เวลาต่อมา...
“ฉันไม่อยากเดิน...ตลาด” ยังไม่ทันลงจากรถคนตัวโตก็เอ่ยพูดขึ้น เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อรถยนต์ที่นั่งมานี้มาจอดลงที่หน้าตลาดนัดภายในตัวเมือง “มันไม่ใช่ที่ของฉัน”
“ห้ะ...”
“ไปเดินห้างฯ ใช่...ห้างสรรพสินค้า”
“เฮ้อ...เมื่อกี้ฉันก็บอกพี่ไปแล้วไงว่าเงินฉันหมดแล้ว เพราะว่าจ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าผ่าตัด ค่ายา จ่ายเต็มจำนวนไม่มีส่วนลดใด ๆ ไปล้านกว่า”
“_”
“หึ พี่โจ้...”
“ฉันไม่ได้ชื่อโจ้”
“แล้วชื่ออะไร...หืม” กระถินอยากเอาหัวโขกพวงมาลัยรถให้รู้แล้วรู้รอด ซึ่งรถคันนี้ก็เป็นรถกระบะของคนเป็นพ่อที่เอาไว้ขนผลไม้ แต่เธอก็เอามาขับไปหาเขาบ่อย ๆ
“ไม่รู้”
“หึ...ไม่รู้ ไม่รู้แล้วยังเรื่องมากอีก” หญิงสาวพึมพำออกมาเบา ๆ ก่อนที่เธอจะดับเครื่องยนต์ “ลงไปสิ”
“ไม่...ทำไมเธอไม่ไปห้างฯ นั่นไง อยู่นั่น” เขาชี้นิ้วไปที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกับตลาดนัด
“คือว่าพี่ต้องซื้อของใช้ใหม่ทุกอย่างซึ่งมันเยอะมาก ๆ เราไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น”
“ทำไมต้องซื้อใหม่...”
“หือ...อ้อ เอ่อ...” กระถินอ้ำอึ้ง เธอมีสีหน้าเลิ่กลั่กอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะนึกอะไรดี ๆ ออก “คืองี้...คือพี่น่ะกำลังจะมาหาฉันที่บ้าน แต่ว่าดันเกิดอุบัติเหตุก่อน กว่าจะมีคนมาเจอพี่กระเป๋าเดินทางของพี่ก็ถูกคนขโมยไปแล้ว”
“เหรอ...งั้น ฉันขอกลับบ้าน พ่อแม่ฉันอยู่ไหน”
“หือ? อึก คือ...” หญิงสาวเม้มริมฝีปาก ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ บีบน้ำตาออกมา “อึก คือพี่เคยบอกฉันว่าจะไม่คุยเรื่องนี้กันอีก พี่เป็น...เด็กกำพร้า”
“กำพร้า?”
“ใช่ พี่ต้องทำงานตรากตรำกว่าจะมีเงินมาหาฉันได้ โธ่...เคราะห์ซ้ำกรรมซัดให้พี่เกิดอุบัติเหตุอีก”
“ไม่จริงอ่ะ ฉันมีพ่อแม่” ฝ่ามือบางกำเข้าหากันแน่น เขาช่างดื้อด้านเสียจริง “แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองรวย”
“เหรอ งั้นก็ไปสิ...ไปหาพ่อแม่พี่” พาทิศขมวดคิ้วที่เธอเอ่ยปากไล่ เขาหันซ้ายแลขวาก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไป “จิ๊...ไปจริงแฮะ”
...ชายหนุ่มลงจากรถกระบะคันเก่านี้ เขาหันซ้ายหันขวาด้วยความแปลกใจ ซึ่งคนรอบข้างที่เดินกันให้ขวักนี้แต่งตัวชนบทมาก ๆ แต่พอก้มมองตัวเองก็ไม่กล้าจะว่าใครอื่น เพราะเขาก็ซอมซ่อไม่ต่างกัน
“ร้อนชะมัด” ฝ่าเท้าหนาในรองเท้าแตะก้าวขาเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าโดยไม่รู้ว่ากระถินแอบเดินตามมาเงียบ ๆ เธอก็อยากจะรู้เช่นกันว่าเขาจะเอายังไงต่อ และอยากให้เขารู้ว่าตัวเขาเองนั้นไม่มีที่ไปแล้ว
“หล่อจัง” มุมปากหยักได้รูปยกขึ้นเบา ๆ เมื่อได้ยินเสียงสาว ๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมานั้นเอ่ยชมความหล่อเหลาของเขา ใบหน้าหล่อเหลาก็ยิ่งตึงเข้าไปใหญ่ ความเก๊กหล่อนั้นทำให้กระถินที่มองอยู่ส่ายหน้าเบา ๆ
...พาทิศเดินไปมาโดยไม่รู้จุดหมาย รู้แค่ว่าเขาไม่อยากอยู่ใกล้ผู้หญิงคนนั้น เธอมีท่าทีแปลก ๆ แถมยังเอาแต่จับเนื้อต้องตัวเขา ซึ่งมันไม่ดีแน่ ๆ เพราะเขารู้สึกว่าเธอไม่ใช่เมียเขาอย่างที่เจ้าตัวได้บอกไว้ เขาเกิดอุบัติเหตุแล้วความจำหายไป...ชายหนุ่มอดสงสัยไม่ได้ว่าเธออาจจะเป็นมิจฉาชีพ
...ขณะเดียวกันแพทย์สาวอย่างกระถินนั้นก็เข้าใจความสับสนของคนไข้ คนไข้ภาวะสูญเสียความทรงจำนั้นต่างจากสมองเสื่อม เขายังสามารถตัดสินใจ คิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ทุกอย่างผ่านสมองของเขาได้ สมองของเขายังคงทำงานได้เหมือนเดิมเพียงแต่ไร้ความทรงจำที่ผ่านมาแค่นั้น
“ให้ตายสิ เลือกเข้าร้านแพงซะด้วย” กระถินพึมพำออกมาเมื่อมองเห็นพาทิศเดินเข้าไปในร้านอาหารหรูราคาแพง หากเป็นก่อนหน้านี้เธอจะไม่ว่าอะไรเพราะยังพอมีเงินเก็บ แต่ตอนนี้ที่เงินเก็บเป็นศูนย์นั้นเธอไม่มีเงินพอที่จะจ่ายให้เขา แถมยังต้องซื้อเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวให้เขาอีก กระถินจำใจกดโทรศัพท์ที่เพิ่งซื้อใหม่นี้โทรหาคนเป็นเพื่อน ซึ่งรอไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับ
ติ๊ด!
[ว่าไงแก...]
“มีนา คือ...แกรู้ใช่ไหมว่าฉัน เอ่อ...ใช้เงินหมดแล้ว คือฉันไม่ได้อยากรบกวนแกเลยแต่ฉัน เอ่อ...”
[แกจะเอาเท่าไรอ่ะ]
“เยส! แกใจดีกับฉันตลอด ฮี่ ๆ สามหมื่น”
[ห๊า...]
“เดี๋ยวฉันจะเอากระเป๋าหลุยส์ไปขายแล้วใช้คืน”
[หลุยส์วิตตอง? ที่องศาซื้อให้น่ะเหรอ]
“แกจำได้ด้วย...”
[อ้อ จะ...จำได้สิ เดี๋ยวฉันโอนไปให้เลยนะ] น้ำเสียงของมีนานั้นแปลกไป ซึ่งอีกฝ่ายพูดจบก็ตัดสายไปในทันที ทำให้กระถินรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย แต่ตอนนี้ไม่มีเวลามากนักเธอต้องจับตาดูเขาคนนั้นไว้
“เอาอันนี้ อันนี้ แล้วก็อันนี้...” พาทิศชี้นิ้วสั่งอาหาร เขารู้สึกเหมือนว่าตนเคยกินและรู้สึกว่าตัวเองชอบมากเลยทีเดียว ชายหนุ่มสั่งอาหารเสร็จก็อิงแผ่นหลังพิงพนักพิงเก้าอี้รออาหารมาเสิร์ฟ ซึ่งรอไม่นานก็มีพนักงานมาเสิร์ฟอาหารจนเต็มโต๊ะ
“บิลสำหรับชำระเงินที่แคชเชียร์นะคะ” พาทิศรับมาดูก่อนที่เขาจะขมวดคิ้วมองดูจำนวนตัวเลขที่ปรากฏอยู่นั้น
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ”
“อ้อ ไม่มีครับ” ชายหนุ่มวางบิลลงที่โต๊ะด้วยใบหน้านิ่งเรียบไม่เผยพิรุธใด ๆ ออกมาแม้นว่าตนจะไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท ก่อนที่เขาจะหยิบเอาผ้าเช็ดปากขึ้นมาพับครึ่งเป็นสี่เหลี่ยมวางลงบนตัก ท่าทีของเขานั้นทำให้กระถินที่แอบมองอยู่นั้นเชื่อในทันทีว่าเขาเป็นผู้ดีและน่าจะรวยมากอย่างที่เขาว่า
...หญิงสาวยืนมองร่างหนาที่กำลังกินข้าวอยู่ เธอลังเลเกี่ยวกับสิ่งที่ตนทำเพราะรู้สึกว่าเขาควรรีบกลับไปหาพ่อแม่ ทว่าเธอจะไปหาพ่อแม่ของเขาจากที่ไหน ทำได้แค่รอให้เขาจำได้เอง แต่ระหว่างนี้เธอก็อยากใช้เขาให้เกิดประโยชน์ อย่างน้อยก็ถือว่าเขากำลังชดเชยค่ารักษาพยาบาลที่เธอสูญเงินไปนับล้าน
พาทิศทานอาหารอิ่มแล้วแต่ก็ไม่สามารถลุกไปไหนได้ เขาหยิบผ้าเช็ดปากขึ้นมาซับริมฝีปากเบา ๆ ใช้นิ้วชี้กดผ้าเช็ดปากทางด้านในค่อย ๆ ซับเบา ๆ ซึ่งความเป็นผู้ดีของเขานั้นทำให้พนักงานไม่แปลกใจ แม้นจะแต่งตัวธรรมดาก็ตามที
“เอาไงดีวะ...” เขาพึมพำออกมาเบา ๆ พาทิศมองตัวเลขจำนวนเงินในบิลชำระเงินนั้นด้วยความชั่งใจ ก่อนจะหันไปฉีกยิ้มให้กับพนักงานสาวที่ลอบมองเขาอยู่ เขานั่งนานจนคนในร้านทยอยออกไปเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันก็มีลูกค้าคนอื่น ๆ เข้ามาเรื่อย ๆ เช่นกัน ทำให้มีคนไม่มีที่นั่งเพราะเขาไม่ยอมลุกไปเสียที ทำเอาผู้จัดการร้านที่มองอยู่นั้นจับสังเกตได้
“ผู้จัดการจะไปไล่เขาเหรอคะ”
“ไม่ไล่ไม่ได้หรอก เขานั่งมาสองชั่วโมงแล้วนะ” ผู้จัดการร้านอาหารหรูบ่นพึมพำ ตอนนี้มีลูกค้ามาออหน้าร้านกันเยอะพอสมควร
“ขออนุญาตนะคะคุณลูกค้า ทางร้านขออภัยที่จะต้องเรียนคุณลูกค้าว่าทางร้านไม่มีนโยบายให้คุณลูกค้านั่งแช่หรือรอเพื่อนนะคะ”
“ครับ...รู้ครับไม่ต้องบอก” เขาตอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยความเคยชิน ซึ่งกระถินที่มองอยู่นั้นรู้สึกอายแทนเขาเต็มที แต่ก็ยังไม่อยากเข้าไปช่วยเพราะต้องการให้เขารู้ตัวว่าตัวเองไม่มีทางไปแล้ว
“ค่ะ งั้นเชิญคุณผู้ชายไปชำระเงินที่แคชเชียร์ไปเลยนะคะ”
“อึก...มีห้องน้ำหรือเปล่า”
“คะ?”
“ผมถามว่ามีห้องน้ำหรือเปล่า” ด้วยประสบการณ์ของผู้จัดการร้านทำให้เธอรู้ในทันทีว่าผู้ชายคนนี้หวังมากินฟรีไม่จ่ายเงิน
“มีข้างนอกร้านค่ะ แต่คุณลูกค้าต้องชำระเงินก่อนนะคะ” ทว่าพาทิศกลับผุดลุกขึ้นยืนทันที “ไปไหนคะ”
“ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน เดี๋ยวผมมาจ่าย”
“หืม...”
“ผมไม่หนีหรอกน่า ไม่รู้หรือไงว่าผมเป็นใคร”
“เอ้อ!! ก็ไม่รู้น่ะสิว่าคุณเป็นใคร หน็อยแน่...คิดจะมากินฟรีแล้วชักดาบหรือไง หน้าตาก็ดี...ไหน ๆ เงิน” พาทิศรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังโดนดูถูกและเขาไม่เคยถูกดูถูกแบบนี้มาก่อน
“เงิน? ...เดี๋ยวให้คนมาจ่าย”
“คน? เพ้อเจ้อหรือไง ถ้ามีก็เอามาจ่ายเลยจะมาให้คงให้คนมาจ่ายอะไรของคุณ ดูหนังมากไปหรือเปล่า ห๊ะ!!”
