...เวลาเช้าตรู่กระถินเข้าครัวช่วยมารดาทำกับข้าว เธอแยกไข่ออกมาเจียวให้เขาคนนั้นต่างหากโดยไม่ได้ใส่ชะอมหรือใส่ผัก เป็นไข่เจียวหมูสับเพรียว ๆ เพื่อให้เขาคนนั้นทานข้าวได้
สายตาของเธอพลันมองเห็นร่างหนากับคนเป็นพ่อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รั้วบ้าน โดยที่ตรงหน้านั้นมีโอ่งมังกรอยู่สองใบ และขันใบหนึ่ง
“หุ่นดีเป็นบ้า” เธอพึมพำออกมาเบา ๆ ผิวของเขาขาวจั๊วะยิ่งโดนแสงแดดยามเช้าอ่อน ๆ ส่องก็ยิ่งมีออร่ามาเกาะตามตัว บนตัวของเขามีเพียงผ้าขาวม้าพันรอบเอวสอบ บิดามาเคาะประตูแต่เช้าให้เขาตื่นเพื่อจะไปสวนด้วยกันตั้งแต่ตีห้า แต่เขาก็โวยวายใหญ่โตว่าไม่ไปกระทั่งยอมไปในที่สุดเพราะไม่มีทางเลือก ร่างหนาเปื้อนดินโคลนมาทั้งตัว เขาถึงต้องอาบน้ำข้างนอกห้องน้ำ
“พันแบบนี้ไม่มีทางหลุดแน่ ถอดกางเกงในออกด้วย” พาทิศยอมทำตามด้วยความเบื่อหน่ายคำพูดของผู้อาวุโส เมื่อเช้าเขายังไม่ได้ทำอะไรมากนักเพียงแค่เดินตามหลังไป ทว่าเขากลับพลัดตกคลองเสียอย่างนั้น
“เฮ้อ...มันจะทำอะไรกินได้ล่ะหือ” ชายหนุ่มยังคงพะวงกับการพันผ้าขาวม้าอย่างไรไม่ให้หลุด ทว่า
พรึ่บ!
“กรี๊ดดด~”
“เฮ้ย!!” พาทิศเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นทันทีที่ผ้าขาวม้าของเขาร่วงลงพื้น แม้นจะคว้าได้ทันแต่เจ้าโลกของเขาก็ออกมาเผชิญโลกกว้างเสียแล้ว แต่ที่ตกใจกว่านั้นคือกระถินถ้ำมองเขา!
“ให้ตายสิ...” หญิงสาวยกมือขึ้นนาบอก เธอหายใจไม่ทั่วท้อง ใจดวงน้อยก็เต้นตึกตัก ใบหน้าก็ร้อนผ่าวยิ่งกว่าไข่เจียวที่เพิ่งทอดเสร็จเสียอีก
“เกิดอะไรขึ้น”
“ไม่มีอะไรจ้ะแม่” มารดามึนงงเมื่ออยู่ ๆ ลูกสาวก็ร้องออกมาเสียงหลง แต่พอจะขยับไปมองหน้าต่างห้องครัวคนเป็นลูกก็เดินมาขวางทางเสียก่อน
“แม่ทำกับข้าวเสร็จละเหรอ”
“หือ อ้อ..ยังจ้า” มารดารีบหันกลับไปทำอาหารต่อ ไม่ทันได้รู้ว่าลูกสาวแอบมองผู้ชายอาบน้ำ แต่เขาคนนั้นเห็นเต็ม ๆ
...บนโต๊ะอาหารใต้ถุนบ้าน เดิมทีนั่งกินที่พื้นสองผัวเมียแต่พอลูกสาวมาอยู่ด้วยก็เลยต้องมีโต๊ะอาหาร ซึ่งตอนนี้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง
“ไปทำอะไรกันเหรอ เมื่อเช้า”
“ยังไม่ทันเฮ็ดหยังบักโจ้ก็หย่างตกคูน้ำ” (ยังไม่ทันได้ทำอะไรไอ้โจ้ก็เดินตกคลองน้ำก่อน)
“ให้พูดภาษาไทยไงพ่อ เขาฟังไม่ออก”
“เอาใจยากคัก” กระถินหันไปมองคนตัวโตที่ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร เขาตั้งหน้าตั้งตากินข้าวไข่เจียวที่เธอทำให้ ก็แหงสิ...เขาไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อคืน
“แล้ววันนี้พ่อจะพาเขาไปทำอะไรอ่ะ หนูว่าอย่าใช้งานเขานักเลย”
“ไม่ได้หรอก มาอยู่บ้านนี้ก็ต้องทำงานให้เป็น”
“ใครอยากอยู่ โอ๊ย!...เธอ” ชายหนุ่มกัดฟันกรอดเมื่อเจ้าของร่างบางข้าง ๆ ยื่นมือเล็กมาหยิกเอวของเขา
“ฮ่า ๆ พี่โจ้พูดเล่นน่ะ เขาขยันจะตาย ใช่ไหมจ๊ะ”
“ขยันกับผีน่ะสิ” เขาหนุ่มรู้สึกหงุดหงิด เมื่อเช้าเกือบเอาชีวิตไม่รอดจากคลองน้ำ น้ำเน่าเหม็นพวกนั้นทำเอาเขาเกือบเป็นลม
“เฮ้อ...รีบ ๆ กินแล้วจะได้ไปขนฟางข้าว”
“ขนฟาง?”
