Chapter 3
บางสิ่งที่ขาดหาย (3)
"ทำไมพี่ภีมต้องพาน้องอัยย์ไปเถลไถลด้วย พรุ่งนี้มีเรียนเดี๋ยวก็ตื่นไม่ทันอีกหรอก"
ภัทรนนท์บ่นอุบหลังจากที่พี่ชายตนโทร.มาบอกทางบ้านว่าวันนี้กลับดึก ทุกคนไม่ได้ว่าอะไรเพราะเห็นว่าคนที่พามินตราไปก็ไม่ใช่ใครอื่น คงมีเขาเพียงคนเดียวที่แลดูจะฟุ้งซ่านกว่าใครเพื่อน ภัทรนนท์คิดอย่างว้าวุ่นใจ เขากลัวพี่ชายตนจะตามใจให้มินตราดื่มเข้าไปมาก แล้วก็ลงเอยด้วยการลุกไม่ไหว ผลที่ตามมาคือการเรียนที่ต้องเสียไปอีกหนึ่งวัน
อยากจะเที่ยวเขาไม่ว่า แต่ถ้าหากพรุ่งนี้ลุกไปเรียนไม่ไหวได้เห็นดีกัน ชายหนุ่มคิดคาดโทษน้องสาวตัวดีเอาไว้ ก่อนจะปิดทีวีปิดไฟที่ชั้นล่างหลังจากที่ทุกคนพากันขึ้นไปยังชั้นใครชั้นมันเพื่อพักผ่อน และวันนี้เขาก็เหนื่อยงานมาเช่นกัน จากที่ตอนแรกว่าจะนอนดูทีวีรออยู่ที่ชั้นล่าง เขาเปลี่ยนใจไปนอนเพราะรู้สึกอยากพักผ่อนเต็มทน
+++++++
เสียงแก้วกระทบกันท่ามกลางเสียงเพลงจังหวะเร้าใจดังกลบทุกสิ่ง มินตรากรอกน้ำสีชมพูที่เหลือติดก้นแก้วลงคอจนหมด ส่วนภัทรนันท์ก็ไม่น้อยหน้า เขากลืนแอลกอฮอล์ลงคอราวคนมีเรื่องอัดอั้นตันใจ แก้วเปล่าสองใบถูกวางลงบนโต๊ะพร้อมกัน ชายหนุ่มเรียกเด็กเสิร์ฟเพราะต้องการที่จะสั่งต่อ ในค่ำคืนนี้เขารู้สึกว่ายังไม่อยากกลับ ทั้งๆ ที่มินตราขอเอาไว้ว่าแก้วก่อนหน้าจะเป็นแก้วสุดท้ายก็ตาม
"อีกแก้วนะน้องอัยย์ กำลังสนุกเลย"
"พอเถอะพี่ภีม อัยย์ไม่ไหวแล้วค่ะ มึนหัวไปหมดแล้ว"
"อะไรกัน ทำไมถูกมอมง่ายแบบนี้ล่ะครับ"
"ใครจะเหมือนพี่ภีมล่ะคะ ดื่มแทนน้ำเปล่าจนร่างกายไม่ตอบสนองไปแล้ว"
"บ้าเหรอ พี่ยังไม่ตายด้านนะ"
"ไม่ได้บอกตายด้านเสียหน่อย แค่บอกว่าไม่ตอบสนองกับแอลกอฮอล์"
ภัทรนันท์หัวเราะอยู่ในลำคอเมื่อเห็นแววตาคนพูดปรือฉ่ำ จนเขาต้องเชื่อว่าน้องสาวตนเริ่มจะเมาขึ้นมาจริงๆ
"โอ๊ะ! ระวังหน่อยครับ"
ท่อนแขนแกร่งตวัดคว้าเอวคอดเอาไว้ แล้วรั้งร่างที่แทบจะยืนไม่อยู่เข้ามาจนแผ่นหลังขาวเนียนแนบชิดอยู่กับแผงอกกว้าง จากการที่มีคนเดินมาชนจนหล่อนเซเสียหลัก ดีที่เขาคว้าไว้ได้ทันหล่อนจึงไม่ล้มลงไปกองกับพื้น...ในอ้อมกอดของคนที่ใจไม่ได้คิดลึกกับเขา หญิงสาวโยกกายไปตามจังหวะสนุกสนานและการปลุกเร้าของดีเจแสนชาญเชี่ยวฝีมือ ส่วนคนที่ยังคงสอดแขนเกี่ยวรั้งเอวคอดเอาไว้โยกตามอย่างสนุกสนาน มือข้างที่ว่างคว้าแก้วเครื่องดื่มที่เพิ่งมาเสิร์ฟขึ้นมาถือไว้ ก่อนนำไปจดจ่ออยู่ที่กลีบปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ บังคับไปในตัวว่าให้หล่อนกลืนน้ำหวานๆ ขมๆ ลงคอ
"พี่ภีม อื๊อ"
มินตราแทบสำลักเมื่อเขาจดจ่อแก้วมาที่ริมฝีปากแล้วกระดกน้ำหวานๆ กรอกลงมา หล่อนฝืนกลืนลงคอไปอึกใหญ่จนร้อนวูบอยู่ภายใน ก่อนจะยกมือขึ้นมาดันแก้วในมือของเขาออกไป บอกเขาเป็นนัยๆ ว่าไม่ต้องรีบเพราะยังมีเวลาให้ดื่มอีกนาน
"พักก่อนค่ะ อัยย์ดื่มไม่ไหวแล้วจริงๆ"
ปากคนพูดบอกไม่ไหว หากแต่ว่าร่างกายกลับโยกไปตามจังหวะเสียงเพลงปลุกเร้า ยิ่งกระตุ้นให้ภัทรนันท์ไม่ยอมหยุดเพราะกำลังสนุกจนสุดเหวี่ยง เขาสั่งเครื่องดื่มมาเพิ่มอีกโดยไม่สนใจเวลาที่ล่วงผ่าน เพราะในเวลานี้เขากำลังลืมสิ้นซึ่งทุกสิ่ง พาตัวเองเข้าสู่โลกแห่งเสียงเพลงท่วงทำนองเร้าใจ สนุกอยู่กับมันในบรรยากาศมืดสลัว มีเพื่อนดื่มที่แสนรู้ใจและหล่อนก็ทำให้เขามีความสุขจนลืมเรื่องราวที่สุมอยู่ในใจได้ชั่วคราว
เครื่องดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าที่ทยอยมาเสิร์ฟถูกกลืนผ่านลงคอแล้วแล่นพล่านไปตามกระแสเลือด มินตราสัมผัสได้ถึงความร้อนรุ่มที่หมุนวนอยู่ในกาย แก้วสุดท้ายของค่ำคืนนี้ถูกชูขึ้นมาด้านหน้า เสียงแก้วกระทบกันดังขึ้นมาอีกครั้ง...
"คราวนี้หมดแก้วเลยนะครับ ก่อนกลับ"
ชายหนุ่มออกคำสั่งแล้วยกแก้วขึ้นจดจ่อที่ริมฝีปากได้รูป กรอกความขมลงคอรวดเดียวจนหมดแก้วราวมันคือน้ำเปล่า มินตราทำตามคำสั่งนั้นอย่างว่าง่าย แก้วสุดท้ายของตนหมดลงตามหลังอีกฝ่ายไปไม่นาน ตามมาด้วยแก้วเปล่าที่ถูกวางลงบนโต๊ะพร้อมๆ กัน...อีกไม่นานค่ำคืนแห่งความสุขและความสนุกสนานก็กำลังจะจบลง
++++++
เล็กซัส เอ็นเอ็กซ์200ทีเอฟสปอร์ตสีแดงเข้มแล่นฉิวฝ่าความมืดไปบนท้องถนนด้วยความเร็วสูง มินตรานั่งนิ่งไม่ไหวติงไม่รับรู้ในระดับความเร็วนั้น หล่อนหลับตาเอนพิงเบาะเพราะอยากหลับ ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้รู้สึกผะอืดผะอมจนอยากที่จะอาเจียนออกมา
ไม่น่าเชื่อว่าภัทรนันท์จะควบเจ้าลูกชายกลับมาถึงบ้านได้อย่างปลอดภัย เพราะเขาดื่มหนักจนเมาแทบพากันเดินกลับรถไม่ไหว...ช่วงจังหวะที่รถค่อยๆ เคลื่อนผ่านสนามหญ้าหน้าบ้าน จู่ๆ มินตราก็ทะลึ่งพรวดนั่งหลังตรง มือข้างหนึ่งยกมาปิดปากเอาไว้ อีกข้างชี้ไปที่กระจกเพื่อให้เขาปลดล็อกแล้วกดมันลงมา
"อุ๊บ!"
เพียงกระจกลดลงมาแค่ครึ่ง มินตราก็ผวาเกาะขอบกระจกเอาไว้แล้วชะโงกหน้าออกไปนอกรถ ก่อนจะโก่งคออาเจียนออกมาอย่างไม่อาจฝืน ภัทรนันท์ตกใจรีบแตะเบรกแล้วล็อกเกียร์ เขาโน้มกายไปข้างๆ ช่วยลูบแผ่นหลังให้คนที่กำลังโก้งโค้งเกาะขอบประตูอาเจียนอย่างหมดท่า ทั้งๆ ที่ตัวเองก็กำลังมึนเบลอเพราะฤทธิ์ของมันเช่นกัน
ชายหนุ่มพาร่างกายและสติที่ไม่เต็มร้อยลงจากรถ เขาเดินอ้อมไปอีกฝั่งพร้อมขวดน้ำติดมือมาด้วย เห็นอนุสรณ์ที่หล่อนฝากเอาไว้เปรอะเปื้อนเต็มข้างรถ เขาเทน้ำในขวดล้างมันออกไปพอแก้ขัด ที่เหลือยื่นให้มินตราใช้มันบ้วนปากและล้างหน้า ในสภาพของคนสองคนที่สติขาดหาย กว่าจะผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ก็ทุลักทุเลพอดู
เขาว่าคนเมาหากขับรถแล้วห้ามจอด หากจะจอดนั่นคือถึงที่หมายแล้วไม่ไปต่อ ภัทรนันท์คงเป็นหนึ่งในนั้นที่ถ้าจอดแล้วเขาจะขับต่อไม่ได้ ชายหนุ่มจึงทิ้งรถเอาไว้ที่ริมสนามหญ้าอย่างไม่ใยดี ค่อยๆ พยุงคนในรถออกมาแล้วพาเธอเดินตรงไปที่หน้าตึก สองคนพอกันและกว่าจะพากันไปถึงได้ก็ทุลักทุเลเซเป็นปู ดีที่ยังพากันมาถูกทางและหากุญแจเข้าบ้านเจอ
ชายหนุ่มกดลิฟท์ไปที่ชั้นสี่ ในอ้อมกอดของเขาหล่อนแทบไม่รับรู้และตอบสนองอะไรด้วยแล้ว ส่วนเขานั้นก็ไม่ต่างกัน สภาพร่างกายในตอนนี้ฟ้องว่าอยากที่จะล้มตัวลงบนที่นอนนุ่มๆ เต็มที
เขาค้นกุญแจห้องในกระเป๋าสะพายของคนในอ้อมกอดแล้วไขมันเปิดประตูเข้าไปข้างใน ใช้แผ่นหลังดันบานประตูให้ปิดสนิทเพราะคิดว่าที่นี่คือห้องของตน ก่อนจะพยุงร่างอ่อนระทวยให้ทิ้งกายลงไปบนที่นอนอ่อนนุ่ม จากนั้นเขาจึงทิ้งกายตามลงไปนอนบนเตียงเดียวกัน วินาทีนี้เขาไม่มานั่งทบทวนว่าคือห้องใครกันแน่ รู้เพียงแต่ว่าอยากหลับตาลงนอนพักผ่อนเต็มที