บทที่ 1 ตอนที่ 2

2264 คำ
ราวินเริ่มเครียดกับข้อตกลงที่รับปากมารดาเอาไว้ การแต่งงาน การมีครอบครัว มันต้องมีพื้นฐานมาจากความรักความเข้าใจของคนสองคน แล้วจู่ๆ จะให้อยู่กินมีลูกกับใครก็ไม่รู้แบบนี้...มันไม่ถูกต้องเอาเสียเลยและเขาก็แน่ใจว่าหญิงสาวที่ชื่อองค์อินทร์ก็คิดเช่นเดียวกัน จึงเป็นปัญหาว่า...แล้วเขาจะทำอย่างไรต่อไป จะหาตัวตายตัวแทนไปหลอกตาท่านก็คงไม่ได้เพราะมารดาท่านคงจะจำเค้าหน้าค่าตาของเจ้าหล่อนได้... "เป็นอะไรวะไอ้โรม...เครียดเรื่องคุณแม่เหรอ" มือที่ตบไหล่พร้อมเสียงทักทำให้ชายหนุ่มวางแก้วเหล้าในมือแล้วหันไปมอง ริมฝีปากเผยยิ้มทักทายเมื่อเห็นว่าเป็นใคร            "มาช้านะมึง...กูรอตั้งนาน"            "เออ...มีเรื่องนิดหน่อย" ชายหนุ่มตอบสีหน้ายืนยันคำพูดชัดเจน     "ทะเลาะกับเมียอีกสิ...หึ กูบอกแล้วให้เพลาๆ เรื่องเจ้าชู้ลงบ้าง"           "มีเมียเมื่อไหร่มึงจะเลิกพูดกับกูแบบนี้" อีกฝ่ายสวนกลับ...พร้อมยกมือเรียกพนักงานเสิร์ฟเพื่อจะสั่งเครื่องดื่ม ราวินมองพร้อมแสยะยิ้มในท่าทีซังกะตายของเพื่อน ก็ได้แต่สายหน้าแล้วยกเหล้าขึ้นดื่มด้วยไม่รู้จะช่วยอะไรได้ "ช่วงนี้กูก็มีปัญหาว่ะภักษ์ คุณแม่อาการไม่ค่อยดีเลย เร่งให้กูแต่งงานกับผู้หญิงที่เป็นลูกของเพื่อนท่านให้ได้ แล้วกูจะไปบังคับเขาได้ยังไง หน้าตาก็ไม่เคยพบเคยเห็นกัน" ว่าแล้วก็ยกน้ำเมาขึ้นกระดกดื่มจนหมดแก้ว เหลือแต่น้ำแข็งสองก้อนกลิ้งไปกลิ้งมา พนักงานเสิร์ฟจึงรีบเดินให้บริการชงเหล้าให้ใหม่ ร้านเหล้าบนดาดฟ้าของอาคารสูงลิบตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงแห่งนี้เป็นจุดนัดพบประจำระหว่างเขาและเพื่อนๆ ตั้งแต่กลับมาอยู่ประเทศไทย บางครั้งก็มาเป็นกลุ่ม บางครั้งก็คนสองคนแล้วแต่ใครจะสะดวก บรรยากาศรอบๆ ยามราตรีช่างสุนทรียิ่งนัก มีเพลงขับกล่อมเบาๆ ทิวทัศน์ที่มองเห็นโดยรอบตัวเมืองกรุงเทพฯ เพราะอยู่บนตึกสูงเสียดฟ้า         แสง สี...ของเมืองนี้ไม่เคยหลับใหล            "นั่นสิ..."            "ว่าแต่มึง...ทะเลาะอะไรกันอีกเหรอภักษ์ หรือว่าเรื่องเก่าๆ เรื่องอีหนูอีนางของมึงยังสะสางกันไม่จบอีกเหรอ" มือใหญ่รับแก้วเหล้ามาวางไว้ด้านหน้า ใช้นิ้วแตะก้อนน้ำแข็งที่โผล่พ้นเครื่องดื่มขึ้นมาเล็กน้อยแล้ววนให้ลอยเล่นไปรอบๆ            "ก็เออ...ผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมเลิกกับกูว่ะ โทร. ไปหาเมียกู ระรานถึงที่ทำงาน กูก็ไม่รู้จะทำยังไง"            "อ้าว! ไหนบอกมึงให้เงินไปก้อนหนึ่งตกลงว่าจะยอมเลิกไม่ใช่เหรอ" ราวินถามกลับ เพราะรู้มาคร่าวๆ บ้างแล้วเหมือนกันในเรื่องนี้ ปกติภักษ์ก็มีผู้หญิงไม่เคยขาดเป็นเรื่องปกติ เรียกได้ว่าเป็นเพลย์บอยตัวพ่อ เจ้าชู้ไม่เลือกแม้จะมีภรรยาและลูกสาวแสนน่ารักวัยสามขวบเศษๆ อยู่แล้วก็ตาม "สงสัยเงินจะหมด...ก็กลับมารังควานกูอีก กูไม่เคยเจอใครแบบนี้เลยว่ะ ไม่น่าเลยกู" ภักษ์ระบายออกมาพร้อมยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นดื่มบ้าง            "หิวเงิน...หึ พอรู้ว่าจะถูกเทคงรับไม่ได้"            "กูเข็ดเลยว่ะ กลัวมีใหม่แล้วจะเจอแบบแม่นี่อีก กูหมดกับคนนี้ไปเยอะ...แถมยังมีปัญหาราวีถึงลูกถึงเมียกูอีก บ้านแทบแตก ทุกวันนี้หาความสุขไม่ได้เลย"            "ก็มึงหาเรื่องใส่ตัวเอง หึ...มีลูกมีเมียดีๆ อยู่แล้วไม่ชอบรนหาที่เอง" ราวินกลั้วหัวเราะในลำคอ รู้สึกเห็นใจแล้วก็สมน้ำหน้าในเวลาเดียวกัน            "กูเครียดจริงๆ นะเว้ย! เมียก็ไม่ให้เข้าบ้านเป็นอาทิตย์แล้วรอบนี้จะขอหย่าให้ได้" คราวนี้เหล้าในแก้วถูกยกขึ้นดื่มจนไม่เหลือสักหยด เป็นครั้งแรกที่ธาวินรับรู้ได้ถึงความเคร่งเครียดทั้งในสีหน้าและแววตาของภักษ์ โดยปกติที่ผ่านมาเรื่องเหล่านี้จะเป็นแค่ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่มักจะสะสางได้ โดยไม่เคยกระทบกระเทือนจนครอบครัวสั่นคลอนถึงเพียงนี้  "เออ...พอกัน..."       ติ๊ง! ภักษ์มองหน้าเพื่อนเมื่อได้ยินเสียงเตือนของแอพพลิเคชั่นหนึ่งในมือถือก่อนจะล้วงมันออกมาแล้วเปิดอ่าน "เหี้ยเอ๊ย!" คนอ่านข้อความอุทานแทรกเสียงเพลงที่ทางร้านเปิดบรรเลงขับกล่อมแขกเหรื่อ "อะไรวะ..."            "แม่นั่นอยู่ที่นี่..." สีหน้าของภักษ์ส่อแววกังวลทันทีเขารีบเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วหยิบเหล้าที่พนักงานเพิ่งชงให้ใหม่ยกขึ้นดื่มจนหมดอีกครั้ง            "ใคร..."            "ปาย..." เขาเอ่ยชื่อ...ถอนหายใจหนักอก            ราวินนิ่วหน้าแล้วมองไปรอบๆ เขาไม่รู้หรอกว่าภักษ์แชทสนทนาอะไรกันในข้อความ แต่ดูจากอาการแล้วคงถูกอีกฝ่ายบีบคั้นไม่น้อย ภักษ์ดูไม่เหมือนภักษ์คนก่อน ภักษ์ผู้ไม่ยำเกรงใส่ใจผู้หญิงคนไหนนอกจากเมียจดทะเบียน เพราะเขาใช้เงินในการปรนเปรอบ้านเล็กบ้านน้อยเหล่านั้น เรียกว่าถ้าไม่พอใจกันวันไหนก็เอาเงินฟาดแล้วไสหัวไป ต่างคนต่างอยู่            "คุณภักษ์ใจร้ายจัง...ตอนเย็นก็อยู่ด้วยกันแท้ๆ ก็ไม่ยอมชวนปายมานั่งดื่มด้วยนะคะ" สายตาคมเข้มปะทะเข้ากับร่างระหงเฉิดฉายในชุดสีแดงเพลิงเว้าหน้าจนเห็นเนินอกขาวอวบโผล่ล้นออกมา หล่อนสวมชุดสั้นเพียงคืบเปลือยเรียวขานวลเนียนที่กำลังเยื้องย่างใกล้เข้ามาดุจนางพญา             เครื่องหน้าแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางจัดจ้านแต่สวยสะท้าน...ริมฝีปากหยักได้รูปวาดระบายด้วยลิปสติกสีแดงเข้มเกือบดำ ดวงตาใส่คอนเทคเลนส์สีเขียวอมเทา ติดขนตาปลอม แต่งแต้มด้วยอายแชโดว์ไล่ระดับสี          สวย...หากนี่คือเมียน้อยคนล่าสุดที่ทำเอาภักษ์ต้องปวดเศียรเวียนเกล้าแก้ปัญหาไม่จบเขาก็ไม่แปลกใจเลย เพราะหล่อนดูมีระดับมากกว่าที่ใครจะมาเฉดหัวทิ้งได้ง่ายๆ            "ผมคิดว่าเราคุยกันจบแล้วนะปาย..."            "ทำไมตัดรอนปายแบบนั้นล่ะคะที่รัก...พอดีปายมาทำงานที่ตึกนี้เหมือนกัน เพิ่งจะเสร็จเลยแวะมาหาอะไรดื่มบังเอิญจังที่ได้พบคุณ" เจ้าหล่อนจิกตามองภักษ์และเจรจาอย่างมีจริต            "ผมกับเพื่อนกำลังจะกลับ" ชายหนุ่มเอ่ยเสียอย่างขัดไม่ได้            "ว้า...แย่จัง งั้นก็ตามใจเถอะค่ะ ว่าแต่..." หล่อนเบียดตัวเข้าหาภักษ์ที่นั่งกำแก้วเหล้าในมือเสียแน่น แล้วโน้มใบหน้าลงกระซิบข้างริมกกหูของชายหนุ่ม "อย่าลืมข้อตกลงของเรานะคะ...ไม่อย่างนั้น เราได้เห็นดีกันแน่" มือของหล่อนค่อยๆ จับลูบไปตามท่อนแขนแข็งแรงแล้วกำมือใหญ่ที่กุมแก้วเหล้าก่อนจะฉกแก้วใบนั้นมาไว้ในมือ ยกขึ้นสูง...พร้อมๆ กับเงยตัวผละออกมาจากการเบียดชิด... "แล้วฉันจะรอนะคะ หึ หึ" ฉ่า...            "เฮ้ย!!!" ภักษ์สะดุ้งโหยงแล้วลุกดีดตัวออกจากโต๊ะตัวนั้นทันทีเมื่อหล่อนเทเหล้าในแก้วใส่บนตักของเขาจนเปียกชุ่มไปหมด เขาสะบัดมือปัดไปตามกางเกงด้วยความหัวเสีย            ปัง! แก้วในมือที่เหลือเพียงร่องรอยหยดน้ำจากความเปียกชื้นถูกวางกระแทกลงบนโต๊ะ หล่อนเหยียดสายตามองขายหนุ่มที่ยืนจ้องหล่อนเช่นกันด้วยแววตาดุดัน แล้วก็หมุนตัวเดินฉับจากไปไม่หันหลังกลับมามองอีก ปล่อยให้ผู้ถูกกระทำกำปั้นชกอากาศด้วยความเจ็บแค้นใจ            "นังตัวแสบ!"            "เฮ้ย! เป็นยังไงบ้างวะมึง...ใจเย็นๆ เช็คบิลก่อนดีกว่าแล้วค่อยไปหาที่อื่นคุยกัน" ราวินได้สติ...หลังจากมองสำรวจรูปร่างหน้าตาและการกระทำของหญิงสาวปริศนาจนตาค้าง คาดไม่ถึง...แล้วจึงหันมาคุยกับเพื่อนก่อนจะกวักมือเรียกพนักงานเพื่อคิดเงินและค่าเสียหาย เขารู้สึกหงุดหงิดและโกรธแทนเพื่อนแต่ก็เลือกที่จะอยู่เฉยเพราะถือว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว อีกอย่างภักษ์ก็มีส่วนผิดด้วยเหมือนกันในปมบาปครั้งนี้ "คนนี้เหรอวะ...เมียน้อยมึง ดูไม่เหมือนพวกผู้หญิงหิวเงินเลยนะ"    "น้อยไปสิ...แม่นี่คิดจะจับกูเลยล่ะ พอกูจะเลิกก็เคยแค้นใจ รังควานไม่หยุด ลามปามจนครอบครัวฉันจะแตกหักก็เพราะแบบนี้ เห็นหรือยัง...ว่าร้ายแค่ไหน" น้ำเสียงของภักษ์ทุ้มห้าวขุ่นใจยิ่งนัก เขาหายใจหอบแรงทั้งโกรธทั้งอายสายตาคนในร้านที่มองแทบถลนหลุดออกมาด้วยความสอดรู้            "ไปเถอะ...ขืนอยู่เดี๋ยวก็ได้กลับมาสร้างเรื่องอีก" ชายหนุ่มหยิบเงินในกระเป๋าแล้ววางบนถาดใส่บิลโดยไม่รอเอาเงินทอนแล้วรีบลากเพื่อนออกไปจากร้านนั้นทันที เพื่อเข้าห้องน้ำทำความสะอาดรอยเหล้าที่เปื้อนเป้ากางเกงเป็นลำดับแรก "กูก็เห็นใจมึงนะภักษ์ แต่ใจหนึ่งก็สมน้ำหน้าจริงๆ...เป็นไงล่ะ ชอบผู้หญิงสวย ไม่รู้จักพอ พบของจริงเข้าให้แล้วไหมล่ะมึง" เมื่อภักษ์เสร็จธุระในห้องน้ำเรียบร้อยแล้วพวกเขาจึงเดินไปยังลานจอดรถทางด้านหลัง พลางบทสนทนาก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง "กูจะไปรู้เหรอวะ...ว่าจะมีคนแบบนี้อยู่ในโลก นี่ถ้าไม่กลัวติดคุกนะ กูแทบจะจ้างมือปืนไปเก็บให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยมึงรู้ป่ะ"            "ขนาดนั้นเชียว...” "ที่มึงเห็นนี่มันยังน้อยไปนะ...ฉันจะบอกให้ แม่นี่ตั้งใจทำลายชีวิตกู ทำลายครอบครัวกูให้ย่อยยับป่นปี้ เขาหาว่ากูไปหลอกเขา...ทั้งๆ ที่ตอนคบกันก็บอกไปแล้วว่ามีลูกมีเมีย ให้เขาอยู่ในที่ของเขา" น้ำเสียงมือไม้ท่าทางของภักษ์บ่งบอกถึงความโมโหสุดๆ เขาเต็มที่กับการได้ระบายปลดปล่อยความอัดอั้นนี้เมื่อมันถึงจุดที่ไม่อาจทนไหวแล้ว           "แต่กูก็ไม่เชื่อหรอกว่ามึงพูดความจริงกับเขาทุกอย่าง...ไม่งั้นเขาจะโกรธเป็นฝืนเป็นไฟตามล้างตามผลาญมึงขนาดนี้เหรอวะ" "มันก็มีบ้าง...กูเป็นผู้ชายนะเว้ย แต่ก็ไม่ถึงกับรับปากรับคำจะอยู่กินไปจนแก่เฒ่าลงหลักปักฐานอะไรขนาดนั้น เฮ้อ...แม่นั่นเข้าใจผิดแล้วก็คิดไปเอง มั่นหน้าไปเองพอผิดหวังก็คิดว่าเป็นเพราะกูไปให้ความหวังเขา           "แบบนี้นี่เอง...กูว่ามึงควรเคลียร์กับเมียมึงก่อนเลยอันดับแรก แล้วก็เลิกพฤติกรรมเจ้าชู้ประตูดินซะที ส่วนยัยปายอะไรนั่นนานๆ ไปก็คงรามือ หรือไม่อีกไม่นานก็อาจจะเจอคนใหม่แล้วลืมมึงไปเองนั่นแหละ ผู้หญิงแบบนี้คงอยู่ตามใครไม่ได้นาน" "กูก็หวังให้เป็นแบบนั้น...ตอนนี้กูเข้าหน้าที่บ้านเจินไม่ติดเลย ทุกคนมองกูเหมือนตัวประหลาด"            "ก็สมควร..."            ภักษ์เหลือบมองเพื่อนสนิทด้วยสายตาค่อนคอดที่อีกฝ่ายไม่ยักจะให้กำลังใจเขาเลย แล้วถอนหายใจหนักหน่วง "สรุปเอายังไงต่อมึงกับกู...จะกลับเลยไหมหรือจะไปต่อกันดี" เหตุที่ถามเพราะตัวเองสิ้นอารมณ์สุนทรีไปแล้วจากการถูกรังควานเมื่อครู่ และสังเกตอาการของราวินก็ดูเบื่อหน่ายไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ "กลับก่อนก็ได้...กูมีธุระต้องไปทำต่อด้วย" ราวินกล่าวในขณะที่กดรีโมทปลดล็อครถ "ธุระป่านนี้เนี่ยนะ...กับอีหนูคนไหนวะ" "จะว่าไปก็ไม่เชิง" ที่ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าไม่ใช่เพราะเขามีธุระเรื่องผู้หญิงจริงๆ แต่ไม่ใช่ประเภทอย่างที่ภักษ์กำลังคิดอยู่เท่านั้น                     "เอาอย่างนั้นก็ได้...ช่วงนี้กูคงเก็บตัวว่ะ ปวดหัวชะมัด"                  "มีอะไรให้กูช่วยก็บอกมาละกัน อย่าเพิ่งฆ่าตัวตายซะล่ะ" ราวินตบบ่าเพื่อนแล้วยักคิ้วให้หน่อยๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันไปขึ้นรถของตัวเองและขับวนออกไป "มีอะไรว่ามา..." ชายหนุ่มหยิบบลูธูทเสียบใส่หูแล้วกดเบอร์โทร. ออกไปยังปลายสายที่ต้องการจะสื่อสาร อีกฝ่ายรายงานตามตามคำบัญชา         "ฉันจะไปเดี๋ยวนี้...แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าไม่ผิดตัว" เขาย้ำ...และปลดบลูธูทออกเมื่อได้รับคำตอบที่ชัดเจน เมื่อครู่ก่อนจะแยกจากภักษ์ลูกน้องของเขาส่งข้อความไลน์มาบอกเรื่องที่เขาสั่งให้ไปสืบ ทุกอย่างเร็วทันใจ...อย่างที่มารดาเขาได้ดักคอเอาไว้ ลองเขาอยากจะทำอะไรจริงจังแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินความสามารถ            รถเเล่นเฉี่ยวไปตามท้องถนนไปตามเส้นทางสายนอกเมือง เร่งความเร็วขึ้นเมื่อคนขับร้อนใจใคร่อยากจะรู้เห็นสิ่งที่เขาส่งคนไปค้นสืบเสาะหา ให้ทุกอย่างมันจบลงเร็วๆ ก็ดี...จะได้ไม่ต้องยืดเยื้อให้เสียเวลา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม