บทที่7
ทว่าติงเค่อนั้นแทบอยากกรีดร้องออกมาด้วยความน้อยใจต่อเจ้านายหนุ่มของตนเองเสียนัก ก็เห็นอยู่กับตาว่ายามนี้ผู้ซึ่งกำลังเจ็บนั้นเป็นเขาทั้งสิ้น ทั้งถูกเท้าเล็กถีบเข้ายอดอกแกร่ง ทั้งจิก ทั้งกางฝ่ามือเอาเล็บข่วนก็ล้วนเป็นเขาเองที่ถูกนางกระทำ เช่นนี้แล้วคุณชายสามของตนยังร้องสั่งให้เขานั้นออมมือ ที่สมควรบอกให้ออมมือเห็นทีสมควรจะเป็นสตรีของคุณชายสามเองหาใช่เขา ซึ่งกำลังถูกกระทำย่ำยีจากดรุณีน้อยดวงตาส่องประกายสีแปลกแยกจากชาวเป่ยจิ้งผู้นี้ต่างหาก ที่บัดนี้เพียงลดฝีมือบดบังใบหน้าของตนเองติงเค่อก็ถูกอีกฝ่ายทั้งทุบ-สอก-ถอง-ถีบ-กัด-ทำทุกอย่างที่สตรีทั้งใต้หล้าที่นุ่งแค่ผ้าห่มผืนใหญ่ติดตัวผืนเดียวคงยากจะกล้ากระทำกัน ทว่าแม่นางน้อยจากหอชุนฮวานางนี้ กลับช่างกล้าลงมือหมดจดเสียเหลือเกิน...
แควก...
...สิ้นแล้วใบหน้าหล่อขาวใสของข้า! ...
ติงเค่ออุทานเพียงในใจเพราะยามนี้ผู้คุ้มกันหนุ่มรู้สึกแสบตั้งแต่เบ้าตาไปจนจรดปลายคางนั่นเลยทีเดียว
บ้าเอ๊ย! ...คุณชายสามใช้สายตาเช่นไรมองว่าเขาจะลงมือมิออมแรงต่อนางกันเล่า
และกว่าศึกจับ ‘เสือดาวสาวเขี้ยวโง้ง’ จะสงบได้ ทั้งติงเค่อเองก็มีสภาพมิได้แตกต่างจากผู้เป็นนายเลยสักนิด เกรงว่าทุกศึกใหญ่ที่เคยเผชิญทั้งตนเองและคุณชายสามนั้นคงหาเคยสิ้นสภาพไร้ค่าได้เท่านี้ ต่อให้ถูกศัตรูโอบล้อมถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนก็ตามทีเถิด
แต่ก็แปลกที่ยามนี้ติงเค่อเริ่มรู้สึกชมชอบดรุณีน้อยแสน ‘พิเศษ’ นางนี้เข้าเสียแล้ว ด้วยว่าหากเขาจะมีนายหญิงสักคน แม่นางน้อยแสนดุ เถื่อน และโหดอย่างถึงแก่นผู้นี้ช่างเหมาะสมยิ่งนัก ด้วยทุกก้าวของการเป็นคุณนายสามแห่งจวนสามล้วนมิใช่เรื่องง่ายดาย
ซึ่งนางก็คือสตรีคนแรกที่เขาจะคอยสนับสนุนนางเพื่อให้ผู้เป็นนายได้เลือก! ...เพราะนางช่างดูมีนิสัยคู่ควรจะเป็นสตรีของ ‘คุณชายสาม’ เสียจริงแท้หึ...หึ...หึ...คนสนิทและควบตำแหน่งที่ปรึกษาหนุ่มของ ‘คุณชายสาม’ มองร่างเล็กสมส่วนซึ่งยามนี้นั้นสิ้นฤทธิ์ด้วยถูกจับมัดและห่อไว้ด้วยผ้าห่มผืนใหญ่ของนางนั่นแหละ
ยามนี้นางจึงดูคล้ายจะเรียบร้อยและสงบเสงี่ยมยิ่งนัก เพราะแม้แต่ริมฝีปากเล็กนั้นยังถูกเอาผ้ายัดเข้าไว้ ด้วยเมื่อครู่ยามที่เขาเข้าใกล้นางก็อ้าปากงับกัดเข้า หากปล่อยไว้ย่อมมิใช่ความคิดอันฉลาด
แล้วห่อผ้าห่มก็ถูกจับโยนกลับขึ้นไปบนเตียงอีกครั้งก่อนที่หยางหรงเหยาและติงเค่อจะออกมาช่วยกันทำแผลยังห้องของติงเค่อซึ่งอยู่ยังอีกฝั่งของชั้นสาม ด้วยที่พวกเขาไม่เคยต้องมีสภาพเช่นนี้มาตั้งแต่จบศึกใหญ่ระหว่างอาณาจักรเป่ยจิ้งและชนเผ่ายู๋เมื่อราวสามหนาวก่อน
เมื่อช่วยกันรักษาแผลที่เหมือนดังว่าต่อสู้ดุเดือดยังกลางสนามรบกว่าเจ็ดวันเจ็ดคืนเสร็จ ทั้งคู่ก็พากันมองสบตาแล้วก็พากันเมินหน้า จากนั้นก็ต่างแอบหัวเราะแผ่วเบาอย่างสงวนท่าทีอย่างที่สุด
“ติงเกอ...ข้าชอบนาง”
ผู้ซึ่งผ่านมาหลายหนาวมิเคยสนใจต่อสตรีนอกจากหน้าที่อันใหญ่หลวงของตน วันนี้กล้าเอ่ยเช่นนี้เกรงว่าเขามิต้องพยายาม เช่นไรนายหญิงแห่งจวนคุณชายสามคงหาพ้นสตรีประหลาดผู้นั้นเป็นแน่แล้ว
“ข้าอยากได้ยานั้นของเจ้า”
ดวงตาซึ่งปกติเรียวรีคล้ายดวงตาหงส์ของติงเค่อพลันเบิกโตอย่างมิเคยเป็นมาก่อน
...ซึ่งแน่ชัดติงเค่อนั้นรู้แจ้งว่าผู้เป็นนายของตนต้องการยาอันใด และมันมิใช่เรื่องดีแม้แต่น้อยหากตนเองมิได้มอบยาของต้นตระกูลติงส่งต่อให้แก่บุตรชายรุ่นต่อไปอย่างที่ทำกันมาหลายชั่วอายุคน...
“คุณชายสามแต่ว่า...”
ผู้เป็นคนสนิทอึกอักอย่างยากจะพบเห็น เพราะเพียงพึงใจสตรีนางหนึ่ง คุณชายสามถึงมิคิดไว้หน้าตนเองเชียวหรือนี่
“ให้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกทุกอย่างย่อมง่ายไปเอง เจ้าย่อมรู้ หากอยากได้ตัวข้ามิชมชอบรอเวลามาแต่หนไหน”
ติงเค่อถึงกับยกฝ่ามือขึ้นตบโดยแรงยังหน้าผากตนเอง คุณชายสามของตนนับวันจะมีเพียงร้ายกาจและหน้าด้านยิ่งนัก
“แต่บุรุษที่ดีมิคิดลงมือไร้ยางอายต่อสตรีเช่นนั้นนะขอรับคุณชายสาม”
หากว่ามิได้เติบโตดื่มน้ำนมมาจากสตรีเดียวกัน ติงเค่อคงมิบังอาจตักเตือนอีกฝ่ายได้เป็นแน่
“อันเรื่องไร้ยางอาย เปิ่นกงจื่อนั้นล้วนมิเคยใส่ใจนานมาแล้ว เหตุใดต้องมากังวลเอาเมื่อยามนี้กันเล่า...ยานั้น...เอามาติงเกอ!”
สุดท้ายถอนหายใจเอาความกลัดกลุ้มทิ้งไปได้เล็กน้อย ติงเค่อก็จำต้องหยิบขวดเล็กเท่าปลายนิ้วก้อยของตนส่งมอบให้แก่บุรุษผู้มิคิดรักษาหน้าตนเองด้วยความจำใจอย่างที่สุด
นี่แหละจึงจะกล่าวได้ว่าเป็นตัวตนที่แท้จริงของหยางหรงเหยา ผู้เป็นคุณชายสามแห่งตระกูลหยางอันยิ่งใหญ่ ด้วยว่าอันเรื่องปกติธรรมดาบุรุษใบหน้าเย็นชาล้วนหาชมชอบกระทำทั้งสิ้น หากแต่ทว่าอันเรื่องแปลกประหลาดและวิธีไร้มโนธรรมเพื่อให้ตนเองสาสมใจ ต้องยกให้นายของติงเค่อเถิด เพราะเกรงว่าในใต้หล้านี้บุรุษวัยยี่สิบเจ็ดหนาวนั้น คาดว่าผู้กล้ากระทำตนชั่วร้ายกว่าประมุขฝ่ายมารของชาวยุทธภพ มิว่าจะเป็นกลศึกหรือกลโกงแก่งแย่งของเหล่าคุณชายยังตระกูลหยาง คงมีเพียงหยางหรงเหยาที่กล้ากระทำการไร้ทั้งยางอายและมโนธรรมเช่นวางยาปลุกกำหนัดต่อแม่นางน้อยผู้ถูกซื้อมาจากหอชุนฮวา เพียงหวังให้ตนเองได้สมปรารถนา ได้บุตรไปต่อรองกับนายท่านใหญ่
คิดตกเช่นนั้นติงเค่อจึงส่ายศีรษะสุดละอายต่อแม่นางน้อยผู้นั้นอย่างที่สุด
ยามเมื่อเฉินอิงลั่วได้ยินเสียงประตูเปิดก่อนจะค่อย ๆ แลเห็นผู้มีนามว่าคุณชายสามของสกุลหยางก้าวเท้าเข้ามายังภายในห้อง นางก็เริ่มรับรู้ว่าชะตาชีวิตอันรันทดของตนเองเคลื่อนเข้ามาใกล้เช่นกัน