ตอนที่7 ทะเลาะกันหรือเปล่า
ร่างบอบบางของพริตายังคงอยู่ที่เดิมแม้เวลาผ่านมาราวชั่วโมงแล้ว ดีแลนยังใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติแม้ว่าหญิงสาวจะเอาแต่ร้องไห้อยู่ตรงนั้น
“ว่าไง”
“เมื่อคืนนายทะเลาะกับแพรหรือเปล่า แพรไม่อยู่ห้อง” เสียงของแคลอรีนที่ดังขึ้นจากสมาร์ทโฟนทำให้พริตารีบเงยหน้าขึ้นและก็ต้องเจอกับรอยยิ้มที่เธอเกลียดที่สุด
“ทะเลาะกันนิดหน่อย แต่ไม่ได้รุนแรง”
“ฉันโทรหาแพรก็ไม่รับสาย ไม่รู้ว่างอนหรือเปล่า ว่าแต่นายไม่ได้ทำให้แพรโกรธอีกใช่มั้ย” ดีแลนไม่ได้ตอบปลายสายแต่เลิกคิ้วขึ้นต้องการคำตอบจากอีกคนแทน
“แดน นายทำอะไรอยู่เปิดประตูห้องให้ฉันสิ”
กริ๊ง ๆ ๆ
เพราะไม่รู้รหัสใหม่ทำให้แคลอรีนต้องยืนรอพร้อมกดกริ่งเรียก ดีแลนหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทำท่าจะเดินไปที่ประตูร่างบางจึงร้องห้ามเขาเอาไว้
“อย่านะแดน!”
“อะไรนะ”
“อย่าเปิดประตู”
“แคลรออยู่ ทำไมถึงไม่ให้เปิด”
“แพรไม่อยากให้ใครมารู้เรื่องทุเรศนี่” สองเท้าหนาเปลี่ยนเป้าหมายมาที่พริตาแทนแม้เสียงกริ่งจะดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาย่อตัวลงนั่งจนใบหน้าเกือบจะอยู่ในระดับเดียวกัน
“อื้อออ” สองมือจับล็อคใบหน้าเรียวเล็กของเธอไว้แน่นและยัดเยียดจูบป่าเถื่อนให้กับเธอให้สาสมกับอารมณ์ที่ครุกรุ่น ‘เรื่องทุเรศอย่างนั้นเหรอวะ’
“อื้ออ” ใบหน้าสวยสะบัดตามแรงเหวี่ยงของมือหนา พริตาจ้องเขาผ่านม่านน้ำตาอย่างเจ็บใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย
“ถ้าไม่อยากให้ใครรู้เรื่องทุเรศนี้ก็อย่าดื้อด้านกับฉัน”
“เกลียดอะไรเแพรหรือเปล่าแดน ทำไมถึงได้ทำกันขนาดนี้”
“ไม่ต้องสงสัยความรู้สึกของฉัน จำเอาไว้” หญิงสาวปิดเปลือกตาลงเมื่อดีแลนกำลังเลียริมฝีปากของเธออย่างน่าขยะแขยง เธอกำมือแน่นเมื่อทำได้แค่อดทน
“อ่อ อย่าคิดให้ใครมาซ้ำรอย รอให้ฉันคายเธอทิ้งซะก่อนแล้วจะไปเอากับใครก็ไป”
“ฮือออ” เขาพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไปจากห้องนี้ พริตาไม่รู้ว่าเขาออกไปไหน หรือแค่ออกไปเจอแคลอรีนที่ยืนรออยู่ เธอยังคงร้องไห้อยู่ตรงนั้นจนขมับทั้งสองข้างปวดตุบ กระบอกตาร้อนผ่าว ครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนตอนที่เป็นไข้ไม่มีผิด
.....
เพราะเป็นวันอาทิตย์ที่ปกติก็แยกย้ายกันใช้ชีวิตแคลอรีนเลยไม่ได้รู้ว่าพริตายังอยู่ที่นี่เพียงแต่ไม่ใช่ห้องของเธออย่างที่ควรจะเป็น
“ป่านนี้แล้วทำไมแพรยังไม่มาอีกนะ”
“อาจจะมาเช้าหรือเปล่า พรุ่งนี้เรียนบ่ายนะ”
“จริงด้วย ฉันโทรก็ไม่รับ” ตอนนี้ทั้งสามอยู่ในห้องของแคลอรีน ทั้งที่ปกติควรไปนั่งกันอยู่ที่ผับหรือเขาควรอยู่ในห้องของผู้หญิงคนหนึ่งกับถุงยางสองสามชิ้น
“เออ เมื่อเช้าฉันเจอถุงยางในห้องแพร”
“แล้ว?”
“ก็แพรคุย ๆ อยู่กับรุ่นพี่ปีสี่คณะสถาปัตย์”
“แล้วยังไงต่อ” วชิรวิชญ์ถามลองเชิงเผื่อว่าจะทำให้คนแถวนี้แสดงอาการอะไรบางอย่างออกมา ‘แต่มันยังนิ่งอยู่’
“โอ้มายก็อด ไซส์ห้าสิบแปดไม่น่าเชื่อ ถ้าเป็นลูกครึ่งอย่างแดนก็ว่าไปอย่าง”
“แปลกอะไร ฉันก็ห้าสิบแปด”
“โม้”
“อาจจะไม่ใช่ของไอ้เวรนั่น”
“บ้าเหรอแดน ไม่ใช่ของพี่คินแล้วจะเป็นของใครก็แพรบอกว่าคุยกับพี่เขาอยู่” ดีแลนทำเพียงยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มปล่อยให้ลูกพี่ลูกน้องงงอยู่กับคำถามนั้น ตั้งแต่ออกมาจากห้องนี่ก็หลายชั่วโมงแล้วไม่รู้ว่าพริตายังอยู่หรือดื้อกับเขา
พรึ่บ
“อะไรวะ ยังไม่ทันเมา”
“เบื่อ มึงอยู่กับยัยนี่มาก ๆ ระวังได้กันเองล่ะ”
“กู ไม่ใช่มึงครับ” วชิรวิชญ์ตอบด้วยรอยยิ้มร้ายกาจและมันก็ยิ่งทำให้แคลอรีนสงสัยหนัก
“พูดเรื่องอะไรกัน”
“ไปละ” ดีแลนเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงห้องของตัวเอง เขากวาดสายตาจนทั่วก็ไม่เจอพริตาอยู่แล้วรวมถึงกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอด้วย
“ตัวร้อนมากเลยน้องแพร กินยาหรือยัง”
“กินไปแล้วค่ะ เดี๋ยวคงดีขึ้น”
“ถ้าไม่ดีขึ้นไปหาหมอนะ อย่าดื้อ” พริตาพยักหน้ารับ หน้าผากของเธอมีเจลลดไข้ฝีมือมารดาติดอยู่ จู่ ๆ ก็มีแท็กซี่เอาลูกสาวคนเล็กมาส่งทั้งที่ก่อนหน้านี้บอกว่าจะไม่กลับบ้าน
“แม่เคลียร์งานอยู่ในห้องนะ ไม่ไหวเรียกแม่เข้าใจมั้ย”
“เข้าใจแล้วค่า บอกแพรแบบนี้หลายรอบแล้วนะ”
“ก็เรามันคอยแต่จะดื้อไง แล้วนี่แคลรู้หรือเปล่าว่าแพรไม่สบายแบบนี้”
“...”
“ไม่รู้แน่เลย ถ้ารู้คงไม่ปล่อยแพรกลับแท็กซี่”
“แพร..เกรงใจแคลน่ะค่ะเลยไม่ได้บอก”
“จ้ะ นอนต่อเถอะจะได้หาย” ก่อนออกไปจากห้องแม่ของเธอก็ไม่ลืมที่จะปิดไฟให้และมันทำให้เห็นแสงสว่างวาบจากหน้าจออย่างชัดเจน
แดน
พริตาน้ำตาคลอเพียงแค่เห็นชื่อของเบอร์ที่โทรเข้า และเธอก็ปล่อยให้สายมันตัดไปเอง
ติ๊ง
“ฮืออ แดน...”
“หน้าโคตรยั่ว” พริตาดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันทีที่เผลอกดดูข้อความที่เขาส่งมาแล้วเจอกับภาพเคลื่อนไหวสภาพที่เธอเปลือยเปล่า เมื่อเขาโทรมาอีกครั้งหญิงสาวก็ไม่ลังเลที่จะกดรับสาย
“แดน!”
“อยู่ไหน”
“ทำแบบนี้ทำไมแดน เราไม่เคยมีปัญหาอะไรกันนะ”
“ก่อนสี่ทุ่มเธอต้องถึงห้องฉัน”
“ไม่...”
“ฉันไม่ได้ขู่นะแพร” น้ำเสียงของเขาจริงจังจนพริตาไม่กล้าเสี่ยง เธอรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและคว้ากระเป๋าออกมาจากห้องนอนตัดสินใจค่อยโทรกลับมาบอกมารดาว่าเธอกลับคอนโดแล้ว
“ไปส่งตอนนี้เหรอครับคุณหนูแพร”
“ใช่ค่ะ แพรลืมทำงาน... เอาป้าน้อยนั่งรถไปเป็นเพื่อนด้วยนะคะ”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมไปเรียกน้อยก่อนนะครับ” หญิงสาวเม้มปากลดอาการประหม่า เธอโกหกครั้งแรกในชีวิตแถมยังต้องรบกวบคนขับรถกับแม่บ้านในเวลานี้อีก
“ขอโทษที่รบกวนนะคะ แพรลืมจริง ๆ ว่ามีงาน”
“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่คุณภารู้หรือเปล่าครับว่าคุณหนูแพรกลับ”
“ยังค่ะ เดี๋ยวแพรโทรบอกคุณแม่เอง”
พริตาสวมแมสไม่ได้เพื่อปิดบังใบหน้าแต่เพราะกลัวจะแพร่เชื้อหวัดในอากาศ อีกไม่ถึงสิบนาทีจะสี่ทุ่มเธอกลัวอะไรที่คาดเดาไม่ได้ที่สุด
ติ๊ง
“อ้าวแพร ไปไหนหรือเพิ่งกลับ”
“วิน...” พริตาเผลอถอยออกห่างคนที่เพิ่งออกมาจากลิฟต์อย่างไม่รู้ตัว ดีแลนทำให้เธอระแวงไปหมด
“เป็นอะไร กลัวเราเหรอ”
“เปล่า วินจะไปไหนเหรอ”
“หาสาวน่ะสิ นัดไว้”
“จ้ะ ขับรถดี ๆ นะ” วชิรวิชญ์ขมวดคิ้วเมื่ออยู่ ๆ เขาก็ถูกหญิงสาวรักษาระยะห่าง 'ไอ้เพื่อนตัวดีคงไม่ได้ทำอะไรไว้หรอกนะ'
“ให้เราขึ้นไปส่งหน้าห้องมั้ย”
“ไม่เป็นไร วินมีนัดก็รีบไปเถอะ”
ติ๊ง
“เธอเหลือเวลาไม่มากนะแพร”