“อย่ามาตะคอกเสียงใส่ผม!”
“อ้าวไอ้นี่...จุ๋มโทรเรียกตำรวจเดี๋ยวนี้!!” ผู้จัดการร้านอาหารสั่งการให้พนักงานในร้านโทรแจ้งตำรวจ ทว่า
“...เกิดอะไรขึ้น!!” กระถินรีบวิ่งหน้าตื่นเข้ามาเสียก่อน เธอทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวทั้ง ๆ ที่แอบฟังแอบได้ยินอยู่ไม่ไกล
“ใคร เธอเป็นใคร...”
“เป็นใครเหรอ ถามผู้ชายคนนี้ดู” เขาหันขวับมามองเธอก่อนจะข่มเปลือกตาปิดลงให้กับใบหน้ายียวนของกระถิน ชายหนุ่มรู้ว่าเธอต้องการอะไร หากบอกว่าไม่รู้จักเธอก็ไม่ช่วย แต่ถ้าอยากให้เธอช่วยก็ต้องบอก...
“เมีย...เมียผม” เขาจำใจพูดในที่สุด ทำให้กระถินเหยียดยิ้มมุมปากอย่างคนถูกอกถูกใจ ก่อนที่เธอจะหันไปยิ้มให้กับผู้จัดการร้านบาง ๆ
“เท่าไรคะ”
“หนึ่งหมื่นบาทถ้วน...”
“ห๊ะ!!” หญิงสาวตกใจตาแทบถลนออกมา เธอรีบยื่นมือไปคว้าเอาบิลค่าอาหารมาจากมือของคนตัวโต ริมฝีปากบางสั่นระริกในทันที เธอค่อย ๆ กัดฟันพูด “อะ โอนได้ไหมคะ”
“หึ ได้...” ผู้จัดการร้านเหยียดยิ้มให้กับชายหนุ่มหน้าตาดีคนนี้ เห็นว่าหน้าตาดีบุคลิกภาพอย่างกับผู้ดีเมืองกรุงแต่กลับไม่มีเงินจ่ายค่าอาหารแถมยังเกาะผู้หญิงกินอีกด้วย
เวลาต่อมา...
“พี่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ใช่ไหม คือตอนนี้เราไม่มีเงินเลย พี่จะทำแบบนี้ไม่ได้ ถ้าฉันไม่รักพี่ฉันทิ้งพี่ไปแล้ว” กระถินไม่อยากลำเลิกบุญคุณนักหรอก แต่เขานี่สิช่างดื้อด้านเกินกว่าจะพูดดี ๆ ด้วย
“จิ๊...แล้วเธอจนงั้นสิ”
“ก็...พอมีบ้าง”
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะมีเมียจน เธอไม่ตรงสเปคฉันเอาซะเลย” หญิงสาวกลอกตามองบนเมื่อเขาเอ่ยพูดดูถูกเธอ แม้นจะเป็นเรื่องจริงก็ตามที
“แล้วคุณพี่มีอะไรบ้างล่ะคะ”
“_”
“คุณพี่ต้องเข้าใจก่อนว่าคุณพี่ก็จนค่ะ”
“อย่าประชด ฉันไม่ชอบ” พาทิศมองใบหน้าสวยของเธอ ผู้หญิงตรงหน้าไม่สูงมากนักตรงตามมาตรฐานหญิงไทย ใบหน้าของเธอจิ้มลิ้ม จมูกนิดริมฝีปากหน่อย หน้าผากนูนเล็ก ๆ นั้นรับกับปอยผมบาง ๆ ที่ปกคลุมอยู่ เธอมีผมสีน้ำตาลม้วนเป็นลอนยาวถึงกลางหลัง
“มะ มองอะไร”
“หึ หรือเธอ...มีดีบางอย่างที่ทำให้ฉันติดใจ” กระถินตาโตเมื่อเขาไล่สายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
“อะไร ทะลึ่ง”
“ฉันยังไม่ว่าอะไรเลยนะ” พาทิศหัวเราะออกมาเบา ๆ เขาก้าวขาเดินตามร่างบางไปเมื่อเธอรีบสาวเท้าเดินหนี ชายหนุ่มไม่อยากตามเธอไปนักหรอก แต่เหตุการณ์เมื่อครู่ก็ยืนยันได้ว่าเขาไม่มีที่ไปแล้วจริง ๆ