"โรม...เมื่อไหร่จะให้คำตอบแม่..." เสียงแหบแผ่วของหญิงวัยห้าสิบปลายๆ เอ่ยถามบุรุษร่างใหญ่ในชุดสูทสุภาพซึ่งยืนล้วงกระเป๋าหันหลังให้นาง สายตาของเขาทอดมองไปยังบริเวณด้านหน้าของตัวบ้านผ่านหน้าต่างกระจกใส เหมือนไม่อยากสบตาเผชิญหน้ากับผู้ให้กำเนิดซึ่งกำลังคาดคั้นจิตใจเขาอยู่"ผมพยายามขอนัดพบเขาหลายครั้งแล้วครับแม่...แต่ทางนั้นปฏิเสธมาทุกที ผมเบื่อ..." เขาตอบตามตรงน้ำเสียงไม่ได้บอกว่ากำลังมีอารมณ์แต่นิ่งทุ้มบ่งบอกถึงความเบื่อหน่าย
"แม่อยากอุ้มหลานก่อนตาย ลูกก็รู้ว่าแม่อยู่ได้อีกไม่นานแล้ว เวลามันจินจวนเข้ามาทุกที โรม...ทำเพื่อแม่อีกสักครั้งเถอะ" นางกล่าวกลับบุตรชายอย่างอ่อนใจ เอนพิงร่างอ่อนแรงไปกับพนักโซฟาและหลับตาลง
"คุณแม่..." ชายหนุ่มหันกลับมาเมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติเพราะมารดาไม่พูดอะไรต่อ เขารีบก้าวเท้ายาวๆ เข้ามานั่งเกาะหน้าตักของนาง ถอนหายใจอย่างจำยอม
"คุณแม่ยังแข็งแรงดี...อย่าพูดแบบนั้นอีกนะครับ" ใบหน้าคมกร้านหล่อเหลาซบลงบนตักอุ่น เอื้อมมือกอดร่างผอมบางเอาไว้มอบความรักผ่านสัมผัสจากใจ...
"โรม...แม่เป็นมะเร็งระยะที่สาม แม่รู้ตัวดีว่าตัวเองอยู่ได้อีกไม่นาน ความหวังสุดท้ายของแม่คือได้เห็นลูกมีครอบครัว มีความสุข...มีหลานเล็กๆ ให้แม่ได้ชื่นใจสักคน แค่นี้...แม่คงนอนตายตาหลับ"
"ผมจะไม่ยอมให้คุณแม่เป็นอะไรเด็ดขาด...ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม" เขากล่าวน้ำเสียงแน่วแน่
"ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าหรอกโรม...ลูกไม่สามารถจะรั้งลมหายใจของใครได้ด้วยถ้ามันถึงเวลา สิ่งที่ลูกจะทำได้ก็คือทำในสิ่งที่ควรจะทำตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่"
"คุณแม่..." เขาเงยหน้าขึ้น หวังจะใช้เหตุผลในการเจรจาต่อ แต่ก็ถูกมารดาเอ่ยดักขึ้นมาเสียก่อน
"องค์อินทร์เป็นเด็กดี ขอให้ลูกเชื่อแม่ว่าถ้าได้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นแม่ของลูกแล้ว ชีวิตจะมีแต่ความสุข"
"ถ้าแม่อยากได้หลาน...ผมจะหาผู้หญิงดีๆ สักคนมาอุ้มท้องลูกของผมคงจะง่ายกว่า ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อคุณแม่ แต่คนเราจะให้ฝืนใจกันได้ยังไงในเมื่อเขาไม่ชอบ ไม่ยอมเจอหน้าผมด้วยซ้ำ" ชายหนุ่มอธิยาย...จำไม่ได้แล้วว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ตั้งแต่เขากลับมาจากต่างประเทศที่ต้องถกปัญหานี้กันซ้ำๆ ไม่จบไม่สิ้น
และมารดาของเขาก็มีความพยายามเหลือล้นไม่ลดละเอาเสียเลยกับการยื่นข้อเสนอให้เขาได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ชื่อองค์อินทร์ ซึ่งเขา...ไม่เคยรู้จักไม่เคยเห็นหน้าเลยด้วยซ้ำไป
"ไม่...ต้ององค์อินทร์เท่านั้น" นางส่ายหน้าดื้อรั้นไม่ยินยอมท่าเดียว สายตาแน่วแน่กะพริบจ้องมองอย่างไร้ความหวังแต่ก็ยังซ่อนความพยายามเอาไว้คงมั่น
"แม่เคยรับปากกับพ่อขององค์อินทร์เอาไว้ก่อนที่เขาจะตาย...ว่าจะดูแลองค์อินทร์ให้ดีที่สุด ซึ่งก็มีวิธีเดียวที่แม่พอจะทำได้ก็คือหาทางให้เขาแต่งงานกับลูกให้จงได้ เพราะคนที่แม่ไว้ใจมากที่สุดก็คือลูก..."
"แล้วผมล่ะครับ...คุณแม่เคยคิดไหมว่าผมจะรู้สึกยังไง" เขาถามด้วยความน้อยอกน้อยใจที่เมื่อยกปัญหาเรื่องนี้ขึ้นมาคุยกันทีไรมารดามักเอ่ยถึงหญิงสาวปริศนาคนนั้นด้วยน้ำเสียงเอื้ออาทรอยู่เสมอ
"ลูกคือลูกของแม่...ลูกเป็นผู้ชายที่ดี แม่รู้ว่าลูกเข้มแข็งมากเพียงใด ลูกคือความภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตของแม่ แม่ถึงได้ต้องการให้ลูกมีความสุขก่อนที่จะลาจากโลกนี้ไป และแม่แน่ใจว่าองค์อินทร์ก็เป็นผู้หญิงคนเดียวที่พอจะไว้ใจได้เช่นกัน
"แต่เขาไม่ยอมพบผม..." ชายหนุ่มถอนหายใจ เขาเคยได้ข้อมูลเบื้องต้นจากมารดาในตอนแรกที่ตามหาตัวองค์อินทร์ แต่เมื่อตามหากลับไปพบตัว
มาเจออีกทีก็ตอนที่ให้เพื่อนๆ ซึ่งทำงานราชการตรวจสอบประวัติส่วนตัวนั่นแหละได้ทราบที่อยู่ที่แท้จริงซึ่งเป็นคนละที่กับในทะเบียนราษฎร์
หากแต่เมื่อเขาไปตามหากลับพบแต่ผู้ดูแลบ้านและเพื่อนบ้าน...ไม่เคยพบเจ้าหล่อนแม้สักครั้ง ฝากเบอร์โทร. ให้ติดต่อกลับก็ไร้วี่แวว หล่อนทำตัวลึกลับจนไม่ควรใช้ชื่อว่าองค์อินทร์ควรจะชื่อปริศนามากกว่า
กระนั้น...มารดาของเขาก็ยังไม่ยอมแพ้อยู่ดี นางตั้งมั่นจะตามตัวองค์อินทร์มาเป็นเจ้าสาวของเขาให้ได้ ด้วยเพราะเคยรับปากหมั้นหมายเอาไว้กับเพื่อนเก่าตั้งแต่สมัยเขายังเป็นเด็กเล็กๆ และนาง...ก็ยังรักษาสัญญานั้นแม้ผ่านเวลาล่วงเลยมากว่าสามสิบปีแล้ว อีกฝ่ายก็ล้มหายตายจากจนแทบไม่เหลือร่องรอยให้เสาะหา เขาไม่เข้าใจนักว่ามารดาจะยึดมั่นกับคำพูดลอยๆ ทำไมกันนัก มันยากเย็น...และลำบากใจในหลายสิ่งหลายอย่าง
รวมถึงความรู้สึกของเขาด้วย...
"เพราะลูกไม่ใส่ใจต่างหาก...แม่รู้จักโรมดีกว่าใครๆ ลองลูกอยากจะได้อะไร ตั้งใจจะทำอะไรมีหรือที่ลูกจะทำไม่ได้" "คือผม..." เมื่อถูกเอาความคิดความอ่านมาแถลงราวกับว่านางไปนั่งอยู่กลางใจ เขาก็จนด้วยคำพูด และได้แต่นิ่งสงบอย่างยอมรับ มีเพียงนางเท่านั้นที่เขายอมอ่อนข้อให้ มีเพียงนาง...ที่เขาไม่เคยมีปากเสียงและนึกอยากเอาชนะไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม
"ครับ...แล้วผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เขามาทำเมีย ให้สมใจคุณแม่..." ปลายประโยคกลั้วขำในลำคอ นึกคิดไปว่าหากองค์อินทร์คนนั้นอ้วนล่ำดำเตี้ยฟันเหยินขึ้นมาล่ะ เขาจะทำอย่างไร แต่ดูจากคำพูดของมารดาแล้วดูนางจะมั่นใจเอาเสียเหลือเกินว่าหล่อนจะต้องมีรูปโฉมไฉไลอย่างที่ผู้ชายทุกคนปรารถนา
"ตาคนนี้นี่...แม่กำลังจริงจังนะ"
"ผมรู้...ก็ผมรับปากแล้วไง ทีนี้คุณแม่ก็สบายใจได้แล้วนะครับ" "ให้มันแน่เถอะ...ตั้งแต่รับปากแม่ก็รอมาสองปีแล้ว นี่ถ้าได้เจอกันตั้งแต่แรกแกกลับมาจากเมืองนอกป่านนี้แม่คงได้อุ้มหลาน ได้มีเวลาอยู่กับหลานนานขึ้น" นางพร่ำ
"คุณแม่ยังอยู่กับผมไปอีกนานครับ เดี๋ยวพอจับมาทำเมียได้ผมจะผลิตลูกให้คุณแม่เลี้ยงเต็มบ้านให้เบื่อกันไปสักข้างหนึ่งเลยครับ"
"ลูกนี่ล่ะก็...ถ้าองค์อินทร์มาได้ยินเข้าไม่หนีเตลิดสาบสูญไปเพราะความทะลึ่งของแกหรอกรึ" นางหันไปหัวร่อเบาๆ นึกคำในความคิดทะลึ่งตึงตังนั้น ฝ่ายลูกชายแย้มรอยยิ้มด้วยความดีใจเมื่อเห็นมารดาอารมณ์ดีขึ้น
"แล้วผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด...แต่ถ้าเขามีลูกมีผัวแล้วก็คือว่าทุกอย่างเป็นโมฆะนะครับ ผมคงฝืนใจใครและพรากใครมาจากครอบครัวของเขาไม่ได้"
"ไม่หรอก แม่ไม่เคยได้ข่าวว่าเขาแต่งงานแล้ว" น้ำเสียงของนางมั่นใจเสียจนเขานึกใจเสีย อยากจะรู้จริงๆ ว่าเรื่องการหมั้นหมายนี้มันมีที่มาที่ไปยังไงกันแน่ เพราะถามถึงต้นตอทีไรเขาก็มักได้รับคำตอบบ่ายเบี่ยงทุกครั้ง เขาจึงได้รับรู้แต่เพียงว่า...
"แต่คุณแม่ติดต่อเขาไม่ได้มาเกือบสิบปีแล้วนะครับ อะไรๆ ก็ย่อมจะเปลี่ยน เอาเถอะยังไงผมสัญญาว่าจะตามหาและพาเขามาพบคุณแม่ให้ได้"
"ขอบใจมาก...ลูกรักของแม่" เสียงอิดโรยอ่อนแรงเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ มีประกายของความหวัง
พ่อขององค์อินกับท่านเคยเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันมา เมื่อโตขึ้นแต่งงานมีครอบครัวต่างก็แยกย้ายกันไป พอเขาคลอด...พวกท่านก็ให้สัญญากันว่าหากอีกฝ่ายได้ลูกผู้หญิงคนแรกก็จะให้หมั้นหมายแต่งงานกันเมื่อเติบใหญ่ และช่างเป็นเรื่องบังเอิญอย่างยิ่งที่สิบปีต่อมาทางนั้นก็ให้กำเนิดบุตรสาวซึ่งมีอายุห่างกับเขาเกือบรอบ
แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรค ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามคำสัญญา...
จนหลายปีให้หลังได้ห่างหายกันไปเพราะวันเวลาและสภาพทางสังคม เขาไปเรียนและทำงานอยู่เมืองนอกเสียนานปี กลับมาอีกครั้งก็ตอนที่มารดาป่วยหนัก ตรวจพบว่ากำลังเป็นมะเร็งเต้านมระยะที่สามซึ่งต้องรักษาตัวและมีอาการคงที่มาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่หายขาดเสียที...
ท่านจึงรบเร้าจะพบกับองค์อินทร์ผู้นี้ให้ได้เพื่อจะสานต่อเรื่องราวหนหลังให้เป็นจริงเป็นจังหลังจากที่เพื่อนชายของท่านนั้นได้เสียชีวิตไปแล้วด้วยโรคภัย
รวมถึงภรรยาของเขาด้วยการติดต่อจึงห่างหายไปตั้งแต่บัดนั้น