“ใช่ นาฝั่งตะวันออกดูดข้าวแล้วก็ต้องไปกวาดฟางมาเก็บไว้ให้วัวควาย”
“ไม่ ผมไม่ไป” เขาลุกพรวดขึ้นพร้อมกับว่าเสียงดัง ก่อนจะเดินหนีอย่างไร้จุดหมายทำให้กระถินรีบวิ่งตามไปในทันที
หมับ!
“ทำอะไรของพี่เนี่ย...เดินออกมาแบบนี้ได้ยังไง” เธอคว้าข้อมือของเขาไว้ ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันมาตะคอกเสียงใส่เธอ
“เหนื่อยไง! บ้าหรือไงฉันออกจากโรงพยาบาลแทนที่จะให้พักฟื้นแต่กลับมาใช้งานกัน”
“เพราะอะไรรู้ไหม เพราะชีวิตมันต้องดำเนินต่อไปไง พี่ต้องกินต้องใช้ ต้องใช้เงิน...ถ้านอนอยู่เฉย ๆ มันไม่มีเงินงอกขึ้นมาหรอกนะ”
“_”
“อยากไปกรุงเทพฯไม่ใช่หรือไง ก็ทำงานซะสิ ฉันจะบอกให้พ่อให้ค่าแรงพี่ด้วย” พาทิศนิ่งคิด เขามีความรู้สึกว่าเขาต้องไปที่นั่น
“_”
“ระหว่างนี้ที่พี่รอให้ความทรงจำกลับมาพี่ก็ทำงานแลกเงิน จะได้ไปกรุงเทพฯไปรื้อฟื้นความจำไง” กระถินพยายามหลอกล่อ เธอรู้ดีว่าความทรงจำมันไม่ได้ฟื้นคืนได้ง่าย ๆ อีกอย่างเมืองหลวงมันก็ไม่ได้เล็ก ถ้าเขาไปแล้วมันไม่ใช่พื้นเพเดิม ๆ ของเขาอย่างไรก็ไม่มีทางจำได้หรอก
“เธอก็ไปด้วย”
“ห้ะ...”
“อึก ไปทำงานกับฉัน” เขาสบตากับเธอ ชายหนุ่มรู้สึกประหม่าเมื่ออยู่คนเดียวโดยไม่มีเธอข้าง ๆ พ่อของเธอจ้องเล่นงานเขาจะไม่ให้เขากลัวได้อย่างไร
“แม้แต่แดดพ่อก็ไม่ให้ฉันโดน” เธอว่าน้ำเสียงนิ่งเรียบ “แต่เดี๋ยวลองขอพ่อดู”
“หึ โอเค ดีล...” พาทิศยกยิ้มมุมปาก ก่อนที่เขาจะทวนคำพูดของตัวเอง “ดีล...ฉันคงพูดบ่อยสินะ”
“แหงสิ คงดีลผู้หญิงเก่ง”
“หืม แล้วเธอไม่หึงหรือไง” เขาว่าขึ้นระหว่างเดินเคียงข้างเธอกลับทางเดิม “ไหนบอกว่าคบกับฉัน ทำไมถึงรู้ว่าฉันดีลผู้หญิงเก่งแล้วให้ดีลเหรอ”
“หือ...อ้อ ก็หึงสิ ทำไมจะไม่หึง หึงตั้งแต่พี่พูดว่า 36 22 38 ใครมันจะไปเอวเล็กขนาดนั้น อย่างนั้นก็ไม่มีที่ให้ไส้อยู่แล้ว”
“หึ...” เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ โดยไม่รู้ตัว พาทิศหันมามองหน้าเธอบ่อยครั้งระหว่างที่เดินกลับเข้าบ้าน
“รีบหน่อย!! มัวชักช้า!!” พอก้าวขากลับเข้ามาในรั้วบ้านก็ได้ยินเสียงของคนเป็นพ่อตะคอกออกมา ไม่ได้อยู่ไกลกันมากนักแต่ที่ตะคอกเพราะว่าท่านกำลังสตาร์ตรถอีแต๋น [1]
“บอกฉันว่านั่นรถ มันไม่ใช่เศษซากรถใช่ไหม”
“หึ...รถนั่นแหละ เดี๋ยวก่อนนะพ่อ!!” กระถินตะโกนเสียงกลับก่อนที่เธอจะวิ่งเข้าไปในห้องเก็บของของคนเป็นพ่อ ซึ่งมีเสื้อผ้าทำงานของท่านอยู่ในนั้น ไม่นานเธอก็ออกมาพร้อมกับเสื้อแขนยาวลายสก็อตและหมวกฟาง
“ใส่ไว้ แดดมันร้อนมาก” กระถินสวมเสื้อแขนยาวให้กับเขาโดยที่ชายหนุ่มยังไม่ทันตั้งตัว พาทิศกลั้นลมหายใจเมื่อเธอเขย่งปลายเท้าสวมหมวกฟางให้ด้วย
“ทะ ทำอะไรของเธอ”
“ก็แต่งตัวให้ผัวไง หึ”
“บ้า พูดออกมาได้” เขาใช้ปลายนิ้วมือดันหน้าผากของเธอให้ออกห่าง ชายหนุ่มส่ายหน้าเบา ๆ “แล้วของเธอล่ะ”
“หืม...”
“ไม่ใส่หรือไง”
“อ้อ งั้นรอแป๊บ...” ร่างบางวิ่งหายเข้าไปในห้องเก็บของคนเป็นพ่ออีกครั้ง ก่อนที่เธอจะเดินออกมาพร้อมกับหมวกและเสื้อแขนยาว
“อ้าว! อีนางสิไปไส” (อ้าว! ลูกจะไปไหน)
“ตามผัวไปนาจ้า” กระถินตะโกนเสียงบอกแม่ทำเอาคนแก่หัวใจจะวาย เธอพูดออกมาโต้ง ๆ โดยไม่อายปาก แม้นจะนึกโกรธแต่ก็รู้สึกดีที่ลูกไม่จมน้ำตาเหมือนกับที่ผ่านมา
“มาสิ” กระถินยื่นมือไปคว้าต้นแขนแกร่งให้เดินตามหลังมา โดยมีสายตาคมก้มมองฝ่ามือของเธอด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ในใจ ก่อนที่เขาจะเอ่ยพูดถึงเรื่องเมื่อเช้า
“เมื่อเช้าเธอแอบดูฉันอาบน้ำ”
“บะ บ้า ไม่ได้แอบดูสักหน่อย...แค่บังเอิญมองไปเห็น” เธอตอบโดยไม่ได้มองหน้าเขาเสียด้วยซ้ำ หญิงสาวขึ้นรถอีแต๋นข้าง ๆ คนเป็นพ่อโดยที่ยังคงควงแขนคนตัวโตที่ขึ้นมานั่งข้าง ๆ อีกที
“ปล่อยแขนได้แล้วน่า ฉันรู้ว่าแขนฉันแน่นปึกน่าจับ แต่เธอจะจับแบบนี้ตลอดไม่...เฮ้ย!!! ฉันจะตกนะโว้ย” ชายหนุ่มพูดยังไม่ทันขาดคำเรียวแขนเล็กก็รีบดึงแขนตัวเองออกมา ทว่าเขากลับเสียหลักจะตกรถ พาทิศร้องเสียงหลงในทันที คนตัวโตใจหายใจคว่ำรีบกอดร่างบางของเธอไว้
“กอดฉันทำไม รู้นะว่าตัวฉันมาน่ากอด หึ” หญิงสาวยอกย้อนคำพูดของเขาก่อนหน้านี้ ทำเอาชายหนุ่มมองตาขวาง จะปล่อยก็ไม่ได้ ถ้าปล่อยมีหวังเขาตกรถเส็งเคร็งนี้อย่างแน่นอน...