บทที่4

3504 คำ
บทที่4 ในที่สุดแม้แต่คุณพระก็ไม่ช่วยคนเกือบสวย เพราะนับจากถูกชายแต่งกายด้วยชุดคล้ายจีนโบราณทั้งแบกทั้งจับยัดเข้ารถม้า เฉินอิงลั่วที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาในชาติภพใหม่ด้วยการล่อลวงของเสียงลึกลับก็พบว่าตนเองถูกพาเข้ามายังสถานที่ซึ่งแขวนป้ายเด่นหราว่า ‘ โรงเตี๊ยมจินไฉ’ แต่ที่นางมิอาจทราบได้ก็คือสถานที่แห่งนี้นั้นห่างไกลจากนอกเมืองของแคว้นเหออยู่ราวหกสิบลี้ ซึ่งแน่แท้ว่าย่อมเป็นกิจการหนึ่งของคนตระกูลหยาง …ตุ๊บ!... ‘อูย...จะ จะ ...จุก!...เจ้าบ้าเอ๊ย!’ คนตัวเล็กทั้งจุกและเจ็บจนน้ำตาแทบไหล ‘ทิ้งมาได้ ข้าหาใช่นางเอกนวนิยายตบจูบนะเฟ้ย!’ ในใจของคนเพิ่งผ่านทั้งความตายและเกิดใหม่ด่าคนที่จับนางโยนดังกับละครน้ำเน่าหลังข่าว ที่แม้แต่ยุงยังไม่กล้าวางไข่ “ติงเค่อ เอามีดสั้นของเจ้ามาให้ข้าหน่อย!” ‘เฮ้ย!!! เอามีดมาทำไมกันอะ อย่าบอกนะว่าจะผ่าเอาอวัยวะฉันไปขายน่ะ’ คนกลัวตายรอบสองตาเหลือกทันใด เพราะความคิดเตลิดไปไกลแล้ว ด้วยความเป็นคนติดนวนิยาย ย่อมแน่แท้ต้องเต็มไปด้วยความมโนล้นสมองที่มากกว่าคนทั่วไปนั่นแล้ว ‘ไม่เอานะเว้ย เจ้าคนชั่วช้าหน้าขาว!...กว่าฉัน’ คนที่เพิ่งบอกกับตัวเองเสมอว่าจะยอมสู้ตายไม่ยอมถูกขาย ตอนนี้กลัวจนจะเป็นลมแล้ว ฮือ ๆ ... พ่อจ๋า หนูกี้ตายอะไหล่ไม่ครบ เครื่องในกลายเป็นซุปเสียแน่แท้เลย ยิ่งแลเห็นมีดพกเล่มไม่โตแต่คมวาววับหญิงสาวก็พลันหลับตาปี๋ทันที ...ขวับ... ...ขวับ... ...ขวับ... เสียงที่ดังไม่ใช่เนื้อนางถูกปาด แต่เป็นเชือกต่างหากที่ถูกตัด! แล้วสุดท้ายสาวจากยุค 2020 ก็ถูกแกะออกจากห่อผ้าห่มผืนนั้นเสียที ครั้งแรกที่ได้รับอิสระหญิงสาวยังนั่งงง ๆ มึน ๆ เพราะถูกทุบ และยังถูกแบกห้อยหัวมาตลอดที่เดินขึ้นลงจากรถม้าอีกด้วย ...คนยิ่งเมารถเป็นชีวิตแต่เดิมเลยเหมือนหัวสมองจะช้ากว่าปกติไปเจ็ดส่วน... ทรมานกันขนาดนี้หญิงแกร่งก็มีเสียหลักไปเช่นกัน เรียกว่าตัดกำลังข้าศึกโดยมิได้ตั้งใจ ทว่าเจตนากันเลยทีเดียว …ซวยแล้วซวยอีก… “ถอดเสื้อผ้าของเจ้าออกเสีย” เสียงเข้มดุออกคำสั่งทันทีเมื่อติงเค่อพ้นไปจากห้องพักขนาดใหญ่ ซึ่งมันกว้างขวางกินเนื้อที่เกือบทั้งชั้นสามของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ในความคิดของคุณชายสามแซ่หยางยามนี้มีเพียงอยากทดสอบดูว่าอาการไร้ความรู้สึกต่อสตรีเพศของตนเองตกลงแล้วจะหายแน่นอนจริงแท้หรือไม่ ต่อให้สตรีนางนี้จะเด็กที่สุดตั้งแต่คุณชายสามเคยร่วมหลับนอนมานับแต่เริ่มวัยหนุ่ม แต่ใครจะสนกันเล่า คนเช่นหยางหรงเหยาพึงใจต่อสตรีผู้ใดล้วนนับเป็นวาสนาอันสูงส่งแล้ว ด้วยสตรียังมหานครเจิ้งหยาง เมืองหลวงของอาณาจักรเป่ยจิ้งต่างหมายตาต่อตำแหน่งคนข้างกายเขาทั้งสิ้น... เช่นนั้นในเมื่อยามนี้นางคือสตรีคนแรกในเวลาร่วมห้าหนาวที่เขาเห็นแค่นัยน์ตากลมโตนั่นแล้ว ความเป็นชายของเขากลับมาตื่นตัวเป็นปกติได้อีกครั้ง หลังจากที่มันตายด้านมาตั้งแต่จางฟางหรู สตรีที่เขาเคยมีใจต่อนาง และยังเป็นคู่หมั้นคู่หมายกันแต่วัยเยาว์ หากแต่สุดท้ายกลับทอดทิ้งเขาแล้วหันไปตบแต่งเป็นคุณนายใหญ่ให้แก่คุณชายใหญ่ตระกูลหยาง พี่ชายต่างมารดาของเขาเอง และนับแต่นั้นความรู้สึกต่อสตรีเพศของเขาก็สิ้นไร้ไปจนสิ้น อีกทั้งความเป็นชายของหยางหรงเหยาก็มิอาจตื่นตัวขึ้นมาแตะต้องสตรีใดได้อีกเลย จนคิดไปแล้วว่าตนเองคงป่วยหนักด้วยโรคบุรุษไร้ความสามารถมีทายาทสืบสกุล ทว่าวันนี้เมื่อได้พบแม่นางน้อยจากหอชุนฮวาผู้มีนัยน์ตาสีแปลกแยกจากชาวเป่ยจิ้งทั่วไป มิคาดกายชายกลับมาตื่นตัวได้อีกครั้ง ยิ่งได้แตะต้องนางยามเมื่อตอนเดินทางยังบนรถม้าเพื่อมายังโรงเตี๊ยม หยางหรงเหยายิ่งมั่นใจแจ่มชัดยิ่งนักว่าตนเองมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสตรีนางนี้มากเพียงใด ‘ถึงนางจะเด็กไปสักหน่อย แต่คนอย่างข้าหยางหรงเหยาอยากได้สิ่งใดย่อมต้องได้สมดังดวงใจต้องการทั้งสิ้น’ “ฉันไม่ถอดโว้ย!” กิรณาเผลอหลุดภาษาของยุคที่ตนเพิ่งตายจากมา เพราะยังไม่คุ้นชินกับทั้งสภาพโดยรอบกาย อีกทั้งยังแตกตื่นต่อคนแปลกหน้า นางจึงเผลอตะโกนออกเสียงดังทันที “หืม...” หยางหรงเหยาเชิดหางคิ้วกระบี่ขึ้นสูงทันใด ด้วยตนเองนับเป็นผู้หนึ่งที่แตกฉานอยู่หลายภาษา ทว่าที่แม่นางน้อยผู้นี้เพิ่งตะโกนขึ้นมานั้นเขาหาคุ้นเคยหูไม่ ส่วนหญิงสาวนั้นเผลอตะโกนออกไปแล้วก็แทบกัดปลายลิ้นของตนเองเสียทันทีที่มีโอกาส เพราะช่างเป็นคำแสนนางเอกสมองน้อยไปสักหน่อย ไม่สิ ปัญญาอ่อนไปเลยเถอะนางโง่กี้ หล่อนอยากตายศพไม่ครบเรอะ! ต่อให้เป็นเด็กยังรู้ชัดเจนถึงจุดประสงค์ของบุรุษตรงหน้าที่ซื้อตัวนางมา แต่คนที่ค่อนข้างคิดมากเช่นกิรณานั้นไม่ไว้ใจชายหน้านิ่งในอาภรณ์สีดำเข้มขรึม แถมดวงตายังคมดุ บวกกับหน้านั้นก็เย็นชาไร้ความรู้สึกของทั้งสองบุรุษ ที่หนึ่งดูเหมือนเป็นนาย กับอีกผู้คล้ายจะเป็นลูกสมุนแสนโหดเหี้ยม ถึงหน้าตาของนางในภพชาติใหม่จะสวยงามกว่าชาติเดิมอยู่มากหลายเท่าตัว ทว่าตอนนี้นั้นนางทั้งสกปรก ทั้งมอมแมม และเหม็นอีกต่างหาก เช่นนั้นนางเลยเทใจไปก่อนว่าบางทีตัวนางนั้นอาจจะถูกซื้อมาเพื่อเอาเครื่องในไปขายดังที่เจ้าเฒ่าศีรษะเถิกน่ารังเกียจยังหอชุนฮวาเคยว่าไว้ะมากกว่าอย่างอื่น ด้วยความทรงจำของกายนี้นั้นยังยุคสมัยนี้ถึงคล้ายเก่าแก่กว่าปี 2020 ที่ตนเพิ่งตายจากมา ทว่าที่นี่กลับมีการซื้อขายอวัยวะของมนุษย์เสียแล้ว โดยจะมีการซื้อขายกันในพวกคนมีฐานะระดับเจ้าเมือง เจ้าแคว้นกันโน่นเลย เหล่าชาวบ้านทั่วไปเกรงว่าจะไม่มีปัญญาทั้งสิ้น และบุรุษหนุ่มซึ่งซื้อนางมาก็ดูคล้ายจะเป็นพ่อค้าผู้มั่งคั่งอยู่มากทีเดียว เมื่อหยางหรงเหยาแลเห็นว่าแม่นางน้อยบนเตียงกว้างนางนิ่งไป เขาจึงเดินเนิบช้าเข้าหาดังพญาราชสีห์เดินเข้าหาเหยื่อมิมีผิด ก่อนจะเท้าแขนคร่อมกักกายผ่ายผอมเล็กกะทัดรัด แล้วจึงก้มลงมองคนตัวมอมแมมที่ตอนนี้ยังนั่งนิ่งเพราะถูกมัดมานาน เหน็บเลยเล่นงานจนหญิงสาวขยับตัวไม่ไหวด้วยก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนก็คือนางก็ยังพยายามจะปรับจูนสมองตนเองให้แล่นสักหน่อยหวังเอาตัวรอดนั่นเอง คุณชายสามแห่งตระกูลหยางจับคางเล็กยึดเอาไว้มั่นคง ยามนี้เขาคิดว่าใบหน้าของนางนั้นช่างเล็กเสียยิ่งนัก ด้วยคาดว่าน่าจะใหญ่กว่าฝ่ามือเขานิดเดียวเท่านั้นกระมัง “เจ้าก็ดูมิใช่คนโง่เขลาขนาดมิรู้ความหรอกกระมังว่ายามนี้ตนเองลำบากเพียงใด หากคิดหลบหนีไปพ้นจากข้าหรือว่าคิดต่อต้านมิตามใจผู้ซื้อตัวของเจ้ามาจากสถานที่แห่งนั้นจะลำบากเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าใด...และบุรุษที่ซื้อสตรีมาจากหอนางโลมคงมิได้คิดเพียงมานั่งจ้องดวงตากันจนท้องหรอกใช่หรือไม่เสี่ยวมาว” เมื่อฟังประโยคดังกล่าวจบลง กิรณาหรือก็คือเฉินอิงลั่วถึงกับอ้าปากแล้วหุบอยู่อย่างนั้น ด้วยความคาดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าประกาศข่มขู่นางต่อหน้าต่อตากันถึงเพียงนี้ ...เจ้าคนชั่วหน้าหล่อ ข้ามิใช่ปลากัดจะได้เพียงจ้องตาแล้วจะท้องได้เอง... แต่เพียงคิดให้ถี่ถ้วนที่บุรุษผู้นี้กล่าวมาล้วนจริงแท้ ด้วยยามนี้บิดามารดาของกายนี้มิทราบได้ว่าหนีไปที่ใดเสียแล้ว ผู้เป็นยายที่พึ่งเดียวนั้นก็ตายจาก ที่สำคัญหากตนออกไปเดินไร้ทิศทางยังแคว้นเหอแห่งนี้ย่อมต้องถูกเจ้าเฒ่าหัวเถิกแซ่เสิ่นนามหม่าจับกลับไปยังหอนางโลมอีกแน่ แต่เหนืออื่นใดนางนั้นเพิ่งฟื้นขึ้นมายังดินแดนนี้ นอกจากยายนางยังมองมิเห็นใครพอให้คิดได้อาศัยเลยทั้งสิ้น ...สำนักโอสถเล่า... นางนึกถึงสถานศึกษาที่เคยได้อาศัยที่แห่งนั้น ทั้งยังมีท่านอาจารย์เจียงที่เอ็นดูเจ้าของร่างนี้แต่อดีต ทว่าจะหลบหนีอำนาจเจ้าเถ้าแก่หม่าบุรุษโฉดชั่วช้าผู้นั้นได้จริงหรือ หากเจ้าคนเลวหน้าหล่อละมุนผู้นี้ดูคล้ายจะมีอำนาจมากกว่าคนจากหอชุนฮวา แล้วนางก็เริ่มสำรวจคนตรงหน้า กิริยาท่าทีของเขาดูนิ่งสงบแต่กลับดูทรงอำนาจใช่น้อย อีกทั้งการแต่งกายอาภรณ์สีเรียบ ๆ แต่เนื้อผ้ามันนั้นปกปิดมิได้ว่ามากราคามิเบาทีเดียว ...อืม... และเพราะเฉินอิงลั่วนางนิ่งไปนาน หยางหรงเหยามองดูเลยคล้ายกับว่านางจะตกใจจนพูดไม่ออกในความคิดของบุรุษหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดหนาว ทว่าเขาหรือจะใส่ใจ ถึงนางจะอายุไม่น่าจะเกินสิบสี่หรือสิบห้า แต่เมื่อทำเขาเกิดอารมณ์เสน่หาคล้ายโรคประหลาดคงหายสิ้น หยางหรงเหยาก็มิเห็นว่าตนจะอดกลั้นไปเพื่อการใดกันอีก และหากตนสามารถมีบุตรได้นั่นย่อมหมายถึงฐานะตนยังตระกูลหยางย่อมมั่นคง ยากจะถูกเหล่าพี่ชายต่างมารดาทั้งกลั่นแกล้งบีบบังคับ และแก่งแย่งคิดช่วงชิงอำนาจ หรือคอยสุมไฟให้บิดาของเขาคิดปลดทั้งตำแหน่งและอำนาจในมือตนไปได้ คิดตกเช่นนี้แล้วเขาจึงแลเห็นว่าแม่นางน้อยนัยน์ตาสีสวยนั้นคือตัวนำโชคที่ตนเองได้ค้นพบเข้าแล้วโดยแท้ ด้วยว่าร่วมห้าหนาวผันผ่านชายหนุ่มคิดว่าตนเองป่วยด้วยโรคตายด้าน ท่านหมอเก่งกาจทั่วทั้งเป่ยจิ้งที่ว่าเก่งกลับมีเพียงส่ายศีรษะให้อาการดังกล่าวเท่านั้น ตั้งแต่หยางหรงเหยาผิดหวังในรักแรกของตนเองไป อำนาจบางอย่างในมือตนจึงถูกพี่ชายตนโตและมารดาเลี้ยงช่วงชิงดึงไปแทบสิ้น ด้วยเหตุผลว่าเขานั้นมิอาจแต่งภรรยาและมีทายาทให้แก่ตระกูลหยางได้นั่นเอง แต่ทว่าวันนี้แค่ได้พบกับดวงตากลมโตสีสวย กลับจุดไฟปรารถนาในตัวเขาให้ลุกพรึบพรับขึ้นมาทันที แล้วเรื่องอันใดเขาต้องปล่อยผ่านแม่นางน้อยตัวนำโชคตรงหน้าผู้นี้ไปด้วยเล่า อย่างน้อยมีทายาทแผนที่วางไว้ย่อมมีโอกาสสำเร็จสูงขึ้นด้วยบิดานั้นให้ความสำคัญยิ่งต่อบุตรชายที่มีทายาทสืบตระกูลนั่นเอง เพราะการจะหลับนอนกับสตรีวัยเพิ่งเริ่มสาวมิถือว่าเป็นเรื่องแปลกอันใด ด้วยแม้แต่สตรีในวังหลวงยังเพิ่งพ้นสิบสามสิบสี่หนาวนั้นล้วนมากมาย อีกทั้งจวนสกุลหยางของบิดาและพี่ชายตนโตของตนก็ล้วนมากมีสตรีวัยมิถึงสิบสี่หนาว คงมีเพียงจวนตนเองซึ่งแยกไปอยู่ต่างแคว้นเท่านั้นที่มิเคยรับสตรีทั้งหลายมิว่าจะวัยใดเข้ามาวุ่นวาย ด้วยเขารู้สึกว่าน่ารำคาญก็เพียงเท่านั้น “เดี๋ยวนะ!” กว่าจะหลุดออกมาเป็นคำอยู่หนึ่งประโยคได้ นางก็ถูกหยางหรงเหยายกร่างน้อยที่เบาราวกับปุยนุ่นขึ้นบ่า คนฤทธิ์เยอะไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำเมื่อถูกพาเข้าไปยังห้องอาบน้ำด้านหลังซึ่งแบ่งเอาไว้ชั้นในสุด แล้วไม่ถึงหนึ่งอึดใจ ทั้งเสียงร้อง เสียงด่า เสียงสบถ ก็ดังออกมาเป็นระยะ ๆ ชั่วเวลาหนึ่งก้านธูปหมดดอก หยางหรงเหยาก็แบกร่างที่ถูกห่อด้วยผ้าสีขาวผืนใหญ่ของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ออกมา และมิต้องกล่าวถึงคนตัวโตในยามนี้ที่เขานั้นเดินออกมาโดยมีเพียงเสื้อคลุมใหญ่เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ...ตุ๊บ! ... ‘โยนข้าอีกแล้วนะ เห็นข้าเป็นกระสอบข้าวสารหรืออย่างไร! ฮือ ๆ จุกนะ’ ยังไม่ทันได้ขยับตัว คนหวังจะเร่งมีทายาทจนหน้ามืดก็โดดตามขึ้นมาทันที “เฮ้ย!!!” เฉินอิงลั่วได้เพียงร้องออกมาคำหนึ่ง มิทันได้คิดต่อสู้ หรือคิดหนีแต่อย่างใด เมื่อร่างกายใหญ่โถมทับหญิงสาวจนจมลงไปกับฟูกนอนผืนค่อนข้างหนาพอสมควร แต่มิถึงกับหนาเช่นฟูกนอนยังยุค 2020 พอจะอ้าปากร้องขอเวลานอกต่อคนมากประสบการณ์ที่ไม่รู้ไปหื่นจัดที่ใดมา เขาก็จัดการปิดปากของนางด้วยปากของเขาเองทันที คนไม่เคยมีแม้แต่แฟนถึงกับตะลึงไปเลย ‘จะ..จะ.. จูบ มันเป็นแบบนี้หรือ?’ เฉินอิงลั่วนางคิดอย่างเลือนราง แล้วก็เริ่มจะมึนงงกับจุมพิต ทั้งพลังและเลยไปถึงอาจจะสูบวิญญาณของเฉินอิงลั่วเสียด้วย ยามนี้เห็นทีนางจะเสียความสาวให้ชายหนุ่มยุคโบราณแต่เพียงลืมตายังมิทันข้ามวันเข้าให้แล้วกระมัง ‘รสชาติของนางช่างหวานยิ่งนัก’ หยางหรงเหยาคิดในใจหลังละเลียดชิมแม่นางน้อยใต้กายของตนเองอยู่ครู่หนึ่ง “อื้อ!” คนตัวเล็กเริ่มดิ้นรนประท้วงเมื่อนางเริ่มจะหมดลมหายใจ ชายหนุ่มจึงถอนจูบออกจากริมฝีปากเล็กนั้นที่หวานซ่านใจยิ่งนัก จนเขาคิดว่าปากนี้ต้องเป็นของเขาเพียงหนึ่งเดียวเสียแล้ว เมื่อถอนจูบจากริมฝีปากชายหนุ่มก็จูบลงไปเรื่อย ๆ จนเจอปทุมถันตูมแฝดทั้งสอง ให้ตายเถิด! ไยตอนอาบน้ำเขารีบจนไม่ทันได้มองว่าหน้าอกคู่นี้ช่างงดงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ น่าเสียดายยิ่งนักที่มิได้ชมให้เต็มตา ด้วยแค่สัมผัสยังเต็มไม้เต็มมือเขาดังกับปทุมถันแฝดคู่นี้ถูกสรรค์สร้างมาเพื่อมือเขาโดยเฉพาะก็มิปาน หยางหรงเหยาจึงมิคิดจะสนใจอันใดอีกแล้ว อีกมือก็ทั้งบีบทั้งขยี้ยอดปทุมถันอย่างพยายามล่อหลอกให้แม่นางน้อยในความคิดเขาหลงเตลิดไปกับไฟสวาทที่เขาจุดให้เธอคล้อยตาม ทั้งมือและปากต่างช่วยกันปรนเปรอให้นางคล้อยตาม ถึงจะผ่านมาหนึ่งชีวิต ทว่านางก็มิเคยคิดที่จะทดลองสิ่งเหล่านี้ก่อนที่ตนเองจะเรียนจบและมีหน้าที่การงานที่ดีทำแน่นอนแล้ว เช่นนั้นยามที่ต้องถูกริมฝีปากร้ายกาจเคล้นคลึงเต้าทรวงอวบอิ่มเกินตัวทั้งสองข้างไปมา “อ๊ะ อ๊า...” กายสมส่วนหลุดเสียงร้องที่ตนเองยังจำเสียงตนเองมิได้ เพราะมันช่างแปลกไปจริงแท้ หรืออาจเป็นเพราะนางยังมิคุ้นเคยต่อกายใหม่นี้กันแน่เล่า ทว่าความซ่านเสียวก็ทำให้นางเผลอตัวเผลอใจหลงไปกับความสุขที่อีกฝ่ายก่อขึ้นจนบิดตัวไปมาคล้ายงูน้อยเข้าไปทุกที ยามนี้หยางหรงเหยาเมื่อได้แลเห็นสัดส่วนยวนตาชัดเจนก็ให้กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ นางมิใช่เด็กสาวแล้วกระมังเด็กบ้าอันใดกันเล่าเห็นภายนอกอาภรณ์นางนั้นตัวเล็กมาก แต่ทว่ายามนี้สัดส่วนที่เห็นตรงหน้าช่างงดงามสมตัวเป็นอย่างมาก ที่ตรงจุดใดนางนั้นสมควรมีนางก็มีมากจนล้น เรียกว่านางขนเอามาเสียมากมายเกินร่างกายไปจริงแท้ จนเขายังอดนึกกลัวแทนนางมิได้ว่าเอวเล็กกิ่วนี้จะรับน้ำหนักเจ้าปทุมถันคู่แฝดนี้ไม่ไหวเข้าสักวันเสียก็มิรู้ได้ “เจ้ามีชื่อว่าอันใดแม่นางน้อย” ชายหนุ่มวนมาจูบร้อนแรงอย่างเต็มอารมณ์อีกครั้ง ก่อนจะถามชื่อแซ่ที่แท้จริงของคนที่เขากำลังจะเผด็จศึกในอีกไม่ช้านี้แล้ว นั่นเองที่สติของเฉินอิงลั่วเริ่มกลับมา เช่นนั้นนางจึงพยายามจะต่อต้านอารมณ์ที่ถูกปลุกขึ้นมาจากการหลับใหลตลอดวัยสาวให้ตื่นเตลิดขึ้นมา นางส่ายหน้าเป็นคำตอบด้วยกิริยาเคยชินของกิรณาหาใช่กิริยาของเฉินอิงลั่วไม่ ‘ไม่! ข้าจะยินยอมให้ชายแปลกหน้ามาเจาะไข่แดงกันง่ายแบบนี้เชียวหรือ อย่างน้อยขอต่อเวลาอีกหน่อยให้ข้าได้ทำใจก่อนเถอะ’ เมื่อพยายามรวบรวมสติให้กลับมา นางจึงพยายามต่อสู้กับชายหน้านิ่งตาดุร่างใหญ่ตรงหน้าทันที เมื่อเห็นสตรีน้อยใต้ร่างนางพยายามจะต่อต้าน มีหรือที่คนต้องการร่างน้อยจะยอม ไม้เด็ดที่ตนเคยมีและเคยใช้จึงถูกนำมาใช้ทันที คราวนี้มือหนึ่งรวบมือน้อยสองข้างกดไว้เหนือศีรษะคนตัวเล็ก ส่วนปากก็ระดมจุมพิตมิได้หยุด ส่วนมืออีกข้างก็ทำหน้าที่เสาะหาบุปผางามกำลังพอเหมาะมือแกร่ง เพื่อจะปรนเปรอให้แม่นางน้อยผู้นี้หัวหมุนจนลืมตัวไปกับตนอีกครั้ง เมื่อเจอเป้าหมายหยางหรงเหยามิรอช้า นิ้วมือร้ายกาจกรีดลงไปกลางกลีบบุปผาช่องามแช่มช้าจนค้นพบเกสรงามจึงบดขยี้คลึงเคล้นแผ่วเบา “อือ...” ร่างน้อยถึงกับสติหลุดทันทีเมื่อรู้สึกถึงความซ่านเสียวที่ตีวน จนต้องปล่อยเสียงครางออกมาอย่างสุดที่จะทานทน เมื่อเห็นร่างน้อยคล้อยตามจึงถามซ้ำต่อสตรีใต้ร่างตนเองอีกครั้งหนึ่ง และอาจจะเพราะมัวแต่สนใจเพียงเรือนกายงดงามเต็มไม้เต็มมือไปทุกสัดส่วน หยางหรงเหยาจึงลืมระวังตัวอย่างเคย คุณชายผู้เอาแต่ใจตนเองเป็นใหญ่จึงไม่อาจรู้ถึงอาหารจาน ‘พิเศษ’ ที่เขาคิดว่านางเป็นเพียงแม่นางน้อยซึ่งตัวเล็กคงจะไร้ซึ่งพิษสงอย่างแน่แท้จัดเตรียมไว้รอในอีกไม่กาลข้างหน้านี้ ว่ายามนี้เฉินอิงลั่วนางนั้นกำลังวางแผนดัดหลังบุรุษจอมหื่นและแสนจะหน้าด้านไร้ยางอาย คิดรังแกตนที่อยู่เบื้องบนกดทับร่างนางเอาไว้ด้วยหลากหลายวิธีเอาตัวรอดเช่นไรบ้าง... “ว่าเช่นไร เจ้าจะเอ่ยนามแก่ข้าได้หรือไม่เล่า” นั่นยังคงมิรู้ถึงภัยซึ่งจะนำความทั้งแสบและเจ็บจนยากจะลืมเลือนได้ลงโดยง่ายที่นางคิดจะมอบให้สินะ จึงได้มีอารมณ์มาสอบถามชื่อแซ่ของนางเช่นนี้อยู่อีก ...หึ... ไอ้ยินยอมนั้นเช่นไรนางมิอาจหลบหลีกอยู่แล้วย่อมรู้แน่ชัด ทว่าขอเวลากันบ้างมิได้เชียวหรือ มิใช่ว่าเห็นหน้าก็จะฟาดศีรษะนางลากขึ้นเตียงสะบึมกันเลย นางยังเป็นคนอยู่หาใช่ปลากัดสักหน่อยไม่ ‘ภัยร้ายกำลังจะมาเยือนจนตัวเองได้ตายอนาถยังไม่รู้สึกอีกเจ้าโจรปล้นสวาทเอ๋ย’ สาวน้อยจากแดนสยามยุค 2020 คิดอย่างหมายมาด นางอาจไม่ได้เก่งกาจเช่นนางเอกในนวนิยายที่เคยอ่านมามากมายหรือเช่นนางเอกซีรีส์ที่เคยดูข้ามวันข้ามคืน ทว่าทักษะการเอาตัวรอดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเด็กสาวที่ต้องพึ่งพาตัวเองเมื่อต้องแยกมาอยู่หอพักยามที่มาศึกษายังม.ดังนั้นเรียกได้ว่าก็พอมีฝีมืออยู่เล็กน้อยมิให้เสียชื่อเสียงทั้งบิดาและพี่ชาย เมื่อบุรุษแปลกหน้ายังดินแดนยุคโบราณยังคงวนเวียนก้มลงมากดรอยจุมพิตร้อนแรงอย่างเต็มอารมณ์ซ่านทรวงมิคิดกักเก็บอารมณ์ใดอีกรอบ ด้วยเขาเกินจะมั่นใจว่าตนเองกำลังจะเผด็จศึกคนตัวเล็กใต้ร่างในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้านี้แล้ว ทว่าความเป็นจริงนั้นยังต้องรอดูกันไปก่อนว่าต่อแต่นี้ไม่รู้ว่าผู้ใดกันแน่ที่จะเผด็จศึกได้ก่อนกันเพียงเท่านั้นเอง!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม