นหยังดอก แค่ไห้กับรถ อึก อยู่ซือ ๆ รถกะพัง” (ไม่ได้เป็นอะไร แค่ร้องไห้ให้กับรถ อยู่เฉย ๆ รถก็พัง) “บ่แม่นหมอองศาบ่ บ่แม่นไห้ให้หมอองศาติ” (ไม่ใช่ร้องไห้ให้หมอองศาเหรอ) ผู้มีอายุมากกว่านั้นดูออก ลูกสาวกลับมาจากไปหาว่าที่ลูกเขยแล้วร้องไห้แบบนี้ คงมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ ๆ “ฮึก ฮืออ~” กระถินโผเข้ากอดมารดา เธอร้องไห้ออกมาอย่างหนักเมื่อไม่สามารถอดกลั้นความรู้สึกเสียใจนี้ได้ ไม่ใช่แค่ระยะเวลาที่คบหากับเขาคนนั้น แต่เป็นอนาคตที่เธอวาดฝันไว้ “บ่เป็นหยังนะ บ่เป็นหยัง” ฝ่ามือเหี่ยวย่นลูบที่ต้นแขนเล็กของลูกสาว “บ่ต้องงึดว่าคนสิแนมจั่งได่ บ่มีงานแต่งกะได้ แม่บ่ว่าหยัง” (ไม่ต้องสนใจว่าใครจะว่าอย่างไร ไม่มีงานแต่งก็ได้ แม่ไม่ว่าอะไร) “อีแม่สิอายคนบ่ อึก อีพ่อต้องเสียใจแท้ ๆ” (แม่จะอับอายคนอื่นหรือเปล่า พ่อล่ะ...พ่อต้องเสียใจมากแน่ ๆ) “บ่เป็นหยัง มันเป็นจั่งได่ล่ะ” (ไม่เป็นไร แล้วมันเป็นยังไงกันล่ะ) กระถินผละอ้อมกอดออก เธอข่มเปลือกตาปิดลงปล่อยให้น้ำตาหลั่งริน ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างช้า ๆ “องศา อึก องศาเฮ็ดแม่หญิงท้อง” “ห๊า!! ป๊าดมันคือเฮ็ดแนวนั่น” (ทำไมเขาถึงทำแบบนั้น) มารดาว่าด้วยน้ำเสียงตกใจปะปนไปด้วยความโกรธแทนลูกสาว ทว่า “มันเฮ็ดแนวนั้นอีหลีติ” (มันทำอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ) “พ่อ...” สมพลยืนจังก้าอยู่หน้าประตูห้องนอนของลูกสาว เขาเห็นว่าคนเป็นลูกกลับมาแล้วแต่ไร้เงาของไอ้หนุ่มคนเมือง ทว่ากลับได้ยินคนเป็นลูกว่าอย่างนั้น “ไส เฮือนมันอยู่ไส กูสิเอาลูกปืนยัดใส่ปากมัน มันหาญคักแท้ มันหาญเฮ็ดอีหลากูไห้” (ไหนบ้านมันอยู่ไหน กูจะไปเอาปืนยัดใส่ปากมัน ทำไมกล้าทำให้ลูกสาวกูร้องไห้) สมพลว่าพร้อมกับออกตัวเดินหมายจะไปเอาปืนลูกซองภายในห้องของตน ทำให้กระถินรีบวิ่งตามในทันที “ฮึก อย่านะพ่อ อึก บ่เป็นหยัง อีหลาบ่เป็นหยัง” กระถินสวมกอดเอวหนาของคนเป็นพ่อจากทางด้านหลัง ไม่คิดว่าพ่อจะมาได้ยินสิ่งที่เธอพูด ท่านกำลังป่วย หญิงสาวไม่อยากให้ท่านเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น พลอยทำให้บิดาเป็นห่วงไม่เลิก “บ่เป็นหยังได่จั่งได่ โอ๊ยน้ออีนาง” (ไม่เป็นไรได้ไง โธ่ลูกสาวพ่อ) สมพลหมุนตัวหันกลับมากอดลูกสาวด้วยความเป็นห่วง เขาลูบแผ่นหลังเล็กสั่นเทานี้อย่างคนปลอบประโลม ลูกสาวเสียใจมากแค่ไหนคนเป็นพ่อเสียใจมากกว่าร้อยเท่าพันเท่า “ถ้ามันบ่ดีกะอย่าไห้ให้มัน ลูกสาวพ่อทั้งงามทั้งดี มีผู้ชายหลายคนถ่าลูกอยู่ ลูกพ่อเหมาะกับคนดี ๆ” (ถ้ามันไม่ดีก็อย่าไปสนใจมัน มีคนอีกตั้งมากมายที่รอลูกสาวพ่ออยู่) “ฮึก ค่ะ...หนูฮักพ่อนะ อึก พ่อบ่ต้องเป็นห่วงหนูนะ” สมพลส่ายหน้าเบา ๆ จะไม่ให้เป็นห่วงก็คงไม่ได้ ห่วงอย่างไรก็เป็นห่วงอยู่วันยังค่ำ ไม่สามารถหมดห่วงได้หรอก... หลายวันต่อมา... กระถินกลับมาที่โรงพยาบาลในรอบหลายวัน เธอยืนมองร่างหนาที่ยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียงนอน เขาไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหัวใจ ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานปกติแต่กลับยังไม่ฟื้น “อย่างที่แกรู้ ถ้าคนไข้ไม่ฟื้นก็ประเมินการตอบสนองของสมองไม่ได้...” มีนาเอ่ยพูดขึ้นเมื่อไม่มีการตอบสนองจากชายนิรนามคนนี้แม้แต่น้อย “พ่อแม่ของเขาคงรออยู่” “ใช่ เพราะฉะนั้นเราต้องแจ้งตำรวจให้เขาตามหาญาติ” “ไม่ได้หรอก ถ้าทำอย่างนั้น...พวกนั้นก็ตามฆ่าเขาแน่ ๆ” “แต่ตอนนี้เขาก็ไม่ต่างจากตายเลยนะ” มีนาว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง เธอเหนื่อยที่จะต้องโกหกแพทย์พยาบาลเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ แล้วว่าญาติเขาคนนี้เป็นใคร “ฉันจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้” “เฮ้ย!...เป็นแสนแล้วนะ” มีนากุมขมับให้กับความบ้าบิ่นของกระถิน ค่าผ่าตัดนั้นสูงมาก วันนั้นก็ใช้อุปกรณ์และยาหมดไปเยอะมาก เธอเป็นคนเบิกของเองทั้งหมด “ฉันมีเงินเก็บอยู่ ถ้าเขาฟื้นขึ้นมา...เขามีเงินจ่ายเราแน่ ๆ” กระถินมั่นใจว่าเขาต้องเป็นคนรวยมาก และเธอก็มีเงินเก็บจากการลาออกจากราชการด้วย “เอาอะไรมามั่นใจขนาดนั้น วันนั้นเขาใส่เสื้อยืดกางเกงกีฬา นอกจากหน้าตาก็ไม่มีอะไรยืนยันว่าเขาเป็นคนรวยเลยนะ” มีนาว่าอย่างเป็นห่วง เธอเดินเข้าไปใกล้คนเป็นเพื่อน “แค่นี้แกก็เสี่ยงมากแล้ว แกไม่ได้ไปที่เกิดเหตุใช่ไหม...” “ไม่อ่ะ กลัวพวกมันดักอยู่เหมือนกัน แต่แปลกมากที่มันไม่ตามฉันเลย ทั้ง ๆ ที่โทรศัพท์และรถของฉันมันตามตัวฉันได้” “นั่นสิ เพราะอย่างนั้นแกก็อย่าไปที่นั่นก็แล้วกัน” “เฮ้อ...ทำได้แค่รอให้เขาฟื้นสินะ” หญิงสาวเอ่ยพูดออกมาเบา ๆ เธอไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวอะไรกับเขาเลย “แล้ว...พ่อแกเป็นไงบ้าง” กระถินยิ้มออกมาบาง ๆ วันนี้เธอพาพ่อมาหาหมอก็เลยถือโอกาสมาหาเขาคนนี้ด้วย ซึ่งโรงพยาบาลแห่งนี้ไม่ได้มีแค่ศูนย์ระบบประสาทและสมองแต่มีศูนย์โรคอื่น ๆ อีกด้วย เรียกได้ว่าใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเลยก็ว่าได้ “ก็ดูแลแบบประคับประคอง แต่พ่อก็ยังแข็งแรง หึ พ่อทำเป็นแข็งแรงมากกว่า” มีนาเดินเข้ามาใกล้ โอบเอวบางของคนเป็นเพื่อนไว้เมื่อกระถินว่าอย่างอ่อนแรง “พ่ออยู่ได้นานกว่าหมอคิดไว้อีก หึ คงเป็นเพราะเป็นห่วงฉัน ตอนแรกฉันก็รู้สึกดี แต่ความจริงแล้วพ่อทรมานมาก มะเร็งลุกลามไปทั่วแล้ว” “ไม่เป็นไรนะแก คุณลุงก็จะได้อยู่กับแกนาน ๆ ไง” “หึ นั่นแหละที่มันโคตรเห็นแก่ตัว ฮึก...” มีนารั้งร่างบางของคนเป็นเพื่อนเข้ามากอดเมื่อกระถินร้องไห้ออกมา “ตั้งแต่เกิดจนโต จนทำตามความฝันตัวเองได้ พ่อทำทุกอย่างเพื่อฉัน...แต่พอฉันเรียนจบได้ทำงานดี ๆ มันกลับเป็นแบบนี้” “_” “จนถึงตอนนี้พ่อก็ยังเป็นห่วง อึก...ฉัน” กระถินร้องไห้ออกมาอย่างหนักจนตัวโยน แม้นจะมีงานมั่นคง มีเงินมากพอที่จะดูแลตัวเองและมารดาได้ แต่บิดาก็อยากให้เธอหาคู่ครอง อยากให้ใครสักคนมาดูแลเธอ “_” “องศาไม่น่าทำแบบนี้กับฉันเลย มีนา...อึก ฉันรู้สึกผิดหวัง สับสน อึก...” มีนามองใบหน้าของกระถินด้วยความรู้สึกเสียใจไม่ต่างกัน หญิงสาวอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “องศาบอกจะเอากระเป๋ามาให้แก...พรุ่งนี้” “ฉันไม่ให้อภัยเขาหรอก ฉันจะปฏิเสธเขาไป แกรู้ป่ะว่า...เขาทำแบบนี้มันต้องมีครั้งที่สอง ที่สาม เขาหักหลังฉันทั้ง ๆ ที่ฉันไว้ใจ อึก ไว้ใจมาตลอด” ยิ่งพูดก็ยิ่งเสียใจ ฝ่ามือบางยกขึ้นวางแนบหน้าอกข้างซ้าย มันปวดหนึบจนต้องร้องไห้โฮออกมา “_” “ฉันทำให้แกลำบากใจสินะ อึก แกเศร้าไปกับฉันเลยเห็นไหม” กระถินพยายามควบคุมเสียงให้เป็นปกติเมื่อเห็นว่ามีนากำลังร้องไห้ตามเธอ แต่ความจริงแล้วมีนาร้องไห้ให้กับความผิดของตัวเองต่างหาก “อึก ฉะ ฉันต้องทำงานแล้วอ่ะแก เดี๋ยวฉันช่วยดูเขาให้นะ” กระถินพยักหน้ารับ เธอก็ต้องไปหาบิดาแล้วเหมือนกัน แต่ก่อนจะไป... “โจ้...ฟื้นได้แล้วนะพ่อแม่นายรออยู่” หญิงสาวเอ่ยพูดออกมาเบา ๆ ร่างหนาที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงนอนนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ แผลผ่าตัดก็สมานได้ดี แต่เขากลับยังไม่ฟื้น...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม