Chapter 3
บางสิ่งที่ขาดหาย (4)
อากาศยามเช้ามืดเริ่มหนาวทั้งๆ ที่ไม่ได้เปิดแอร์ ท่ามกลางสมองที่มึนเบลอ ภัทรนันท์ตื่นขึ้นมาควานหาผ้าห่มแล้วดึงรั้งมาคลุมกาย มือของเขาที่สัมผัสกับร่างนุ่มๆ ที่นอนเคียงข้าง ทำให้ชายหนุ่มขยับกายแนบชิดเพราะคิดว่านั่นคือภรรยา…คราวนี้หล่อนยอมให้เข้าหาเขาจึงสอดรั้งแขนกอดเกี่ยว โอบกระชับรั้งร่างที่นอนนิ่งเข้าหาตัว น่าจะเป็นเดือนแล้วที่เขาไม่ได้กอดและหอมเธอ คิดพลางโน้มใบหน้าแนบชิดผิวแก้มนุ่มเย็น ฝากรอยจูบหน่วงหนักลงบนนั้นแล้วสูดความสดชื่นเข้าปอดทั้งที่ยังไม่ได้ลืมตามองด้วยซ้ำ หล่อนไม่ตื่นมาขัดขืนเขายิ่งได้ใจ ใบหน้าเคลื่อนลงต่ำแล้วซุกซบอยู่กับซอกคออุ่นๆ วงแขนกว้างโอบกระชับกอดร่างนุ่มๆ เอาไว้ เพียงไม่นานใจของเขาก็ดำดิ่งลึก พาจิตเข้าสู่ห้วงนิทราในช่วงเวลาที่หลายๆ คนกำลังตื่นขึ้นมา...
ในห้วงฝันแสนลึกล้ำ บนเตียงนอนนุ่มสบายภายใต้ผ้าห่มอุ่น มินตรากระชับอ้อมแขนโอบกอดกายแกร่งแล้วซุกหน้าเข้าหาแผงอกกว้าง ความสุขที่ไม่อาจบรรยายเต็มตื้นอยู่ในใจยามท่อนแขนแกร่งโอบกระชับเกี่ยวรั้งร่างของตนเอาไว้จนแนบแน่น...ในฝันที่เขายอมให้สัมผัสและเข้าใกล้แนบชิด ความปรารถนาที่อัดแน่นจนล้นใจทำให้ฝ่ามือนุ่มเคลื่อนขึ้นไปไล้ผิวแก้มสากราวใหลหลง และดูเหมือนเขาจะชอบในสัมผัสกระตุ้นจากฝ่ามือนุ่ม ปลายนิ้วแกร่งบีบกระชับต้นแขนเรียวสลับกับผ่อนแรงพร้อมเสียงครางเบาๆ อยู่ในลำคอ กลีบปากอิ่มคลี่ยิ้มเพราะความสุขกับการได้อยู่ในอ้อมกอดของคนที่คิดว่าเผลอให้ใจเขาไปแล้ว...ในโลกฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง
ในภาวะกึ่งฝันกึ่งตื่น ภัทรนันท์ไม่อาจฝืนเปิดเปลือกตาอันแสนหนักอึ้งให้ลืมขึ้นมาได้ แม้จะสัมผัสได้ถึงการถูกก่อกวนจากฝ่ามือนุ่มที่รุนรานอยู่ข้างแก้ม อีกทั้งเนื้ออุ่นๆ ที่บดเบียดแนบชิดปลุกเร้ากระแสปรารถนาที่ถูกเก็บกักเอาไว้...ในการรับรู้จากสติที่เพิ่งทะลึ่งพรวดขึ้นมาจากห้วงฝัน เขาคิดว่านั่นคือภรรยาที่นอนกอดมาทั้งคืน
"แบม..."
เสียงกระซิบลอดผ่านริมฝีปากได้รูป เขานึกแปลกใจเหตุใดหล่อนจึงเป็นฝ่ายเข้าหาซ้ำยังนอนเบียดจนสัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่นอุ่นซ่าน...ท่ามกลางศีรษะที่หนักอึ้งและปวดหนึบ ชายหนุ่มยังคงจมอยู่กับความเข้าใจผิด วงแขนกว้างโอบรั้งร่างอุ่นให้ยิ่งแนบชิดเข้าหา กระแสปรารถนาที่อัดแน่นอยู่ในก้นบึ้งกำลังก่อกวนหน่วงหนัก มันส่งผ่านความร้อนรุ่มให้หมุนวนอยู่ในกาย ความต้องการบางอย่างที่ห่างหายกำลังจะกลับมามีอำนาจเหนือการควบคุม…
'น้องอัยย์ ตื่นหรือยังนะ’
ภัทรนนท์ยืนอยู่หน้าห้องนอนที่ปิดสนิท เขานั่งรออยู่นานเพื่อทานมื้อเช้ามินตราก็ยังไม่ลงไปร่วมโต๊ะ เมื่อเห็นว่าเริ่มจะสายเขาจึงทนความร้อนรุ่มกระวนกระวายใจไม่ได้ มันมีทั้งความขุ่นเคืองและเป็นห่วงจนต้องขึ้นมาตาม สองสิ่งที่ตีกันจนยุ่งเหยิงเขาไม่แน่ใจว่าสิ่งไหนมีมากกว่ากัน
ถ้าเธอเมากลับมาแล้วตื่นไปเรียนไม่ไหวเขาจะคาดโทษด้วยการลดค่าขนมลงจนกว่าความประพฤติจะดีขึ้น รวมทั้งคงต้องยอมเหนื่อยไปรับไปส่งไม่ให้ใครพาไปเถลไถลที่ไหนได้อีก คิดเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าหากพี่ชายตนพาหล่อนไปดื่มแล้วยังเที่ยวแบบหัวหกก้นขวิด เขาคงจะต้องชวนมานั่งคุยกันยาวๆ เปิดใจให้รู้กันไปว่าไม่ชอบในพฤติกรรมที่ชอบชวนเที่ยว เพราะมินตรายังเด็กเกินไปที่จะคิดอะไรได้ด้วยตัวเอง
อุ้งมือแกร่งกำลงไปบนตัวล็อกแล้วลองบิดดู...มันไม่ได้ล็อก คิดพลางออกแรงดันเบาๆ เพื่อที่จะเข้าไปปลุกคนในนั้นให้ตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวไปเรียน
"อ้าว ภาม! มาทำอะไรที่หน้าห้องน้องเหรอ"
เพราะเสียงทักนั่นแท้ๆ ภัทรนนท์จึงชะงักมือที่กำลังจะดันบานประตู ชายหนุ่มหันไปมองก็เห็นบิดาเดินออกมาจากห้องที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม อุ้งมือแกร่งจึงดึงบานประตูให้ปิดลงตามเดิม
"ผม...เอ่อ..."
"ยังไม่ไปทำงานอีกเหรอ หรือว่ารออัยย์ตื่นแล้วไปพร้อมกัน"
ชายหนุ่มไม่ตอบ เขาโยนคำถามกลับเพื่อเบี่ยงเบนประเด็น
“คุณพ่อจะไปแล้วเหรอครับ"
"อืม...ว่าแต่...ภามลงไปดูข้างล่างหรือยัง คนสวนโทร.ขึ้นมาบอกว่าพี่ชายเราน่ะจอดรถทิ้งไว้ข้างสนามหญ้า แถมกุญแจรถก็ไม่เก็บ สงสัยเมื่อคืนเมาจนจำโรงจอดรถไม่ได้ ดีที่ไม่พากันไปเกิดอุบัติเหตุ ตาภีมยิ่งชอบขับรถเร็วอยู่ด้วย"
"พี่ภีมน่ะเหรอทิ้งรถไว้ เมาขนาดนั้นเลยเหรอครับ"
"ภามช่วยไปขับรถมาเก็บในโรงรถก่อนดีกว่า ถ้าจะมาปลุกน้องเดี๋ยวค่อยขึ้นมาก็ได้ แต่อย่าเพิ่งดุอะไรน้องนะ ค่อยๆ คุยกันดีๆ ดุมากก็น้อยใจขอออกไปอยู่หอพักอีก ยิ่งมีตาภีมคอยให้ท้ายยิ่งเอาใหญ่เลย"
"ผมเคยบอกหลายครั้งแล้วว่าพี่ภีมตามใจจนน้องอัยย์ดื้อเงียบ เห็นไม่เถียงแต่จริงๆ แล้วก็พยศเอาเรื่องเหมือนกันนะครับ"
"ช่วงนี้ก็ต้องใส่ใจกันหน่อย ภามคอยเป็นหูเป็นตาให้พ่อด้วยก็แล้วกัน ถ้าเกเรเรียนไม่จบล่ะก็อายเขาแย่"
"ครับ คุณพ่อไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น ผมจะจัดการเอง"
ภัทรนนท์รับคำพลางครุ่นคิด...เขากำลังคิดว่าพี่ชายตนกำลังจะพาน้องสาวติดเที่ยว แววตาคมกล้ามองไปยังบานประตูที่ปิดสนิท เขาจำต้องลงลิฟท์ไปพร้อมกับบิดาอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ หากแต่ว่าไม่อาจทำให้เขาล้มเลิกความตั้งใจ เก็บรถเสร็จเมื่อไหร่เขาจะขึ้นมาจัดการคนที่ยังไม่ยอมตื่น ในเวลานี้ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเมื่อคืนคงพากันดื่มไปอย่างหนัก โชคดีแค่ไหนแล้วที่พากันกลับมาถึงบ้านได้อย่างปลอดภัย ชายหนุ่มคิดอย่างไม่สบายใจเพราะสังเกตว่าระยะหลังมานี้พี่ชายตนดูจะกลับดึกบ่อยครั้ง เขาสังเกตว่าความสัมพันธ์กับสิตางคุ์ดูจะมีปัญหาอะไรบางอย่างอยู่ลึกๆ หากแต่ว่าเขาไม่อยากยุ่งเพราะเป็นเรื่องของคนสองคน…
ภัทรนันท์โอบกระชับร่างในอ้อมกอดแล้วพลิกให้หล่อนนอนหงาย ร่างหนักโถมทับลงบนร่างที่ยังคงอยู่ในห้วงฝัน ลมหายใจอุ่นซ่านเป่ารดอยู่ข้างซอกคอขาวเนียนยามริมฝีปากร้อนลากไล้ฝากรอยจูบแสนอ่อนโยน...ช่วงวินาทีที่เขายังไม่ดึงสติขึ้นมาจากความเข้าใจผิด เสียงของหล่อนดังเล็ดลอดผ่านลำคอ
"พี่ภาม...อย่า..."
".....!"
"ถ้าไม่รักอัยย์ ก็อย่าทำแบบนี้"
"น้องอัยย์!"
เหมือนทะลึ่งพรวดขึ้นมาเหนือผิวน้ำจนแลเห็นภาพตรงหน้าชัดเจน หูที่อื้ออึงก็เริ่มได้ยินเสียงนกขับขาน สองมือแกร่งโอบประคองดวงหน้ารูปไข่เอาไว้ไม่ให้หล่อนขยับหนี ด้วยต้องการพิศให้แน่ใจว่าหล่อนไม่ใช่ภรรยาอย่างที่เข้าใจ...ม่านตาของตนที่เปิดกว้างทำเอาชะงักนิ่งงัน เพราะเพิ่งกระจ่างชัดเจนว่าคนที่นอนกอดมาทั้งคืนนั้นไม่ใช่สิตางคุ์
'ไอ้ภีม มึงทำอะไรลงไป!'
ชายหนุ่มสะบัดศีรษะไล่ความมึนงงก่อนกรอกตามองไปรอบห้อง ตีมหวานๆ มองไปทางไหนก็มีแต่ตัวคิตตี้แบบนี้ไม่ใช่ห้องนอนของเขาแน่นอน แทบสร่างเมากันเลยทีเดียวกับเซอร์ไพรส์รับเช้าวันใหม่ ความตกใจทำให้รีบผลุนผลันแทบกระโดดลงจากเตียง ก้มลงมองเสื้อผ้าว่ามีอะไรหายไปสักชิ้นหรือไม่ เมื่ออยู่ครบจึงผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก...หากแต่ว่าเมื่อมองร่างที่อยู่บนเตียงชัดเจนเต็มสองตา ใจของเขาก็เพิ่มจังหวะการเต้นขึ้นมาโดยพลัน
เขาปราดเข้าไปที่เตียงอีกครั้ง สองมือรีบดึงรั้งชายกระโปรง เดรสที่ร่นขึ้นไปให้ลงมาปกปิดความล่อแหลม สายตาเจ้ากรรมไล่ขึ้นไปสบกับสองเต้าอวบอิ่ม อะไรบางอย่างที่ดึงดันเนื้อผ้าขึ้นมาจนเด่นชัด ทำให้สองมือแกร่งรีบตวัดผ้าห่มมาคลุมเอาไว้ เพราะใจเขากำลังเต้นผิดจังหวะจากภาพตรงหน้าที่ไม่ได้ตั้งใจมอง
ชายหนุ่มรีบผละออกห่างจากระยะอันตราย ก่อนที่จะถูกซาตานสิงใจทำในสิ่งเลวทรามต่ำช้า เมื่อโดดมายืนตั้งสติที่กำลังกระเจิดกระเจิงอยู่กลางห้อง สายตาก็สบกับอะไรบางอย่างกองอยู่บนพื้นข้างเตียง เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ๆ จึงรู้ว่ามันคือบราที่ถูกถอดออก...หล่อนถอดมันออกตอนไหน ถอดได้อย่างไร หรือใครเป็นคนถอดให้ นั่นคือคำถามในใจที่ประเดประดังเข้ามา
'ไม่มีอะไรจริงๆ ใช่มั้ย!'
ภัทรนันท์เริ่มหวั่นวิตกจนเหงื่อซึม เพราะเมื่อคืนเขาเมาจนไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น จำอะไรไม่ได้สักอย่าง จำไม่ได้แม้กระทั่งว่าพาตัวเองมานอนที่ห้องนี้ได้อย่างไร มีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่เขาก็ตอบไม่ได้อีกเช่นกัน ในช่วงเวลาแห่งความสับสนมึนงง เขาก้มลงไปหยิบเสื้อชั้นในเจ้าปัญหาขึ้นมา นำมันไปโยนใส่ตะกร้ารวมกับเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว ก่อนใครจะเข้ามาเห็นแล้วจะกลายเป็นบานปลายใหญ่โต
เขาไม่มีเวลามายืนงงในช่วงเวลาสุ่มเสี่ยง ในเวลานี้ควรรีบพาตัวเองออกไปจากห้องนี้ก่อนมีใครทะเล่อทะล่าเข้ามา คิดพลางเข้าไปขยับผ้าห่มให้คนที่ยังคงนอนหลับไม่ตื่น คลุมขึ้นมาจนมิดถึงลำคอ ก่อนผละออกห่างแล้วค่อยๆ แง้มบานประตูสำรวจดูด้านนอกราวเด็กทำความผิด เมื่อไร้เงาของคนในบ้านมาเดินเพ่นพ่านที่ชั้นสี่ ชายหนุ่มจึงรีบเดินออกไปแล้วปิดประตูตามหลังอย่างเบามือ…
'บ้าไปแล้ว'
ภัทรนนท์เดินวนรอบรถเพื่อมองหาร่องรอยขีดข่วน หรือไม่ก็มีส่วนใดบุบไปบ้างหรือไม่ เหตุเพราะเขาไม่ไว้วางใจว่าพี่ชายตนจะขับมันมาถึงบ้านได้โดยไม่ไปชนใครตายกลางทาง เขารู้ว่าทั้งคู่เมาหนักก็เพราะร่องรอยที่มองปราดเดียวก็เดาได้ว่าไม่ใครก็ใครต้องอาเจียนออกมาแน่นอน
ชายหนุ่มเข้าไปนั่งด้านในเพื่อขับรถไปเก็บ ดีที่ไม่มีใครปีนรั้วเข้ามาขับมันออกไปเพราะไม่ได้เก็บกุญแจ อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้กับพฤติกรรมที่ยังคงเที่ยวไม่หยุดของพี่ชายตัวเอง ถึงแม้จะมีครอบครัวแล้วแต่นิสัยเจ้าชู้เพลย์บอยสายเปย์ก็ยังคงเส้นคงวา เขาอยากรู้เหมือนกันว่าจะมีใครหยุดพี่ชายตนได้ จะมีผู้หญิงคนไหนทำให้คนอย่างภัทรนันท์ถอดเขี้ยวเล็บนอนเชื่องอยู่ที่บ้านไม่ไปซุกซนที่ไหน ถ้ามีใครหยุดหัวใจไม่เคยพอนั้นได้ แน่นอนว่าผู้หญิงคนนั้นคงต้องมีอะไรสักอย่างที่คนอื่นไม่มี
เขาเพิ่งเห็นว่าเจ้าของรถไม่ได้ลืมแค่กุญแจ ยังมีทั้งโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ที่วางทิ้งไว้ไม่กลัวหาย โชคดีแค่ไหนที่มันยังอยู่ครบ คิดพลางไล่สายตาสำรวจไปรอบๆ เพื่อช่วยดูของมีค่าชิ้นอื่นๆ ที่เผื่อจะมีใครลืมทิ้งไว้นอกจากโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์
ชายหนุ่มเปิดคอนโซลเพื่อตรวจดูให้แน่ใจ อะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในนั้นทำให้ต้องรีบปิดมันไว้ตามเดิม...ถุงยางอนามัยที่ยังไม่ได้ใช้ถูกใส่ไว้ในช่องเก็บของ เขาไม่แปลกใจเพราะนั่นคือเรื่องธรรมดาของผู้ชายที่ยังไม่คิดจะหยุดที่ใครสักคน…
++++++
"น้องอัยย์ลงมาหรือยังพี่กล้วย"
"ยังไม่เห็นเลยค่ะคุณภาม"
นั่นคือสิ่งแรกที่ภัทรนนท์เอ่ยถามแม่บ้านเมื่อย้อนกลับเข้ามาอีกครั้ง คำตอบของอีกฝ่ายทำเอาความขุ่นเคืองกลับมาสิงใจ ความโกรธขึ้งในพฤติกรรมทำให้ชายหนุ่มกดลิฟท์ไปที่ชั้นสี่ เขาจะขึ้นไปลากน้องสาวตัวดีให้ตื่นไปเรียน ลุกไม่ไหวเขาก็จะลากไปให้ได้เพื่อดัดนิสัย ต่อไปจะได้เข็ดไม่ออกไปเที่ยวแล้วกลับดึกเหมือนเช่นเมื่อคืน
ร่างสูงในชุดทำงานเดินออกจากลิฟท์มาหยุดยืนที่หน้าประตูบานเดิม เขารู้แล้วว่ามันไม่ได้ล็อก คิดยามผลักประตูเข้าไปด้านใน...ร่างที่นอนหลับใหลใต้ผ้าห่มผืนหนาบนเตียงกว้าง ทำให้อารมณ์โกรธที่ตกค้างตั้งแต่ตอนไปเก็บรถยิ่งพุ่งพล่านทวีคูณ เขาไม่ฟังอีร้าค่าอีรม พุ่งพรวดไปที่เตียงแล้วกระชากแขนคนที่กำลังตกอยู่ในห้วงฝันให้รู้สึกตัว ออกแรงดึงรั้งให้หล่อนลุกขึ้นนั่งแล้วกระชากผ้าห่มออกไปจากร่างจนไปกองอยู่ปลายเตียง
"ตื่นได้แล้ว ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้!"
"อะไรของพี่ภาม ปล่อยอัยย์ก่อน!"
หญิงสาวขัดขืนพร้อมความงุนงง เพราะอยู่ดีๆ ก็มาปลุกให้ตื่นแล้วถูกลากลงจากเตียงโดยไม่ทันตั้งหลัก ช่วงวินาทีที่กำลังยืนงงสมองประมวลไม่ทัน ผ้าเช็ดตัวลายคิตตี้สีชมพูหวานก็ถูกเหวี่ยงมาใส่หน้า ก่อนตกลงพื้นเพราะหล่อนไม่ทันตั้งตัวรับไว้
"ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้ ยังไงวันนี้ก็ต้องไปเรียน ไม่ไหวก็ต้องไป!"
"แต่…อัยย์ปวดหัวจังเลยค่ะ ขอหยุดไม่ได้เหรอคะ"
"ไม่ได้!"
เสียงตะคอกกลับมาทันควันจนเจ้าหล่อนสะดุ้ง ใบหน้าสวยก้มหนีสายตาเอาเรื่องคู่นั้น หากแต่ว่าก็ยังคงยืนนิ่งไม่ยอมเดินเข้าไปอาบน้ำอย่างที่อีกฝ่ายสั่งให้ทำ
ภัทรนนท์ไล่สายตาไปยังเรือนร่างที่อยู่ในสภาพล่อแหลม ชายหนุ่มรีบเบือนหน้าหนีเมื่อสายตาไล่มองจนไปหยุดอยู่ที่เนินเนื้ออวบอิ่ม เขาแสร้งไม่มองเพราะอะไรบางอย่างที่แสนจะท้าทายสะกดให้ต้องหยุดมอง หล่อนทำให้ใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะจนต้องรีบถอยห่างไปตั้งหลัก ไม่ควรอยู่ต่อเพราะอันตรายเหลือเกิน
"รีบอาบน้ำแต่งตัวซะ พี่จะลงไปรอข้างล่าง ถ้าอีกครึ่งชั่วโมงยังไม่ลงไปเราได้เห็นดีกันแน่!"
เขาออกคำสั่งแล้วก็ข่มขู่ ก่อนจะเดินออกไปแล้วปิดประตูใส่หน้าคนที่ยังคงยืนงง แววตาคู่สวยสั่นระริกตั้งแต่มองตามร่างของเขาเดินออกไป ความน้อยใจมาเยือนจนน้ำตาซึม น้อยใจกับการที่เขาชอบเกรี้ยวกราดใส่อย่างไม่มีเหตุผล อยากให้เขาเป็นเหมือนภัทรนันท์ ฝ่ายนั้นไม่เคยพูดอะไรให้เจ็บช้ำน้ำใจเลยสักครั้ง ซ้ำยังไม่เคยขัดใจไม่ว่าจะทำอะไร ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับพี่ชายคนรอง ในสายตาของหล่อนเขาทั้งดุแล้วก็เข้มงวดจนรู้สึกกลัวไม่กล้าเผยความในใจ