บทที่8

1374 คำ
บทที่8 กายสมส่วนสูดลมหายใจลึกเข้าปอดเพื่อช่วยลดทอนความหวาดผวา ด้วยคงยากจะมีสตรีใดเต็มใจถูกบุรุษแปลกหน้าข่มเหง ทว่ายามนี้เฉินอิงลั่วนางหามีหนทางไปไม่ ที่ทำได้จึงเพียงข่มความกลัวเอาไว้ให้ลึกที่สุด หาไม่ตนอาจจะถูกรังแกเพิ่ม “ว่าเช่นไร จะยอมรับความผิดของเจ้ามาหรือไม่” ‘ความผิดของข้าคงเป็นที่หลงมาเข้าร่างผิดก็เท่านั้น’ หญิงสาวคิดในใจเงียบงันมิกล้ากล่าวเสียงดัง ด้วยรู้กำลังตนเองดีว่าตกเป็นรองเสียแล้ว เวลาที่นางคิดยืดออกไปคงสิ้นแล้ว “เหตุใดจึงเงียบไปเสียเล่า...เอ่อ เสี่ยวมาวมิปากกล้าต่อหรอกหรือ” เมื่อจดจำได้ว่านางมิชมชอบคำว่าเสี่ยวหูหลี่ หยางหรงเหยาจึงเลี่ยงไปเรียกขานนางว่าเป็นลูกแมวน้อยเสียแทน ด้วยเขาเริ่มแน่ชัดดวงตาของนางนั้นทั้งกลมโตและสีสันงดงามล้วนคล้ายแมวยังดินแดนฝั่งของชนเผ่ายู๋นั่นเอง “ที่ผิดคงเป็นข้าเกิดผิดยุค ผิดสมัย และผิดครอบครัว” ในเมื่ออยากให้นางเปิดปากเช่นนั้นก็จะมิเกรงใจแล้ว แปะ...แปะ...แปะ... เมื่อเฉินอิงลั่วนางกล่าวจบฝ่ามือแกร่งก็ปรบให้ด้วยกิริยาซึ่งสตรียุค 2020 แลเห็นว่าช่างโคตรจะกวนตีนเป็นอย่างยิ่ง คันฝ่าเท้าจริงแท้ “ดียิ่ง...นับว่าความกล้าของเจ้าช่างโดดเด่น...โดดเด่นอย่างมิกลัวความตายจริงแท้” ฉึก! ‘เริ่มแล้วสินะ เวลาลงดาบฆ่าของเจ้าจอมโจรราคะ!’ เฉินอิงลั่วคิดยามเมื่อได้ฟังทั้งน้ำเสียงแสนประชดประชันกับดวงตาคมดุที่จับจ้องมายังตนเองนิ่งมิหลบไปทิศทางอื่นใดเลย ยามนี้หยางหรงเหยาทรุดกายลงยังริมเตียง ก่อนจะวางทั้งถ้วยและกาของสุราซึ่งเมื่อครู่เขาเพิ่งไปขอมาจากเสี่ยวเอ้อร์ยังด้านล่างลงยังโต๊ะด้านข้างหัวเตียง ก่อนจะค่อย ๆ เริ่มกดรอยยิ้มซึ่งชั่วร้ายกว่าปีศาจส่งมอบให้แก่กายที่ยังคงถูกมัดเอาไว้แน่น แล้วก็ให้นับถือนางขึ้นมาเล็กน้อย ถูกมัดเช่นนี้เขาหายไปครู่เดียวนางกลับมีความสามารถเอาผ้าซึ่งอุดปากเล็กนั่นออกเองจนสำเร็จ เกรงว่าหากเขาใจเย็นกว่านี้ นางคงโดดหน้าต่างของโรงเตี๊ยมจากไปแล้วเป็นแน่ คิดมิผิดที่จะลงมือรวบรัดนางโดยยาปลุกกำหนัด “จะมิกล่าววาจาอ้อนวอนสักหน่อยหรือเสี่ยวมาว” ‘อ้อนวอนเพื่อให้เจ้าสนุกกว่านี้หรืออย่างไรเล่า จอมโจรราคะ’ นางคิดนึกเถียงเพียงในใจ ก็ตนเองเติบโตและตายจากมาจากมายุค 5G เชียวนะ มิได้จากมาแต่ยุคหินสักหน่อยจึงจะมิเท่าทันคน “ไม่เจ้าค่ะนายท่าน!!!” ...แปะ...แปะ...แปะ... หยางหรงเหยารู้สึกสนุกต่อสตรีตรงหน้าเสียแล้วสิ นางน่าสนใจมากกว่าที่สามารถทำให้ตัวตนแห่งบุรุษเพศตื่นเตลิดได้โดยง่ายเพียงแลเห็นดวงตาสีสวยคู่นั้น “หืม...ที่กระทำมาทั้งสิ้น เจ้ายังหาญกล้ามาเรียกข้าว่าเป็นนายท่านอยู่หรือเสี่ยวมาว” ‘ปรบมืออีกแล้ว’ นางเริ่มเกลียดนิสัยของเจ้าบุรุษหน้าดำผู้นี้ยิ่งนัก เขาคิดล้อเล่นสนุกกับเหยื่อเช่นนางจนกว่าจะเบื่อละสิ ถึงยอมฉีกกินเหยื่ออย่างมีความสุข “มิบังอาจค่ะ นายท่าน” “ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า...มิบังอาจค่ะนายท่าน... แต่เจ้าหาญกล้าหันปลายคมกระบี่เข้าใส่ลำคอของนายท่าน...หึ!” หยางหรงเหยาค่อยขยับเข้าไปจนลมหายใจอุ่นร้อนเริ่มเป่ารดต้นคอ นางรับรู้เจ้าจอมหื่นผู้นี้เริ่มคิดลงมือต่อนางแล้ว ‘หึ...คิดข่มขวัญเหยื่ออย่างข้าสินะ ช่างสาสมใจท่านแล้วคุณชายสาม’ หากแต่นางนั้นพยายามแสดงออกว่าตนเองหาได้ตื่นกลัว หาไม่เขาย่อมจะยิ่งสนุกกับเกมของเจ้าบุรุษยังยุคโบราณของเขาตอนนี้เป็นอย่างมาก ใจเย็นเข้าไว้ นางนึกเตือนสติตนเอาไว้ “เจ้ากำลังคิดวางแผนจะกระทำวิธีใดเพื่อลงมือต่อนายท่านเช่นข้าอยู่หรือเสี่ยวมาว” หากรอบนี้ใบหน้าหล่อเหลาแต่แสนดุร้ายก้มลงมากระซิบชิดใบหูของหญิงสาวจนขนทั่วร่างลุกพรึบพรับในทันใด เฉินอิงลั่วนางนั้นขนในกายลุกชัน ทว่าหยางหรงเหยาเองกลับยากจะเข้าใจตนเองเช่นกันว่าเหตุใดส่วนกลางกายแกร่งซึ่งเคยสงบนิ่งไร้พิษสงมาหลายหน กลับพลันตื่นเตลิดเพียงใกล้ชิดกายสมส่วนตรงหน้า วันนี้ละ เขาจะจับแม่แมวสาวเขี้ยวคมหักเสียแล้วกลืนลงจนเกลี้ยงมิใหเหลือซากเลยทีเดียว ดูซิ จะยังคงดูหยิ่งทั้งที่นางนั้นมิมีส่วนใดให้หยิ่งเลยแม้แต่น้อยใส่เขาได้อยู่อีกหรือไม่ ยามที่ข้าวสารกลายเป็นข้าวถูกหุงจนสุก นางย่อมต้องยอมเป็นคุณนายสามแห่งตระกูลหยางอย่างแน่นอน “จะบอกให้นะ ว่าแผนเดิมที่เพิ่งลงมือใช้กับข้าไปนั้นมันใช้ได้เพียงครั้งเดียว อย่ามาดูถูกข้าด้วยการใช้แผนเก่าซ้ำอีกเลย จำเอาไว้ เพราะข้าหยางหรงเหยามิชมชอบใช้ของเก่าซ้ำซาก มันน่าเบื่อไม่เร้าใจรู้หรือไม่เสี่ยวมาว” กล่าวจบถึงกับกล้าที่จะกัดต้นคอขาว ๆ อย่างยากจะหักใจได้ไหวอีกแล้ว ใช่แต่ชายหนุ่มที่ยากจะอดใจได้ไหว เฉินอิงลั่วนางก็อยากจะตะกุยใบหน้าของอีกฝ่ายจะแย่อยู่แล้วเช่นกัน! ‘บ้าเอ๊ย!’ หญิงสาวเริ่มสบถในใจวนไปมา ทว่ามิอาจกระทำสิ่งใดได้ทั้งสิ้นด้วยจนหนทาง “รู้ใช่หรือไม่ว่าตัวของเจ้ามิสมควรกระทำนายท่านขึ้งโกรธ” หยางหรงเหยาขยับข้อนิ้วเรียวยาวของตนเองลูบไล้ยังใบหน้าเล็ก “ข้าจะมิกระทำอีกเจ้าค่ะ นายท่าน” ยามนี้เป็นทีของเขาแล้วนางย่อมต้องรู้จักประมาณตนเองให้จงดี “หึ...เกรงว่ายามใดมีโอกาส เจ้าคงคิดหันคมกระบี่เข้าสู่ลำคอของนายท่านอีกกระมัง” “...” ต่อคำไปมีเพียงเปล่าประโยชน์ “อย่าเงียบสิ ครั้งนั้นข้าให้โอกาสเจ้าแล้วมิใช่หรือ ทว่าเจ้ากลับคิดทำร้ายต่อผู้มีบุญคุณช่วยเจ้าออกมาจากขุมนรกยังหอชุนฮวา” ‘ชิ! เจ้าก็หวังต่อกายของข้าเช่นกันมิใช่หรือ’ ย่อมแน่นอนว่าเฉินอิงลั่วนางย่อมรู้หากตนเองยังมิถูกซื้อตัวมา ย่อมมิใช่เพียงบุรุษเดียวที่จะเชยชมกายนี้ ทว่ายามนี้นางก็มิอาจวางใจได้ว่าบุรุษจอมหื่นราคะผู้นี้เชยชมตนเองจนเบื่อหน่ายจะมิคิดขายนางต่อไป “เงยหน้ามามองสบตากันหน่อยสิเสี่ยวมาว” หยางหรงเหยาเชยคางมนให้เงยมาสบตากับเขา “อย่างนั้น...จงมองข้าแล้วจดจำเอาไว้ให้จงดี” น้ำเสียงกดคล้ายคนซึ่งขบฟันจนแน่นพร้อมด้วยมือที่เพิ่มน้ำหนักบีบยังคางมน กระตุ้นเตือนให้นางมองหน้าและสบสายตาของเขาให้จงได้! ซึ่งสายตาตรงทื่อของเฉินอิงลั่วนางก็มองตอบตามคำสั่งอีกฝ่ายเช่นกัน ใช่...นางมองเขาตามคำสั่ง แต่ในดวงตาสีสวยคู่นั้นมิมีเงาของอีกฝ่ายเลย “ช่างกล้าท้าทายต่อข้ายิ่งนักเสี่ยวมาว บังอาจมองข้ามนายท่านเชียวหรือ...ได้ ในเมื่อเจ้ากล้าเช่นนี้คงต้อง...” หยางหรงเหยามิได้กล่าวว่าตนเองจะกระทำสิ่งใดต่อนาง แต่มือแกร่งขยับไปยังถ้วยซึ่งมีสุราผสมด้วยยาปลุกกำหนัดอยู่ ซึ่งยามนี้เสียงหัวใจของเฉินอิงลั่วกำลังทำงานอย่างหนัก ด้วยสู้กันซึ่งหน้านางก็หวาดกลัวมากแล้ว ทว่าจากที่แลเห็นนางย่อมเริ่มรู้ว่าบางทีเจ้าคุณชายสามผู้นี้กำลังคิดวิธีขี้โกงนางเป็นแน่ “อย่านะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม