ตอนที่9 จานโปรด
คนที่มีสิทธิ์ตัดสินใจคือซาตานอย่างดีแลนเท่านั้น เขาเปลี่ยนจากสองนิ้วเป็นลำกายที่ใหญ่กว่ามาก และมันยังสร้างความเจ็บปวดให้เธอได้อยู่เสมอ
“พอเถอะนะ...”
“บอกไม่ไหวตลอด แต่ก็ไหว”
“แพรเจ็บนะ แดนไม่ใช้คนที่ต้องทนเหมือนแพรไง”
“ก็จริง” พริตาเบือนหน้าหนีแววตามัจจุราชที่มองเธอเหมือนคนกำลังโดนลงทัณฑ์ทั้งที่เธอไม่เคยทำอะไรผิดด้วยซ้ำ
ปึก ปึก ปึก
“ซี้ดดด อ่าส์” สะโพกที่เคยกระแทกกระทั้นเธออย่างบ้าคลั่งหยุดนิ่งในที่สุด พริตารวบรวมแรงทั้งหมดที่มีผลักดันเขาให้ออกไปจากตัวจนน้ำจำนวนมากไหลย้อนตามแก่นกายของเขาออกมา
“ฉันแตกใน อย่าลืมจัดการไม่ให้ตัวเองท้องด้วยล่ะ” พูดจบดีแลนก็เดินเขาห้องน้ำไปชำระล้างกายที่เหนียวหนับเพราะเหงื่อไคล ส่วนหญิงสาวต้องแบกร่างกายแสนเจ็บช้ำเก็บเสื้อผ้าขึ้นมาสวมแล้วกลับห้องของตัวเองในเวลาเกือบตีสาม
11.00 น.
กริ๊ง ๆ
“ทำอะไร”
“เรียกแพรน่ะสิ จะชวนไปหาอะไรกิน”
“รถเสร็จแล้วเหรอ”
“อืม แค่เปลี่ยนยางเอง” รอหลายนาทีพริตาก็ยังไม่เปิดประตูให้เพื่อน แคลอรีนจึงกดรหัสเปิดที่ให้กันไว้เมื่อคราวย้ายมาอยู่ใหม่
ติ๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
แอดดด
ดีแลนมองตาหลังลูกพี่ลูกน้องที่เดินเข้าไปในห้องของพริตา เจ้าของห้องน่าจะอยู่ในห้องนอนเพราะข้างนอกไร้เงาของเธอ
“รออะไร”
“เปล่า นึกอยู่ว่าลืมอะไรหรือเปล่า” ตอบจบร่างสูงก็เดินไปอย่างที่ผ่านมาที่ไม่ค่อยจะสนใจใคร
“เดี๋ยวนี้ขี้ลืมกับเขาด้วยเหรอนายนี่”
“แพร ยังไม่ตื่นอีกเหรอ”
“ฮืออ” พริตาครางรับในลำคอแต่ตายังลืมไม่ขึ้น
“เป็นอะไรน่ะ ไม่สบายเหรอ”
“แคลเหรอ”
“จ้ะ แพรตัวร้อนนี่”
ดีแลนกับวชิรวิชญ์เข้าเรียนกันสองคน ส่วนสองสาวหายเงียบไปไม่โทรบอกเหตุผล
ติ๊ง
“แพรไม่สบายฉันจะอยู่เป็นเพื่อน ฝากเช็คชื่อด้วยนะ” หลังอ่านข้อความจากแคลอรีนสองหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองกันอัตโนมัติ ก่อนจะเป็นดีแลนที่เป็นฝ่ายหลบตา
“เมื่อคืนกูเจอแพรกลับมากระทันหัน ไม่รู้มีเรื่องอะไร”
“เรื่องอะไรก็ไม่ต้องเสือก” วชิรวิชญ์ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ พริตาคงดวงตกขั้นสุดที่ต้องมาเป็นของที่ดีแลนอยากได้
“เล่นจนแพรไม่สบายก็เกินไป”
“...”
“ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันนะเว้ย”
“ไม่ต้องยุ่งเรื่องของกู”
โชคดีที่กินยาแล้วพิษไข้ทุเลาลง แคลอรีนลงไปซื้ออาหารใฆ้คนป่วยกิน พริตาจึงนอนต่อเพราะความอ่อนเพลีย
“สำออย”
“แดน!”
“นิด ๆ หน่อย ๆ เอง บอบบางเหลือเกิน”
“...” พริตาหลีกเลี่ยงการปะทะฝีปากกับคนเลวอย่างเขา เธอเลือกดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะแต่เนื้อตัวกลับสั่นไหวจนเขารู้ว่าเธอร้องไห้
“คืนนี้ไม่ต้องรอนะ”
“ออกไปได้แล้ว เดี๋ยวแคลมาเห็น”
“กลัวคนอื่นรู้เหรอว่าไม่ได้บริสุทธิ์แล้ว”
“ขอร้องนะแดน...ออกไปเถอะ” พริตาไม่ได้เห็นว่าเขามีสีหน้าเช่นไรแต่เธอรู้สึกว่าตอนนี้ในห้องเหลือเธอเพียงคนเดียวแล้ว
“ทำไมถึงเลวได้ขนาดนี้กันนะ”
วันต่อมา
เพราะเรียนรุ่นเดียวกัน คณะเดียวกันจึงหลีกเลี่ยงการต้องเจอหน้ากันไม่ได้เลย ยิ่งต้องทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นพริตายิ่งรู้สึกลำบากใจ
“ขับรถอะไรของนายวะแดน ปาดไปปาดมาอยู่ได้” ทันทีที่รถจอดสนิทดีแลนก็ถูกลูกพี่ลูกน้องว่าให้ เขาตั้งใจแต่ไม่ใช่แกล้งแคลอรีน
“ดูสิแพรหน้าซีดหมดเลย”
“เราน่าจะเวียนหัวน่ะแคล ยังมึน ๆ อยู่ด้วย”
“เราบอกให้หยุดต่อก็ไม่หยุด”
“ไม่เป็นอะไรแล้ว อย่าลืมที่คุยกันนะ” แคลอรีนพยักหน้าซึ่งมันทำให้อีกคนไม่รู้ว่าพวกเธอกำลังตกลงทำเรื่องอะไรกัน
“แพร ดีขึ้นแล้วเหรอครับ”
“แหม รีบมาหาเลยนะคะพี่คิน”
“ก็พี่เป็นห่วง โทรไปหาแพรก็หลับใส่”
ปึง!
