ทุ่งนาที่กว่าสิบไร่ตรงหน้าทำให้พาทิศแข้งขาอ่อนแรง เขามองพ่อของกระถินที่กำลังเอาคราดเหล็กและอุปกรณ์ต่าง ๆ ลงมาจากรถบรรทุกขนาดเล็กนี้
“รถคันนี้เรียกรถอีแต๋น ไม่ใช่รถเส็งเคร็ง” หญิงสาวเอ่ยออกมาลอย ๆ เพราะตลอดทางเขาพูดแต่คำว่ารถเส็งเคร็งบ้านเส็งเคร็ง
“ทำไมพ่อเธอไม่จ้างคนงาน” แต่เขาหาได้สนใจไม่ กลับเอ่ยถามสิ่งที่สงสัยแทน ทว่า
“มีลูกเขยแล้วจะจ้างคนงานให้เปลืองเงินทำไมล่ะบักหำ”
“พ่อ...” กระถินหันขวับไปหาบิดาที่พูดอย่างตรงไปตรงมาแถมยังเรียกสรรพนามที่ทำให้ชายหนุ่มผงะ “พี่เขาชื่อโจ้ก็เรียกโจ้เถอะพ่อ”
“เบื่อชื่อนี้ชะมัด”
“ก็ดีกว่าชื่อหำไหมละ”
“ดูพูดเข้า เป็นผู้หญิงเธอพูดออกมาได้ยังไง ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งไม่อยากจะเชื่อว่าฉันจะมีเมียแบบนี้ ผู้หญิงของฉันต้องเป็น...เป็น”
“เป็น?”
“จำไม่ได้ รู้แค่ว่าสเปคฉันไม่ใช่ผู้หญิงเถื่อน ๆ แบบเธอ”
“จ้า เอาไป!” กระถินโยนคราดเหล็กให้กับเขา ดีที่รับทันไม่งั้นเขาอาจจะความทรงจำหายซ้ำซ้อนจากการโดนคราดฟาดหน้าเข้าให้
“ลูกไม่ต้องทำอะไรนะ กระถินนั่งเฝ้าของอยู่นี่แหละ” พาทิศได้ยินอย่างนั้นถึงกับหันขวับไปมองคนพูด เขาข่มอารมณ์ไว้
“มา ตามมา”
“ไปสิ พ่อฉันเรียกแล้วน่ะ” กระถินว่าพร้อมกับเดินมาใกล้ร่างหนา เธอจัดแจงหมวกให้กับเขา “มันอาจจะร้อนหน่อย ถ้าหน้ามืดก็บอกพ่อฉันนะ อย่าฝืน”
“ฉันหน้ามืดแล้ว”
“ตลกละ หึ” ยังไม่ทันไรเขาก็เอ่ยปากบอกเธอ แต่หญิงสาวก็อดหัวเราะให้กับคนหน้ามึนอย่างเขาไม่ได้จริง ๆ เธอยืนมองร่างหนาที่เดินตามแผ่นหลังของคนเป็นพ่อไป
...บิดาดูมีความสุขขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ปกติวันธรรมดาก็ต้องไปคุมคนงานที่สวนส้ม แต่กลับอยากพาลูกเขยมาเก็บฟางเสียอย่างนั้น แถมยังสอนงานให้เขาอีกด้วย
“อย่าไปเหยียบนาผืนนั้น มันไม่ใช่ที่ของเราไอ้หมามันไม่ชอบ”
“หมา...พ่อคุยกับหมารู้เรื่องด้วยเหรอ” สมพลหันขวับมามองใบหน้าของเจ้าของคำพูดนี้ ก่อนที่พาทิศจะรู้ตัว “หึ ก็เห็นบอกไอ้หมา”
“ไม่ใช่ ไอ้หมาคือไอ้บุญมามันไม่ชอบพ่อ” เขาพยักหน้าหงึกหงักรับ พ่อของกระถินค่อนข้างใจดีสำหรับเขาในบางครั้ง แต่บางครั้งก็หน้าบึ้ง ชายหนุ่มก็เลยไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วอีกฝ่ายนั้นชอบเขาหรือไม่ แต่ท่านก็อนุญาตให้เขาเรียกว่าพ่อ
“โกยฟางกองกันไว้สูง ๆ เดี๋ยวตกเย็นจะให้คนมาขน”
“ห้ะ แล้วทำไมไม่ให้คนมาโกยด้วยล่ะครับ”
“คำตอบเดิม มีลูกเขยแล้วจะจ้างทำไม” สมพลว่าเสร็จก็ฉีกยิ้มให้กับอีกฝ่ายทันที ทำเอาชายหนุ่มนึกโกรธแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เช่นเดิม “เดี๋ยวจะทำให้ดูก่อนสักกอง”
“ทั้งหมดนี่เลยเหรอครับ มันเยอะไปไหม”
“หึ ทำไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็เสร็จ” พาทิศเหนื่อยจะต่อรองแล้ว เขาโกยฟางจำนวนมากนี้มากองรวมกันตามที่พ่อตาได้บอก ทว่าพอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีอีกฝ่ายก็หายไปแล้ว
“แม่งเอ๊ย!!” พาทิศโยนคราดทิ้ง เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่สว่างจ้านี้ มันช่างสดใสแตกต่างจากชีวิตของเขาเสียเหลือเกิน แต่บ่นไปก็เท่านั้น
...พาทิศรีบใช้คราดโกยฟางข้าวมากองรวมกันหลาย ๆ กอง ด้วยพละกำลังสมชายชาตรีทำให้เขาทำได้คล่องแคล่ว ก่อนที่สายตาคมจะมองเห็นคนตัวเล็กที่เดินถือกระติกน้ำเข้ามาหา
“ร้อนจัง...”
“หึ เดินมาแค่นี้บ่นร้อน” เธอหันมายิ้มโชว์ซี่ฟันให้เขาได้ดู ก่อนจะตักน้ำเย็น ๆ ใส่แก้วให้เขา “สกปรกชะมัด”
“จะกินไหม”
“กินสิ เหนื่อยจะแย่” แม้นปากจะว่าอย่างนั้นแต่คนตัวโตก็อ้าปากรอน้ำในแก้วจากเธอ “เอามาสิ...ฉันแสบมือ”
“อะไรของพี่เนี่ย” กระถินป้อนน้ำให้เขาโดยการนำแก้วน้ำสเตนเลสเก่า ๆ นี้จ่อริมฝีปากหนา เธอค่อย ๆ ประคองแก้วยกสูงให้คนตัวโต “พ่อก็แค่แกล้งพี่แค่นั้นแหละ จริง ๆ เรามีรถอัดฟาง”
“ห้ะ...”
“หมายถึงรถที่มันสามารถวิ่งแล้วก็อัดฟางให้เป็นก้อน ๆ น่ะ แต่พ่อแค่อยากดูความอดทนของพี่แค่นั้น”
“จริงเหรอ...แล้วพ่อเธอไปไหน”
“หืม นอนอยู่ในเถียงนานั่นน่ะ” เธอชี้นิ้วให้เขาดู พาทิศหยีตามองด้วยความโกรธ แต่จะทำอย่างไรได้ก็เขาไม่มีอะไรเหลืออยู่แม้แต่ความทรงจำ “ร้อนไหม”
“ร้อนสิ ถามได้” เขาว่าอย่างคนไม่พอใจ ซึ่งคำตอบของเขาก็ทำให้เธอดึงหมวกฟางที่สวมอยู่นั้นค่อย ๆ พัดวีให้เขา “ทำอะไร”
“เย็นขึ้นไหม”
“_”
“สู้ ๆ นะ ฉันไม่ได้อยากให้พี่ต้องมาทำอะไรแบบนี้หรอก ถือว่าทำงานแลกเงินที่ฉันช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้นะ”
“ลำเลิกบุญคุณหรือไง”
“เปล่านะ ฉันไม่อยากให้พี่คิดว่าฉันใช้แรงงานพี่แค่นั้นเอง” กระถินว่าเสียงอ่อนแต่เขากลับส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาใช้คราดชักลากฟางข้าวมากองรวม ๆ กัน ท่าทีของคนตัวโตทำให้กระถินรู้สึกผิด เหงื่อของเขาท่วมตัวเลยก็ว่าได้...
เวลาต่อมา...
ความเหนื่อยล้าทำให้พาทิศทรุดเข่าลงข้าง ๆ กองฟาง เขาแอบนั่งพักโดยทำกองฟางให้สูงมากพอบังตัวได้ ชายหนุ่มยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อ เขามองหลังมือของตนที่แดงก่ำนี้
“ทำไมวะ” พาทิศนึกโกรธโชคชะตาที่ให้เขาเกิดมาแบบนี้ ไม่อยากจะเชื่อว่าตนกำพร้าไม่มีพ่อแม่ ไม่อยากจะเชื่อว่าตนจะมีเมียแล้ว ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะมาอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นแบบนี้ ทว่า
“ไผล่ะนั่น” (ใครล่ะนั่น) น้ำเสียงดูมีอายุของใครบางคนดังขึ้นทำเอาร่างหนาสะดุ้งโหยง เขาหันไปมองตามเสียงเรียกนั้นก่อนจะพบว่าเป็นใครที่เขาไม่รู้จัก คราแรกนึกว่าพ่อของกระถินแต่พออีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ ๆ เขาก็รู้ว่าไม่ใช่
“ผมเป็นลูกเขย เอ่อ...ลุงพล” เขาจำชื่อพ่อกระถินได้จากป้ายหน้าสวน แต่พอเอ่ยพูดอีกฝ่ายกลับมีสีหน้าตกใจ
“คนเมืองเรอะ พูดไทย”
“ครับ แล้วลุงเป็นใครครับ” พาทิศนึกสงสัยเพราะอีกฝ่ายเดินมาจากอีกฝั่งหนึ่งซึ่งพ่อของกระถินบอกว่าอย่าไปเหยียบ
“อ้อ ลุงชื่อบุญมา เจ้าของสวนข้าง ๆ นี้แหละ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ บุญมาชื่อนี้ที่พ่อของกระถินบอกว่าไม่ถูกกัน แต่ช่างปะไรไม่เกี่ยวอะไรกับเขา “มาอยู่กับกระถินเหรอ”
“ครับ” ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ใส่ใจเพราะว่าเขาอยากพักไม่ได้อยากคุยกับใคร ทว่า
“สักมวนไหม”
“หืม...” ชายสูงวัยยื่นยาเส้นที่ถูกม้วนเป็นมวนให้กับชายหนุ่มตรงหน้า ซึ่งพาทิศก็ยื่นมือไปรับเพราะรู้สึกว่าตัวเองเคยสูบบุหรี่ เขาอยากรู้ว่าตนเสพติดบุหรี่หรือไม่ ยาเส้นก็น่าจะเหมือนบุหรี่
“เอานี่ไฟแช็ก” พาทิศรับไฟแช็กมาจุดไฟที่มวนบุหรี่โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกชายสูงวัยคนนี้หลอก ชายหนุ่มสูบยาเส้นเข้าปอดลึก ๆ เขารู้สึกเฉย ๆ ไม่ไอและไม่รู้สึกเจ็บคอ พาทิศกระตุกยิ้มปากเล็กน้อยเขารู้สึกว่าตนก็เป็นสิงห์รมควันเช่นกัน
...หากได้ลองทำอะไรหลาย ๆ อย่างความรู้สึกภายในใจของเขาจะบอกชัด ๆ เองว่าเขาเคยทำหรือไม่ ตั้งแต่อยู่ที่นี่มา...มีเพียงแค่บุหรี่ที่ทำให้เขารู้สึกว่าเคยสูบ นอกนั้นพาทิศไม่คุ้นเคยแม้กระทั่งผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่าเป็นเมียเขา