ขณะเดียวกันบนเกาะส่วนตัวทางตอนใต้ของประเทศไทย ลมเย็นของทะเลไม่ได้ทำให้บรรยากาศโดยรอบนี้น่าพิสมัย เป็นเวลาเกือบสองเดือนที่ตามหาร่างของพาทิศ ทว่ากลับไร้ปาฏิหาริย์ งานไว้อาลัยภายในครอบครัวจึงถูกจัดขึ้นอย่างเงียบ ๆ
...เพราะคนอยู่ต้องดำเนินชีวิตต่อไป
หากยังคงยึดติดก็พลอยจะทำให้ทุกอย่างยิ่งแย่ คนเป็นแม่ไม่หลับไม่นอนมาหลายวันจนร่างกายผอมซูบ พวกเขาเกรงว่ามารดาจะตรอมใจไปอีกคน
ช่อดอกไม้หลายช่อถูกวางลงตรงหลุมฝังศพที่ไร้ศพ มีเพียงป้ายชื่อติดไว้เพียงเท่านั้น
พาทิศ...
“ไม่ว่าลูกอยู่ที่ไหน ขอให้พาทิศมีความสุข มีความสุขให้มาก ๆ” ไหล่บางถูกโอบกอดจากคนเป็นสามีที่ยืนเคียงข้าง อิทธิกรกดปลายจมูกลงที่กระหม่อมบางของเธอ ก่อนจะประคองไหล่บางให้หันหลังกลับ
“อย่าหันไปมองอีก เรายังคงหาลูกอยู่ แค่ไม่ได้รอเท่านั้น ถ้ามัวแต่รอ...เวลามันเดินไปเรื่อย ๆ มีความสุขกับเวลาที่เหลือของพวกเราเถอะ” น้ำเสียงของคนเป็นพ่อหนักแน่น แต่ถึงอย่างนั้นลูกชายทั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็รับรู้ว่าท่านเสียใจมากแค่ไหน เวลาที่ผ่านมานั้นมันเหมือนกับมีเมฆสีดำปกคลุมครอบครัวเขา อิทธิกรไม่ได้ออกตามหาลูกชายด้วยตัวเองแล้วเพราะต้องดูแลคนเป็นเมียให้เธอสบายใจ แต่เขายังคงสั่งให้คนออกตามหาเช่นเดิม
...พาคินณ์เดินหนีออกไปก่อนโดยไม่พูดไม่จากับคนเป็นพ่อดังเดิม ปล่อยให้พาวินท์ยืนอยู่กับพ่อแม่
“พี่คินณ์กำลังตามหาคนร้าย พ่อแม่ไม่ต้องห่วงนะ เราจะทวงความยุติธรรมให้พี่”
“เป็นห่วงตัวเองเถอะ อย่าเอาชีวิตไปเสี่ยงกับคนร้ายเลย ตัวเองมีลูกมีเมียแล้ว ให้คินณ์เขาจัดการเถอะ” พาวินท์ยิ้มรับบาง ๆ
“งั้นผมขอไปหาพี่ก่อน” เขาว่าเสร็จก็เดินตามแผ่นหลังของพาคินณ์ไป ออกตัววิ่งเหยาะๆ ก็ไปถึงตัวของอีกฝ่าย
พรึ่บ!
“เฮ้...” พาคินณ์นึกรำคาญที่น้องชายเดินมากอดคอของเขา ชายหนุ่มดึงท่อนแขนของน้องชายให้ออกจากคอ “เล่นไรของมึง...”
“หึ รู้นะว่าเสียใจ รู้นะว่าอยากขอโทษพ่อ”
“รู้ดี...”
“เฮ้อ...ขอโทษในตอนที่ยังมีโอกาสเถอะนะ แล้ว...พี่จะเอาไงต่อ”
“ก็ทำตามแผนเดิม” เขาว่าเสียงนิ่งเรียบไม่อยากบอกแผนอะไรกับคนเป็นน้องเหมือนเมื่อก่อน เพราะเจ้านี่มีครอบครัวแล้ว หากเกิดอะไรไม่ดีขึ้นมาอีกมันจะแย่ ให้เป็นเขาคนเดียวจะดีกว่า
“เกี่ยวกับอิงฟ้าด้วยป่ะ ช่วงนี้ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยนะ”
“เสือกไม่เข้าเรื่อง”
“อ้าว...” คนเป็นพี่เดินเลี่ยงออกไป อิงฟ้าที่พาวินท์หมายถึงคือลูกสาวของเดชคุณ ซึ่งพาคินณ์กำลังสงสัยอะไรบางอย่าง จากนี้ไปเขาจะใช้เวลาตามสืบหาคนร้ายให้มาชดใช้สิ่งที่มันทำกับพาทิศ ทำให้พ่อกับแม่ของเขาเสียใจมากขนาดนี้...
ขณะเดียวกันที่โรงพยาบาลศูนย์ฯ กระถินยืนนิ่งให้กับสิ่งที่ได้ยินจากการวินิจฉัยของแพทย์หญิงมีนา คนเป็นเพื่อนก็มีสีหน้าลำบากใจเช่นกัน
“Amnesia ภาวะเสียความจำแบบทั้งหมด อย่างที่แกเห็นวันนั้น บริเวณเหนือหูไปมันเป็นสมองส่วนกลีบขมับ ความทรงจำมันอยู่ตรงนั้น...”
“ฉันรู้ แต่ที่ยืนงงนี่คือ...เงินฉัน ให้ตายสิ...” กระถินเข่าทรุดลงพื้นทันที เธอคิดไว้ว่าถ้าเขาฟื้นแล้วเธอจะให้ญาติของเขาเอาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ แต่เขากลับตื่นขึ้นมาแล้วจำอะไรไม่ได้เลย
“นั่นแหละ แล้วจะจับคนร้ายยังไง แกก็ตกอยู่ในอันตรายไปกับเขาเหมือนเดิม...โหย~ทำไมมันดูวุ่นวายอย่างกับในละครแหนะ”
“เฮ้อ...อยากจะบ้าตายมาก ๆ” กระถินลุกขึ้นยืนอีกครั้ง พลางยกมือขึ้นทึ้งผมตัวเอง เงินเก็บเธอหมดไปกับค่ารักษาพยาบาลของเขาหมดแล้ว แต่พอฟื้นขึ้นมากลับจำอะไรไม่ได้เลย
“แล้วแกจะเอาไงต่อ”
“ไม่รู้...”
“แจ้งตำรวจ”
“ยากเลย ถ้าเขาไม่รู้ว่าใครทำร้ายเขา เขาอาจจะโดนหลอก หรือ...อาจจะ เฮ้อ...ทำไมมันเป็นอย่างนี้นะ” กระถินไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น เขาหลับไปจวนจะเข้าเดือนที่สอง แต่กลับฟื้นขึ้นมาแล้วจำความไม่ได้เสียอย่างนั้น
“งั้นเราก็ทำอะไรไม่ได้ จะให้เขาไปอยู่ที่ไหน...หรือที่บ้านแก”
“บ้าเหรอ พ่อคงไม่อนุญาต”
“คนงานในสวนไงแก...”
“คนงานในสวนเขาก็กลับบ้านกัน ถ้าไม่กลับก็ต้องอยู่กับฉัน...” กระถินว่าเสียงแผ่วเบา ก่อนที่เธอจะเดินกลับไปมองเขาผ่านหน้าต่างบานเล็ก ๆ บนประตูห้องพักผู้ป่วย
“โหย...หล่อฉิบหาย” หญิงสาวพึมพำออกมาเบา ๆ ยามแสงพระอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย ร่างหนาที่นั่งอิงหัวเตียงอยู่นั้นมีสีหน้านิ่งเรียบ แต่กลับมีเสน่ห์เหลือคณานับ
...ผมของเขายาวมากแล้ว มันไม่ได้ถูกเซตให้ได้ทรงแต่ก็ไม่ได้ลดทอนความสมบูรณ์แบบในตัวของเขาไปได้ คิ้วของเขานั้นหนามากแต่กลับไม่พันกันยุ่งเหยิง จมูกโด่งคมสันปลายเชิดขึ้นเล็กน้อยมันยิ่งทำให้ใบหน้าของเขาสมบูรณ์แบบ ขณะที่ริมฝีปากหยักได้รูปของเขานั้น...พอมีสีสันขึ้นมา มันน่านัก...
“เช็ดน้ำลายหน่อย”
“ห้ะ บะ บ้า แก...จะบ้าเหรอ” แม้นจะว่าอย่างนั้นแต่กระถินก็ยกมือขึ้นเช็ดมุมปากราวกับน้ำลายของตนได้ไหลออกมาอย่างที่คนเป็นเพื่อนเอ่ยแซว
“หึ ถ้าไม่คิดว่าแกเพิ่งอกหักมาฉันคิดว่าแกตกหลุมรักเขาแล้วนะ มาหาทุกวัน เช็ดตัวให้ แอบลูบแอบคลำตัวเขา”
“แกพูดอะไร! ฉันไม่ได้แต๊ะอั๋งเขานะ...”
“หืม ฉันก็ไม่ได้ว่าแกแต๊ะอั๋งเขาสักหน่อย โอ๊ย ๆ แกหยิกฉันทำไมเนี่ย” อยู่ ๆ กระถินก็ยื่นมือไปหยิกเอวของมีนา ท่าทีของคนเป็นเพื่อนนั้นแปลก ๆ อย่างไรชอบกล
“แกพูดอะไรทะลึ่งอ่ะ ใครจะไปทำแบบนั้นกัน” หญิงสาวเม้มริมฝีปาก แม้นในใจจะขอยืนยันว่ากล้ามเนื้อเขาแน่นมากจริง ๆ แต่ใครจะไปยอมรับว่าได้แอบลูบแอบคลำ กระถินยกมือขึ้นลูบใบหน้าจัดแจงทรงผมของตัวเองแม้นว่าไม่จำเป็นต้องทำก็ตามที
“ฉันโอเคป่ะ”
“อะไรของแกเนี่ย...” มีนามึนงงเมื่ออยู่ ๆ กระถินก็หันมาถามเธอ พร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง “แกชอบเขางั้นเหรอ”
“บะ บ้า ก็แค่ แค่รู้สึกดี...ไม่รู้สิ” กระถินบ่ายเบี่ยงก่อนจะยื่นมือไปเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยออก ขณะที่คำตอบของคนเป็นเพื่อนทำให้มีนาตกใจระคนรู้สึกดี
...กระถินมาโรงพยาบาลบ่อยครั้ง เธอมาดูแลเขาคนนี้ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ปากบอกว่าเหงาแค่มาหา...ระบายเรื่องราวในชีวิตให้เขาฟัง หากบอกว่าช่วงที่อกหักแล้วมีคนเข้ามาให้พักใจ กระถินก็คงรู้สึกอย่างนั้น...เธอกำลังรู้สึกดี ทว่า
“ฉันไม่รู้จักเธอ...” พอเดินเข้ามาหาเขาที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงนี้ ชายหนุ่มก็เอ่ยพูดทันทีที่เห็นเธอ
“หืม...แล้วนายจำอะไรได้บ้างล่ะ” เขาส่ายหน้าเบา ๆ ความรู้สึกของชายหนุ่มนั้นว่างเปล่า ภายในหัวขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก ขณะเดียวกันคุณหมออย่างกระถินนั้นรู้ดี เขาสูญเสียความทรงจำทั้งหมด แต่ที่ยังสื่อสารและอ่านหนังสือออกเพราะความเคยชิน และทุกอย่างที่เขาทำได้มันคือความเคยชินไม่ใช่ความทรงจำ ทว่า
“ฉัน...โอ๊ย~” ฝ่ามือหนายกขึ้นกุมขมับข้างในทันที เขารู้สึกเจ็บจี๊ดราวกับมีใครเอาไฟมาจี้
“ไม่ต้อง ๆ นายจะต้องใช้เวลาฟื้นฟูความทรงจำ สิ่งที่นายเป็นคือการสูญเสียความทรงจำชั่วคราวแบบทั้งหมด เดี๋ยวทุกอย่างก็กลับมา มันอาจจะต้องใช้เวลาให้สมองบางส่วนที่รับบาดเจ็บซ่อมแซมตัวเอง...อุบัติเหตุมันร้ายแรงมาก ๆ”
“อุบัติเหตุ?”
“อ้อ...” กระถินชะงักริมฝีปากไว้ เธอมองใบหน้าของเขาคนนี้ แต่ก่อนที่เธอจะบอกเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น จู่ ๆ เสียงพูดของมีนาก่อนหน้านี้ก็ดังเข้ามาในหัว
“หรือว่าแก...ควรไปหาแฟนใหม่”
“หืม...”
“พ่อแกก็จะได้ไม่ต้องห่วงแล้ว...องศาก็จะได้ไม่ต้องมายุ่งอีก”
“เอาวะ ถือว่าชดใช้ที่ฉันช่วยนายไว้...” กระถินพึมพำออกมาเบา ๆ ไม่ให้เขาได้ยิน ก่อนที่เธอจะตีหน้าเศร้าในทันที “อึก พะ พี่โจ้ อึก โดนรถชน ฮืออ~ ฉันเสียใจมากที่พี่โดนรถชนแล้ว อึก พี่จำฉันไม่ได้งั้นสิ ฮืออ~”
“_” พาทิศตาโตเมื่ออยู่ ๆ ผู้หญิงคนนี้ก็พุ่งเข้ามากอดเขา ชายหนุ่มรีบยกฝ่ามือขึ้นดันหน้าผากของเธอให้ออกห่างอย่างแรงในทันที “อะไรของเธอวะ”
“อึก พะ พี่ จำเมียตัวเองไม่ได้เหรอ ฮืออ~”
“ห้ะ มะ เมีย เธอเป็นเมียฉัน?”
“อึก พี่จำฉันไม่ได้จริง ๆ อึก เสียใจ เสียใจจนร้องไห้แล้ว” กระถินบีบน้ำตาได้สำเร็จ เธอร้องห่มร้องไห้ให้เขาเห็นใจ ทว่า
“ไม่จริง ฉันไม่มีเมียหน้าตาแบบนี้ หุ่นแบบนี้แน่ ๆ” เขาว่าน้ำเสียงจริงจัง ความรู้สึกลึก ๆ ของเขาบอกว่าเธอไม่ใช่เมียเขา
“ทำไมพูดแบบนี้อ่ะ นายกำลังจะบอกว่าฉันไม่สวยเหรอ!!” จากที่กำลังร้องไห้กลายเป็นหัวร้อน กระถินยกมือขึ้นเท้าเอวทั้งสองข้าง ขณะที่คนตัวโตก็ได้ไล่สายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ไม่ใช่แน่ ๆ เมียฉันต้อง 36 22 38 ใช่ ใช่ ตัวเลขนี้...สเปคผม”
“ห้ะ...โอ้มายก๊อช!!” กระถินกลอกตามองบนทันที ทำไมเรื่องนี้เขาจำได้ มันคงอยู่ในสายเลือดไม่ได้อยู่ในสมองกระมัง
“ไม่จริง...ฉันไม่มีทางเอาเมียแบบนี้”
“นี่นายกำลังบอกว่าฉันไม่สวย?”
“ไม่ใช่ สวย...สวยมาก...” เขามองหน้าเธอนิ่ง ขณะเดียวกันคำพูดของเขานั้นกลับทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นมา “แต่...”
“แต่?”
“เฉิ่ม ไม่มีรสนิยม...”
“กรี๊ดดดดด~” กระถินส่งเสียงกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่นห้อง ทำให้มีนาที่อยู่ข้างนอกรีบวิ่งเข้ามาในทันที
“เกิดอะไรขึ้น!!” เธอตะโกนถามด้วยความเป็นห่วงเพื่อน ทำเอากระถินตกที่นั่งลำบากเมื่อเพื่อนเดินเข้ามาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หญิงสาวหันขวับไปหาคนเป็นเพื่อนก่อนจะเดินไปลากแขนของมีนาให้ออกไปจากห้องพักฟื้น
“มีอะไรเหรอแก ฉันกำลังอ่านชาร์ตคนไข้คนอื่นอยู่ อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องของแก” มีนาเอ่ยพูดแต่กระถินกลับหันไปมองผู้ชายคนนั้นผ่านบานหน้าต่างดังเดิม
“มีนา...ฉันมีเรื่องขอให้แกช่วย”
“หืม...”
“คือ...” กระถินลังเล เธอยื่นมือไปคว้าฝ่ามือของคนเป็นเพื่อนมากุมไว้ “...แกช่วยบอกเขาคนนั้นได้ไหมว่าฉันเป็นแฟนเขา”
“ห้ะ!!”
“คืองี้โว้ย...ฉันอยากให้พ่อเลิกเป็นห่วงฉันแล้ว และก็ไม่อยากให้องศามาง้อ ฉันอยากให้องศาไปรับผิดชอบสิ่งที่เขาทำ”
“แต่...มันผิดนะ สักวันความทรงจำของเขาก็จะต้องกลับมา ถ้าถึงวันนั้น...เขาอาจจะไม่พอใจแกก็ได้นะที่โกหกเขา”
“ฉันรู้ แต่...” กระถินมีสีหน้าไม่สู้ดี เธอเม้มริมฝีปากพร้อมกับก้มหน้าลงเล็กน้อย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียใจระคนผิดหวังนั้นทำให้มีนาใจอ่อนในที่สุด
“โอเค ฉันช่วยแกก็ได้”
“จริงเหรอ!” กระถินโผเข้ากอดคนเป็นเพื่อนทันที ขณะที่มีนาก็ได้แต่ยิ้มแหย ๆ ให้ เพราะความผิดที่ทำนั้นมันเหมือนกับชนักติดหลัง ที่ทำให้เธอยอมทำทุกอย่างให้กระถินสบายใจแม้นจะเป็นเรื่องที่ผิดก็ตามแต่
เวลาต่อมา...
...พาทิศในชื่อใหม่ โจโจ้ ยิ่งคิดว่าตัวเองชื่อโจโจ้ก็ยิ่งไม่อยากจะเชื่อ สัญชาตญาณข้างในใจนั้นบอกกับเขาว่าเขาไม่ได้ชื่อนี้ และผู้หญิงตัวเล็กคนนี้ก็ไม่ใช่เมียเขา
“มองอะไรน่ะ พี่โจ้ไม่เชื่อกระถินเหรอ หืม...”
“ชื่อเชยชะมัด” เขาพึมพำออกมาเบา ๆ ก่อนจะก้มมองเสื้อผ้าที่ตัวเองสวมใส่อยู่ เสื้อยืดกับกางเกงกีฬานี้ชายหนุ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่เสื้อผ้าแบบที่เขาใส่เป็นประจำ
“แล้วชื่อโจ้มันไม่เชยหรือไงล่ะ” กระถินหมั่นไส้ เขาคนนี้นิสัยไม่ดีเหมือนหน้าตาเอาเสียเลย ตั้งแต่เดินออกมาจากห้องน้ำก็เอาแต่หน้าบูดบึ้ง
“ผมมีเมียเป็นผู้หญิงคนนี้จริง ๆ เหรอครับคุณหมอ” พาทิศหันไปถามคุณหมอสาวที่กำลังยืนเขียนใบสั่งยาให้เขาอยู่
“ใช่ค่ะ” มีนาเพียงแค่ยิ้มให้บาง ๆ ไม่กล้าพูดอะไรมากเพราะกลัวว่าจะผิดแผน
“หึ พูดอย่างนี้ฉันน้อยใจนะ ฉันเป็นเมียพี่ แต่พี่กลับไปถามคนอื่นเพราะไม่มั่นใจ แถมยังบอกอีกว่าสเปก 36 22 38 พี่กำลังหมายถึงผู้หญิงคนไหน” กระถินหน้างอ ถ้ามีรางวัลตุ๊กตาทองให้เธอคงได้รางวัลไปแล้ว
“_” ชายหนุ่มไม่ตอบ เขาแค่มองหน้าเธออย่างใช้ความคิด ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ก่อนเกิดอุบัติเหตุฉันคงสมองไม่ดีสินะ”
“ทำไมล่ะ ทำไมคิดงั้น”
“ถ้าสมองดีก็คงไม่หน้ามืดตามัวเลือกเธอเป็นแฟน...”
“อ้าว...” กระถินหายใจฮึดฮัด ยิ่งเขาพูดแบบนี้ก็ยิ่งอยากเอาชนะ “อย่าพูดแบบนี้สิ แต่ก่อนเรารักกันจะตาย”
“ทะ ทำอะไร ปล่อย บ้าหรือไงเป็นผู้หญิงทำไมมากอดฉันแบบนี้” ยิ่งเห็นเขาผลักไสก็ยิ่งอยากแกล้ง กระถินกอดแขนแกร่งของคนตัวโตไว้แน่น “ไม่อายหมอบ้างหรือไง...”
“อายทำไม มีนาเพื่อนฉัน เนอะ ๆ” มีนายิ้มรับก่อนจะยื่นใบสั่งยาให้กับเธอ
“เดี๋ยวไปรับยาที่ห้องจ่ายยาได้เลยนะ”
“โอเช...”
“แม่ง...ทำไมกูมีเมียวะ” พาทิศผุดลุกขึ้นยืนกะทันหัน เขารู้สึกขัดใจยังไงชอบกล รู้สึกว่าตัวเองยังใช้ชีวิตไม่เต็มที่ ตอนนั้นตนคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงเลือกที่จะมีแฟน...แถมเธอคนนี้ก็เหมือนคนไม่เต็มอีกด้วย เขาชักจะสงสัยแต่ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว