บทที่6. พร้อมลุยกรุงโรม

1393 คำ
“ผมกำลังจะชงกาแฟพอดีเลย” วินเซนต์เพื่อนคนหนึ่งที่แชร์ค่าเช่าบ้านกับมนตรีเอ่ยทักทั้งที่ไม่เงยหน้าจากหนังสือ “เอาสักแก้วไหมครับ” “ขอบคุณค่ะ เอา...เซนด์วิชด้วยไหมคะเดี๋ยวฉันทำให้” “ได้ก็ดีครับ” เขาตอบรับง่ายๆ “วันนี้มีแผนไปเที่ยวไหนบ้างครับ” “จัตุรัสนาโวนาค่ะ” “ดีครับ จัตุรัสนาโวนาอาจไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของโรม แต่ลานกว้างแห่งนี้อยู่ด้วยแล้วสดชื่น น้ำพุสวยๆ ตึกรามสีสด เสาโอเบลิสก์ ที่สำคัญเป็นดงของศิลปินที่พากันมาปล่อยของดี อ้อ! มีคาเฟ่ดีๆ น่านั่งหลายร้าน” “ขอบคุณค่ะ”      ณัชชาตื่นเต้นยิ้มกว้างแทบเก็บอาการไม่อยู่ ขณะที่มือเตรียมทำแซนด์วิชอยู่นั้นสมองของเธอก็นึกถึงตารางที่ร่างไว้ในหัว เธอหาข้อมูลมาบ้างแล้วว่าเวลา 5 วันในโรมจะไปที่ไหนบ้าง สู้ทำงานเหนื่อยเก็บหอมรอมริมเพื่อเดินทางมาที่นี่ เธอตั้งใจให้มันเป็นความทรงจำแสนวิเศษชดเชยชีวิตเด็กกำพร้าอย่างเธอ “ว้าว! ยอดเลย ตื่นมาแล้วมีของกินรอตรงหน้าแบบนี้”   ไมเคิล-เพื่อนชายอีกคนของมนตรีร้องทักและไม่กี่นาทีมนตรีก็เดินตามมา  “ทานได้เลยนะคะ ณัชทำไว้เผื่อทุกคน” หญิงสาวคนเดียวในบ้านหันกลับมาพร้อมยกจานแซนด์วิชจานใหญ่มาเสิร์ฟ วินเซนต์ลุกไปช่วยยกกากาแฟมาวางไว้ใกล้มือ        “นายนี่มันโชคดีเรื่องผู้หญิงจริงๆเลยวะ”  ประโยคของไมเคิลทำให้มนตรีชะงักไปเล็กน้อย วินเซนต์ส่งสายตาตำหนิไปที่ไมเคิล ณัชชาเงยหน้าขึ้นมองคนทั้งสามด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อยแต่เธอก็ไม่เอ่ยถามอะไร นี่แหละนิสัยของเธอมักจะสงบปากสงบคำไม่กล้าถามไม่กล้าเถียงแม้จะมีข้อสงสัยอะไรก็เถอะ            “กินๆ เข้าไปเถอะน่า  มีเรียนด้วยไม่ใช่เหรอ” วินเซนต์ทำลายความเงียบลง ทุกคนจัดการมื้อเช้าง่ายๆ ไปอย่างเงียบๆ “ไม่ต้องเก็บหรอกค่ะ เดี๋ยวณัชทำให้เองค่ะ” หญิงสาวอาสาเมื่อเห็นว่าทุกคนทานกันเสร็จแล้ว วินเซนต์กับไมเคิลเอ่ยขอบใจแล้วขอตัวออกไปเรียน “ดีจังตื่นเช้ามาก็มีคนทำอาหารเช้าให้กิน” มนตรีเอ่ยเสียงใสแล้วทำท่าจะช่วยณัชชาเก็บจานและถ้วยกาแฟไปล้างแต่หญิงสาวห้ามไว้ก่อน “ณัชทำได้แค่ไม่กี่อย่างเอง” “อยู่ๆ กันไปก็ทำได้หลายอย่างเองล่ะ”  ประโยคของมนตรีทำให้หน้าหวานของณัชชาแดงจัด เธอดันแว่นตาชิดใบหน้าแก้เขินแล้วจัดการล้างจานชามที่ทิ้งไว้ในครัวตั้งแต่เมื่อวาน มือหนาเอื้อมมาแตะสะโพกของหญิงสาวเบาๆ ก่อนที่ร่างผอมบางจะมายืนซ้อนด้านหลัง     “อดทนอีกนิดนะณัช ปีหน้าผมก็เรียนจบแล้ว เราจะได้อยู่ด้วยกัน ตรีจะไม่ให้ณัชชาต้องลำบาก” “ณัชเข้าใจค่ะ” “ตรีรู้ตัวนะว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว” เขาเลื่อนมือลูบแผ่นหลังของเธอเบาๆ “ผมให้ณัชชาอยู่คนเดียวที่เมืองไทยตั้งสองปี” “แค่สองปีเองค่ะ” ณัชชาล้างมือแล้วเอาถ้วยกาแฟเก็บเข้าที่ “อีกอย่างณัชเองก็ชอบงานที่ทำอยู่” “ช่ายย” มนตรีลากเสียงยาวแล้วหัวเราะเบาๆ “แม่หนอนน้อย ถ้าไม่ได้แทะหนังสืออาจขาดใจตายได้” “ณัชไม่ได้แทะหนังสือสักหน่อยแต่เป็นคนดูแลหนังสือต่างหากล่ะ” ณัชชายิ้มน้อยๆ “โอเคครับ ตรียอมแพ้” เขาปล่อยมือจากแผ่นหลังแล้วทำชูขึ้นเหมือนยอมจำนน “วันนี้ตรีจะดูแลณัชตอบแทนที่ณัชดูแลตรีมาตลอดก็แล้วกัน” “ขอบคุณค่ะ”  “ณัชไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซิ เราจะได้รีบออกไปเที่ยวกัน ห้าวันที่ณัชอยู่โรม ตรีจะดูแลณัชให้ดีที่สุดเลย” หญิงสาวพยักหน้ารับแล้วก้าวเร็วๆ เดินกลับขึ้นมาที่ห้องนอนของมนตรีเธอหยิบเสื้อผ้าที่นำมาด้วยออกมาวางบนที่นอน เสื้อแขนตุ๊กตาสีเปลือกมังคุดกับกระโปรงผ้าฝ้ายสีน้ำตาลอ่อนยาวเลยเข่าแต่งลูกไม้น่ารักๆ ที่ชายกระโปรง เป็นเสื้อผ้าชุดใหม่เอี่ยมที่เธอใช้เงินห้าร้อยเก้าสิบเก้าบาทในการซื้อมาครอบครองเผื่อใส่มาอวดมนตรี ในชีวิตของเธอซื้อเสื้อผ้าใหม่แทบนับชุดได้และก็เก้อเขินทุกครั้งที่ไปเลือกซื้อ  ทั้งราคาที่ทำให้ต้องขมวดคิ้วทั้งกังวลว่ามันจะไม่เหมาะกับเธอ ณัชชาถอนหายใจเบาๆ รีบจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าในเวลาไม่กี่นาที หญิงสาวไม่เคยแต่งหน้าจึงทาเพียงแป้งเด็กบางๆ และลิปมันสีหวาน เธอถักเปียหลวมๆ และขยับแว่นตาอย่างเคยชิน เพ่งมองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ตรงหน้า สูดลมหายใจลึกๆ แล้วหยิบกระเป๋าสะพายคล้องไหล่แล้วเดินลงมาหามนตรีที่กำลังคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ เขาเงยหน้ามองณัชชาแล้วยิ้มกว้างก่อนจะตัดบทสนทนาแล้วเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงยีน           “พร้อมลุยกรุงโรมหรือยังครับ” “ค่ะ” มนตรีจับมือณัชชาแล้วก้าวออกจากบ้านไปพร้อมกัน   ณัชชาผิดหวังเล็กน้อยคิดว่าเขาจะชมเธอสักนิดแต่จะเอาอะไรเล่า ในเมื่อเธอก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่ใช่คนสวยหรือน่ารัก ไม่สะดุดตาใครซ้ำยังไม่มีใครสนใจเลย แต่เมื่อก้าวออกจากบ้านพักหญิงสาวก็ลืมเรื่องน้อยใจไปหมดสิ้น บ้านเมืองที่สวยงามแปลกตาทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นจนแทบเก็บอาการไม่อยู่ เธอมีกล้องคอมแพคตัวเล็กที่ซื้อมาในราคาพันกว่าบาท แน่นอนว่ามันเป็นของหลุดจำนำทำให้เธอสามารถครอบครองมันได้ ได้เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศทั้งที่ถ้าไม่มีรูปถ่ายเป็นที่ระลึกก็ยังไงอยู่ “ทำไมอยากไปจัตุรัสนาโวนา (Piazza Navona) ละ โรมมีที่ให้ไปเที่ยวตั้งเยอะ” มนตรีถามไม่จริงจังนัก “ก็...แค่อยากไปนะคะ” ณัชชาดันแว่นตาชิดใบหน้า มันเป็นกิริยาที่ทำจนเคยตัว “ถ้าตรีไม่อยากไปจะไปที่อื่นก็ได้นะคะ” “ได้ไงล่ะ นี่วันของณัชนะ ถ้าณัชอยากมาก็ต้องได้มาซิ” เกือบสิบเอ็ดโมงเช้า ทั้งสองก็มาถึงบริเวณน้ำพุจตุมหานทีที่มีเสาโอเบลิสก์ ด้านหน้า Sant’Agnese โบสถ์สไตล์บาโรก   ณัชชายืนตะลึงกับความงามตรงหน้า ตรงกลางจัตุรัสมีรูปปั้นแทนแม่น้ำสายสำคัญจาก 4 ทวีป ในแต่ละมุมค่ะ คือ แม่น้ำไนล์ ดานูป คงคาและพลาต้า (Rio de la Plata ในทวีปอเมริกาใต้) เสาโอเบลิกส์ที่ตั้งอยู่กลางน้ำพุก็มาจากประเทศอียิปต์ “จัตุรัสแห่งนี้มีรูปทรงเป็นวงรี เนื่องจากพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นสนามกีฬาโรมันโบราณ สร้างเมื่อ ค.ศ.86 ชื่อว่า Stadium of Domitian ในสมัยจักรพรรดิโดมิเทียน ซึ่งชาวโรมันจะเดินทางมาเพื่อชมการต่อสู้ที่จำลองมาจากการต่อสู้ทางทะเล  กีฬาของคนที่นี่มีแต่เรื่องการต่อสู้ทั้งนั้นเลยนะ...ว่าไหม” มนตรีอธิบายแต่แอบหยิบโทรศัพท์มือถืออ่านข้อความที่หน้าจอบ่อยๆ “ณัชหิวไหม” หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ เธอกำลังตื่นตาตื่นใจกับภาพตรงหน้า สองเท้าพาตัวเองเดินไปใกล้กลุ่มศิลปินที่กำลังวาดรูปอยู่ริมถนน            “เอ่อ...ณัชเดินเล่นคนเดียวสักชั่วโมงได้ไหม” มนตรีเอ่ยอย่างเกรงใจ “ตรีมีธุระด่วน” “อะไรนะคะ” เธอหันมามองหน้าเขาอย่างตกใจ แค่ไม่กี่นาทีเขาก็จะทิ้งให้เธออยู่คนเดียวแล้วหรือ “พอดีเพื่อนโทรมาตามให้ไปคุยเรื่องงาน มันสำคัญมากเลย ตรีต้องไปให้ได้ไม่งั้นแย่แน่” น้ำเสียงและสีหน้ารู้สึกผิดอย่างมาก  เขาจับมือเธอแล้วบีบแน่นๆ  “อย่างอนนะคนดี  ตรีไปทำธุระแถวนี้แหละ ไม่นานหรอก” “เอ่อ...”  ณัชชาอึกอักไม่อยากโกหกว่าเธอเสียใจแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร “อย่าโกรธตรีเลยนะ  เรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันทั้งชีวิตนะ”  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม