พลั่ก!! "โอย!" ร่างเล็กถูกลากเข้ามาในห้อง ตอนนี้เธอถูกสวมกุญแจมือเอาไว้ด้วย เขาเหวี่ยงเธอลงไปนอนกองจุกอยู่บนเตียงขนาดไม่เกินห้าฟุต ดูเก่าแต่สะอาดสะอ้าน พอๆ กับห้องที่ไม่ได้กว้างขวางมากนัก กำแพงทึบรอบด้าน มีทางเดินไปด้านหลังอาจเป็นส่วนห้องครัว และห้องน้ำก็อยู่ไม่ไกลนัก ไร้ทางออกทางอื่นนอกจากประตูที่เขาพาเธอเข้ามา ไม่มีแม้หน้าต่างสักบานให้พอได้มองเห็นโลกภายนอก มีเพียงกระจกแก้วสีใสสองสามช่องตรงหัวมุมของห้องเท่านั้นที่แสดงให้เห็นว่าโลกภายนอกมีอยู่จริง...
ด้วยอาภรณ์ที่สวมใส่รวมถึงข้อมือทั้งสองที่ถูกจับใส่กุญแจมือแล้วไขว้หลังเอาไว้ทำให้การช่วยเหลือตัวเองลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด กระนั้นแพรวพรรณก็ยังพยายามขยับตัวเองลุกนั่งพับเพียบ เบียดขาให้ชิดกันเพื่อลดความล่อแหลมของเรือนร่าง
"อุจาดจริงๆ..." พรึ่บ! ผ้าห่มผืนบางถูกโยนมาคลุมตัว ร่างใหญ่นั่งคร่อมเก้าอี้หันหลังให้โต๊ะและต้องเธอตาไม่กะพริบ
"เมื่อกี้ฉันได้ยินเธอคุยโทรศัพท์กับ...ผู้ชาย ไหนบอกมาสิว่านัดแนะไปขายตัวกันที่ไหน"
"คุณ!!"
"เธอโดนแน่ๆ ข้อหาค้าประเวณี และถ้าฉันหาหลักฐานว่าเธอ! เป็นธุระจัดหาในการค้ามนุษย์ได้เมื่อไหร่แล้วล่ะก็ หึ..." เขาจะต้องเอาผู้หญิงในบาปคนนี้เข้าขังตะรางให้ได้
ในตอนแรกก็คิดจะนำไปฝากขังเลย แต่นึกเฉลียวใจว่าเบื้องหลังของแพรวพรรณคงมีผู้มีอิทธิพลหนุนอยู่หนาแน่นทีเดียว ขืนทำเช่นนั้นรังแต่จะสะกิดให้ไก่ตื่น อีกทั้งหญิงสาวก็คงให้ใครสักคนมาประกันตัวออกไปเอ้อระเหยลอยชายเหมือนเดิม และระวังตัวมากขึ้นหลังจากนี้ เท่ากับว่าเขาต้องเสียแรงเปล่า
"คุณมันบ้า! เป็นตำรวจได้ไงไม่มีหลักฐาน ไม่มีข้อมูลอะไรสักอย่างก็มาทำกับฉันแบบนี้ รังแกประชาชนชัดๆ" แพรวพรรณตวาดกลับลั่นห้อง หญิงสาวกะวนกระวายใจยิ่งนัก เธอจะทำอย่างไรดีเพื่อให้ตัวเองรอด กิตติธัชกล้าจับตัวมากักขังหน่วงเหนี่ยว เขาก็ย่อมจะกล้าทำอะไรตามใจในแบบที่เธอก็คาดเดาไม่ได้ด้วย
หากถูกฆ่าทิ้ง...เธอก็คงตายหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยได้จริงๆ เพราะใครล่ะจะมาช่วยขุดคุ้ยสืบเสาะว่าผู้หญิงโดดเดี่ยวอย่างเธอได้จากไปไหน...
"ปากดี...อย่าคิดว่ามีพวกเสี่ยๆ คนใหญ่คนโตหนุนหลังแล้วจะอยู่เหนือกฎหมายลอยชายเป็นสวะสังคมได้ง่ายๆ ตอบฉันมาว่าเธอกำลังคิดทำอะไรกับน้ำมนต์!" ชายหนุ่มไม่อาจอดรนทนไหว
เขาลุกจากเก้าอี้และโถมตัวขึ้นไปคุกเข่าบนเตียง โดยพุ่งตัวเข้าหาร่างเล็ก มือข้างหนึ่งค้ำที่นอนเอาไว้อีกข้างจับแก้มขาวนวลบีบกดจนปากเจ่อ คาดคั้นเอาความโดยไม่นึกฟังเหตุผลใดๆ ทั้งนั้น
หยาดน้ำใสๆ รินร่วงเผาะ อดสูใจในความโชคร้ายของเธอ ทำงานอยู่ดีๆ ก็กลายเป็นผู้ต้องหาโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองทำอะไรผิด
"ปล่อยฉันนะ!" เธอเค้นเสียงออกจากลำคอที่จุกแน่นตีบตัน กิตติธัชแสยะยิ้มดูแคลน กวาดสายตาสำรวจร่างอรชรในชุดที่ไม่อาจปกปิดอะไรได้เลย
"ตอนนี้ทางกรมกำลังทำคดีของพวกเธออยู่ พวกพริตตี้ นางงามทั้งหลายที่ใช้อาชีพพวกนี้บังหน้า เพื่อโก่งค่าตัว ยกระดับการขายตัวให้ดูมีมูลค่า แถมยังจัดหาเด็กผู้หญิงที่ยังไม่แตกเนื้อสาวด้วยซ้ำส่งบำเรอกามพวกบ้าตัณหา ถ้าเธอยอมสารภาพและให้การเป็นประโยชน์ถึงพวกที่อยู่เบื้องหลังแล้วล่ะก็...เธออาจมีสิทธิ์รอดออกไปจากที่นี่"
"ฉันไม่รู้!" น้ำเสียงแค่นแค้นเปล่งออกมาพร้อมๆ กับหยาดน้ำตาที่หลั่งอาบแก้ม นายตำรวจหนุ่มไม่ใส่ใจสักนิด เพราะเขารู้ดีกว่าผู้หญิงประเภทแพรวพรรณ มากเล่ห์ มารยาสาไถยร้อยเล่มเกวียนอยู่แล้ว
"ไม่รู้เหรอ...แล้วที่คุยตกลงจะพาน้ำมนต์ไปหาลูกค้าเธอน่ะ มันคืออะไร!!" ถ้าหากเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเด็กในปกครองของเพื่อนรักแล้วล่ะก็ เขาอาจไม่ลงทุนถึงขนาดนี้ อาจจะแค่คอยดูสถานการณ์ รวบรวมข้อมูล จับตาดูความเคลื่อนไหวและส่งเรื่องให้กับเพื่อนตำรวจที่ทำคดีนี้อยู่ก็เป็นได้
"ฉันคุยกับเขาเรื่องงาน! เขาอยากจ้างฉันกับน้ำมนต์ไปช่วยฟรีเซนต์สินค้าก็เท่านั้น!"
"ตอแหล!!!" มือใหญ่ตวัดผลักแก้มที่จับบีบเอาไว้จนเธอหน้าหัน ร่างเกือบถลาล้มลงไปบนที่นอนอีกรอบ รู้สึกเจ็บแปลบที่สันกรามและพวงแก้ม
"แล้วที่บอกจะคุยกับมันทั้งคืน...คืออะไร เลวคนเดียวไม่พอยังเอาเพื่อนตัวเองไปสังเวยให้คู่ขาอีก เธอนี่มัน!"
"จะทำอะไรก็เชิญเลย ฉันพูดความจริงไปหมดแล้วไม่เชื่อก็ตามใจ เป็นตำรวจไม่ใช่เหรอ เก่งนักไม่ใช่เหรอก็สืบหาหลักฐานเข้าสิ ไม่ใช่มาจับฉันมากักขังหน่วงเหนี่ยวแบบนี้ ฉันต้องเรียนหนังสือ ต้องทำมาหากิน"
"ฉันก็กำลังสืบอยู่นี่ไง!!" กิตติธัชหายใจหอบด้วยความโกรธที่ถูกเถียงกลับคำไม่ตกฟาก เขาเสียเวลากับผู้หญิงคนนี้นานเกินพอ เธอไม่ควรได้รับอภิสิทธิ์มาถือดีกับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างเขา ในขณะที่ตัวเองเป็นจำเลย
"มานี่เลย...คืนนี้ยังไงฉันก็ต้องเค้นเอาความจริงจากเธอให้ได้แม่ตัวดี..." ร่างใหญ่คว้าหญิงสาวเอาไว้ทั้งตัวด้วยมือข้างเดียว นำพาลากเข้าห้องน้ำด้วยอารมณ์โมหะที่อยู่เหนือเหตุผลทั้งมวล แพรวพรรณปลิวพุ่งไปตามแรงกระชาก และถูกผลักลงไปนอนกองกับพื้นเหมือนสิ่งไม่มีชีวิต
กิตติธัชเดินไปเปิดฝักบัวให้น้ำไหลซู่รดร่างระหง สายน้ำโปรยปรายรดร่างเปียกชุ่มเพียงเสี้ยวอึดใจ เขานั่งลงใกล้ๆ จับดึงพวงผมให้หน้าของเธอหงายรับสายธารน้ำนั้น มันเข้าปาก เข้าจมูกและเข้าตา น้ำเย็นเฉียบในค่ำคืนที่ดึกสงัดส่งผลให้หญิงสาวสั่นสะท้าน หายใจไม่ออกและแสบตามากๆ เธอพยายามสลัดหนีแต่ก็ถูกเขาบงการเอาไว้
ความรู้สึกทรมานเหมือนจะตายทำให้เธอเริ่มดิ้นทุรนทุรายเสาะหาอากาศมาหายใจ...
"อื้อ!! ปล่อย!..."
"งั้นก็บอกมา...ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้บ้าง เธอคิดจะทำอะไรกับน้ำมนต์!"
"ไม่! อื้อ!!" แพรวพรรณเริ่มสำลักน้ำที่เข้าปากเข้าจมูก เธอถีบเตะเขาเพื่อเอาชีวิตรอด เนื้อตัวเปียกชุ่มแต่สายน้ำก็ยังไงลงทัณฑ์เธอไม่ขาดสาย ร่างเล็กดิ้นพล่านเหมือนปลาขาดน้ำ กิตติธัชไม่ยี่หระ ใช้อีกมือหนึ่งบีบปลายคางมนให้เธอขยับหนีน้ำที่โปรยปรายลงมาไม่ได้
"ตอบ!!"
"ไม่รู้! แค่กๆๆ!!!" แม้จะไม่ใช่วิธีรุนแรงซ้อมตี แต่หากมันสร้างความทรมานให้แก่แพรวพรรณยิ่งนัก เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังจะสิ้นใจตายแน่แล้วในไม่ช้านี้ ชายหนุ่มยังคาดคั้นเค้นถามไม่หยุดปาก ในขณะที่สติน้อยๆ เริ่มเลือนรางไม่รับรู้ เสียงของเขากลายเป็นเพียงเสียงแว่วผ่านหู คงมีแต่ความหนาวเหน็บที่เกาะกินไปถึงเนื้อใน และค่อยๆ ชาชิน... จางหาย...
"แค่กๆ!..." ร่างเล็กสั่นเทิ้มเล็กน้อยจากการไอสำลักน้ำ ก่อนที่เรี่ยวแรงจะค่อยๆ วูบนิ่งจนชายหนุ่มต้องรีบสอดมือรับร่างเล็กเอาไว้ เธอหายรวยริน เข้าใช้มืออีกข้างปาดเช็ดหยาดน้ำที่เกาะพราวบนใบหน้า สบถหึ่มในลำคอ
"ใจเสาะจริงๆ แค่นี้ก็เป็นลมไปซะแล้ว เธอยังต้องเจออีกเยอะแม่ตัวดี หึ..." กิตติธัชเริ่มหงุดหงิดกับความคิดตัวเอง เขาอาจจะทำเกินกว่าเหตุไปจริงๆ เมื่อมองร่างเล็กที่นอนซีดอยู่บนแขน ชายหนุ่มสลัดศีรษะแล้วอุ้มเธอลุกยืนปิดฝักบัว แต่เสื้อผ้าทั้งของเธอและเขาก็เปียกโชกไปหมดแล้ว
ปัญหาใหญ่กว่าก็ตามมา...แล้วจะทำอย่างไรดี...
นายตำรวจหนุ่มถอนหายใจเหลือบแลร่างแบบบางเบาหวิวในอ้อมแขนอีกครั้ง เสื้อที่เธอใส่เป็นแขนพาดเฉียงรัดปกปิดส่วนหน้าอกเอาไว้หมิ่นเหม่เท่านั้น กระโปรงก็สั้นจู๋เล็กแคบ ยังดีที่หญิงสาวค่อนข้างเซฟตัวเองเอาเข้าจริงๆ มันก็แค่ล่อแหลม ไม่มีอะไรโผล่ออกมาให้เห็นเต็มๆ ตาหรอก
นอกเสียจากเวลานี้ที่เขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อกำจัดเสื้อผ้าน้อยชิ้นของเธอออกไปทั้งหมด ไม่อย่างนั้นแพรวพรรณได้เป็นปอดบวมตายแน่แท้
ไม่เหลือเวลาให้เขาได้ตัดสินใจนานนักเพราะตัวแพรวพรรณเย็นเฉียบ ลมหายใจก็รวยรินเต็มที ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับความมุทะลุทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังของตัวเอง แค่อยากจับตัวมาขู่ขาดคั้นเอาความจริง หากไม่มีอะไรร้ายแรงก็จะปล่อยตัวทันที ไม่นึกว่าจะเลยเถิดถึงเพียงนี้ เพราะความดื้อดึงของอีกฝ่ายแท้ๆ
"เอาวะ...ไม่ใช่ไม่เคยเห็นซะหน่อย ไม่ช่วยแม่นี่ก็คงปอดบวมตายนี่ก็บวมจะดีดเข้าหน้าเราอยู่แล้ว..." ตัดสินใจได้ดังนั้นเขาพาร่างเล็กเข้าไปหลังฉากกั้น และวางเธอลงในอ่างอาบน้ำ ถอดกุญแจมือออก จัดการเปิดผสมน้ำให้พออุ่นแล้วช่วยถอดเสื้อผ้าทีละชิ้น เสื้อกึ่งเกาะอกตัวเล็กจิ๋วถูกดึงออกพ้นตัวเป็นลำดับแรก...
สิ่งที่ตาไม่อยากเห็นแต่จำเป็นต้องมองทำให้กิตติธัชหัวใจเต้นระส่ำ ร้อนรุ่มปลาบแปลบอย่างแปลกประหลาด พยายามปลอบใจตัวเองว่าเขาก็เคยผ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วน สรีระทุกคนก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ ใหญ่กว่าอวบกว่าสวยกว่านี้ก็ยังเคยลิ้มลองเคียงกอดมาแล้ว
ทว่า...พอเต้าอวบเต่งตึงพวยพุ่งชูชันอยู่ตรงหน้า...สติก็แทบดับสูญไปสิ้น แพรวพรรณไม่ได้สวมบรา เธอแค่ใช้ซิลิโคลนแปะส่วนปลายถันเอาไว้เท่านั้น มิน่าล่ะ ขนาดตอนสวมเสื้อที่แหวกส่วนโค้งส่วนเว้านั้นถึงมองเห็นอย่างล่อแหลมเหลือเกิน
มือใหญ่สั่นเทาขณะยื่นไปแกะสิลิโคลนออก ยอดถันสีชมพูอมแดงระเรื่อจนชายหนุ่มรู้สึกถึงใบหน้าร้อนผ่าววูบวาบ เขาสะบัดหน้าพยายามไม่มอง สบถด่าตัวเองในใจที่หาเรื่องใส่ตัว กระโปรงตัวเล็กถูกแกะถอดด้วยความทุลักทุเล ถุงน่อง และแพนตี้ตัวจิ๋วเป็นอาภรณ์ลำดับถัดมา แล้วร่างเล็กก็เปลือยเปล่านอนแช่อยู่ในอ่าง กิตติธัชหายใจด้วยความโล่งอกที่ผ่านจุดจุดหนึ่งไปได้เสียที
กระนั้นก็ใช่ว่าจะสิ้นสุด...