บทที่ 9 ลูกเขย

1391 คำ
...แม้นจะไม่พอใจแต่ก็เลือกอะไรไม่ได้มากนัก พาทิศเดินตามแผ่นหลังบางต้อย ๆ เมื่อเธอเลือกเสื้อผ้าให้เขาในตลาดนัด ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของเขาอีกด้วย “เอานี่...ถือ” “ไม่เอา หนักนะ...เห็นไหมว่ามือฉันแดงไปหมดแล้ว” เขาว่าด้วยน้ำเสียงแสดงความเจ็บปวดเมื่อของที่เธอซื้อนั้นเยอะมากทำให้ถุงหูหิ้วที่เขาถืออยู่มันหนักมากพอตัว “ของพี่ทั้งนั้น จะเอาไหม” แต่สุดท้ายก็จำใจถืออยู่ดี พาทิศยื่นมือไปรับด้วยใบหน้าเบื่อหน่าย เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ “งั้นก็แค่นี้ก่อน...อืม น่าจะครบละ” พอเห็นหน้าของเขาหญิงสาวก็เอือมระอาไม่ต่างกัน เพราะเขาเอาแต่หน้าบูดบึ้งราวกับเพิ่งโดนผึ้งรุมต่อย “ฉันอยากกินน้ำ” “น้ำ? อ้อ...รอก่อน” กระถินว่าพลางควักเงินในกระเป๋ามาดู เธอมองหน้าเขา “น้ำเปล่านะ” “ไม่เอา ฉันอยากกินอะไรหวาน ๆ” “ชา...ชาเขียวไหม” เขาไม่ตอบแสดงว่าโอเค กระถินเดินนำหน้าคนตัวโต ทว่าพอใกล้จะถึง “ไม่เอาร้านนี้ สกปรก” “นี่!...เฮ้อ ทำไมไม่เข้าใจสักทีนะ ร้านยี่สิบบาทมันก็เป็นแบบนี้แหละ” “ก็เข้าใจ แต่ไม่เอาไง...เอาร้านนั้น” เขาชี้นิ้วไปที่ร้านกาแฟที่อยู่ไม่ไกล ทว่า “สตาร์บัคส์?” “อืม...” “ไม่ได้ พี่ต้องประหยัดเงินหน่อยนะ เงินที่ฉันเอามาซื้อของให้พี่ก็เป็นเงินของมีนา ไม่ใช่เงินของฉัน” เขาหันมามองเธอ ก่อนที่คิ้วหนาจะค่อย ๆ ขมวดเข้าหากันราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “ทำไมเธอยอมคบกับฉัน ฉันไม่มีเงิน ไม่มีงาน เป็นเด็กกำพร้า แต่ทำไม...” ชายหนุ่มชักจะสงสัย เขาลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิท ถึงแม้นเธอจะไม่ใช่ 36 22 38 แต่เธอก็สวยใช้ได้ ทำไมถึงมาคบกับเขา “ก็...” ให้ตายสิ สงสัยอะไรนักหนา กระถินนึกคิดในใจไม่ได้เอ่ยพูดออกมา เธอเงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูง “ก็พี่หล่อไง โดนใจฉันเลยล่ะ” “แค่นี้?” “ก็...” หญิงสาวอ้ำอึ้งเมื่อเขาถามจี้ราวกับจะทำให้เธอจนมุมให้ได้ “ไม่มีอย่างอื่นเลยงั้นสิ ลีลาล่ะ” “ห้ะ...” “ลีลาบนเตียง...” ใบหน้าเล็กร้อนผ่าว เขาช่างเป็นคนเถรตรงอยากถามอะไรก็ถาม ทำเอาคนตัวเล็กหน้าแดงราวกับลูกตำลึง “เธอเขินเหรอ หึ...” “ขะ เขินอะไร บ้าหรือไง” กระถินเดินหนีเขาไปสั่งชาเขียวนม ขณะที่คนตัวโตที่เดินตามมานั้นก็ได้แต่ทำหน้าแหย ๆ อย่างคนนึกรังเกียจร้านชาของอาแป๊ะ “แป๊ะ เอาชาเขียวสองแก้วค่ะ” “อ้าว! กระถินลูกตาพล” หญิงสาวยิ้มรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม บิดาเป็นที่รู้จักพอสมควรด้วยความที่ทำสวนผลไม้มานาน ซึ่งท่านมาส่งของที่ตลาดบ่อยครั้ง ไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่จะรู้จักเธอตามไปด้วยอีกคน “พ่อหนุ่มคนนี้เป็นใครล่ะ ที่พ่อหนูบอกจะแต่งงานด้วยหรือเปล่า” “อ้อ ใช่จ้ะ” ไม่ว่าเปล่าเธอรีบควงแขนเขาทันที ขณะที่พาทิศยังไม่ทันตั้งตัวจะชักแขนออกก็ไม่ทัน ของที่ถืออยู่ก็หนักอีกด้วย “ทำอะไร ทำไมเธอชอบจับแขนฉัน” “_” กระถินไม่ตอบ เพียงแค่เงยหน้าขึ้นแยกเขี้ยวใส่เขาเชิงบอกให้หุบปากเสียที “หล่อนะเนี่ย หึ ทำงานอะไรล่ะ” “อ้อ...เอ่อ ช่วงนี้ก็...” “ตกงานเรอะ แป๊ะเข้าใจนะ ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดีก็ตกงานกัน เฮ้อ...” กระถินยังไม่ทันหาคำพูดดี ๆ แต่อีกฝ่ายก็รีบเอ่ยพูดขึ้นเสียก่อน ทว่า “ไม่ใช่ ไม่ได้ตกงาน” อยู่ ๆ คนตัวโตข้างกายก็เอ่ยพูดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ชายหนุ่มรู้สึกว่าตนไม่ได้ตกงาน “อ้าวเหรอ..แล้วทำงานอะไรล่ะ” “งาน?” พาทิศก้มหน้าลงมองพื้น เขาข่มเปลือกตาปิดลงพยายามนึกว่าตนทำงานอะไร แต่จนแล้วจนรอดก็นึกไม่ออก “คือแฟนหนูเพิ่งเกิดอุบัติเหตุน่ะ ต้องพักฟื้นก่อน” “อ้อ งั้นเรอะ” หญิงสาวผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ เมื่ออาแป๊ะเลิกถามแล้วกลับไปตั้งใจทำชาเขียวดังเดิม “เราต้องคุยกันหน่อยหลังจากนี้” กระถินว่าอย่างข่มอารมณ์ก่อนจะยื่นมือไปรับเอาแก้วน้ำชาเขียวจากอาแป๊ะ ขณะที่คนตัวโตก็ไม่สนใจน้ำเสียงโกรธเคืองของเธอแม้แต่น้อย “เอามากินหน่อย ฉันจะเป็นลมอยากกินน้ำหวาน” “ก็เอาไปสิ” “ฉันไม่มีมือ ดูสิ...” เขาว่าเสียงอ่อนพร้อมกับส่งสายตาให้เธอมองมือทั้งสองข้างของเขา ผู้หญิงคนนี้เป็นคนยังไงกันแน่...พาทิศชักจะสงสัย เหมือนจะฉลาดแต่ก็ไม่ “เฮ้อ...คิดถูกคิดผิดก็ไม่รู้” แม้นจะเอ่ยปากบ่นแต่เธอก็ยกแก้วน้ำให้คนตัวโตได้ดูด “...อึก ไม่อร่อย แต่ก็ไม่ตาย” “ดูปากพูด...จิ๊!” กระถินอยากจะส่งเสียงกรีดร้องให้ดังไปทั่วทั้งตลาด คนตัวโตเอ่ยพูดออกมาได้ยังไงไม่รู้ต่อหน้าต่อตาคนขายแถมยังเดินหนีหน้าตาเฉย...เขาช่างหน้าไม่อาย เวลาต่อมา... “เราต้องทำข้อตกลงกัน...” พาทิศมีสีหน้าเบื่อหน่าย รถก็เก่าร้อนก็ร้อน เปิดแอร์ก็เหมือนไม่ได้เปิด พอจะเปิดกระจกไอแดดที่เข้ามาก็ทำให้เขาต้องรีบปิดหนีทันที “ได้ยินไหม ฉันพูดเนี่ย...” “จิ๊ แล้วเธอเห็นฉันเอามือปิดหูหรือไง ทำไมฉันจะไม่ได้ยิน” กระถินใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มก่อนที่เธอจะจอดรถลงไหล่ทางด้วยความโมโห ไม่รู้ว่าเขาถูกเลี้ยงดูมายังไง...ให้เดาก็คงถูกตามใจจนเคยชิน “ฉันคุยดี ๆ กับพี่นะพี่โจ้ ฉันพยายามเข้าใจว่าพี่ลืมฉัน แต่...ได้โปรดเถอะ ฉันที่ยังไม่ลืมเรื่องระหว่างเรา” กระถินบีบน้ำตาทำหน้าเศร้า ซึ่งคำพูดของเธอก็ได้ผลเพราะเขานิ่งในทันที “_” “จริง ๆ แล้วเราสองคนแอบคบกันโดยที่พ่อแม่ฉันไม่รู้ และฉันกำลังจะพาพี่ไปเจอหน้าพ่อแม่ พี่ช่วยเชื่อฉัน ทำสิ่งที่ฉันสั่งได้ไหม” “ไม่เคยมีใครสั่งฉันได้” อยู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมา ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความเคยชินของเขาเสียมากกว่า “ไม่งั้นเราอาจจะต้องเลิกกันนะ” “ดี เลิกกันไปเลย” “ห้ะ...” “เธอไม่ใช่สเปคฉัน” “แล้วพี่จะไปอยู่ไหน พี่บอกฉันมาซิ...หืม ฉันไม่น่าช่วยพี่เลยถ้าพี่จะพูดแบบนี้” “แต่ฉัน...อึก ไม่ได้อยู่แถวนี้ ถ้าฉันเคยอยู่แถวนี้จริง ๆ ขับรถผ่านฉันต้องรู้สึกคุ้นอะไรบ้าง แต่ไม่มีเลย...ทุ่งนา วัวควาย คลองน้ำ หุบเขา ฉันไม่คุ้นเหมือนว่าฉันไม่ได้อยู่แถวนี้” “ก็ใช่...” “หืม?” “ฉันหมายถึงพี่ทำงานรับจ้างที่กรุงเทพฯไง พี่ไม่ได้อยู่แถวนี้ตั้งแต่เกิด” “งั้นฉันต้องไปกรุงเทพฯ” “ไปไม่ได้ พี่ไม่มีเงิน...” เธอว่าเสียงเข้มและใบหน้าเต็มไปด้วยความจริงจังระคนเบื่อหน่ายเช่นกันทำให้ชายหนุ่มข้างกายยอมเงียบในที่สุด “ถ้าพี่พูดอย่างนี้ เราก็ต้องจบกัน แต่ให้รู้ไว้ว่าแต่ก่อนพี่รักฉัน เรารักกันมาก” “_” “ไม่เชื่อก็เปิดประตูแล้วลงไป” เธอว่าพร้อมกับยกแขนขึ้นค้ำข้อศอกกับขอบหน้าต่างรถ ไม่มั่นใจว่าเขาจะเชื่อการแสดงของตัวเองไหม แต่ถ้าให้ลงคะแนนเองกระถินจะให้คะแนนตัวเองสิบเต็มสิบ! “เอ้อ ๆ ขับไปสิ” เขายอมตกลงในที่สุด หญิงสาวลอบยิ้มในใจก่อนจะขับออกไปต่อ ขณะที่ชายข้างกายยังคงจมกับความคิดของตัวเอง พาทิศจะรอจนกว่าความทรงจำจะกลับมา หากเธอเป็นมิจฉาชีพอย่างที่คิดจริง ๆ เขาจะหนีไปอย่างแน่นอน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม