บทที่5
เฉินอิงลั่วนางรวบรวมสติให้นิ่งก่อนจะพยายามต่อต้านทุกอารมณ์ที่กำลังถาโถมเข้าใส่จากการปลุกเร้าของอีกฝ่ายซึ่งบุรุษผู้นี้เก่งกาจยิ่งนัก ยามนี้เขากำลังเริ่มรุกรานรุกล้ำอย่างหนักขึ้น แต่ด้วยสตินั่นเองที่ความรู้สึกนางตื่นจากการหลับใหลมาจวบจนสิ้นอายุขัยจากชาติเก่า ช่างยากเย็นเหลือเกินที่จะควบคุมมิให้ทุกอารมณ์ตื่นเตลิดขึ้นมาอีก นางกัดกระพุ้งแก้มตนเองจนได้กลิ่นคาวเลือดพุ่งขึ้นยังโพรงจมูกแล้วส่ายหน้าก่อนมือเล็กสองข้างจะค่อย ๆ กำหมัดจนแน่น
‘ไม่! ข้าจะต้องไม่ยอมให้ชายแปลกหน้ามาเจาะไข่แดงกันเพียงพบพานไม่ถึงครึ่งคืนเช่นนี้แน่!’
เมื่อพยายามรวบรวมสติให้กลับมามั่นคงเป็นทั้งเฉินอิงลั่วยังภพนี้และกิรณายังภพเดิมได้แล้ว นางจึงขอแลกหมัดต่อสู้กับบุรุษหน้านิ่งตาดุร่างใหญ่แต่ความหื่นเข้าขั้นเต็มร้อยตรงหน้าของตน อย่างไม่คิดกลัวเกรงอีกแล้ว...
ผลัวะ!
ตุ๊บ!
อึ๊ก!!
พลัก...พลัก...พลัก...
เรียกได้ว่าเฉินอิงลั่วนางจัดใหญ่และจัดหนักไปด้วยสามหมัดเน้นแน่นพุ่งตรงเข้ายังดวงตาทุกหมัดมิผิดพลาดไป ใช่แล้ว นางขอย้ำว่าตนเองนั้นเน้นหนักเข้าสู่เบ้าตาคมดุนั้นมิพลาดไปแม้เพียงน้อยเดียว...
แถมยังคงเป็นเบ้าตาข้างซ้ายซึ่งเป็นหมัดขวาที่นางถนัดมาก ซัดไปเสียเต็มกำลังอีกด้วย กายสมส่วนตะกายลุกขึ้นนั่งหายใจหอบแรง ส่วนผมเผ้าก็พันกันยุ่งเหยิงจนสิ้นสภาพ
ส่วนคุณชายหยางผู้ซึ่งนางเพิ่งฟาดกำปั้นเข้าจู่โจมนั้นทั้งมึนทั้งงงงันกับสิ่งที่เกิดขึ้นเกินสิบส่วนไปเสียแล้ว...
.แถมด้วยอาการนิ่งเงียบหายหื่นกระหายไปชั่วครู่ใหญ่ ยามนี้เขาทอดสายตามองดูร่างสมส่วนตรงหน้าอย่างทั้งอึ้งและทึ่งจัดไปอีกอย่างที่ไม่ว่ายามเป็นคุณชายสามแห่งตระกูลหยางนามหรงเหยามาจนถึงวัยยี่สิบห้าหนาว ล้วนมิเคยถูกผู้ใดกล้าล่วงเกินเช่นนี้มาก่อน คงมิต้องเอ่ยว่านางเป็นเพียงดรุณีน้อยยากจน และอีกทั้งยังแสนมอมแมมตรงหน้าเลย
...ให้ดับดิ้นที่ตรงนี้เถิดหรงเหยา! ...
รู้ถึงที่ใดล้วนขายหน้ามิอาจกล่าวอธิบายได้หมด เพราะคุณชายหยางลำดับที่สามถูกสตรีตัวเท่ามดฟาดเบ้าตา เพียงจะให้คนสนิทเห็นหยางหรงเหยายังต้องคิดอย่างหนักเลยทีเดียว!
เมื่อคิดตกเช่นนั้นแทนที่คุณชายสามจะล้มเลิก ตรงกันข้ามกายสูงใหญ่กลับพุ่งเข้าหาหญิงสาวอีกครั้ง แต่เฉินอิงลั่วเองนางก็พยายามต่อต้านและสู้สุดกำลังตนเช่นกัน
ทว่ามีหรือที่คนต้องการร่างน้อยจะยอม เช่นไรเขาก็เป็นถึงคุณชายตระกูลใหญ่มาก่อน เติบโตมาอย่างผู้ถูกตามใจเสมอ จวบจนเติบใหญ่ก้าวขึ้นเป็นผู้ดูแลกิจการมากมายของตระกูลหยาง ความเอาแต่ใจจึงกลับเพิ่มมิอาจลด เช่นนั้นแล้วเพียงสตรีที่หยางหรงเหยาหมายตาว่านางจะช่วยรักษาอาการประหลาดของตนได้ จึงดึงเอาทุกกลยุทธ์เด็ดดวงนำมาใช้เพื่อผลิตทายาททันที
คราวนี้มือหนึ่งรวบมือน้อยสองข้างกดไว้เหนือศีรษะอีกครั้ง ส่วนปากก็ระดมกดจุมพิตไม่หยุด ส่วนมืออีกข้างก็ทำหน้าที่เสาะหาบุปผางามช่อกำลังเหมาะมืออีกด้วย เพื่อจะปรนเปรอให้ม้าป่าสาวหัวหมุนจนลืมตัวและเลิกพยศสยบต่อเขาอีกครั้งให้จงได้
...แต่จะรอดมือยายกี้เช่นนั้นหรือ? ...
...หึ...
ความที่ร่างกายใหม่นี้เล็กกว่ากายเดิมอยู่ถึงสองส่วน นางจึงมีความคล่องแคล่วว่องไวซึ่งมีติดตัวมาตั้งแต่จำความได้ยังชาติของนางสาวกิรณา
เช่นนั้นแล้วกว่าคุณชายสามแห่งตระกูลหยางจะทันได้ลงมือจนสำเร็จ กายของเฉินอิงลั่วนางก็พลิกพลิ้วหลุดรอดออกมาจากอ้อมอกคนตัวโตกว่านางอยู่เป็นครึ่งได้อย่างหวุดหวิด!
...ผ้าห่มที่พันเข้ากับตัวตั้งแต่ยามแรกที่ออกมาจากห้องอาบน้ำซึ่งถูกเขากระชากโยนจนตกไว้ข้างเตียงเมื่อครู่นี้ บัดนี้ถูกนางคว้าหยิบมาม้วนแล้วพันรอบกายของตนเองได้อย่างว่องไวจนหยางหรงเหยาทำได้เพียงทั้งอึ้งและทั้งทึ่งในตัวแม่นางน้อยตรงหน้าไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าใดของ ค่ำคืนนี้แล้ว
...นางทำได้เช่นไร? ...
และเพราะมัวแต่อึ้ง...ทึ่ง...และงง...เฉินอิงลั่วนางจึงใช้โอกาสเดียวอันแสนสั้นให้เป็นประโยชน์ทันที มือเล็กคล่องแคล่วคว้าได้กระบี่ซึ่งคุณชายสามแห่งตระกูลหยางนั้นมักวางไว้ยังหัวเตียงตามนิสัยปกติที่ต้องมีอาวุธวางเอาไว้ใกล้ตัวประจำ ซึ่งยามนี้เกรงว่าบุรุษหนุ่มต้องคิดใหม่เสียแล้วว่าบางที่การวางของมีคมไว้ใกล้มือ แต่มิใช่มือตนหาใช่สิ่งดีเลยแม้แต่น้อย
“เจ้า...วางมันลงเดี๋ยวนี้นะ!”
น้ำเสียงนั้นเฉียบขาดยิ่งนัก หากเป็นผู้คุ้นเคยหรือเหล่าคนภายในจวนตนเองคงกลัวจนตัวสั่นเทาไปทั่วหน้าแล้ว ทว่ายามนี้...
ขอโทษเถอะนะเจ้าคนหื่นขั้นเทพ เพราะข้านั้นมันพวกคนโหดขั้นเหนือกว่าเทพเว้ย!
...หึ...ผู้ใดจะปัญญานิ่มยอมฟังเจ้าออกคำสั่งมิคิดกัน...
นางคิดอย่างหัวเสียเล็กน้อย จะเป็นจอมหื่นเกินไปหรือไม่บุรุษภพนี้!
“เช่นนั้นเรามาตกลงกันด้วยดีเถิดแม่นางน้อย”
หยางหรงเหยาพยายามถ่วงเวลาให้ตนเองด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างที่ชีวิตนี้ตนเองมิเคยเอ่ยแม้แต่มารดาผู้วายชนม์จากไปแล้วก็ตามที ทว่ายามนี้กระบี่คมนั้นไร้ดวงตา ยิ่งเมื่อมันย้ายไปอยู่ในมือของสตรีย่อมมิใช่สิ่งฉลาดหากตนยังแข็งขืนต่อไป ทว่าในทางกลับกันเขาก็ลักลอบส่งสัญญาณเรียกหาติงเค่อคนสนิทมาเป็นตัวช่วยไปด้วยเช่นกัน อย่างไรเสียเขาก็เป็นคุณชายผู้มีคนติดตามเก่งกาจอยู่มิใช่น้อย
“นี่! ...ข้ามิเข้าใจจริงแท้ว่าพวกบุรุษเหตุใดชอบพูดจาแบบพระเอกละครน้ำเน่านัก...เฮ้อ...พูดอะไรที่มันแปลกใหม่ สร้างสรรค์ชวนตื่นเต้นน่ะเป็นบ้างหรือไม่? หรือว่าแท้จริงแล้วเหล่าบุรุษร่ำรวยและรูปงามนั้นล้วนต่างต้องโง่งมกันทั้งสิ้น เมื่อครู่ข้าอยากคุยด้วยดีท่านมิคิดฟัง ยามนี้กระบี่ย้ายมาอยู่ยังกำมือของข้า ท่านกลับมาชวนคุยด้วยดี ท่านโง่เง่าหรือบ้าบอกันจึงคิดว่าข้าจะเชื่อฟังคำของท่าน”
ดวงตาคมเบิกขึ้นเล็กน้อยด้วยมิคาดแต่ละคำนางล้วนเท่าทันเขาทั้งสิ้น เห็นทีคงดูเบานางเกินไปสินะเมื่อครู่
“อย่าขยับ...ไม่สิ ท่านจงออกไปก่อน เลิกหน้ามัวเมาราคะก่อนจะได้หรือไม่ เราเพิ่งพบกัน ต่อให้ท่านจ่ายเงินซื้อตัวข้าแล้วก็ตามแต่ หากข้ามิเต็มใจร่วมอภิรมย์ต่อท่าน เช่นนั้นท่านก็เป็นได้เพียงโจรราคะเท่านั้นคุณชายสาม”
ด้วยจำได้ว่าทุกผู้เรียกบุรุษตรงหน้าเช่นนี้
“เจ้า! “