บทที่ 5 ตอนที่ 4

1896 คำ
แพรวพรรณมีหุ่นแบบบางเพรียว อกอวบตั้งชันได้รูป ส่วนสะเอวคอดกิ่วเล็กจนสองมือเขาน่าจะกำรอบ หน้าท้องแบนราบ...เนินสาวอูมนูนสะอาดตา...ไม่มีแต่เส้นไหมปกคลุมอย่างอิสตรีอื่นๆ            จากอาชีพที่เธอทำแน่นอนว่าแพรวพรรณต้องดูแลตัวเองทุกอย่างตั้งแต่หัวจรดเท้า คิดถึงตรงนี้กิตติธัชก็กัดฟันกรอดด้วยความขุ่นเคือง            ทำไม...ต้องทำตัวเองให้สวย ดูดี เพียบพร้อมทั้งตัวขนาดนี้เพื่อปรนเปรอบำเรอกามให้กับผู้ชายไม่เลือกหน้า เพียงเพื่อจะแลกกับเงินด้วยนะ เขาไม่เข้าใจความคิดเด็กสาวสมัยนี้เลยจริงๆ...            กิตติธัชถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้เพื่อข่มความรู้สึกดำมืดในตัวให้สลบนิ่ง จากนั้นก็ช้อนร่างในอ่างน้ำอุ่นขึ้นมา พาเธอไปนอนพักบนเตียง ดึงผ้าห่มคลุมร่างให้เรียบร้อย ส่วนตัวเองก็นั่งหันหลังให้วางสองแขนพาดกับต้นขาก้มหน้าครุ่นคิดสิ่งที่ทำลงไป และลำดับเหตุการณ์ต่อจากนี้ว่าควรจะเอาอย่างไรดี            ปล่อยเธอไป...หรือคาดคั้นให้รู้เรื่องรู้ราวกันไปเลย จะได้ไม่ต้องเสียเที่ยว ที่แน่ๆ เขาควรคุยเรื่องนี้กับเพื่อนตำรวจที่ทำคดีค้าประเวณีอยู่ก่อนแล้ว เผื่อจะได้ข้อมูลมาเชื่อมโยงกับแพรวพรรณและดำเนินการขั้นต่อไป                        บุหรี่เป็นตัวช่วยให้ผ่อนคลายลงเล็กน้อย หลังจากปล่อยให้จำเลยสาวนอนพักตามลำพังและเขาออกมาด้านนอกเพื่อคุยโทรศัพท์ไปด้วย กิตติธัชบอกรูปพรรณสัณฐานของแพรวพรรณให้นายตำรวจอีกคนที่ทำคดีก็ปรากฏว่าเธออยู่ในข่ายผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งจริงๆ ด้วย เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เตือนให้ผู้กระทำผิดรู้ตัว            แต่มีการล่อซื้อบริการกับพริตตี้บางคนแล้ว ยังสาวไปถึงต้นตอผู้ซื้อบริการเด็กอายุต่ำกว่าสิบห้าเป็นนักการเมืองใหญ่ ข้าราชการอีกหลายคน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสืบสวนเรื่องนี้อย่างเงียบๆ เพื่อไม่ให้ผู้มีอิทธิพลเหล่านั้นหาทางเอาตัวรอดได้            นึกถึงร่างเล็กอรชร ใบหน้ายามไร้เครื่องสำอางปรุงแต่งก็เหมือนเด็กสาวแรกรุ่นทั่วๆ ไป ไยจึงคิดสั้นเห็นแต่เงินยอมแลกร่างกายให้กับชายไม่ซ้ำหน้าด้วยนะ และไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ หน้าตาใสซื่อแบบนั้นจริงๆ แล้วจะหน้าเนื้อใจเสือ หลอกลวงลูกผู้หญิงด้วยกันไปฆ่าให้ตายทั้งเป็น จะมีกี่คนที่ถูกแพรวพรรณใช้เป็นเครื่องมือในการหากิน มีกี่คนที่ต้องสูญเสียอนาคตและชีวิตทั้งชีวิตให้กับตัณหาของเธอ            บุหรี่หมดมวนตำรวจหนุ่มก็เข้ามานั่งบนเตียงใกล้แพรวพรรณอีกครั้ง โดยที่หันไปแลร่างที่นอนนิ่งอย่างสงบไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นเสียที เธอคงหมดสติและพาลหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย นี่ก็ดึกมากจวนจะเที่ยงคืนอยู่รอมร่อ กลายเป็นเขาสิ...ไม่รู้จะทำอะไรต่อไปดี จะกลับปล่อยทิ้งเอาไว้อย่างนี้...หรืออยู่กับเธอที่นี่ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน            แต่ได้บทสรุปชัดเจนแล้วว่ายังไม่อาจปล่อยตัวแพรวพรรณไปได้อย่างแน่นอน เธออาจไปส่งข่าวกับคนอื่นๆ ในกลุ่ม มันจะส่งผลต่อการทำงานของตำรวจให้ยุ่งยากมากขึ้น            ฉึก!!! "..." ร่างใหญ่สะดุ้งเฮือก...เจ็บแปลบตรงบริเวณหลังด้านขวาเหมือนอะไรบางอย่างเสียบแทงทะลุผิวเนื้อ เขากะพริบตาผ่อนลมหายใจด้วยความร้าวระบมและหันหลังลุกยืนหันไปมองต้นสายปลายเหตุโดยอัตโนมัติ            สิ่งที่เห็นคือหญิงสาวร่างเล็กซึ่งเข้าใจว่านอนหลับสนิทไปแล้วกำลังถือมีดปอกผลไม้ปลายแหลม พร้อมสำหรับการจู่โจมอีกครั้งตลอดเวลาหากเขาจู่โจมกลับ            เธอจับผ้าห่มผืนที่เขาคลุมร่างไว้ให้แน่นแนบอก ตัวสั่นสะท้านจากแรงหอบหายใจ กิตติธัชกัดฟันกรอดพุ่งตัวเข้าหาจำเลยที่ประสงค์ร้ายต่อเขาทันที แพรวพรรณเองก็ไม่รีรอที่จะจ้วงแทงซ้ำแต่อนิจจาทักษะการต่อสู้ของเธอมันห่างไกลกับเขานัก กิตติธัชคว้าข้อมือเล็กแล้วบิดพลิกหงายจนมีดปอกผลไม้อันเล็กร่วงลงบนที่นอน            คนตัวเล็กใช้มืออีกข้างจะจับขึ้นมาใหม่แต่ชายหนุ่มเร็วกว่า เขาใช้เท้าเขี่ยมันกระเด็นตกลงบนพื้นห่างออกไปจากเตียงหลายเมตร แพรวพรรณได้แต่มองตามด้วยความหวาดหวั่น เธอไม่ได้อยากจะฆ่าเขาหรอกแต่จะทำให้บาดเจ็บและใช้โอกาสนี้หนีไป แต่ก็พลาดท่าเสียแล้ว            "เก่งนักนี่...อยากไปหาผู้ชายที่นัดไว้จนตัวสั่นขนาดนี้เชียว!"            "บ้า! ฉันอยากออกไปจากที่นี่ต่างหาก ใครจะดีใจที่ถูกพามาขังโดยไม่รู้สาเหตุแบบนี้ ฉันมีสิทธิ์จะเอาตัวรอดไม่ใช่เหรอ"            "อ๋อ...เอาตัวรอดแล้วจะไปบอกให้พวกเสี่ยๆ เสธๆ ของเธอมาเล่นงานฉันงั้นสิ" ดวงตาคมดุเต็มไปด้วยโทสะ แลเห็นความเดือดดาลที่พุ่งฉิวประหนึ่งต้องการประหัตประหารคนตรงหน้าให้แหลกยับ ความเจ็บ อารมณ์ดูแคลนมันทำให้สติถูกกลืนหายไปพร้อมๆ กับสำนึกอันดีงาม            "ปล่อยฉันไปเถอะ...ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ" แพรวพรรณเริ่มสะอื้นเมื่อเห็นแววตาดุจมัจจุราชพร้อมเสมอจะฉุดคร่าวิญญาณเธอให้ออกจากร่างได้ทุกวินาที เธอคิดผิดแล้วจริงๆ ที่ทำให้เขาบาดเจ็บ            "จะว่าไป...รูปร่างหน้าตาเธอมันก็ไม่เลวเลยนะแพรว ถ้าขาดผู้ชายไม่ได้อยากออกไปนอนอ้าให้มันเอาถึงขนาดนี้ฉันก็ช่วยสงเคราะห์ให้ได้ บอกกันดีๆ สิไม่เห็นต้องลงมือลงไม้"            "ฉันอยากออกไปจากที่นี่!! ไม่ได้อยากหนีไปนอนกับใคร ฉันต้องทำงานต้องหาเงินต้องเรียนหนังสือไม่เข้าใจรึไง!!" เธอร้องไห้ไปพลางตะคอกบอกเหตุผลไปพลางทั้งที่กิตติธัชคงไม่อยากรับรู้ เขาคิดสรุปใจความทุกอย่างเกี่ยวกับเธอเสร็จสรรพหมดแล้วนี่...            "ทำงาน...แลกเงิน อืม...ผู้หญิงอย่างเธอเรียกการนอนกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้าว่าทำงานสินะ ไร้ยางอายจริงๆ"            "จะด่าจะว่ายังไงก็ช่างเถอะ แต่คุณกำลังเข้าใจผิด...ปล่อยฉันไปได้แล้ว"            "ไม่...เพราะฉันเองก็มีงานให้เธอทำเหมือนกัน..."            "..." ดวงตาพร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำเบิกโพลง จ้องใบหน้าคมกร้านที่แสยะยิ้มดูแคลนนั้นอย่างหวาดหวั่นในหัวอก เธอผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก...มีหรือจะมองไม่ออกว่ากิตติธัชคิดจะทำอะไร            "ไม่นะ!!!" ร่างเล็กดิ้นพรวดดีดตัวหวังไปจากที่นอน แม้รู้ไร้ทางสู้แต่ก็ไม่ยอมจนตรอกง่ายๆ สิ่งที่เธอขลาดกลัวและคอยระวังมาตลอดกำลังจะเกิดขึ้น หากความเลวร้ายนี้จะถูกฝากฝังไว้ในความทรงจำแล้วล่ะก็ เธอยอมสิ้นใจเสียดีกว่า            กิตติธัชคว้าร่างเล็กที่หุ้มไว้ด้วยผ้าห่มเข้าหาตัว กดให้เธอจมลงบนที่นอนหนานุ่ม หอบหายใจแรงไม่อินังกับบาดแผลที่เกิดจากการถูกแทงทั้งที่มันยังเจ็บแปลบ แต่เขารู้สึกเจ็บใจมากกว่าที่ถูกลูบคมจากผู้หญิงหยำฉ่าคนหนึ่ง            "ทำไม! นอนให้ฉันเอาก็ถือว่าเธอได้ทำงานเหมือนกัน ฉันมีจ่ายจะคิดกี่ร้อยก็บอกมา หึ..." คำดูแคลนเสียดแทงให้เจ็บแปลบจุกแน่นจนอธิบายไม่ถูก ไม่แปลกหรอกที่ผู้หญิงอาชีพอย่างเธอจะถูกมองเหมือนที่เขาคิด มันชินชาไปแล้ว แต่ก็ไม่เคยทำใจยอมรับได้สักที ทุกวันหญิงสาวจำเป็นต้องอดทนอดกลั้นทำงานหาเงินเลี้ยงชีพ ผิดด้วยเหรอ...ที่คนเราเลือกเกิดไม่ได้            "คุณเป็นตำรวจ...คุณทำแบบนี้ไม่คิดว่าผิดจรรยาบรรณในหน้าที่การงานหรือไง"            "สำหรับเธอ...ไม่ควรเอาเกียรติแบบนั้นมาเกลือกกลั้วด้วยหรอก ตอนนี้ฉันอยู่ในฐานะผู้ชายคนหนึ่งที่ซื้อผู้หญิงกิน มันก็ดีกว่าไปดักข่มขืนฝืนใจคนที่เขาไม่ได้ทำอย่างว่าไม่ใช่เหรอ มันเป็นหน้าที่ของเธอที่ต้องให้ความสุขผู้ชายทุกคน...ที่มีเงินจ่าย...ใช่ไหม..."            "อื้อ!" สิ้นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ ริมฝีปากของกิตติธัชก็กดจูบนัวเนียไปตามใบหน้าและกลีบปากสีซีดของหญิงสาว ร่างเล็กดิ้นสุดกำลังเท่าที่มี แต่เธอเล็กเกินไปเมื่อเทียบกับขนาดตัวของเขา บาดแผลที่แผ่นหลังเพียงขยับก็เจ็บแปลบแต่ชายหนุ่มไม่นึกสนมัน ขวนขวายอยากสยบความพยศของแพรวพรรณเสียมากกว่า ตัวเล็กเพียงครึ่งเสี้ยวร่างแต่แรงเยอะเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน            "เธอหนีไม่พ้นหรอกแพรว...แค่ทำหน้าที่ของเธอ ก็แค่อีตัวที่ทำงานบังหน้า อย่าสะดีดสะดิ้งให้มากนักทำเป็นไม่เคยไปได้ ชดเชยที่เธอใช้มีดแทงฉัน ฉันจะแทงคืนบ้าง!..."            แพรวพรรณสะบัดตัวหนี มือเล็กผลักไสคนด้านบนให้ถอยห่าง พลิกหลบใบหน้าที่ฝังซุกนัวเนียจูบตะบมไปทั่ว ใจดวงน้อยเต้นสั่นเสียงเล็กหวีดร้องจนรู้สึกลำคอฝืดแห้ง และหมดแรงดิ้นขัดขืนในที่สุด            ผ้าห่มผืนหนาถูกกิตติธัชดึงออกจากตัวเธอ หญิงสาวรีบเอามือปิดสัดส่วนอิสระทั้งบนและล่าง เขาจึงจับสองแขนของเธอตรึงไว้กับที่นอน สายตาที่เคืองแค้นก่อนหน้าบัดนี้แพรวพราวระยับเมื่อเรือนร่างงดงามประดุจเสกปั้นนอนบิดส่ายอยู่ตรงหน้า            เขายังจดจำได้ดีตั้งแต่แรกพาเธอเข้าไปผลัดเปลี่ยนผ้าในห้องน้ำ แต่หากไม่ได้สำรวจตรวจตราแจ่มแจ้งเหมือนตอนนี้ ผิวเปลือยของแพรวพรรณละเลียดลออนวลเนียน ทรวงอกคู่ชูชันอวบใหญ่ ยอดถันสีสดระเรื่อ ปานรอบฐานถันสีอ่อนกว่าเชิญชวนให้ความกระหายพุ่งฉิว อกสาวกระเพื่อมไหวตามแรงหายใจ ดีดปลายยอดสีสดที่เครียดเกร็งล่อตาล่อใจเหลือประมาณ...            "รู้งานดีเหลือเกิน..." กิตติธัชครางพร่าในลำคอ ยอมรับโดยสดุดีว่าแพรวพรรณทำให้เขาร้อนรุ่มไปทั้งตัว ควบคุมใจไม่ให้หวั่นไหวยากเย็นเหลือเกิน ดวงหน้าปราศจากเครื่องสำอางดูใสซื่อต่างจากตอนแต่งหน้าลิบลับ สายตาของเธอตื่นตระหนกตกใจ และหวาดกลัวระคนกัน            แทนที่จะเห็นใจในโชคชะตาซึ่งกำลังเกิดขึ้น แต่ยักษ์มารในตัวกลับแผลงฤทธิ์กลบทุกความดีงามให้สูญสลาย คงเหลือเอาไว้แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่มีความต้องการในเพศรสเท่านั้น ชายหนุ่มก้มจูบดูดดื่มกับกลีบปากสั่นระริกอีกครั้ง ไล้ลากลิ้นนัวเนียมายังปลายคางมน ซุกไซ้ซอกคอระหงอย่างตะกละตะกลาม ละมือมาฟ้อนเฟ้นสองเต้าอวบที่เด้งรับสัมผัสอย่างพึงพอใจ            แพรวพรรณผลักดันจิกข่วนร่างใหญ่ด้วยแรงเฮือกสุดท้าย แต่เขากลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย เธอนึกสะกิดใจถึงบาดแผลในวินาทีนั้นและกำหมัดทุบยันซ้ำๆ มันได้ผล...กิตติธัชผละออกทันควันแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยเธอออกจากการกดทับ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม