บทนำ(100%)
บทนำ
...จังหวัดขอนแก่น...ประเทศไทย
ในช่วงปลายฝนต้นหนาวของปี กลับแทบแยกแยะไม่ออกว่าเป็นฤดูร้อน หรือร้อนมาก ไปจนถึงโคตรบิดาโคตรมารดาร้อนกันแน่...
วันนี้หลังจากออกไปสอนพิเศษภาษาจีนให้กับบิดาของเพื่อนที่เคยเรียนคณะเดียวกันเสร็จแล้ว…
‘กิรณา นับอนันต์’สาวน้อยวัย 21 ปี ที่เพิ่งจะได้รับใบปริญญาตรีคณะบริหารธุรกิจ สาขาบริหารต่างประเทศมาหกเดือนแล้วแต่ยังไม่สามารถหางานทำเป็นหลักเป็นแหล่งได้เลยสักที่ นอกจากรับจ้างเป็นครูสอนพิเศษภาษาจีนเป็นค่ากินค่าใช้จ่ายในยุคที่เกิดโรคระบาดไปทั่วโลกจนเข้าขั้นวิกฤต หลาย ๆ ประเทศรวมถึงไทยแลนด์แดนสยามก็เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า แม้แต่ข้าวผัดกะเพราหมูจานหนึ่งยังเด้งขึ้นไปที่จานละ 120 บาท ก๋วยเตี๋ยวก็ปาเข้าไปเป็นชามละ 60 บาท ใช้ตะเกียบคีบสามคำก็หมดจาน จึงอย่าได้หวังว่างานจะหาได้ง่ายดาย โดยเฉพาะคนที่เพิ่งจบใหม่เช่นเธอ ถึงแม้ว่าจะสามารถพาตนเองจบก่อนเพื่อนร่วมรุ่นได้หนึ่งปี แต่คนไร้ประสบการณ์หรือจะมีใครอยากจ้าง...
ยังดีว่ากิรณานั้นเป็นบุตรสาวคนเล็กของบ้านที่มีบิดาเป็นนายทหารยศนายพล มีพี่ชายเป็นตำรวจยศพันตรี จึงยังคงอาศัยเป็นสมาชิกชมรมชาวเกาะพ่อกับพี่กินได้อย่างปกติสุขพอสมควร ไม่ถือว่าเดือดร้อนมากนัก มิเช่นนั้นลำพังแค่รายได้จากโรงเรียนกวดวิชาขนาดเล็กคงมิอาจจะพอยาไส้ได้อย่างแน่นอน
เมื่อลงจากรถสองแถวประจำทางยังบริเวณปากซอยเข้าอะพาร์ตเมนต์จึงได้เห็นว่าวันนี้มีตลาดนัดขนาดใหญ่ที่หญิงสาวมักชอบแวะเวียนมาเลือกซื้อหาหนังสือนวนิยายมือสองมือสามอยู่ประจำเปิดอยู่
อย่ากระนั้นเลย ...
กิรณาให้รู้สึกว่าเงินในกระเป๋าที่เพิ่งได้รับมานั้นเริ่มร้อนขึ้นมาโดยพลัน สำหรับสาวสายมโนที่คลั่งไคล้นวนิยายเป็นชีวิต ติดซีรีส์เป็นจิตใจ ยอมอดข้าวยังดีกว่าพลาดหนังสือนวนิยายแปลดี ๆ ไปสักเล่มมีหรือจะรั้งรอ เท้าเล็กหันเหจากปากซอยแวะเข้าตลาดนัดมือสองอย่างไม่ลังเลเลยแม้สักน้อย ...
แล้วหญิงสาวก็ไม่ผิดหวังเมื่อได้พบกับร้านหนังสือเก่าเจ้าประจำที่ห่างหายไปเสียนาน เพราะตลาดนัดรวมทั้งห้างสรรพสินค้าต่างก็ถูกสั่งปิดไปชั่วคราวจากสภาวะของโรคระบาดใหญ่
“อ้าวหนูกี้ วันนี้มาแต่หัววันเลยนะคะ มาค่ะมา วันนี้มีเล่มใหม่ล็อตใหม่เข้ามาหลายแนวหลายสำนักพิมพ์เชียวค่ะ เลือกได้เลย เดี๋ยวพี่คิดราคาคนกันเองให้”
หญิงสาวหุ่นอวบรุ่นพี่ผู้เป็นเจ้าของร้านเชื้อเชิญลูกค้าขาประจำมือหนัก ที่แต่ละอาทิตย์อุดหนุนเธอไม่เคยต่ำกว่า 500 บาท ถ้าได้สาวน้อยหน้าใสผู้นี้เป็นเจ้าประเดิมคงขายดีเป็นแน่...
“ขอบคุณค่ะพี่ติ๊ว วันนี้กี้อยากได้แนวซีรีส์จีนยกชุดที่เคยถามพี่เอาไว้เรื่อง ‘ลำนำปิ่นหยก’ พอจะมีมาใหม่บ้างไหมคะ”
หญิงสาวถามหาชุดที่เล็งเอาไว้ แต่ว่าหนังสือมือหนึ่งนั้นแพงจนกำลังทรัพย์ของเธอไปไม่ถึง จริงอยู่ว่าถึงที่บ้านจะไม่ได้ลำบากยากไร้เรื่องค่าใช้จ่าย แต่ด้วยนิสัยที่ถูกฝึกสอนให้รู้จักคุณค่าของการใช้จ่ายเงินอย่างพอเหมาะพอควร ทำให้ถึงอยากได้เอามานอนกอดนอนฟินมากเพียงใด แต่กิรณาก็ยังพอจะมีสติหักห้ามใจตนเองอยู่บ้าง
“มีค่ะเพิ่งได้มาเมื่ออาทิตย์ก่อนพอดีช่วงนี้ก็อย่างที่รู้กันแหละค่ะน้องกี้ว่า มีคนร้อนเงินกันมากจึงอยากส่งต่อมาแล้ว วางอยู่ด้านนั้นน้องกี้ลองไปดูก่อนนะคะว่าสภาพถูกใจไหม”
เพียงเท่านั้นเองร่างเล็กก็เหมือนตัวจะลอยตรงไปยังจุดที่เจ้าของแผงสาวรุ่นพี่ชี้บอกไปในทันที
แล้วเมื่อเปิดถุงที่ยังไม่ได้แกะออกมาวางโชว์เรียกลูกค้า รอยยิ้มสาสมใจและอิ่มเอมก็คลี่ออกมาจนแทบจะฉีกถึงใบหู...
“โอ้โห...สภาพนางฟ้าอย่างกับไม่เคยถูกเปิดอ่านมาก่อนเลยนะคะนี่พี่ติ๊ว มีบ็อกเซตสวยงามมาก ราคาล่ะคะพี่ หวังว่าสภาพดีแบบนี้คงไม่แพงจนกี้กระเป๋าฉีกนะพี่”
นิ้วเรียวลูบคลำดังกับว่าหนังสือชุดนี้คือของเลอค่าคู่ควรเมืองก็มิปาน
“ปกติราคาจริงมันอยู่ที่สามพันห้า แต่เห็นว่าหนูกี้เป็นลูกค้าวีไอพีของร้านพี่ คิดแค่พันเดียวพอ สนใจไหมจ๊ะ นี่มีของแถมติดมาด้วยนะคะ เป็นปิ่นหยกสวยมาก บอกเลยว่าหากพลาดไปละก็ต้องเสียใจแน่เลย เพราะพี่เองก็ไม่รู้ว่าจะมีของดีเกรดเอแบบนี้เข้ามาอีกทีเมื่อไร”
ดวงตากลมโตแวววาวดังกับพบเจออัญมณีเลอค่าก็มิปาน วันนี้เธอได้เงินเดือนมาสามพันห้าร้อยบาท ราคาหนึ่งพันบาท หากเป็นการซื้อเสื้อผ้าหรือกระเป๋าแบรนด์เนมหญิงสาวคงคิดจนผมร่วงหมดศีรษะ แต่ถ้าเป็นหนังสือเธอรีบเปิดกระเป๋าหยิบแบงก์พันออกมาโดยไม่มีการยั้งคิดแม้แต่น้อย...
จากนั้นก็เดินออกมาจากร้านประจำเหมือนกายจะลอยได้...
“อ๊าย...ในที่สุดก็ได้มาแล้ว ท่านอ๋องขา รอหวางเฟยก่อนน้า คืนนี้จะฟินให้เต็มอิ่มเลย ม้วบ...อา...”
หญิงสาวเผลอยกถุงที่บรรจุซีรีส์ชุดที่เธอเฝ้ารอคอยมาร่วมปีขึ้นจูบโดยไม่สนใจสายตาของใครทั้งสิ้น รู้เพียงเธอจะไม่กินไม่นอนไปอีกสามสี่วันเพื่ออ่านนวนิยายเรื่องนี้ โดยที่หญิงสาวก็ไม่คิดว่าจะมีเรื่องเดือดร้อนแต่อย่างใด...
เมื่อมาถึงห้องชุดของตนเองกี้ก็ไม่สนใจสิ่งใดรอบกายอีกนอกจากค่อย ๆ แกะซีลที่ห่อหนังสือทั้ง 5 เล่มออกอย่างทะนุถนอม ...
กริ๊ง...
เสียงของบางอย่างตกลงมาหลังจากแกะห่อซีลออกจนหมด
“เอ๊ะ...อันนี่คงจะเป็นปิ่นที่พี่ติ๊วบอกว่าเขาแถมมากับชุดกิ๊ฟต์เซตให้แน่ ๆ เลย ว้าว...สวยจัง...ทำเหมือนของจริงมากเลย ดูสิทับทิมที่เป็นดวงตาของหงส์นี่เหมือนพลอยจริงเกิ๊น สีม่วงสวยมากเลยอะ”
กิรณาเฝ้าลูบคลำปิ่นที่ตัวเรือนของปิ่นเหมือนทำมาจากหยกจริงเป็นอย่างมากเลยทีเดียว แต่ที่แปลกออกไปก็คือมันเป็นสีฟ้าแทนที่จะเป็นสีเขียวหรือขาวแบบที่เคยเห็นผ่านตามาบ่อย ๆ
อีกทั้งพลอยนั่นก็ด้วย แต่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน แค่ของแถมคู่มากับหนังสือใครจะลงทุนสูงขนาดนั้น ขืนเป็นของจริงคงเกินราคาหนังสือไปมากโขได้ขาดทุนกันป่นปี้ยับเยินกันทีเดียว
เมื่อชื่นชมหนังสือลูกรักเซตใหม่จนพอใจเธอจึงคิดว่าจะอาบน้ำอาบท่าเสียหน่อย เพราะออกไปข้างนอกมาทั้งวันผจญกับหมอกควันพิษของท่อไอเสียรถมาจนเนื้อตัวเหนียวไปหมดแล้ว
แต่ก็พลันนึกได้ว่าตนเองลืมซื้อยาสระผมขึ้นมาด้วย เพราะมัวแต่ดีอกดีใจที่ได้ของรักของหวงมาเก็บสะสมอีกชิ้นจนลืมไปเสียสนิท
ใบหน้ากลม ๆ แก้มอิ่มเต็มสวยงามพองลมขึ้นมาอย่างโมโหตนเอง แต่ก็จำต้องลงไปซื้อ
ทว่าอากาศที่ร้อนจนตับอ่อนแทบสุกทั้งที่ตอนนี้ก็ใกล้จะสองทุ่มเต็มที ทำให้มือบางคว้าเจ้าปิ่นรูปหงส์ที่มีดวงตาสีฟ้าเกือบม่วงซึ่งบังเอิญอยู่ใกล้มือที่สุดขึ้นมา แล้วขมวดผมจับปิ่นเสียบลงไปแบบง่าย ๆ จากนั้นจึงคว้ากระเป๋าสตางค์กับกุญแจห้องก่อนจะก้าวเดินดุ่ม ๆ ลงไปซื้อของใช้ส่วนตัวที่ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับอะพาร์ตเมนต์ที่หญิงสาวพัก
และอาจจะเป็นด้วยอารามรีบร้อนมากไปหน่อย เธอจึงก้าวข้ามไปยังอีกฟากฝั่งถนนแบบไม่ได้ระวังตัวเลยแม้แต่น้อย ด้วยหนึ่งก็เพราะที่นี่เป็นถนนในซอยซึ่งค่อนข้างแคบ และสองเธออยู่ที่นี่มาร่วมสี่ปีแล้ว จึงไม่คิดว่าการข้ามฝั่งไปยังร้านประจำที่เดินข้ามไปข้ามมาวันละหลายรอบจะมีภัยอันตรายใดเกิดขึ้นได้ ทว่า...
หญิงสาวคาดผิดอย่างมหันต์!!!
โครม! ...
ไม่มีเสียงร้องสักแอะ...
ไม่มีแม้แต่เสียงล้อรถบดกับถนนด้วยแรงเบรกเลยสักนิด...
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก...มีหลายคนที่ยืนมองภาพนั้นด้วยความมึนงงและตกตะลึง
และมีอีกหลายคนที่คิดว่านั่นเป็นเพียงรถที่ขับชนเข้ากับสุนัขหรือแมวในตอนแรกจึงยังไม่มีใครสนใจ
ก่อนที่รถยนต์คันดังกล่าวจะเร่งเครื่องแล้วรีบขับพุ่งหนีหายไปอย่างรวดเร็วในความมืด ดังเช่นที่มันพุ่งเข้าชนร่างเล็กบางจนลอยปลิวหวือไปตกยังด้านหน้าร้านสะดวกซื้อที่เปิดไฟสว่างจ้าอยู่พอดี...
หลายคนที่เริ่มได้สติส่งเสียงกรีดร้อง หลายคนโทร.เรียกรถพยาบาล และในขณะที่อีกหลายคนตรงเข้ามาดูร่างที่นอนนิ่ง ขาและแขนบิดผิดรูป เลือดสีแดงเข้มค่อย ๆ ไหลออกมากองจนเต็มพื้น ทว่าดวงตากลมโตยังคงกะพริบถี่ ๆ เหมือนยังงงว่าเกิดสิ่งใดกับตนเองกันแน่ หญิงสาวพยายามจะขยับริมฝีปากถามผู้คนที่ทยอยกันเข้ามามุงดูมากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่กลับเปล่งเสียงใดออกมาไม่ได้เลย
ดวงไฟที่เคยเป็นสีนวลสว่างบัดนี้สีมันค่อย ๆ เปลี่ยนไปจากแจ่มกระจ่างกลายเป็นหรี่ลงจนสีนวลเริ่มขมุกขมัว ทั้งปลายนิ้วมือและนิ้วเท้าค่อย ๆ เย็นจนความหนาวเข้ากระดูกลามเลียขึ้นมาช้า ๆ หูทั้งสองข้างก็อื้ออึงจนไม่ได้ยินเสียงอันใดเลย ร่างกายชาหนึบไม่สามารถบังคับได้ดังใจปรารถนา
ความรู้สึกสุดท้ายคือความหนาวเหน็บแล่นมาจนถึงหัวใจ ก่อนที่แสงสว่างตรงหน้าจะค่อย ๆ มืดดับลงไป...
หญิงสาวไม่มีโอกาสรู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเองจนลมหายใจเฮือกสุดท้าย...แม้แต่ใบหน้าของคนในครอบครัวกิรณาก็ไม่ทันได้นึกถึง
อา...ชีวิตน้อย ๆ ช่างจบลงง่ายดายเกินไป
ดังกับมดตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีโอกาสจะได้ร้องสักแอะเดียว...