สายตาทุกคู่หันไปมองที่มาของเสียง ดีแลนปิดประตูรถตัวเองแรงผิดปกติแล้วเดินไปจากลานจอดรถ
“เพื่อนเราอารมณ์เสียอะไรมาหรือเปล่า”
“ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอกค่ะ หน้านิ่งแบบนั้นแหละบางทีก็ไม่ได้เป็นอะไรหรอก” แคลอรีนรีบแก้ต่างให้ชายหนุ่ม และเธอก็ไม่เห็นว่าจะมีเรื่องอะไรให้ดีแลนหงุดหงิด
“พี่ว่าแพรยังตัวร้อน ๆ นะครับ” ภาคินพูดขึ้นหลังใช้มืออังหน้าผากหญิงสาว
“เดี๋ยวก็น่าจะดีขึ้นค่ะ แพรเป็นไข้ไม่เคยเกินสามวัน ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ แพรกับแคลต้องเข้าเรียนแล้ว”
“ครับ ตั้งใจเรียนนะ” ภาคินลูบศีรษะหญิงสาวด้วยความเอ็นดูก่อนจะปล่อยให้พวกเธอเดินไปเรียน
“น่ารัก สุภาพมากเหมาะกับแพรที่สุด” ไม่ทันได้นั่งลงที่เก้าอี้แคลอรีนก็อดที่จะพูดขึ้นไม่ได้ ไม่สังเกตเลยว่ามีบางคนต้องเก็บสีหน้าไว้ขนาดไหน
“พูดถึงใครเหรอ”
“ก็พี่คินน่ะสิ เมื่อกี้เจอเขาแค่แป้บเดียว แต่เอามือแตะหน้าผากแพรแบบนี้แล้วก็พูดว่าแพรยังตัวร้อนอยู่เลยนะ” แคลอรีนเอามือแตะหน้าผากวชิรวิชญ์สาธิตความอบอุ่นของชายหนุ่มรุ่นพี่ที่พริตากำลังเปิดใจให้
“อ่า ถ้าเป็นคนนั้นเราเชียร์นะแพร” ดีแลนเผลอมองเพื่อนตัวเองแว้บหนึ่งก่อนจะกลับเป็นปกติในเสี้ยววินาที
“มึงว่ายังไงไอ้แดน”
“อะไร”
“ไอ้รุ่นพี่ภาคินไง ผ่านมั้ยถ้าเขาคบกับเพื่อนเรา” พริตานึกอยากกลั้นใจตายให้รู้แล้วรู้รอด วินก็ช่างถามได้ถูกคนเหลือเกิน
“กูไม่ยุ่งเรื่องคนอื่น” วชิรวิชญ์บิดยิ้มกับคำตอบที่ได้ ‘เคยเย็นชายังไงก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้นสินะ แพรจะทลายน้ำแข็งมันได้หรือเปล่า’
ติ๊ง
“จบคลาสนี้แล้วไปเจอกันที่ห้องน้ำหลังห้องสมุด”
หลังเปิดอ่านข้อความพริตาแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว เธอละสายตาจากหน้าจอมือถือขึ้นมองเขาแววตาน่าสงสารแต่กลับได้เพียงแววตาเหมือนสัตว์ร้ายมองกลับมา เขาทำเหมือนไม่ได้เพิ่งส่งข้อความบ้า ๆ นั่นมาด้วยซ้ำ
“มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าจ้ะ”
“อ่อ เราก็นึกว่าเธอจะเป็นลมหรืออะไรเห็นหน้าซีด ๆ”
“จบคลาสนี้แล้วแคลไปรอเแพรที่รถเลยนะ แพรขอทำธุระส่วนตัวหน่อย” เล่นตั้งหัวข้อว่าส่วนตัวแล้วแคลอรีนจึงไม่ถามว่าธุระของเธอคืออะไร อยู่ประเทศไทยมาตั้งแต่เกิดก็รู้ความหมายของประโยคนั้นดีพอ ๆ กับคนไทยนั่นแหละ
ครืดด
ทันทีที่หมดเวลาดีแลนก็หยัดตัวขึ้นเต็มความสูงและเดินออกไป
“อะไรของเพื่อนนายวะวิน”
“อารมณ์ไม่ดีมั้ง”
“เรื่อง”
“ไม่รู้สิ สงสัยจะมีคนแย่งจานโปรดมันกิน”
“พูดเป็นเล่น นายนั่นเหรอจะมีจานโปรด อย่างมากก็ของที่เหลือไว้กินอีกสองเวลาเท่านั้นแหละ”